M’Cheyne Bible Reading Plan
อาโดนียาห์พยายามตั้งตัวเป็นกษัตริย์
1 เมื่อกษัตริย์ดาวิดแก่ตัวมากแล้ว แม้จะห่มผ้าให้หลายผืนก็ยังไม่หายหนาว 2 พวกคนรับใช้ของท่านจึงพูดกับท่านว่า “ให้พวกข้าพเจ้าไปหาหญิงสาวบริสุทธิ์สักคนมาอยู่ดูแลท่านผู้เป็นกษัตริย์เถิด นางจะได้นอนอยู่ข้างๆท่านเพื่อคอยทำให้ท่าน กษัตริย์ผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้าอบอุ่น” 3 แล้วพวกเขาก็ไปเสาะหาหญิงงามจากทั่วทั้งอิสราเอล และได้พบนางอาบีชาก ชาวชูเนม พวกเขาพานางมาเฝ้ากษัตริย์ 4 หญิงสาวคนนั้นสวยงามมาก นางดูแลกษัตริย์และอยู่กับเขาตลอดเวลา แต่กษัตริย์ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับนาง
5 ในเวลานั้นอาโดนียาห์ลูกของนางฮักกีทยกตัวเองขึ้นและพูดว่า “เราจะเป็นกษัตริย์” เขาก็เลยเตรียมรถรบไว้หลายคันและม้า[a] อีกหลายตัว พร้อมกับชายห้าสิบคน เอาไว้วิ่งนำหน้าเขา 6 (ดาวิดพ่อของเขาไม่เคยต่อว่าเขา หรือแม้แต่จะถามว่า “ทำไมลูกถึงทำเรื่องอย่างนี้” อาโดนียาห์เป็นผู้ชายที่รูปหล่อมากและเกิดถัดจากอับซาโลม)
7 อาโดนียาห์ได้ปรึกษาหารือกับโยอาบลูกชายนางเศรุยาห์และนักบวชอาบียาธาร์ และพวกนั้นก็ให้การสนับสนุนเขา 8 แต่นักบวชศาโดก รวมทั้งเบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดา นาธันผู้พูดแทนพระเจ้า ชิเมอี เรอี และพวกองครักษ์ของดาวิด[b] ไม่ยอมเข้าร่วมกับอาโดนียาห์
9 วันหนึ่ง อาโดนียาห์ถวาย แกะ วัวและลูกวัวอ้วนหลายตัวที่ศิลาโศเฮเลทใกล้เอนโรเกล[c] เขาเชิญพวกน้องชายของเขา คือพวกลูกชายคนอื่นๆของกษัตริย์ดาวิด และเชิญข้าราชการชั้นสูงทุกคนจากเผ่ายูดาห์มาด้วย 10 แต่เขาไม่ได้เชิญนาธันผู้พูดแทนพระเจ้า หรือเบไนยาห์หรือทหารองครักษ์หรือซาโลมอนน้องชายของเขา
11 นาธันถามนางบัทเชบา แม่ของซาโลมอนว่า “ท่านได้ข่าวแล้วหรือยังว่า อาโดนียาห์ลูกชายนางฮักกีท ตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว โดยที่ดาวิดเจ้านายของพวกเราไม่รู้เรื่องด้วยเลย 12 ตอนนี้ เพื่อรักษาชีวิตของท่านและซาโลมอนลูกชายท่าน ข้าพเจ้าขอแนะนำให้ท่านทำอย่างนี้ คือ 13 ให้ท่านไปหากษัตริย์เดี๋ยวนี้เลย และพูดกับกษัตริย์ว่า ‘กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ท่านเคยสาบานกับข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านไว้ไม่ใช่หรือ ที่ว่า “ซาโลมอนลูกชายของเจ้า จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากเราอย่างแน่นอน และเขาจะได้นั่งบนบัลลังก์ของเรา” แล้วทำไมอาโดนียาห์จึงได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เล่า’ 14 ในระหว่างที่ท่านกำลังคุยอยู่กับกษัตริย์นั้น ข้าพเจ้าจะเข้าไปหาและยืนยันถึงสิ่งที่ท่านได้พูดไป”
15 แล้วนางบัทเชบาจึงไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ดาวิด ที่แก่มากแล้ว ในห้องนอนของพระองค์ ที่มีนางอาบีชากชาวชูเนมคอยดูแลรับใช้อยู่ 16 นางบัทเชบาก้มกราบลงต่อหน้ากษัตริย์ กษัตริย์จึงถามว่า “ท่านต้องการอะไรหรือ”
17 นางพูดกับกษัตริย์ว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ตัวท่านเองเคยสาบานไว้กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่าน ต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านว่า
‘ซาโลมอนลูกชายของเจ้าจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเราและเขาจะได้นั่งบนบัลลังก์ของเรา’ 18 แต่อยู่ๆอาโดนียาห์ก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ และตัวท่านเอง กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าก็ไม่รู้เรื่อง 19 อาโดนียาห์ได้ถวาย พวกวัว ลูกวัวตัวอ้วนพีและแกะเป็นจำนวนมาก และยังได้เชิญลูกชายทั้งหมดของท่าน รวมทั้งนักบวชอาบียาธาร์และแม่ทัพโยอาบไปด้วย แต่เขาไม่ได้เชิญซาโลมอนผู้รับใช้ท่านไป 20 กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า สายตาทั้งหลายของอิสราเอลกำลังจับจ้องอยู่ที่ท่าน เพื่อจะดูว่าท่านจะให้ใครขึ้นนั่งบนบัลลังก์ต่อจากท่านกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า 21 ถ้าท่านไม่ทำอะไรลงไป ทันทีที่ท่าน กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ตายอย่างสงบ และไปอยู่กับบรรพบุรุษของท่านแล้ว อาโดนียาห์คงจะทำกับข้าพเจ้าและซาโลมอนลูกชายของข้าพเจ้าอย่างกับว่าพวกเราเป็นคนร้าย”
22 ขณะที่นางกำลังพูดกับกษัตริย์อยู่นั้น นาธันผู้พูดแทนพระเจ้าก็เข้ามา 23 พวกผู้รับใช้ได้บอกกับกษัตริย์ว่า “นาธันผู้พูดแทนพระเจ้าอยู่ที่นี่” นาธันจึงไปอยู่ต่อหน้ากษัตริย์และก้มหน้ากราบลงถึงพื้น 24 นาธันพูดว่า “กษัตริย์นายของข้าพเจ้า ท่านได้ประกาศหรือว่า ‘อาโดนียาห์จะได้เป็นกษัตริย์ต่อจากเรา และจะนั่งบนบัลลังก์ของเรา’ 25 วันนี้ เขาได้ลงไปถวายพวกวัว ลูกวัวอ้วนพีและแกะเป็นจำนวนมากเป็นเครื่องบูชาเฉลิมฉลอง เขาได้เชิญพวกลูกชายทั้งหมดของท่าน พวกแม่ทัพและนักบวชอาบียาธาร์ไปด้วย ขณะนี้ พวกเขากำลังเลี้ยงฉลองอยู่กับอาโดนียาห์ และพูดว่า ‘กษัตริย์อาโดนียาห์จงเจริญ’ 26 แต่เขาไม่ได้เชิญข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านและนักบวชศาโดกและเบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดา รวมทั้งซาโลมอนผู้รับใช้ของท่านไปด้วย 27 กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า นี่คือสิ่งที่ท่านได้ทำลงไป โดยไม่ยอมบอกให้พวกผู้รับใช้ของท่านได้รับรู้หรือ ช่วยบอกด้วยว่าใครจะได้นั่งบนบัลลังก์ต่อจากท่าน กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า”
28 กษัตริย์ดาวิดตอบว่า “เรียกตัวนางบัทเชบาเข้ามา” นางบัทเชบาจึงเข้ามายืนอยู่ต่อหน้ากษัตริย์
29 แล้วกษัตริย์ได้สาบานว่า “พระยาห์เวห์ ผู้ที่ได้ช่วยเหลือเราให้พ้นจากความยากลำบากทุกอย่าง มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน 30 ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า ในวันนี้ เราจะทำตามสิ่งที่เราได้สาบานไว้กับเจ้าต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ที่ว่า ‘ซาโลมอนลูกชายเจ้าจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเรา และเขาจะได้นั่งบนบัลลังก์ของเราแทนที่เรา’”
31 นางบัทเชบาจึงก้มกราบลงถึงพื้นต่อหน้ากษัตริย์ และพูดว่า “ขอให้กษัตริย์ดาวิดเจ้านายของข้าพเจ้ามีชีวิตยืนยาวตลอดไป”
ดาวิดตั้งซาโลมอนเป็นกษัตริย์
32 กษัตริย์ดาวิดพูดว่า “ให้เรียกนักบวชศาโดก นาธันผู้พูดแทนพระเจ้า และเบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาเข้ามาที่นี่” เมื่อพวกเขามาอยู่ต่อหน้ากษัตริย์แล้ว 33 กษัตริย์จึงพูดกับพวกเขาว่า “เอาพวกคนรับใช้ของเราผู้เป็นเจ้านายพวกเจ้า ไปกับพวกเจ้า และนำตัวซาโลมอนลูกชายของเราขึ้นขี่ล่อของเราและพาเขาลงไปที่ตาน้ำกิโฮน[d] 34 ให้นักบวชศาโดกและนาธันผู้พูดแทนพระเจ้าแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลที่นั่น ให้พวกเจ้าเป่าแตรเขาสัตว์ และโห่ร้องว่า ‘กษัตริย์ซาโลมอนจงเจริญ’ 35 แล้วให้พวกเจ้าตามเขาขึ้นมา และเขาจะขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของเราและปกครองแทนเรา เราได้แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้ครอบครองเหนืออิสราเอลและยูดาห์แล้ว”
36 เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาตอบกษัตริย์ว่า “อาเมน ขอให้พระยาห์เวห์ ผู้เป็นพระเจ้าของกษัตริย์เจ้านายข้าพเจ้า สั่งให้เป็นอย่างนั้นเถิด 37 กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า พระยาห์เวห์เคยอยู่กับท่านมาแล้วยังไง ก็ขอให้พระองค์อยู่กับซาโลมอนอย่างนั้นด้วย และทำให้บัลลังก์ของเขายิ่งใหญ่กว่าบัลลังก์ของท่านกษัตริย์ดาวิดเจ้านายของข้าพเจ้าด้วยเถิด”
38 ดังนั้น นักบวชศาโดก นาธันผู้พูดแทนพระเจ้า เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดา รวมทั้งชาวเคเรธีและชาวเปเลท ต่างก็ลงไปพาซาโลมอนขึ้นขี่ล่อของกษัตริย์ดาวิดและออกเดินทางไปพร้อมๆกับพวกเขาไปที่ตาน้ำกิโฮน 39 นักบวชศาโดกนำเขาสัตว์ที่ใส่น้ำมัน ออกมาจากเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และเจิมให้กับซาโลมอนเป็นกษัตริย์ แล้วพวกเขาก็เป่าแตรขึ้นและประชาชนทั้งหมดต่างก็ร้องตะโกนว่า “กษัตริย์ซาโลมอนจงเจริญ” 40 และประชาชนทั้งหมดก็ได้ติดตามเขาขึ้นไป พวกเขาต่างเป่าขลุ่ย เฉลิมฉลองกันด้วยความชื่นชมยินดีเป็นอย่างมาก จนพื้นดินสั่นสะเทือนไปด้วยเสียงนั้น
41 อาโดนียาห์และแขกทั้งหมดที่อยู่กับเขาก็ได้ยินเสียงนั้นด้วย ในขณะที่งานเลี้ยงของพวกเขากำลังจะเลิก เมื่อโยอาบได้ยินเสียงแตรเขาสัตว์จึงถามว่า “เสียงอึกทึกครึกโครมในเมืองนั้น มันอะไรกัน”
42 ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่ โยนาธานลูกชายนักบวชอาบียาธาร์ก็มาถึง อาโดนียาห์พูดว่า “เข้ามาเถิด คนสำคัญอย่างท่านจะต้องนำข่าวดีมาบอกแน่”
43 โยนาธานตอบว่า “ผิดแล้ว ดาวิดกษัตริย์นายของเราได้แต่งตั้งซาโลมอนขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว 44 กษัตริย์ดาวิดได้ส่งนักบวชศาโดก นาธันผู้พูดแทนพระเจ้า เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดา พร้อมกับชาวเคเรธีและชาวเปเลทไปกับเขาด้วย และพวกเขาได้พาซาโลมอนขึ้นขี่ล่อของกษัตริย์ 45 และนักบวชศาโดกและนาธันผู้พูดแทนพระเจ้าก็ได้เจิมเขาเป็นกษัตริย์ ที่ตาน้ำกิโฮน จากที่นั่น พวกเขาได้เดินขึ้นไปพร้อมกับส่งเสียงโห่ร้องกันอย่างสนุกสนาน และเมืองทั้งเมืองก็ดังกึกก้องไปด้วยเสียงนี้ นั่นคือเสียงอึกทึกที่พวกท่านได้ยิน 46 และเดี๋ยวนี้ ซาโลมอนกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ของกษัตริย์ 47 และพวกข้าราชการของกษัตริย์ได้มาแสดงความยินดีกับกษัตริย์ดาวิดเจ้านายของเราว่า ‘ขอให้พระเจ้าของท่านทำให้ชื่อเสียงของซาโลมอนโด่งดังยิ่งกว่าชื่อเสียงของท่านและทำให้บัลลังก์ของเขายิ่งใหญ่กว่าของท่านด้วยเถิด’
และกษัตริย์ดาวิดก็ก้มกราบนมัสการอยู่บนเตียงของเขา 48 และพูดว่า ‘ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล ผู้ที่ยินยอมให้ตาของข้าพเจ้าได้เห็นผู้สืบทอดบัลลังก์ของข้าพเจ้าในวันนี้’”
49 แล้วแขกทั้งหมดของอาโดนียาห์ต่างลุกขึ้นด้วยความตกใจกลัวและแตกฮือกันไป 50 ส่วนอาโดนียาห์นั้น เพราะกลัวซาโลมอน เขาจึงออกไปและไปจับที่เชิงงอนของแท่นบูชา[e] ไว้ 51 แล้วมีคนมาบอกซาโลมอนว่า “อาโดนียาห์กลัวกษัตริย์ซาโลมอนและกำลังจับเชิงงอนของแท่นบูชาอยู่ เขาพูดว่า ‘ให้กษัตริย์ซาโลมอนสาบานกับข้าพเจ้าในวันนี้ก่อนว่าเขาจะไม่ให้ผู้รับใช้ของเขาต้องถูกฆ่าตายด้วยดาบ’”
52 ซาโลมอนตอบว่า “ถ้าเขาแสดงให้เห็นว่าตัวเขาเป็นคนดีจริง แม้แต่ผมสักเส้นของเขาก็จะไม่ตกลงถึงพื้น แต่ถ้าพบว่าเขาเป็นคนชั่ว เขาก็จะต้องตาย” 53 แล้วกษัตริย์ซาโลมอนก็ส่งคนไปที่นั่น พวกเขาได้นำตัวอาโดนียาห์ลงมาจากแท่นบูชา อาโดนียาห์ก็มาถึงและก้มกราบกษัตริย์ซาโลมอน ซาโลมอนก็พูดว่า “กลับไปบ้านท่านเถิด”
5 เมื่อพระคริสต์ได้ปลดปล่อยให้เราเป็นอิสระแล้ว ก็ให้อยู่อย่างคนอิสระเถิด รักษามันไว้ให้ดี อย่ากลับไปเป็นทาสของกฎอีก 2 ฟังไว้ให้ดี ผมเปาโล ขอบอกให้รู้ว่า ถ้าพวกคุณยอมเข้าทำพิธีขลิบ พระคริสต์ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับคุณอีกแล้ว 3 ผมขอย้ำว่า คนที่ยังทำพิธีขลิบนั้นก็จะต้องรักษากฎให้ครบทุกข้อ 4 ถ้าคุณพยายามที่จะให้พระเจ้ายอมรับคุณเพราะคุณรักษากฎ คุณก็ถูกแยกออกจากพระคริสต์แล้ว และหลุดจากความเมตตากรุณาของพระเจ้า 5 พวกเรามีพระวิญญาณเพราะได้ไว้วางใจ เราถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาคอยสิ่งที่เราหวังไว้อย่างมั่นอกมั่นใจ ความหวังนั้นคือพระเจ้าจะยอมรับเราแน่ในวันสุดท้าย 6 เพราะในพระเยซูคริสต์ การทำหรือไม่ทำพิธีขลิบนั้นไม่สำคัญอะไรเลย แต่สิ่งที่สำคัญคือความเชื่อที่แสดงออกด้วยความรัก
7 พวกคุณก็กำลังวิ่งกันดีๆอยู่แล้ว ใครกันนะที่มาขัดจังหวะทำให้คุณเลิกติดตามความจริง 8 ใครก็ตามที่มาชักชวนให้คุณหยุด ไม่ได้มาจากพระเจ้าที่เรียกคุณมาแน่ 9 ระวังตัวให้ดี “เชื้อฟู[a]นิดเดียว ก็ทำให้แป้งทั้งก้อนฟูขึ้นมาได้”[b] 10 ผมมั่นใจในองค์เจ้าชีวิตว่า คุณจะไม่ยอมรับความคิดที่แตกต่างออกไปจากนี้ และใครก็ตามที่มาทำให้คุณสับสน จะต้องถูกพระเจ้าลงโทษแน่
11 พี่น้องครับ ถ้าผมยังสั่งสอนให้ทำพิธีขลิบอยู่ แล้วทำไมผมยังถูกข่มเหงอยู่ล่ะ ถ้าเป็นจริงตามนั้น เรื่องไม้กางเขนที่ผมสอน ก็จะไม่ถูกต่อต้านแล้ว 12 ผมอยากให้ไอ้พวกที่มาวุ่นวายกับคุณนี้ ตอน[c] ตัวมันเองเลยแทนที่จะแค่ขลิบเท่านั้น
13 พี่น้องครับ พระเจ้าเรียกคุณมาใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่อย่าใช้ความเป็นอิสระนั้นมาเป็นข้ออ้างที่จะทำตามสันดานที่เห็นแก่ตัว แต่ให้รับใช้กันและกันด้วยความรัก 14 เพราะกฎทั้งหมดสรุปออกมาได้ข้อเดียว คือ “รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง”[d] 15 แต่ถ้าคุณยังคงฉีกเนื้อกัดกินกันเหมือนสัตว์ป่า ระวังให้ดี เพราะจะย่อยยับด้วยกันทั้งหมด
พระวิญญาณกับสันดาน
16 แต่ผมขอบอกว่า ให้ใช้ชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วคุณจะไม่ทำตามกิเลสตัณหาของสันดาน 17 ความต้องการของพระวิญญาณนั้นขัดแย้งกับกิเลสตัณหาของสันดาน ทั้งสองจึงต่อต้านกันโดยตรง เพื่อขัดขวางไม่ให้คุณทำในสิ่งที่คุณอยากจะทำ 18 แต่ถ้าคุณยอมให้พระวิญญาณนำชีวิตของคุณ คุณก็ไม่อยู่ภายใต้กฎอีกต่อไป
19 การกระทำที่เกิดจากสันดานมนุษย์ก็เห็นได้ชัดเจนคือ ความผิดบาปทางเพศ ความไม่บริสุทธิ์ ความคิดสกปรก กิเลสตัณหา 20 การนับถือรูปเคารพ การใช้เวทมนตร์คาถา[e] การเป็นศัตรูกัน การขัดแย้งกัน การริษยาอาฆาตกัน การโกรธเคืองกัน การชิงดีชิงเด่นกัน การไม่ลงรอยกัน การแบ่งพรรคแบ่งพวก 21 การอิจฉา การเมาเหล้า การมั่วสุมกันในงานเลี้ยง เป็นต้น ขอเตือนอีกครั้งอย่างที่เคยเตือนมาแล้วว่า คนที่ทำอย่างนี้จะไม่ได้รับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดกอย่างแน่นอน 22 แต่ผลของพระวิญญาณคือ ความรัก ความชื่นชมยินดี สันติสุข ความอดทน การมีน้ำใจ ความดี ความซื่อสัตย์ 23 ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง สิ่งเหล่านี้ไม่ขัดแย้งกับกฎข้อไหน[f] 24 คนที่เป็นของพระเยซูคริสต์ ได้เอาสันดานมนุษย์พร้อมกับกิเลสตัณหาและความใคร่ที่มาจากมัน ไปตรึงไว้บนไม้กางเขนแล้ว 25 พระวิญญาณได้ให้ชีวิตกับเราแล้ว อย่างนั้นเราจึงควรจะติดตามพระวิญญาณในทุกสิ่งที่เราทำ 26 อย่าอวดดี ยั่วโมโหหรืออิจฉากันเลย
บทเพลงไว้อาลัยให้กับฟาโรห์
32 ในวันที่หนึ่ง เดือนที่สิบสอง ปีที่สิบสอง[a]
คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้ร้องเพลงไว้อาลัยบทหนึ่งให้กับกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ และพูดกับเขาว่า
‘เจ้าถือว่าตัวเองเป็นสิงโตในหมู่ชนชาติทั้งหลาย
แต่อันที่จริง เจ้าเป็นจระเข้ยักษ์[b] ในท้องทะเล
ที่ฟาดตัวไปมาตามลำธารของเจ้า
กวนน้ำไปมาด้วยเท้าของเจ้า
ทำให้น้ำขุ่นคลัก’”
3 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
“ต่อหน้าชนชาติมากมายเราจะเหวี่ยงตาข่ายของเราเหนือเจ้า
และพวกเขาจะดึงเจ้าขึ้นมาจากน้ำด้วยตาข่ายของเรา
4 เราจะขว้างเจ้าลงบนพื้นดิน
จะโยนเจ้าลงในท้องทุ่งกลางแจ้ง
เราจะปล่อยให้นกในท้องฟ้ามาทำรังบนตัวเจ้า
เราจะให้สัตว์ป่าทั้งหมดในโลกเหยียบย่ำเจ้า
5 เราจะกระจายเนื้อของเจ้าไปตามเทือกเขา
และเอาซากของเจ้าไปถมหุบเขาทั้งหลาย
6 เราจะทำให้แผ่นดินไปจนถึงเทือกเขาเปียกชุ่มไปด้วยเลือดของเจ้า
และหุบเขาลึกทั้งหลายจะเต็มไปด้วยเนื้อของเจ้า
7 เมื่อเราดับเจ้า
เราจะคลุมฟ้าสวรรค์ไว้ เราจะทำให้ดวงดาวมืดลง
เราจะเอาเมฆมาบดบังดวงอาทิตย์ไว้และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสงในตอนกลางคืน
8 เราจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ส่องแสงอยู่บนฟ้ามืดลงเหนือแผ่นดินเจ้า
เราจะนำความมืดมาสู่แผ่นดินของเจ้า”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
9 “เราจะทำให้หลายชนชาติใจฝ่อ เมื่อเราเอาเศษที่แตกเป็นชิ้นๆของเจ้ามาอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆในดินแดนทั้งหลายที่เจ้าไม่รู้จักนั้น 10 เราจะทำให้ผู้คนมากมายหันมาจ้องเจ้าอย่างตะลึงงัน และบรรดากษัตริย์ของพวกเขาจะหวาดกลัวเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้า ในวันที่เจ้าล่มสลาย เมื่อเรากวัดแกว่งดาบของเราต่อหน้าพวกเขา พวกเขาทุกคนจะตัวสั่นเทิ้มเพราะกลัวตายทุกขณะจิต”
11 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
“ดาบของกษัตริย์แห่งบาบิโลนจะมาต่อสู้กับเจ้า 12 เราจะทำให้ประชาชนของเจ้าล้มลงด้วยดาบของคนเก่งกล้าเหล่านั้น ซึ่งเป็นชนชาติที่โหดเหี้ยมที่สุดในบรรดาชนชาติทั้งหมด พวกเขาจะทำให้ความหยิ่งผยองของอียิปต์แตกสลาย และทำให้กองทัพทั้งหมดของอียิปต์ย่อยยับไป
13 เราจะทำลายฝูงสัตว์ทั้งหมดที่อยู่ข้างแม่น้ำให้หมดไป จะไม่มีมนุษย์คนใดหรือกีบของสัตว์ตัวใดมากวนให้น้ำขุ่นอีกต่อไป
14 แล้วเราจะปล่อยให้แม่น้ำในดินแดนแห่งนี้ตกตะกอน และทำให้ลำธารทั้งหลายไหลลื่นเหมือนน้ำมันมะกอก 15 ตอนที่เราทำให้แผ่นดินอียิปต์รกร้างว่างเปล่า ตอนที่แผ่นดินนั้นสูญเสียทุกอย่าง ตอนที่เราฟาดฟันทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น แล้วเมื่อนั้น พวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์”
16 “นี่คือบทเพลงไว้อาลัยที่จะใช้ร้องกัน พวกผู้หญิงของชนชาติต่างๆจะร้องเพลงไว้อาลัยนี้ พวกเขาจะร้องเพลงนี้ที่พูดถึงอียิปต์และประชาชนทั้งหมดของมัน”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
ประเทศอียิปต์จะถูกทำลาย
17 วันที่สิบห้าของเดือนนั้น ในปีที่สิบสอง[c]
คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 18 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้ร้องคร่ำครวญให้กับประชาชนชาวอียิปต์ ให้ส่งทั้งอียิปต์และพวกผู้หญิงของชาติมหาอำนาจเหล่านั้น ลงไปอยู่ร่วมกับคนเหล่านั้นที่อยู่ในหลุมลึกนั้น
19 ‘เจ้าอียิปต์
เจ้าคิดว่าเจ้าสวยงามกว่าคนอื่นหรือ ลงไป ไปนอนกับพวกที่ไม่ได้ขลิบซะ’
20 พวกเขาจะตกไปอยู่กับพวกที่ถูกฆ่าด้วยดาบ ดาบถูกชักออกจากฝักแล้ว ลากอียิปต์กับประชาชนของมันออกไปซะ
21 จากแดนคนตาย พวกวีรบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุด จะพูดเรื่องของอียิปต์และพวกที่อยู่ฝ่ายเดียวกับมันว่า
‘พวกเขาได้ลงมาแล้ว พวกเขาได้นอนอยู่กับพวกที่ไม่ได้ทำพิธีขลิบ[d] ที่ถูกฆ่าด้วยดาบ’
22 อัสซีเรียกับกองทัพทั้งหมดของเขา[e] ก็อยู่ที่นั่นด้วย หลุมฝังศพของพวกเขาอยู่ล้อมรอบเขา พวกมันทั้งหมดถูกฆ่าด้วยดาบ
23 หลุมฝังศพของอัสซีเรียอยู่ที่ก้นเหวของหลุมลึกนั้น กองทัพของเขาก็ฝังอยู่รอบๆหลุมฝังศพของเขานั้น ทั้งหมดต่างก็ถูกฆ่าด้วยดาบ พวกนี้เคยสร้างความกลัวไปทั่วแผ่นดินของคนที่ยังมีชีวิตอยู่
24 เอลามก็อยู่ที่นั่นด้วย ชาวเมืองของเขาก็ฝังอยู่รอบๆหลุมฝังศพของเขา พวกเขาทั้งหมดถูกฆ่าด้วยดาบ ทุกคนที่เคยสร้างความหวาดกลัวไปทั่วแผ่นดินของผู้ที่มีชีวิต ต่างก็ลงไปสู่โลกเบื้องล่างท่ามกลางพวกที่ไม่ได้ทำพิธีขลิบ พวกเขาต้องแบกรับความอับอายร่วมกับทุกคนที่ลงไปในหลุมลึกนั้น
25 มีการจัดเตียงหลังหนึ่งให้กับหลายชนชาติเอลามและกองทัพทั้งหมดของเขาที่ถูกฆ่าด้วยดาบ กองทัพทั้งหมดของเอลามถูกฝังอยู่รอบๆหลุมฝังศพของเขา พวกเขาทั้งหมดยังไม่ได้ทำพิธีขลิบและถูกฆ่าด้วยดาบ ทั้งๆที่พวกเขาเคยสร้างความหวาดกลัวไปทั่วแผ่นดินของผู้ที่มีชีวิต
พวกเขาต้องแบกรับความอับอายร่วมกับทุกคนที่ลงไปในหลุมลึกนั้น พวกเขาถูกวางลงท่ามกลางคนที่ถูกฆ่า
26 เมเชคกับทูบัลก็อยู่ที่นั่นด้วย พร้อมกับกองทัพของพวกเขา ซึ่งฝังอยู่รอบๆหลุมฝังศพของเขาทั้งสอง
พวกเขาทั้งหมดยังไม่ได้ทำพิธีขลิบและถูกฆ่าด้วยดาบ ทั้งๆที่พวกเขาเคยสร้างความหวาดกลัวไปทั่วแผ่นดินของผู้ที่มีชีวิต
27 แต่พวกเขาไม่ได้นอนฝังร่วมอยู่กับพวกวีรบุรุษที่ล้มลงในสมัยก่อนนานมาแล้ว ที่ลงไปในแดนผู้ตาย พร้อมกับอาวุธของเขา ที่มีดาบของพวกเขาหนุนหัวอยู่ และมีโล่วางทับอยู่บนกระดูก ทั้งๆที่พวกวีรบุรุษเหล่านี้เคยสร้างความหวาดกลัวไปทั่วแผ่นดินของผู้ที่มีชีวิตอยู่
28 ฟาโรห์ เจ้าก็จะโดนอย่างนั้นเหมือนกัน
เจ้าจะถูกทำลายและจะไปนอนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นที่ไม่ได้เข้าพิธีขลิบ ไปอยู่กับพวกนั้นที่ถูกฆ่าด้วยดาบ
29 เอโดมก็อยู่ที่นั่นด้วย พร้อมกับบรรดากษัตริย์และเจ้าชายทั้งหลายของเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาเคยมีพลังมาก แต่พวกเขาก็ถูกวางรวมอยู่กับคนที่ถูกฆ่าด้วยดาบ นอนอยู่กับพวกที่ไม่ได้ทำพิธีขลิบ และอยู่กับพวกที่ลงไปอยู่ในหลุมลึกนั้น
30 บรรดาเจ้าชายทุกคนของทางเหนือ และพวกชาวไซดอนทั้งหมดก็อยู่ที่นั่นด้วย
พวกเขาได้ลงไปอย่างอับอาย ไปอยู่ร่วมกับพวกที่ถูกฆ่า ทั้งๆที่แต่ก่อนพวกเขาเคยสร้างความหวาดกลัวให้กับคนอื่น
พวกเขานอนอยู่ที่นั่นยังไม่ได้ทำพิธีขลิบ ไปอยู่กับคนที่ถูกฆ่าด้วยดาบ
และพวกเขาต้องแบกรับความอับอาย ร่วมกับทุกคนที่ลงไปในหลุมลึกนั้น
31 เมื่อฟาโรห์เห็นสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับคนเหล่านั้น เขาก็จะได้ไม่รู้สึกแย่มากนัก ที่เขาและกองทัพทั้งหมดของเขาถูกฆ่าด้วยดาบ”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
32 “เราจะทำให้แผ่นดินของผู้ที่มีชีวิตอยู่ยำเกรงเรา ฟาโรห์กับกองทัพทั้งหมดของเขาก็จะถูกวางลงท่ามกลางพวกที่ไม่ได้ทำพิธีขลิบ ที่ถูกฆ่าด้วยดาบ” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
ข้าแต่พระเจ้าช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงบนพวกเรา
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนองเพลงดอกพลับพลึง คำพยาน เพลงสดุดีของอาสาฟ
1 ข้าแต่ผู้เลี้ยงแกะแห่งอิสราเอล โปรดฟังพวกเราด้วยเถิด
พระองค์เป็นผู้ที่นำคนของโยเซฟเหมือนนำฝูงแกะ
พระองค์ผู้นั่งอยู่เหนือทูตสวรรค์ที่มีปีก
ขอปรากฏตัวให้พวกเราเห็นด้วยเถิด
2 ลุกขึ้นเถิด แสดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์
ต่อหน้าประชาชนของเอฟราอิม เบนยามิน และมนัสเสห์
มาช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด
3 ข้าแต่พระเจ้า ช่วยทำให้เรากลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิมด้วยเถิด
ช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงมาบนพวกเรา[a] และช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
พระองค์จะโกรธคนของพระองค์ที่อธิษฐานต่อพระองค์ไปอีกนานแค่ไหน
5 พระองค์เลี้ยงพวกเขา ด้วยน้ำตาต่างข้าว
และให้พวกเขาดื่มน้ำตาเป็นถังๆ
6 พระองค์ทำให้เรากลายเป็นสิ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านต่างต่อสู้แย่งชิงกัน
และพวกศัตรูก็หัวเราะเยาะพวกเรา
7 ข้าแต่พระเจ้า ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ช่วยทำให้เรากลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิมด้วยเถิด
ช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงมาบนพวกเราและช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด
8 พระองค์นำพวกเราที่เป็นเถาองุ่นของพระองค์ออกจากอียิปต์
พระองค์ขับไล่ชาวต่างชาติออกไปและปลูกพวกเราที่เป็นต้นองุ่นของพระองค์แทน
9 พระองค์กำจัดหินและหญ้ารกให้ต้นองุ่นนั้นมีที่เติบโต
แล้วต้นองุ่นนั้นก็หยั่งรากลึกและแผ่ขยายไปทั่วแผ่นดิน
10 เงาของมันปกคลุมไปทั่วเนินเขาต่างๆ
ส่วนกิ่งก้านของมันปกคลุมต้นสนซีดาร์อันสูงใหญ่
11 เถาองุ่นได้แตกกิ่งก้านแผ่ขยายออกไปทางทิศตะวันตกสู่ทะเล
ทางทิศตะวันออกสู่แม่น้ำยูเฟรติส
12 แต่ตอนนี้ ทำไมพระองค์ถึงได้พังรั้วกำแพงที่ป้องกันสวนองุ่นลง
และปล่อยให้คนที่เดินผ่านไปมาเด็ดลูกมัน
13 พวกหมูป่าก็พากันมาแทะกิน
และแมลงจากท้องทุ่งพากันมากัดกิน
14 ข้าแต่พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น โปรดกลับมาเถิด
โปรดมองลงมาจากสวรรค์ และดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ลงมาดูแลเถาองุ่นต้นนี้ด้วยเถิด
15 พระองค์ปลูกรากเง้าของมันด้วยมือขวาของพระองค์เอง
พระองค์เลี้ยงดูต้นอ่อนนั้นให้เป็นของพระองค์เอง
16 แต่ตอนนี้ เถาองุ่นของพระองค์ถูกโค่นลงและเผาทิ้ง
ขอให้พวกศัตรูถูกทำลายด้วยสีหน้าที่เกรี้ยวโกรธของพระองค์
17 ขอให้มือของพระองค์หนุนคนที่พระองค์เลือกสรรไว้[b]
คือผู้ที่พระองค์ได้เลี้ยงดูให้แข็งแรงเป็นของพระองค์เอง
18 แล้วพวกเราจะได้ไม่หันเหไปจากพระองค์
ขอพระองค์ให้ชีวิตใหม่กับพวกเรา เพื่อพวกเราจะได้สรรเสริญชื่อของพระองค์
19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
ช่วยทำให้เราเข้มแข็งเหมือนเดิมด้วยเถิด
ช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงมาบนพวกเราและช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International