M’Cheyne Bible Reading Plan
ซาโลมอนเตรียมสร้างวิหารและวัง
(1 พกษ. 5:1-18; 7:13-14)
2 ซาโลมอนวางแผนสร้างวิหารขึ้นแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นเกียรติแก่ชื่อของพระยาห์เวห์ และวางแผนสร้างวังให้กับตัวเอง 2 เขาเกณฑ์คนเจ็ดหมื่นคนมาเป็นคนแบกหาม และแปดหมื่นคนมาเป็นช่างตัดหินในเนินเขา และอีกสามพันหกร้อยคนมาเป็นผู้ควบคุมคนงานเหล่านี้
3 ซาโลมอนได้ส่งข้อความไปถึงกษัตริย์ฮีรามของเมืองไทระ[a] ว่า
“ช่วยส่งไม้สนซีดาร์มาให้เราเหมือนกับที่ท่านเคยส่งมาให้ดาวิดพ่อของเรา ตอนที่พ่อเราสร้างวังสำหรับอยู่อาศัย 4 ตอนนี้ เรากำลังจะสร้างวิหารขึ้นแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นเกียรติแก่ชื่อของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา และจะอุทิศวิหารนี้ให้กับพระองค์ เพื่อเอาไว้ใช้เผาเครื่องหอมต่อหน้าพระองค์ และวางขนมปังศักดิ์สิทธิ์ทุกวัน และเอาไว้สำหรับเผาเครื่องเผาบูชาทุกเช้าเย็น และทุกวันหยุดทางศาสนา รวมทั้งทุกวันข้างขึ้น[b] และสำหรับงานเทศกาลต่างๆของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราที่ได้กำหนดไว้ อย่างที่อิสราเอลถูกสั่งให้รักษาตลอดไป
5 วิหารที่เรากำลังจะสร้างขึ้นนี้จะยิ่งใหญ่ เพราะพระเจ้าของพวกเรานั้นยิ่งใหญ่กว่าพระอื่นๆ 6 แต่ใครล่ะที่สามารถสร้างบ้านให้กับพระองค์ได้ ในเมื่อสวรรค์ทั้งหมด แม้แต่สวรรค์ชั้นสูงสุดก็ยังไม่สามารถจุพระองค์ได้เลย แล้วเราเป็นใครกันหรือ ที่จะมาสร้างบ้านให้กับพระองค์ได้ นอกจากว่ามันจะเป็นแค่สถานที่ไว้สำหรับเผาเครื่องบูชาต่อหน้าพระองค์
7 ดังนั้น ช่วยส่งชายคนหนึ่งมาให้เรา ที่มีความชำนาญเกี่ยวกับทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์และเหล็ก มีความชำนาญเกี่ยวกับเส้นใยสีฟ้า สีเลือดหมูและสีม่วง และมีประสบการณ์ด้านการแกะสลัก เพื่อให้มาทำงานในยูดาห์และในเมืองเยรูซาเล็มกับพวกช่างแกะสลักที่ชำนาญงานของเรา ที่ดาวิดพ่อของเราได้จัดหาไว้แล้ว 8 ช่วยจัดส่งไม้สนซีดาร์ ไม้สนสามใบและไม้ประดู่จำนวนมากมาจากเลบานอน ให้กับเราด้วย เพราะเรารู้ว่าคนของท่านมีความชำนาญในการตัดไม้ของที่นั่น คนของเราจะทำงานกับคนของท่าน 9 เพื่อที่จะจัดหาท่อนไม้จำนวนมากมายให้กับเรา เพราะวิหารที่เราจะสร้างจะต้องใหญ่โตและอลังการ 10 เราจะให้ข้าวสาลีโม่แล้วและข้าวบาร์เลย์อย่างละสี่ล้านสี่แสนลิตร เหล้าองุ่นสี่แสนสี่หมื่นลิตร และน้ำมันมะกอกสี่แสนสี่หมื่นลิตร กับพวกคนรับใช้ของท่านที่เป็นช่างตัดไม้ซึ่งได้นำไม้มาให้เรา”
11 กษัตริย์ฮีรามแห่งเมืองไทระส่งจดหมายตอบซาโลมอนไปว่า
“เป็นเพราะพระยาห์เวห์รักประชาชนของพระองค์ พระองค์จึงทำให้ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกเขา” 12 แล้วฮีรามก็เขียนต่อไปอีกว่า “ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าของชนชาติอิสราเอลผู้ที่สร้างสวรรค์และแผ่นดินโลก พระองค์ได้ให้ลูกชายที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่งแก่กษัตริย์ดาวิด ลูกชายผู้ที่เต็มไปด้วยสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดที่จะได้เป็นผู้สร้างวิหารสำหรับพระยาห์เวห์และวังสำหรับตัวเขาเอง 13 เราจะส่งหุราม[c] คนที่มีความชำนาญมากของเราไปพบท่าน 14 แม่ของเขามาจากดานและพ่อของเขาเป็นชาวเมืองไทระ เขาได้รับการฝึกฝนให้ทำงานเกี่ยวกับทองคำและเงิน ทองสัมฤทธิ์และเหล็ก หินและไม้ รวมทั้งเส้นใยสีเลือดหมู สีฟ้าและสีม่วงกับผ้าลินินอย่างดี เขามีประสบการณ์ในการแกะสลักทุกประเภทและสามารถแกะสลักตามแบบที่เราให้กับเขาได้ทุกแบบ เขาจะทำงานร่วมกับพวกช่างแกะสลักของท่านและร่วมกับพวกคนของดาวิดเจ้านายของเราที่เป็นพ่อของท่าน
15 ตอนนี้ ขอให้ท่านผู้เป็นเจ้านายของเราโปรดส่งข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์และน้ำมันมะกอกกับเหล้าองุ่นตามที่ท่านได้สัญญาไว้ มาให้กับพวกเราผู้รับใช้ของท่านด้วยเถิด 16 และพวกเราจะตัดไม้ซุงมาจากเลบานอนตามที่ท่านต้องการและนำไม้เหล่านั้นผูกเป็นแพล่องไปตามทะเลลงไปจนถึงยัฟฟา แล้วท่านก็จะนำพวกมันไปที่เมืองเยรูซาเล็มได้”
17 ซาโลมอนนับพวกชาวต่างชาติทั้งหมดที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มอีกครั้ง หลังจากที่ดาวิดผู้เป็นพ่อของเขาเคยนับมาแล้ว ชาวต่างชาติเหล่านี้มีทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นสามพันหกร้อยคน 18 ซาโลมอนสั่งให้คนเจ็ดหมื่นคนมาทำงานแบกหาม และสั่งให้คนแปดหมื่นคนมาเป็นช่างตัดหินในเนินเขา ส่วนอีกสามพันหกร้อยคนให้มาเป็นผู้คุมคนงานเหล่านั้นให้ทำงาน
พระเยซูเป็นผู้ช่วยให้รอด
2 ลูกๆที่รัก ผมได้เขียนสิ่งเหล่านี้ถึงพวกคุณ เพื่อพวกคุณจะได้ไม่ทำบาป แต่ถ้าใครทำบาป เราก็มีพระเยซูคริสต์ผู้ซื่อสัตย์ที่แก้ตัวแทนเราต่อหน้าพระบิดา 2 พระองค์เป็นเครื่องบูชาที่จัดการกับบาปของเรา และไม่ใช่แต่ความบาปของเราเท่านั้น แต่รวมถึงบาปของคนทั้งโลกด้วย
3 ถ้าเรารักษาคำสั่งของพระองค์ เราก็จะมั่นใจได้ว่าเรารู้จักพระองค์จริงๆ 4 คนที่พูดว่า “ฉันรู้จักพระเจ้า” แต่ไม่ได้ทำตามคำสั่งของพระองค์ ก็เป็นคนโกหก เขาไม่ได้รู้จักความจริง 5 แต่คนที่ทำตามคำสั่งสอนของพระเจ้านั้น ความรักของพระเจ้าก็สำเร็จครบถ้วนในคนๆนั้นอย่างแท้จริง สิ่งนี้ทำให้เราแน่ใจว่าเราอยู่ในพระองค์ 6 คนที่บอกว่าตัวเองอยู่ในพระเจ้า ก็ต้องใช้ชีวิตเหมือนกับพระเยซูด้วย
คำสั่งให้เรารักคนอื่น
7 เพื่อนๆที่รัก ผมไม่ได้เขียนคำสั่งใหม่ให้กับคุณ แต่เป็นคำสั่งอันเก่าที่พวกคุณมีอยู่แล้วและเคยได้ยินมาแล้ว 8 แต่จริงๆแล้ว สิ่งที่ผมกำลังเขียนถึงคุณนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคำสั่งใหม่ก็ได้ คุณดูได้จากชีวิตของพระคริสต์ หรือดูจากชีวิตของพวกคุณเอง แล้วจะรู้ว่าคำสั่งใหม่นี้เป็นความจริงเพราะความมืดกำลังผ่านพ้นไป และความสว่างอันแท้จริงกำลังส่องแสงอยู่แล้ว
9 คนที่พูดว่าเขาอยู่ในความสว่างแต่ยังเกลียดชังพี่น้องอยู่ ก็แสดงว่าเขายังอยู่ในความมืด 10 คนที่รักพี่น้องของเขาก็อยู่ในความสว่าง ชีวิตของเขาจะไม่มีอะไรไม่ดีที่จะไปทำให้คนอื่นสะดุดทำบาป 11 แต่คนที่เกลียดชังพี่น้องของตนก็ยังอยู่ในความมืด เขายังเดินอยู่ในความมืด และก็ไม่รู้ว่าตัวเองเดินไปที่ไหน เพราะความมืดทำให้ตาของเขาบอด
12 ลูกเล็กๆที่รัก ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะบาปที่พวกคุณได้ทำนั้น พระเจ้าได้ยกโทษแล้วผ่านทางพระคริสต์
13 คุณพ่อทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณได้รู้จักกับพระองค์ ผู้ซึ่งเป็นอยู่ตั้งแต่เริ่มแรก คนหนุ่มๆทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณได้เอาชนะมารร้ายนั้น
14 ลูกเล็กๆทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณได้มารู้จักกับพระบิดา คุณพ่อทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณได้มารู้จักกับพระองค์ผู้ซึ่งได้เป็นอยู่ตั้งแต่เริ่มแรก คนหนุ่มๆทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณมีกำลังมาก และพระคำของพระเจ้าอยู่ในพวกคุณทั้งหลาย และพวกคุณก็ได้เอาชนะมารร้ายนั้น
15 อย่ารักโลกหรือรักสิ่งของในโลกนี้อีกต่อไป ถ้าคนไหนรักโลกนี้ คนนั้นก็ไม่ได้รักพระบิดา 16 เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ คือกิเลสตัณหาของสันดาน กิเลสตัณหาของตา และการโอ้อวดในสิ่งที่ทำหรือมี สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลกนี้ 17 โลกนี้กำลังผ่านพ้นไปแล้ว พร้อมๆกับกิเลสตัณหาของมัน แต่คนที่ทำตามความต้องการของพระเจ้าจะยังอยู่ตลอดไป
อย่าติดตามศัตรูของพระคริสต์
18 ลูกๆเอ๋ย วันสุดท้ายใกล้มาถึงแล้ว อย่างที่พวกคุณได้ยินแล้วว่าศัตรูของพระคริสต์กำลังจะมา เดี๋ยวนี้พวกศัตรูนั้นก็ได้มากันมากมายแล้ว ซึ่งทำให้เรารู้ว่าวันสุดท้ายใกล้มาถึงแล้ว 19 ศัตรูพวกนี้เป็นพวกที่ได้เดินออกไปจากพวกเรา แต่ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้เป็นคนของพวกเราหรอก เพราะถ้าเป็นพวกเราจริงก็ต้องอยู่กับเราตลอดไป แต่พวกเขาได้ออกไปจากพวกเราแล้ว แสดงว่าไม่มีใครสักคน ในพวกเขาที่เป็นคนของพวกเรา
20 พระคริสต์ผู้บริสุทธิ์ได้เจิมพวกคุณด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำให้พวกคุณทุกคนรู้ความจริง 21 ที่ผมเขียนจดหมายมาหาพวกคุณ ไม่ใช่เพราะพวกคุณไม่รู้ความจริงนี้ แต่เพราะพวกคุณรู้แล้ว และรู้ด้วยว่าไม่มีคำหลอกลวงออกมาจากความจริง
22 แล้วคนโกหกคือใคร คนโกหกก็คือคนที่พูดว่าพระเยซูไม่ใช่พระคริสต์ คนนี้แหละคือศัตรูของพระคริสต์และเป็นคนที่ปฏิเสธทั้งพระบิดาและพระบุตรด้วย 23 ทุกคนที่ปฏิเสธพระบุตรก็ไม่มีพระบิดา แต่คนที่ยอมรับพระบุตรอย่างเปิดเผยก็มีพระบิดาด้วย
24 ขอให้พวกคุณเก็บรักษาคำสั่งสอนที่คุณได้ยินมาตั้งแต่ต้น เพราะถ้าคุณเก็บรักษาคำสั่งสอนนี้ไว้ คำสั่งสอนนี้ก็จะเก็บรักษาคุณไว้ในพระบุตรและพระบิดาด้วย 25 นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้กับเรา คือชีวิตที่อยู่กับพระเจ้าตลอดไป
26 ทั้งหมดที่ผมเขียนมานี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่มีคนพยายามจะมาหลอกลวงพวกคุณ 27 พระคริสต์ได้เจิมพวกคุณด้วยพระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ยังอยู่กับพวกคุณ คุณก็เลยไม่ต้องให้ใครมาสอนอีก เพราะพระวิญญาณนั้นได้สอนให้คุณรู้เกี่ยวกับทุกสิ่ง พระวิญญาณนั้นเป็นความจริงและจะไม่หลอกลวง ดังนั้นพวกคุณควรจะตั้งมั่นคงอยู่ในพระคริสต์เหมือนกับที่พระวิญญาณได้สอนนั้น
28 เดี๋ยวนี้ขอให้ลูกเล็กๆทั้งหลายตั้งมั่นคงอยู่ในพระคริสต์ เพื่อว่าเมื่อวันที่พระคริสต์มาปรากฏ เราจะได้มีความมั่นใจและไม่ต้องละอายเมื่อพระองค์กลับมา 29 เพราะพวกคุณรู้แล้วว่า พระเจ้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง และทุกคนที่ทำสิ่งที่ถูกต้องก็ได้เป็นลูกของพระเจ้า
1 หนังสือเล่มนี้ เป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์บอกกับนาฮูม ชาวเอลโขช ผ่านทางนิมิต เกี่ยวกับเมืองนีนะเวห์[a]
พระยาห์เวห์โกรธเมืองนีนะเวห์
2 พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าที่หึงหวง[b] และแก้แค้น
พระยาห์เวห์จะทำการแก้แค้นและพระองค์อารมณ์รุนแรง
พระยาห์เวห์จะแก้แค้นคนเหล่านั้นที่ต่อต้านพระองค์
และพระองค์ก็โกรธแค้นพวกศัตรูของพระองค์
3 พระยาห์เวห์โกรธช้าแต่มีฤทธิ์อำนาจมหาศาล
พระยาห์เวห์จะไม่ปล่อยให้คนผิดลอยนวล
เมื่อพระองค์เดินทางก็จะเกิดลมบ้าหมูและพายุ
และเมฆก็ฟุ้งตลบขึ้นมาแทบเท้าของพระองค์
4 พระองค์สั่งทะเลและทะเลก็เหือดแห้งไป
พระองค์ทำให้แม่น้ำทั้งหลายระเหยไปหมด
แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ของบาชานและคารเมลก็แห้งแล้งไป
ต้นที่แตกแขนงออกมาใหม่ของเลบานอนก็เหี่ยวเฉาไป
5 ภูเขาก็สั่นสะเทือนเพราะเกรงกลัวพระองค์
และเนินเขาต่างๆก็ละลายไป
แผ่นดินไหวยกพื้นสูงขึ้น
โลกและคนที่อาศัยอยู่ในโลกก็สั่นไปด้วยเพราะเกรงกลัวพระองค์
6 ใครจะสามารถไปยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ได้ตอนที่พระองค์โกรธ
ใครจะทนต่อความร้อนแรงของความโกรธของพระองค์ได้
ความโกรธแค้นของพระองค์พลุ่งออกมาเหมือนไฟ
พระองค์ทำให้หน้าผาแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
7 พระยาห์เวห์ดีกับคนเหล่านั้นที่รอคอยพระองค์
พระองค์เป็นที่ลี้ภัยเมื่อพวกเขาเดือดร้อน
พระยาห์เวห์ดูแลคนเหล่านั้นที่หันมาลี้ภัยในพระองค์
8 พระองค์จะกวาดล้างคนที่ต่อต้านพระองค์เหมือนกับน้ำที่ไหลท่วมอย่างรุนแรง
พระองค์ก็ไล่ล่าศัตรูของพระองค์ลงไปในแดนคนตายอันมืดมิด
9 พวกเจ้าวางแผนต่อต้านพระยาห์เวห์ทำไม
พระองค์จะทำลายล้างศัตรูจนหมดสิ้น
จะได้ไม่มีใครมาต่อต้านพระองค์อีกเป็นครั้งที่สอง
10 ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเหมือนกำแพงป้องกันที่ทำจากหนามที่พันกันยุ่งเหยิง
ถึงแม้พวกเขาจะเหมือนกองทัพที่มีอาหารและเหล้าอย่างเหลือเฟือ
พวกเขาจะแพ้อย่างรวดเร็วเหมือนฟางที่ถูกเผา
11 ยูดาห์ คนที่ออกอุบายและวางแผนชั่วร้ายต่อต้านพระยาห์เวห์
จะถูกไล่ออกไปจากพวกเจ้าในไม่ช้านี้
12 ดังนั้น พระยาห์เวห์จึงพูดว่า
ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกอัสซีเรียจะแข็งแรงและมีจำนวนมาก
แต่พวกเขาจะถูกตัดขาดและตายไป
ดังนั้นถึงแม้เราทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน
เราจะไม่ให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป
13 ตอนนี้ เราจะหักแอกของอัสซีเรียออกจากเจ้า
และจะทำลายโซ่ตรวนของเจ้า
14 กษัตริย์อัสซีเรีย พระยาห์เวห์ออกคำสั่งเกี่ยวกับท่านแล้ว
“เจ้าจะไม่มีลูกหลานไว้สืบสกุลอีกต่อไป
เรายาห์เวห์จะตัดรูปเคารพที่แกะสลักและรูปเคารพที่หล่อทั้งหมดจากวิหารของเจ้า
เราเตรียมหลุมฝังศพให้กับเจ้าแล้ว เพราะเจ้ามันไร้ค่า”
15 ยูดาห์ ดูบนภูเขาเหล่านั้นสิ มีคนวิ่งมาบอกข่าวดี
เขามาประกาศว่า มีสันติภาพแล้ว
ยูดาห์เอ๋ย เฉลิมฉลองเทศกาลของเจ้าได้แล้ว แก้บนของเจ้าด้วย
พวกคนไร้ค่านั้นจะไม่มีวันมาโจมตีเจ้าได้อีก
เพราะพวกเขาถูกกำจัดไปจนหมดแล้ว
การยั่วยวน การอภัย ความเชื่อ
(มธ. 18:6-7, 21-22; มก. 9:42)
17 พระเยซูพูดกับพวกศิษย์ว่า “จะมีสิ่งที่มายั่วยวนให้คนทำบาปเสมอ แต่คนที่มายั่วยวน นั้นช่างน่าอายจริงๆ 2 ระหว่างการชักชวนคนที่ต่ำต้อยคนหนึ่งในพวกนี้ให้ทำบาป กับการถูกจับโยนลงไปในทะเลพร้อมกับมีหินโม่แป้ง[a]ล่ามคออยู่ อย่างหลังนี้ก็ยังจะดีกว่า 3 ระวังตัวไว้ให้ดี ให้ตักเตือนพี่น้องที่ทำบาป และอภัยให้เขาเมื่อเขากลับตัวกลับใจ 4 ถึงแม้เขาจะทำผิดบาปต่อคุณถึงวันละเจ็ดครั้งก็ตาม แต่ถ้าทุกครั้งเขาบอกคุณว่า ‘ผมกลับตัวกลับใจแล้วครับ’ ก็ให้ยกโทษเขา” 5 ฝ่ายพวกศิษย์เอก ก็พูดกับองค์เจ้าชีวิตว่า “ถ้าอย่างนั้น ช่วยเพิ่มความเชื่อให้กับเราด้วยครับ”
6 พระเยซูตอบว่า “แค่คุณมีความเชื่อเล็กเท่าเมล็ดมัสตาร์ดนี้ คุณก็สั่งให้ต้นหม่อนทั้งต้นถอนรากถอนโคนไปปลูกอยู่ในทะเลได้แล้ว”
ทาสที่ดี
7 “สมมุติว่าคุณมีทาสคนหนึ่ง เมื่อเขากลับมาจากไถนาหรือเลี้ยงแกะ คุณจะพูดกับเขาไหมว่า ‘รีบๆไปหาอะไรกินเร็ว’ 8 หรือคุณจะพูดกับเขาว่า ‘ไปเตรียมอาหารมาสิ แล้วคอยรับใช้อยู่นี่แหละ จนกว่าเราจะกินและดื่มเสร็จ แล้วเจ้าถึงค่อยไปกิน’ 9 นายต้องขอบใจทาสที่เขาทำตามคำสั่งหรือ 10 พวกคุณก็เหมือนกัน เมื่อทำงานที่นายสั่งมาเสร็จแล้ว ก็ควรพูดว่า ‘พวกเราเป็นแค่ทาสที่ทำตามหน้าที่เท่านั้น ไม่สมควรที่เจ้านายจะขอบใจหรอก’”
ให้รู้จักขอบคุณ
11 ในระหว่างทางที่ไปเมืองเยรูซาเล็ม พระเยซูผ่านไปตามเขตแดนของแคว้นกาลิลีกับแคว้นสะมาเรีย 12 ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีชายสิบคนที่เป็นโรคผิวหนังร้ายแรง เข้ามาหาพระองค์ แต่ยืนอยู่ห่างๆ 13 และร้องตะโกนว่า “เยซู นายท่าน สงสารพวกเราด้วยเถิด”
14 พระองค์ก็มองพวกเขา แล้วพูดว่า “ไปแสดงตัวให้พวกนักบวช[b] ดูสิ” ในระหว่างทางที่ไปนั้น พวกเขาก็หายจากโรค 15 คนหนึ่งในนั้น เมื่อเห็นว่าหายแล้ว ก็กลับมาร้องสรรเสริญพระเจ้าเสียงดัง 16 เขาก้มลงกราบขอบคุณอยู่ที่เท้าของพระเยซู เขาเป็นชาวสะมาเรีย 17 พระเยซูถามว่า “มีสิบคนที่หายจากโรคไม่ใช่หรือ แล้วอีกเก้าคนอยู่ที่ไหน 18 ทำไมมีแต่คนต่างชาติคนนี้เท่านั้นหรือ ที่กลับมาสรรเสริญพระเจ้า” 19 แล้วพระเยซูก็บอกเขาว่า “ลุกขึ้นกลับไปได้แล้ว ความเชื่อของคุณทำให้หายจากโรคแล้ว”
อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่พวกคุณ
(มธ. 24:23-28, 37-41)
20 วันหนึ่งพวกฟาริสีถามพระเยซูว่า “อาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อไหร่” พระองค์ก็ตอบว่า “เมื่ออาณาจักรของพระเจ้ากำลังมา จะไม่มีอะไรเป็นลางบอกเหตุให้คุณรู้หรอก 21 จะไม่มีใครบอกได้หรอกว่า ‘อยู่นี่ไง’ หรือ ‘อยู่โน่นไง’ เพราะดูสิ อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่พวกคุณแล้ว”
22 แต่พระองค์พูดกับพวกศิษย์ว่า “วันนั้นจะมาถึง เมื่อพวกคุณอยากจะได้เห็นวันเวลาของบุตรมนุษย์สักวันหนึ่ง แต่คุณจะไม่มีโอกาสได้เห็น 23 เมื่อมีคนมาบอกว่า ‘พระองค์อยู่โน่นไง หรือ อยู่นี่ไง’ ก็ไม่ต้องออกไปเที่ยวตามหาหรอก” 24 “เพราะเมื่อบุตรมนุษย์มานั้น จะเห็นชัดเหมือนกับสายฟ้าแลบจากท้องฟ้าฟากหนึ่งไปยังอีกฟากหนึ่ง 25 แต่พระองค์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายอย่างเสียก่อน และคนในยุคนี้จะไม่ยอมรับพระองค์
26 วันที่พระองค์กลับมานั้น จะเหมือนกับสมัยของโนอาห์ 27 ที่คนดื่มกินกันอยู่อย่างสนุกสนาน แต่งงานกันและยกลูกให้แต่งงานกัน จนกระทั่งวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ แล้วน้ำก็ท่วมจนพวกเขาจมน้ำตายกันหมด
28 ในสมัยของโลทก็เหมือนกัน คนกินดื่มกันอยู่ ซื้อขายกัน เพาะปลูกกัน ก่อสร้างกัน 29 จนกระทั่งถึงวันที่โลทออกจากเมืองโสโดม ก็มีไฟ และกำมะถันตกลงมาจากท้องฟ้า เผาผลาญทำลายชีวิตผู้คนในเมืองนั้นจนหมดสิ้น
30 ในวันที่บุตรมนุษย์กลับมา มันก็จะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน 31 ในวันนั้น คนที่อยู่บนดาดฟ้าบ้านก็อย่าเข้าไปเก็บข้าวของในบ้านเลย หรือคนที่อยู่ในทุ่งนาก็อย่ากลับไปบ้านเอาอะไรเลย 32 จำเรื่องที่เกิดขึ้นกับเมียของโลท[c] ไว้ให้ดี 33 คนที่อยากจะรักษาชีวิตเก่าไว้จะเสียชีวิต แต่คนที่ยอมสละชีวิตเก่า จะรักษาชีวิตไว้ 34 เราจะบอกให้รู้ว่า ในคืนนั้นเอง สองคนที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน คนหนึ่งจะถูกรับไป และอีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ 35 หญิงสองคนที่กำลังโม่แป้งอยู่ด้วยกัน จะถูกรับไปคนหนึ่ง และถูกทิ้งไว้คนหนึ่ง” 36 [d]
37 พวกศิษย์จึงถามพระองค์ว่า “อาจารย์ มันจะเกิดขึ้นที่ไหนครับ”
พระองค์จึงตอบว่า “ซากศพอยู่ที่ไหน ฝูงแร้งก็จะอยู่ที่นั่น”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International