M’Cheyne Bible Reading Plan
การเริ่มต้นของบาป
3 ในขณะนั้น งูเป็นสัตว์ที่ฉลาดเจ้าเล่ห์กว่าสัตว์ป่าทั้งหมดที่พระยาห์เวห์พระเจ้าได้สร้างขึ้น งูตัวนั้นพูดกับผู้หญิงว่า “จริงหรือที่พระเจ้าพูดว่า ‘พวกเจ้าต้องไม่กินจากต้นไหนๆในสวนนี้’”
2 หญิงนั้นตอบงูว่า “พวกเรากินผลไม้จากต้นไหนๆก็ได้ในสวนนี้ 3 แต่พระเจ้าพูดว่า ‘พวกเจ้าต้องไม่กินผลไม้จากต้นที่อยู่กลางสวนนั้น อย่าแม้แต่จะแตะต้องมัน ไม่อย่างนั้นเจ้าจะตาย’”
4 งูนั้นพูดกับหญิงนั้นว่า “เจ้าจะไม่ตายหรอก 5 พระเจ้าเองก็ยังรู้เลยว่า เมื่อเจ้ากินจากต้นนั้น ตาของเจ้าจะสว่างขึ้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนกับพระเจ้า รู้จักผิดชอบชั่วดี”
6 หญิงนั้นมองดู และเห็นว่าต้นไม้นั้นมีผลน่ากินมาก มันช่างสวยงาม และยั่วยวนใจเหลือเกิน เพราะมันสามารถทำให้คนเฉลียวฉลาดได้ หญิงนั้นจึงเด็ดเอาผลของมันมากิน แล้วเธอก็ส่งให้สามีของเธอกินด้วย และเขาก็กินมัน
7 แล้วตาของพวกเขาก็สว่างขึ้น พวกเขารู้ตัวว่ากำลังเปลือยกายอยู่ พวกเขาจึงเอาใบไม้มาเย็บเข้าด้วยกัน แล้วเอามาใส่ปกปิดร่างกาย
8 ในเวลาเย็นของวันนั้น พวกเขาได้ยินเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าเดินมาในสวน ทั้งชายนั้นและเมียของเขา ต่างพากันไปหลบซ่อนจากหน้าของพระยาห์เวห์พระเจ้า พวกเขาแอบอยู่ตามต้นไม้ในสวน 9 พระยาห์เวห์พระเจ้า ได้ส่งเสียงเรียกชายคนนั้น และพูดกับเขาว่า “เจ้าอยู่ที่ไหน”
10 ชายคนนั้นตอบว่า “ข้าพเจ้าได้ยินเสียงของพระองค์ในสวนนี้ ข้าพเจ้าเกรงกลัว เพราะข้าพเจ้าเปลือยกายอยู่ ข้าพเจ้าจึงมาแอบซ่อนตัวอยู่”
11 พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงตอบว่า “ใครบอกเจ้าว่าเจ้าเปลือยกายอยู่ นี่เจ้ากินจากต้นที่เราสั่งห้ามไม่ให้เจ้ากินแล้วใช่ไหม”
12 ชายคนนั้นตอบว่า “หญิงที่พระองค์ได้มอบให้กับข้าพเจ้า เป็นคนเอาผลไม้จากต้นนั้นมาให้ข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าก็กินมัน”
13 พระยาห์เวห์พระเจ้าพูดกับหญิงคนนั้นว่า “เจ้าได้ทำอะไรลงไป” หญิงนั้นตอบว่า “งูตัวหนึ่งมาล่อลวงข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าก็กินผลไม้นั้น”
14 พระยาห์เวห์พระเจ้าพูดกับงูว่า
“เพราะเจ้าได้ทำอย่างนี้
เจ้าจะถูกสาปแช่งมากยิ่งกว่าสัตว์ทุกชนิด ทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า
เจ้าจะต้องเลื้อยไปด้วยท้อง
เจ้าจะต้องกินฝุ่นไปตลอดชีวิต
15 เราจะทำให้เจ้ากับหญิงนั้นเป็นศัตรูกัน
ลูกหลานของเจ้ากับลูกหลานของหญิงนั้นจะเป็นศัตรูกัน
ลูกหลานของหญิงนั้นจะทำให้หัวของเจ้าฟกช้ำ
แล้วเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ”
16 แล้วพระองค์พูดกับหญิงนั้นว่า
“เราจะทำให้เจ้าต้องทำงานอย่างหนัก
เจ้าจะต้องตั้งท้องบ่อยๆ
นอกจากจะต้องทำงานหนักแล้ว
เจ้าจะต้องคลอดลูกอีกด้วย[a]
เจ้าจะอยากควบคุม[b]สามี
แต่สามีจะครอบงำเจ้า”
17 แล้วพระองค์พูดกับชายนั้นว่า
“เพราะเจ้าไปฟังเสียงของเมียเจ้า
และเจ้ากินจากต้นไม้ที่เราสั่งห้ามไม่ให้เจ้ากิน
เพราะเจ้าทำอย่างนั้น เราจะสาปแช่งผืนดิน
เจ้าจะได้กินจากผืนดินนั้นก็ต่อเมื่อเจ้าทำงานอย่างหนักทุกวันตลอดชั่วชีวิตของเจ้า
18 แผ่นดินจะเกิดหนามและวัชพืชให้กับเจ้า
และเจ้าจะต้องกินพืชที่อยู่ในท้องทุ่ง[c]
19 เจ้าจะต้องทำงานหนักอาบเหงื่อต่างน้ำเพื่อจะมีอาหารกิน
จนกว่าเจ้าจะตายกลับไปสู่ดินเพราะเจ้ามาจากดิน
เพราะเจ้าถูกสร้างมาจากผงดิน
ดังนั้นเจ้าจะต้องคืนกลับไปเป็นผงดินเหมือนเดิม”
20 ชายคนนั้นตั้งชื่อเมียของเขาว่า “เอวา”[d] เพราะนางจะเป็นแม่คนแรกของทุกคนที่จะเกิดมา
21 พระยาห์เวห์พระเจ้าทำเครื่องนุ่งห่มจากหนังสัตว์ ให้อาดัมกับเมียของเขาใส่เพื่อปกปิดร่างกาย 22 แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าพูดว่า “ดูสิ พวกมนุษย์ได้กลายมาเป็นเหมือนเราแล้ว คือรู้จักผิดชอบชั่วดี และตอนนี้เขาอาจจะยื่นมือออกไปหยิบผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิตมากิน และมีชีวิตอยู่ตลอดไป”
23 พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงขับไล่เขาออกจากสวนเอเดน ให้ไปทำงานบนดินที่พระเจ้าใช้สร้างเขาขึ้นมานั้น 24 พระองค์ได้ขับไล่ชายคนนั้นไป แล้วตรงทิศตะวันออกของสวนเอเดน พระองค์ได้ตั้งพวกทูตสวรรค์เครูบ ที่มีดาบเป็นประกายไฟลุกโพลง มาเฝ้าทางเข้าที่จะนำไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิตนั้น
งานของยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำ
(มก. 1:1-8; ลก. 3:1-9, 15-17; ยน. 1:19-28)
3 ในเวลานั้น ยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำ เริ่มประกาศสั่งสอนอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งในแคว้นยูเดีย 2 เขาประกาศว่า “กลับตัวกลับใจเสียใหม่ เพราะอาณาจักรแห่งสวรรค์[a] ใกล้มาถึงแล้ว” 3 อิสยาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้าได้พูดถึงยอห์นคนนี้ว่า
“มีเสียงคนร้องตะโกนอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งว่า
‘เตรียมทางให้องค์เจ้าชีวิต
และทำทางสำหรับพระองค์ให้ตรง’”[b]
4 เสื้อผ้าของยอห์นทำจากขนอูฐ และเขาใช้หนังสัตว์คาดเอว เขากินตั๊กแตน[c] และน้ำผึ้งป่าเป็นอาหาร 5 ในเวลานั้น มีคนจำนวนมากจากเมืองเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย และแถวๆบริเวณแม่น้ำจอร์แดนทั้งหมด ต่างก็ออกมาฟังยอห์นสั่งสอน 6 พวกเขาสารภาพความผิดบาปทั้งหลายของตน และยอห์นทำพิธีจุ่มน้ำให้กับพวกเขาในแม่น้ำจอร์แดน
7 เมื่อยอห์นเห็นพวกฟาริสี และพวกสะดูสี เป็นจำนวนมากพากันมา จะให้เขาทำพิธีจุ่มน้ำให้ ยอห์นพูดกับพวกเขาว่า “ไอ้ชาติอสรพิษ ใครเตือนให้พวกแกหลบหนีจากการลงโทษของพระเจ้าที่กำลังจะมาถึง 8 พิสูจน์ให้ดูสิว่าแกกลับตัวกลับใจแล้วจริงๆ 9 อย่านึกเอาเองว่า ‘พวกเราไม่ถูกลงโทษหรอก เพราะพวกเราเป็นลูกหลานของอับราฮัม’ โธ่เอ๋ย ผมจะบอกให้รู้ว่า พระเจ้าสามารถเสกก้อนหินพวกนี้ให้กลายเป็นลูกหลานของอับราฮัมก็ได้ 10 ขวานได้เตรียมไว้พร้อมแล้วเพื่อจะโค่นต้นไม้ทุกต้น[d] ที่ไม่เกิดผลดี แล้วเอาไปโยนทิ้งในกองไฟ
11 ผมทำพิธีจุ่มให้ด้วยน้ำ เพื่อให้รู้ว่าพวกคุณได้กลับตัวกลับใจแล้ว แต่จะมีผู้หนึ่งที่มาทีหลังผม ยิ่งใหญ่กว่าผมมาก ขนาดรองเท้าสานของเขา ผมยังไม่ดีพอที่จะถอดให้เลย เขาจะทำพิธีจุ่มให้กับพวกคุณด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และด้วยไฟ 12 มือของเขาถือพลั่วพร้อมแล้วที่จะสะสางลานข้าวจนทั่วและจะแยกแกลบออกจากข้าว[e] จะเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของเขา ส่วนแกลบก็เอาไปเผากับไฟที่ไม่มีวันดับ”
ยอห์นทำพิธีจุ่มน้ำให้พระเยซู
(มก. 1:9-11; ลก. 3:21-22)
13 ในเวลานั้น พระเยซูเดินทางจากแคว้นกาลิลี มาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน เพื่อให้ยอห์นทำพิธีจุ่มน้ำให้ 14 แต่ยอห์นไม่ยอมทำให้ เขาบอกว่า “อาจารย์ต้องเป็นคนทำให้ผม ไม่ใช่ผมทำให้อาจารย์”
15 แต่พระเยซูตอบว่า “ตอนนี้ ให้เป็นอย่างนี้ไปก่อน เพราะพวกเราควรทำทุกอย่างตามที่พระเจ้าต้องการ” ยอห์นถึงยอมทำพิธีจุ่มน้ำ ให้พระองค์ 16 ทันทีที่พระองค์โผล่ขึ้นมาจากน้ำ ท้องฟ้าก็เปิดออก และพระองค์ก็เห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเหมือนนกพิราบลงมาอยู่เหนือพระองค์ 17 มีเสียงพูดจากสวรรค์ว่า “ท่านผู้นี้คือลูกรักของเรา เราภูมิใจในตัวท่านมาก”
สร้างแท่นบูชา
3 เมื่อถึงเดือนเจ็ด[a] และประชาชนชาวอิสราเอลได้อาศัยอยู่ตามเมืองต่างๆแล้ว ประชาชนทั้งหมดได้เข้ามาชุมนุมกันในเมืองเยรูซาเล็ม 2 เยชูอา ลูกชายของโยซาดัก กับพวกเพื่อนนักบวชด้วยกัน และเศรุบบาเบล ลูกชายเชอัลทิเอลกับญาติของเขา ได้เริ่มสร้างแท่นบูชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล เพื่อพวกเขาจะได้ถวายพวกเครื่องเผาบูชาทั้งตัวบนแท่นนั้น ตามที่ได้บันทึกไว้ในกฎบัญญัติของโมเสส ผู้เป็นคนของพระเจ้า
3 พวกเขาสร้างแท่นบูชาขึ้นมาใหม่ไว้ตรงจุดเดิม เพราะกลัวประชาชนที่อยู่ล้อมรอบพวกเขา พวกเขาได้ถวายเครื่องเผาบูชาทั้งตัวบนแท่นบูชาต่อพระยาห์เวห์ ถวายทั้งเช้าและเย็น 4 แล้วพวกเขาจึงฉลองเทศกาลอยู่เพิง ตามที่เขียนไว้ในกฎบัญญัติ พวกเขาถวายเครื่องเผาบูชาทั้งตัวตามจำนวนที่กำหนดไว้สำหรับเทศกาลแต่ละวัน 5 และหลังจากนั้น พวกเขาจึงถวายเครื่องเผาบูชาทั้งตัวอย่างสม่ำเสมอ และถวายในวันพระจันทร์ใหม่ และถวายเครื่องบูชาทั้งตัวสำหรับทุกๆเทศกาลอันศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์ที่ได้กำหนดไว้ และพวกเขาก็ถวายเครื่องบูชาทั้งตัวสำหรับทุกๆคน ที่ตั้งใจถวายให้กับพระยาห์เวห์ด้วยความสมัครใจ 6 พวกเขาเริ่มถวายเครื่องเผาบูชาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์ ในวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ดด้วย ถึงแม้ว่าพวกเขายังไม่ได้วางรากฐานของวิหารของพระยาห์เวห์
สร้างวิหารใหม่
7 แล้วพวกผู้คนที่ได้กลับมานั้นได้ให้เงินกับช่างตัดหินและช่างไม้ พวกเขายังส่งเสบียงอาหาร เหล้าองุ่น และน้ำมันมะกอกไปให้กับคนไซดอนและคนไทระ เพื่อให้พวกเขานำท่อนไม้สนซีดาร์ล่องทะเลจากเลบานอนไปยังยัฟฟา ตามคำอนุญาตที่พวกเขาได้รับจากกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย
8 ในเดือนที่สอง[b] ของปีที่สอง หลังจากที่พวกเขามาถึงวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม เศรุบบาเบล ลูกชายของเชอัลทิเอล และเยชูอา ลูกชายของโยซาดัก ก็เริ่มลงมือทำงานพร้อมกับพี่น้องทั้งหมดของพวกเขา คือพวกนักบวช พวกชาวเลวี และทุกคนที่เคยเป็นเชลยและได้กลับมาอยู่ที่เมืองเยรูซาเล็ม พวกเขาแต่งตั้งชาวเลวีที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไป ให้เป็นหัวหน้าควบคุมงาน เพื่อสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้นมาใหม่ 9 เยชูอากับพวกลูกชายและพี่น้องของเขา รวมทั้งขัดมีเอล บินนุย และโฮดาวิยาห์ พวกนี้เป็นลูกหลานของยูดาห์ พวกเขาได้ช่วยกันดูแลคนงานที่สร้างวิหารของพระเจ้า รวมกับพวกลูกชายของเฮนาดัดและพวกลูกชายและพี่น้องของพวกเขาที่เป็นชาวเลวี 10 เมื่อช่างก่อสร้างวางรากฐานให้กับวิหารของพระยาห์เวห์ พวกนักบวชที่แต่งตัวด้วยผ้าคลุมพิเศษพร้อมถือแตรอยู่ในมือ และพวกชาวเลวี ผู้เป็นลูกชายของอาสาฟ ซึ่งถือฉิ่งฉาบ ก็เข้าประจำที่เพื่อสรรเสริญพระยาห์เวห์ ตามคำสั่งของกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอล[c] 11 พวกเขาต่างก็ร้องเพลงรับกันไปมา[d] ในขณะที่สรรเสริญและขอบคุณพระยาห์เวห์ โดยร้องว่า
“พระยาห์เวห์นั้นช่างดียิ่งนัก
ความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีต่ออิสราเอล ยั่งยืนตลอดไป”
แล้วประชาชนทั้งหมดก็โห่ร้องเสียงดังสรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะรากฐานวิหารของพระยาห์เวห์ได้วางเสร็จเรียบร้อยแล้ว
12 แต่มีพวกนักบวชแก่ๆหลายคน รวมทั้งชาวเลวี และพวกหัวหน้าครอบครัว คนเหล่านี้เคยเห็นวิหารหลังเดิม เมื่อพวกนี้เห็นรากฐานของวิหารหลังใหม่ที่ได้สร้างขึ้นมานี้ ต่างก็พากันร้องไห้เสียงดัง[e] ถึงแม้ว่าคนอื่นๆจำนวนมากจะโห่ร้องด้วยความดีใจก็ตาม 13 ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถแยกออกว่าอันไหนเป็นเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี หรืออันไหนเป็นเสียงร้องไห้ เพราะ ประชาชนต่างพากันโห่ร้องเสียงดังมาก จนสามารถได้ยินจากที่ไกลๆ
เปโตรรักษาคนง่อย
3 วันหนึ่งตอนบ่ายสามโมง ซึ่งเป็นเวลาสำหรับการอธิษฐาน เปโตรและยอห์นเดินไปที่วิหาร 2 มีชายคนหนึ่งเป็นง่อยมาตั้งแต่เกิด ทุกวันจะมีคนอุ้มมาวางไว้ที่ประตูวิหาร ซึ่งประตูนั้นเรียกว่าประตูงาม เพื่อขอทานกับคนที่เดินเข้ามาในวิหารนี้ 3 พอชายคนนี้เห็นเปโตร และยอห์นกำลังเดินมา เขาก็ร้องขอเงิน 4 เปโตรกับยอห์นจ้องไปที่ชายคนนี้แล้วพูดว่า “มองดูพวกเราสิ” 5 ชายขอทานก็มองไปที่คนทั้งสอง เพราะคิดว่าจะได้เงินจากพวกเขา 6 แต่เปโตรพูดว่า “ผมไม่มีเงินทองหรอก แต่ผมมีอย่างอื่นจะให้ ด้วยอำนาจของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ ลุกขึ้นเดินเดี๋ยวนี้” 7 แล้วเปโตรก็จับมือขวาของชายคนนั้นพยุงให้ลุกขึ้นมา เท้าและข้อเท้าของเขาก็มีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที 8 เขาเดินกระโดดโลดเต้นร้องสรรเสริญพระเจ้า และเขาเข้าไปในวิหารพร้อมกับเปโตรและยอห์น 9 คนทั้งหมดมองเห็นเขาเดินร้องสรรเสริญพระเจ้า 10 ทุกคนจำได้ว่าเขาคือชายที่นั่งขอทานอยู่ที่ประตูงามนั้น พวกเขาจึงแปลกใจมากและพากันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้
เปโตรพูดกับผู้คน
11 ชายคนนี้ไม่ยอมห่างเปโตรและยอห์นไปไหนเลย คนทั้งหมดต่างก็แปลกใจ และวิ่งตามกันมาดูพวกเขาที่ระเบียงของซาโลมอน 12 เมื่อเปโตรเห็นอย่างนั้น ก็พูดกับพวกเขาว่า “ชาวอิสราเอล พวกคุณแปลกใจกับเรื่องนี้ทำไม แล้วจ้องมองเราทำไม ทำอย่างกับว่าเราทำให้ชายคนนี้เดินได้ด้วยอำนาจหรือความเคร่งศาสนาของเราเองอย่างนั้นแหละ 13 พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ ซึ่งเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเรา ได้ทำให้คนเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเยซูผู้รับใช้ของพระองค์ พระเยซูก็คือคนที่พวกคุณได้ส่งไปให้เขาฆ่า และพวกคุณไม่ยอมรับพระองค์ต่อหน้าปีลาต ทั้งๆที่ปีลาตตัดสินใจปล่อยพระองค์ให้เป็นอิสระ 14 คุณไม่ยอมรับองค์พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำตามใจพระเจ้า แต่กลับขอให้ปีลาตปล่อยตัวฆาตกรแทน 15 พวกคุณได้ฆ่าผู้ที่ให้ชีวิต แต่พระเจ้าได้ทำให้พระองค์ฟื้นขึ้นมาใหม่ เราเป็นพยานได้ในเรื่องนี้ 16 ชายง่อยคนนี้หายได้ เพราะความเชื่อในฤทธิ์เดชของพระเยซู คุณก็เห็นและรู้จักเขาดีนี่ แต่ความเชื่อของเราในฤทธิ์เดชของพระเยซูทำให้เขาหายเป็นปกติอย่างที่พวกคุณเห็นอยู่ 17 พี่น้องครับ ผมรู้นะว่าที่พวกคุณและพวกผู้นำของคุณได้ทำอย่างนั้นกับพระเยซู พวกคุณเองก็ไม่รู้หรอกว่าได้ทำอะไรลงไป 18 แต่พระเจ้าได้พูดถึงเรื่องนี้ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ผ่านทางปากของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าว่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของพระองค์จะต้องทนทุกข์ทรมาน แล้วตอนนี้พระเจ้าก็ทำให้มันเกิดขึ้นจริง 19 ดังนั้นกลับตัวกลับใจเสียใหม่ หันกลับมาหาพระเจ้า แล้วพระเจ้าจะลบล้างความบาปให้กับคุณ 20 แล้วองค์เจ้าชีวิตก็จะให้ความสดชื่นกับคุณอีกครั้ง และพระองค์จะส่งพระเยซู ผู้ที่พระองค์ได้เลือกไว้ให้เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มาให้กับคุณอีกด้วย 21 แต่พระเยซูจะต้องอยู่ในสวรรค์ก่อน จนกว่าพระเจ้าจะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ใหม่เสียก่อน เหมือนกับที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ในสมัยก่อน ผ่านทางคนเหล่านั้นที่ถูกอุทิศไว้ให้เป็นให้พูดแทนพระองค์ 22 โมเสสพูดว่า ‘องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของคุณจะแต่งตั้งผู้พูดแทนพระเจ้าคนหนึ่งที่เหมือนกับผมนี้ให้กับคุณ โดยที่เขาจะเป็นคนหนึ่งในพวกคุณ คุณจะต้องฟังทุกอย่างที่เขาบอก 23 ใครไม่เชื่อฟังผู้พูดแทนพระเจ้าคนนี้ก็จะต้องตาย และถูกตัดออกจากการเป็นคนของพระเจ้า’[a] 24 ซามูเอลและผู้พูดแทนพระเจ้าคนอื่นๆที่มาทีหลังต่างก็พูดถึงเวลานี้กันทั้งนั้น 25 คุณเป็นลูกหลานของผู้พูดแทนพระเจ้าเหล่านั้น และมีส่วนร่วมในคำสัญญาที่พระเจ้าได้ทำไว้กับบรรพบุรุษของคุณด้วย พระองค์พูดกับอับราฮัมว่า ‘ทุกชนชาติในโลกจะได้รับพระพรผ่านทางลูกหลานของเจ้า’[b] 26 เมื่อพระเจ้าได้เลือกพระเยซูผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ก็ได้ส่งพระเยซูมาให้กับพวกคุณชาวอิสราเอลก่อน เพื่ออวยพรพวกคุณ ให้แต่ละคนหันหลังให้กับความชั่วร้ายของตัวเอง”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International