M’Cheyne Bible Reading Plan
อิสราเอลเดินทางไปอียิปต์
46 อิสราเอลเริ่มออกเดินทางไปอียิปต์ พร้อมกับทุกอย่างที่เขามี เขาไปยังเบเออร์เชบา ที่นั่นเขาถวายเครื่องบูชาให้กับพระเจ้าของอิสอัคพ่อของเขา 2 ในคืนนั้นพระเจ้าพูดกับอิสราเอลในความฝัน พระองค์พูดว่า
“ยาโคบ ยาโคบ”
ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่ครับ”
3 พระเจ้าพูดว่า “เราเป็นพระเจ้า พระเจ้าของพ่อของเจ้า ไม่ต้องกลัวที่จะลงไปอียิปต์ เพราะเราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ที่นั่น 4 เราจะไปอียิปต์กับเจ้า และเราจะนำเจ้ากลับมาที่นี่ด้วย และโยเซฟจะเป็นคนที่เอามือปิดตาเจ้าเมื่อเจ้าตาย”
5 ยาโคบได้ออกจากเบเออร์เชบา ลูกชายของอิสราเอลได้ให้ยาโคบพ่อของเขาและลูกเมียของพวกเขาขึ้นรถที่ฟาโรห์ส่งมารับยาโคบ 6 พวกเขาได้นำฝูงสัตว์และทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่พวกเขาได้จากแคว้นคานาอันไปด้วย ยาโคบและลูกหลานทั้งหมดของเขาได้เดินทางไปอียิปต์ 7 ยาโคบได้พาลูกชายลูกสาว หลานชายหลานสาวทั้งหมดเดินทางไปยังประเทศอียิปต์
ครอบครัวของยาโคบ
8 ต่อไปนี้เป็นชื่อของลูกหลานของอิสราเอลที่เข้าไปในอียิปต์คือ
รูเบนลูกชายคนโตของยาโคบ 9 ลูกชายของรูเบนคือ ฮาโนค ปัลลู เฮสโรน และคารมี
10 ลูกชายของสิเมโอนคือ เยมูเอล ยามีน โอหาด ยาคีน และโศหาร์ รวมทั้งชาอูลลูกที่เกิดจากหญิงชาวคานาอันคนหนึ่ง
11 ลูกชายของเลวี คือ เกอร์โชน โคฮาท และเมรารี
12 ลูกชายของยูดาห์ คือ เอร์ โอนัน เชลาห์ เปเรศ เศราห์ แต่เอร์และโอนันได้ตายในแผ่นดินคานาอัน ลูกชายของเปเรศคือ เฮสโรนและฮามูล
13 ลูกชายของอิสสาคาร์ คือ โทลา ปูวาห์ โยบ และชิมโรน
14 ลูกชายของเศบูลุนคือ เสเรด เอโลนและยาเลเอล
15 พวกเขาเหล่านี้[a] เป็นลูกชายของเลอาห์ซึ่งนางได้คลอดให้กับยาโคบในปัดดาน อารัม และมีลูกสาวชื่อดีนาห์ รวมลูกและหลานชายทั้งหมดในครอบครัวของเลอาห์มีสามสิบสามคน
16 ลูกชายของกาดคือ ศิฟีโยน ฮักกี ชูนี เอสโบน เอรี อาโรดี และอาเรลี
17 ลูกชายของอาเชอร์ คือ อิมนาห์ อิชวาห์ อิชวี และเบรียาห์กับเสราห์น้องสาว และลูกชายของเบรียาห์คือ เฮเบอร์และมัลคีเอล
18 พวกเขาเหล่านี้เป็นลูกของศิลปาห์ สาวใช้ที่ลาบันยกให้เลอาห์ลูกสาวของเขา แล้วศิลปาห์ได้คลอดลูกให้กับยาโคบ รวมลูกหลานทั้งหมดในครอบครัวของศิลปาห์มีสิบหกคน
19 ลูกของราเชลเมียของยาโคบคือ โยเซฟและเบนยามิน
20 ลูกชายของโยเซฟที่เกิดกับอาเสนัท คือมนัสเสห์กับเอฟราอิม ลูกสองคนนี้เกิดในประเทศอียิปต์ อาเสนัทเป็นลูกสาวของโปทิเฟรา นักบวชเมืองโอน
21 ลูกชายของเบนยามินคือ เบลา เบเคอร์ อัชเบล เกรา นาอามาน เอไฮ โรช มัปปิม หุปปิม และอาร์ด
22 พวกเขาเหล่านี้เป็นลูกหลานของราเชลกับยาโคบ ครอบครัวของราเชลมีทั้งหมดสิบสี่คน
23 ลูกชายของดาน คือ หุชิม
24 ลูกชายของนัฟทาลีคือ ยาเซเอล กูนี เยเซอร์ และชิลเลม
25 พวกเขาเหล่านี้เป็นลูกชายของบิลฮาห์ สาวใช้ที่ลาบันยกให้กับราเชลลูกสาวของเขา นางได้ให้กำเนิดลูกทั้งหมดนี้ให้กับยาโคบ รวมลูกหลานทั้งหมดในครอบครัวของบิลฮาห์มีเจ็ดคน
26 ผู้คนทั้งหมดที่เดินทางลงไปอียิปต์ด้วยกันกับยาโคบนั้น มีทั้งหมดหกสิบหกคนที่สืบเชื้อสายโดยตรงมาจากยาโคบ (ในจำนวนหกสิบหกคนนี้ไม่ได้รวมถึงพวกเมียๆของลูกชายยาโคบ) 27 โยเซฟมีลูกชายสองคนที่เกิดในอียิปต์ ดังนั้นถ้านับรวมทุกคนในครอบครัวของยาโคบที่มาอยู่ในอียิปต์ มีทั้งหมดเจ็ดสิบคน
อิสราเอลมาถึงอียิปต์
28 ยาโคบได้ส่งยูดาห์ล่วงหน้าไปหาโยเซฟก่อน เพื่อนำทางเขาไปยังแคว้นโกเชน แล้วพวกเขาได้มาถึงแคว้นโกเชน 29 โยเซฟจึงเตรียมรถม้าของเขาไปยังแคว้นโกเชน เพื่อไปพบอิสราเอลพ่อของเขา เมื่อโยเซฟพบอิสราเอลพ่อของเขา โยเซฟจึงกอดพ่อและร้องไห้ตรงบ่าของพ่อเขาเป็นเวลานาน
30 อิสราเอลได้พูดกับโยเซฟว่า “ตอนนี้พ่อตายได้แล้ว เพราะพ่อได้เห็นหน้าเจ้าแล้ว และรู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่”
31 โยเซฟพูดกับพวกพี่ชายและทุกคนในครอบครัวของพ่อเขาว่า “ผมจะไปหาฟาโรห์และบอกกับเขาว่า พวกพี่ชายและครอบครัวของพ่อผมที่อยู่ในแผ่นดินคานาอันได้มาหาผม 32 พวกเขาเป็นคนเลี้ยงแกะ พวกเขามีอาชีพดูแลเฝ้าฝูงสัตว์มาตลอด พวกเขาได้เอาฝูงแพะ แกะ ฝูงวัว และทุกอย่างที่พวกเขาเป็นเจ้าของมาด้วย 33 เมื่อฟาโรห์เรียกพวกพี่ๆไปหาและถามว่า ‘พวกท่านทำอาชีพอะไร’ 34 ให้พวกพี่ๆตอบไปว่า ‘พวกข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่าน มีอาชีพเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่เด็กจนถึงเดี๋ยวนี้ ทั้งพวกข้าพเจ้าและพ่อของพวกข้าพเจ้าด้วย’ ให้พูดอย่างนี้ เพื่อพวกท่านจะได้อยู่ที่ในแผ่นดินโกเชน เพราะชาวอียิปต์รังเกียจคนเลี้ยงแกะทุกคน”
พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย
(มธ. 28:1-8; ลก. 24:1-12; ยน. 20:1-10)
16 หลังจากวันหยุดทางศาสนาผ่านพ้นไปแล้ว มารีย์ชาวมักดาลา สะโลเม และมารีย์แม่ของยากอบ ก็ซื้อเครื่องหอมเพื่อจะเอาไปอาบศพพระเยซู 2 เช้าตรู่วันอาทิตย์[a] ดวงอาทิตย์เพิ่งจะขึ้น พวกเขาก็พากันไปที่อุโมงค์ฝังศพ 3 ในระหว่างทางพวกเขาคุยกันว่า “แล้วใครจะกลิ้งหินใหญ่ที่ปิดปากอุโมงค์ออกให้เราล่ะ”
4 เมื่อมาถึง พวกเขามองไปที่อุโมงค์ และเห็นหินก้อนใหญ่มากนั้นถูกกลิ้งออกไปแล้ว 5 พวกเขาเข้าไปในอุโมงค์กันและเห็นชายหนุ่ม[b] คนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวนั่งอยู่ข้างขวา พวกเขาก็สะดุ้งตกใจ
6 ชายหนุ่มคนนั้นพูดว่า “ไม่ต้องตกใจ พวกคุณมองหาเยซู ชาวนาซาเร็ธที่ถูกตรึงบนไม้กางเขนหรือ พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ พระองค์ฟื้นขึ้นจากความตายแล้ว ตรงนี้ไงที่เขาวางศพของพระองค์ 7 ไปบอกพวกศิษย์ของพระองค์และเปโตรด้วยว่า ‘พระองค์ล่วงหน้าไปที่แคว้นกาลิลีก่อนแล้ว พวกคุณจะพบพระองค์ที่นั่นเหมือนกับที่พระองค์ได้บอกไว้แล้ว’”
8 พวกเขาจึงรีบวิ่งไปจากอุโมงค์นั้นด้วยความงุนงงและสั่นเทิ้มไปทั้งตัว พวกเขากลัวมากจนไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง[c]
พระเยซูปรากฏให้นางมารีย์ชาวมักดาลาเห็น
(มธ. 28:9-10; ยน. 20:11-18)
9 เช้าตรู่ของวันอาทิตย์นั้น หลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย คนแรกที่พระองค์ได้ปรากฏตัวให้เห็นคือมารีย์ชาวมักดาลา คนที่พระองค์เคยขับผีชั่วเจ็ดตนออกให้ 10 แล้วนางไปบอกให้พวกศิษย์ของพระองค์ฟังขณะที่พวกเขากำลังร้องไห้เศร้าโศกเสียใจกันอยู่ 11 แต่เมื่อนางบอกว่าพระองค์ฟื้นขึ้นมาแล้วและนางได้เห็นพระองค์ พวกเขากลับไม่เชื่อที่นางบอก
พระเยซูปรากฏตัวให้ศิษย์สองคนเห็น
(ลก. 24:13-35)
12 หลังจากนั้นพระเยซูได้มาปรากฏตัวในอีกรูปแบบหนึ่งให้ศิษย์สองคนเห็น ในขณะที่พวกเขาเดินทางออกไปที่ชานเมือง 13 แล้วพวกเขาก็รีบกลับมาบอกพวกที่เหลือ แต่พวกนั้นไม่ยอมเชื่อ
พระเยซูปรากฏกับศิษย์สิบเอ็ดคน
(มธ. 28:16-20; ลก. 24:36-49; ยน. 20:19-23; กจ. 1:6-8)
14 ในเวลาต่อมาพระเยซูได้มาปรากฏตัวให้ศิษย์ทั้งสิบเอ็ดคนเห็น ในขณะที่พวกเขากำลังกินอาหารกันอยู่ พระองค์ต่อว่าพวกเขาว่าเป็นคนดื้อดึงที่ไม่ยอมเชื่อคนพวกนั้นที่ได้เห็นพระองค์หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว
15 พระองค์บอกกับพวกเขาว่า “ให้ออกไปทั่วโลกและประกาศข่าวดีนี้ให้กับทุกคนในทุกแห่ง 16 ทุกคนที่เชื่อและเข้าพิธีจุ่มน้ำก็จะรอด แต่ทุกคนที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ 17 คนที่เชื่อจะมีฤทธิ์ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ คือจะไล่ผีชั่วออกได้โดยอ้างชื่อของเรา จะพูดภาษาแปลกๆได้ จะจับงูได้ด้วยมือเปล่า 18 หรือถ้าดื่มยาพิษเข้าไป ก็จะไม่เป็นอันตรายเลย และพวกเขาจะสามารถวางมือบนคนป่วยแล้วทำให้พวกคนป่วยหายได้”
พระเยซูถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์
(ลก. 24:50-53; กจ. 1:9-11)
19 หลังจากที่องค์พระเยซูเจ้าพูดกับพวกเขาเสร็จแล้ว พระองค์ก็ถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ และนั่งอยู่ทางขวามือของพระเจ้า 20 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกศิษย์ได้ออกไปประกาศทุกหนทุกแห่ง องค์เจ้าชีวิตได้ทำงานร่วมกับพวกเขาด้วย และให้ฤทธิ์อำนาจกับพวกเขาที่จะทำสิ่งอัศจรรย์ต่างๆได้ เพื่อรับรองว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นเป็นความจริง
โยบตอบเพื่อนๆ
12 แล้วโยบก็กล่าวตอบว่า
2 “ไม่ต้องสงสัยเลย
พวกท่านเป็นคนฉลาดชุดสุดท้าย
เมื่อพวกท่านตาย
โลกนี้ก็ไม่หลงเหลือความฉลาดไว้อีกแล้ว
3 แต่ข้าก็มีความเข้าใจเหมือนกัน ไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านหรอก
ใครบ้างจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ที่ท่านพูด
4 แต่ตอนนี้ข้าได้กลายเป็นตัวตลกให้เพื่อนๆหัวเราะเยาะ
แต่ก่อนข้าเคยอธิษฐานต่อพระเจ้าและพระเจ้าก็ตอบข้าด้วย
ข้าเป็นคนมีคุณธรรมและไม่มีที่ติ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นตัวตลกไปแล้ว
5 คนที่อยู่สบายๆพูดว่า ‘คนนี้เคราะห์ร้ายอยู่แล้ว ซ้ำเติมลงไปเลย’
พวกนี้พูดว่า ‘คนนั้นโซเซอยู่แล้วผลักให้มันล้มไปเลย’
6 แต่เต็นท์ของโจรอยู่อย่างสงบสุข
และคนที่ยั่วเย้าพระเจ้าก็อยู่อย่างปลอดภัย
ทั้งๆที่ชีวิตของพวกมันอยู่ในกำมือพระเจ้าอยู่แล้ว
7 แต่พวกท่านพูดว่า
‘ไปปรึกษาพวกสัตว์ดูสิ แล้วมันจะสอนท่าน
ไปปรึกษาพวกนกในอากาศดูสิ แล้วมันจะบอกท่าน
8 หรือ ไปปรึกษากับแผ่นดินโลกดูสิ แล้วมันจะสอนท่าน
ไปปรึกษาปลาในท้องทะเลดูสิ แล้วมันจะเล่าให้ท่านฟัง’
9 ในบรรดาสิ่งเหล่านี้ มีสิ่งไหนบ้างที่ไม่รู้ว่า
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของพระยาห์เวห์เอง
10 ชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงและลมหายใจของมนุษย์ทุกคน
อยู่ในมือของพระองค์
11 หูทดสอบคำพูด
เหมือนที่ปากแยกแยะรสชาติอาหารไม่ใช่หรือ
12 สติปัญญาย่อมอยู่กับผู้สูงวัย
และความเข้าใจก็มากับชีวิตที่ยืนยาวไม่ใช่หรือ
13 ข้าว่าสติปัญญาและฤทธิ์อำนาจเป็นของพระเจ้า
คำปรึกษาและความเข้าใจเป็นของพระองค์
14 ถ้าพระองค์รื้ออะไรลง จะไม่มีใครสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้อีก
ถ้าพระองค์ขังใครไว้ จะไม่มีใครปล่อยคนนั้นออกมาได้
15 ถ้าพระองค์หยุดยั้งน้ำฝนไว้ แผ่นดินก็จะเหือดแห้งไป
ถ้าพระองค์ส่งน้ำฝนลงมา มันจะท่วมท้นแผ่นดิน
16 กำลังและสติปัญญาเป็นของพระองค์
ทั้งคนที่ถูกหลอกและคนที่หลอกลวงล้วนอยู่ใต้อำนาจของพระองค์
17 พระองค์เปลื้องผ้าพวกที่ปรึกษาของแผ่นดิน แล้วนำพวกเขาออกไปแต่ตัวล่อนจ้อน
พระองค์ทำให้พวกผู้พิพากษากลายเป็นคนโง่
18 พระองค์ปลดสายสะพายของเหล่ากษัตริย์ออก
แล้วให้พวกกษัตริย์นั้นใส่แค่ผ้าคาดเอว
19 พระองค์เปลื้องผ้าพวกนักบวช แล้วนำพวกเขาออกไปตัวล่อนจ้อน
พระองค์โค่นอำนาจของผู้ที่ปกครองมาช้านาน
20 พระองค์ปิดปากของพวกที่ปรึกษาที่ได้รับความไว้วางใจ
พระองค์แย่งความเข้าใจไปจากพวกผู้นำอาวุโส
21 พระองค์เทการเย้ยหยันลงบนพวกเจ้านาย
และปลดดาบคาดเอวของนักรบที่แข็งแกร่ง
22 พระองค์เปิดเผยพวกเรื่องลึกลับที่แอบซ่อนอยู่ในความมืด
และนำความมืดมาสู่แสงสว่าง
23 พระองค์ทำให้ชนชาติต่างๆยิ่งใหญ่
แต่ต่อมาก็ทำลายมันลง
พระองค์ขยายอาณาเขตของชนชาติต่างๆ
แต่ต่อมาก็นำพวกเขาออกไปเป็นเชลย
24 พระองค์ริบเอาความรู้ของพวกผู้นำประชาชนบนแผ่นดินโลก
แล้วทำให้พวกเขาเดินพลัดหลงเข้าไปในดินแดนอันรกร้างที่ไม่มีถนนหนทาง
25 ผู้นำเหล่านั้นเดินคลำทางในความมืดมิดที่ไร้แสงสว่าง
พระองค์ทำให้พวกเขาเดินโซเซอย่างกับคนเมา
เปาโลมีสิ่งสุดท้ายที่จะบอก
16 ผมขอแนะนำเฟบีน้องสาวของเราให้กับคุณ เธอเป็นผู้รับใช้พิเศษ[a]ของหมู่ประชุมของพระเจ้าในเมืองเคนเครีย 2 ขอให้ต้อนรับเธอให้สมกับที่พวกคุณเป็นคนของพระเจ้าด้วย และขอให้ช่วยเหลือเธอในสิ่งที่เธอต้องการ เพราะเธอได้ช่วยเหลือดูแลคนจำนวนมาก รวมทั้งผมด้วย 3 ฝากความคิดถึงให้ปริศคาและอาควิลลา เพื่อนร่วมงานของผมในพระเยซูคริสต์ 4 สองคนนี้ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องชีวิตของผม ไม่ใช่ผมเท่านั้นที่สำนึกในบุญคุณของเขาทั้งสอง แต่รวมถึงหมู่ประชุมของพระเจ้าทุกแห่งของคนที่ไม่ใช่ยิวด้วย 5 ฝากความคิดถึงให้กับหมู่ประชุมของพระเจ้าที่ประชุมกันในบ้านของพวกเขา ฝากความคิดถึงให้เอเปเนทัสเพื่อนรักของผมด้วย เขาเป็นคนแรกในแคว้นเอเชียที่ได้มาไว้วางใจในพระคริสต์ 6 ฝากความคิดถึงให้มารีย์ผู้ทำงานหนักเพื่อคุณ 7 ฝากความคิดถึงให้อันโดรนิคัสและยูเนีย เพื่อนยิวที่เคยติดคุกอยู่กับผมและเป็นศิษย์เอกที่มีชื่อเสียงดี และเป็นคนที่ไว้วางใจในพระคริสต์ก่อนผมด้วย 8 ฝากความคิดถึงให้อัมพลีอาทัสเพื่อนรักของผมในองค์เจ้าชีวิต 9 ฝากความคิดถึงให้อูรบานัสเพื่อนร่วมงานของเราในพระคริสต์ และสทาคิสเพื่อนรักของผม 10 ฝากความคิดถึงให้อาเป็ลเลส ผู้ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าเป็นคนของพระคริสต์อย่างแท้จริง ฝากความคิดถึงให้บรรดาคนในครัวเรือนของอาริสโทบูลัส 11 ฝากความคิดถึงให้เฮโรดิโอน เพื่อนยิวของผม ฝากความคิดถึงให้พวกคนในครัวเรือนของนารซิสสัส ผู้ที่ไว้วางใจในองค์เจ้าชีวิต 12 ฝากความคิดถึงให้ตรีเฟนาและตรีโฟสา ผู้ทำงานหนักเพื่อองค์เจ้าชีวิต ฝากความคิดถึงให้เปอร์ซิสเพื่อนรักของผม ผู้ที่ได้ตรากตรำทำงานหนักเพื่อองค์เจ้าชีวิต 13 ฝากความคิดถึงให้รูฟัส ผู้ที่องค์เจ้าชีวิตเลือก และฝากความคิดถึงให้แม่ของเขา ที่เป็นเหมือนแม่ของผมด้วย 14 ฝากความคิดถึงให้อาสินครีทัส ฟเลโกน เฮอร์เมส ปัทโรบัส เฮอร์มาส และพวกพี่น้องที่อยู่กับพวกเขา 15 ฝากความคิดถึงให้ฟีโลโลกัส ยูเลีย เนเรอัสและน้องสาวของเขา แล้วก็โอลิมปัส และพวกคนของพระเจ้าที่อยู่กับพวกเขา 16 ให้ทักทายซึ่งกันและกันด้วยจูบอันบริสุทธิ์ หมู่ประชุมของพระคริสต์ทั้งหมดฝากความคิดถึงมาให้กับพวกคุณทุกคน
17 พี่น้องครับ ผมขอร้องให้คุณคอยระวังพวกที่ชอบสร้างความแตกแยก และทำให้คนสะดุดล้มไปทำบาป พวกเขาได้ทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับหลักคำสอนที่คุณได้เรียนรู้มา หลีกไปให้ห่างจากคนพวกนี้ 18 เพราะคนอย่างนี้ไม่ได้รับใช้พระคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเราหรอก แต่ทำเพื่อปากท้องของมันเอง และพวกนี้ก็พูดคล่องและพูดจาประจบสอพลอเพื่อมาล่อลวงจิตใจของคนซื่อ 19 เรื่องที่พวกคุณเชื่อฟังพระเจ้านั้นได้เลื่องลือไปถึงทุกคนที่ไว้วางใจ ผมถึงดีใจมากเพราะคุณ แต่ผมอยากให้คุณเฉลียวฉลาดในเรื่องที่ดีๆและไร้เดียงสาในเรื่องที่ชั่วร้าย 20 ในไม่ช้า พระเจ้าผู้เป็นแหล่งสันติสุขจะบดขยี้ซาตานให้อยู่ใต้เท้าของพวกคุณ ขอให้พระเยซูเจ้าเมตตากับพวกคุณด้วยเถิด 21 ทิโมธีผู้เป็นเพื่อนร่วมงานของผม รวมทั้งลูสิอัส ยาโสน และโสสิปาเทอร์ เพื่อนคนยิวของผม ฝากความคิดถึงมาให้คุณ 22 ผมเทอร์ชิอัส ผู้ที่กำลังเขียนจดหมายฉบับนี้ตามคำบอกของเปาโล ฝากความคิดถึงมาให้คุณในองค์เจ้าชีวิตด้วย 23 กายอัสเจ้าของบ้านที่ผมอยู่เดี๋ยวนี้ผู้ที่เปิดบ้านให้พี่น้องมาประชุมกัน ฝากความคิดถึงมาให้คุณด้วย เอรัสทัส ผู้ดูแลด้านการเงินของเมืองนี้ และควารทัสพี่น้องของเราก็ฝากความคิดถึงมาด้วย 24 [b]
25 สรรเสริญพระเจ้า พระองค์สามารถใช้ข่าวดีที่ผมประกาศนั้นทำให้พวกคุณเข้มแข็ง ข่าวดีนี้คือเรื่องของพระเยซูคริสต์ พระเจ้าได้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตั้งแต่เริ่มแรก
26 แต่ตอนนี้พระองค์ได้เปิดเผยเรื่องนี้แล้ว พระเจ้าผู้เป็นอยู่ตลอดกาล ได้สั่งพวกผู้พูดแทนพระองค์ให้เขียนถึงข่าวดีนี้ เพื่อว่าชนทุกชาติจะได้ไว้วางใจและเชื่อฟังพระองค์
27 มีพระเจ้าเที่ยงแท้แต่เพียงผู้เดียว สรรเสริญพระองค์เถิด พระองค์เต็มไปด้วยสติปัญญา ขอให้พระองค์ได้รับเกียรติตลอดไปเพราะพระเยซูคริสต์ อาเมน
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International