Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 ซามูเอล 17

อาหิโธเฟลแนะให้ไล่ล่าดาวิด

17 อาหิโธเฟลพูดกับอับซาโลมว่า “ข้าพเจ้าจะ[a] เลือกคนมาหนึ่งหมื่นสองพันคนและยกทัพไปไล่ตามดาวิดในคืนนี้เลย ข้าพเจ้าจะได้โจมตีเขาในขณะที่เขายังเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย และทำให้เขาหวาดกลัว แล้วคนของเขาทั้งหมดก็จะวิ่งหนีไป ข้าพเจ้าจะทำร้ายเฉพาะกษัตริย์ และนำประชาชนทั้งหมดกลับมาให้ท่าน เมื่อชายคนที่ท่านหาตัวอยู่นี้ตายไป ประชาชนทุกคนก็จะกลับมาหาท่านเหมือนเจ้าสาวที่กลับมาคืนดีกับสามี”[b]

อับซาโลมและผู้ใหญ่ของอิสราเอลทั้งหมดต่างเห็นดีด้วยกับแผนการนี้ แต่อับซาโลมพูดว่า “เรียกตัวหุชัยชาวอารคีมา เราจะได้ฟังความเห็นของเขาด้วย”

คำแนะนำของหุชัย

เมื่อหุชัยมาพบ อับซาโลมพูดว่า “อาหิโธเฟลให้คำแนะนำไว้อย่างนี้ เราควรทำตามที่เขาพูดหรือไม่ ถ้าไม่ บอกหน่อยสิว่า เจ้ามีความคิดเห็นว่ายังไง”

หุชัยตอบอับซาโลมว่า “ในครั้งนี้ คำแนะนำที่อาหิโธเฟลให้นั้นใช้ไม่ได้ ท่านก็รู้จักพ่อของท่านและคนของเขาดี พวกเขาเป็นนักสู้และดุร้ายพอๆกับแม่หมีในป่าที่ถูกขโมยลูกไป นอกจากนั้น พ่อของท่านมีประสบการณ์ในการสู้รบมามาก เขาจะไม่พักค้างคืนอยู่ในกองทหาร ตอนนี้ เขาคงจะซ่อนตัวอยู่ในถ้ำสักแห่งหรือสถานที่อื่น แล้วถ้าเขาเกิดโจมตีกองทัพของท่านก่อนล่ะก็[c] ใครก็ตามที่ได้ยินเกี่ยวกับมันจะต้องพูดว่า ‘เกิดการฆ่าหมู่กองทหารที่ติดตามอับซาโลม’ 10 เมื่อถึงตอนนั้น แม้แต่ทหารกล้าที่มีจิตใจแข็งแกร่งเหมือนสิงห์ ก็จะอ่อนปวกเปียกด้วยความกลัว เพราะอิสราเอลทั้งหมดต่างรู้ดีว่าพ่อของท่านเป็นนักรบและพวกคนที่อยู่กับเขาต่างก็เป็นคนกล้าหาญ

11 ดังนั้น ข้าพเจ้าขอแนะนำท่านให้รวบรวมอิสราเอลทั้งหมดเข้ามาหาท่าน ตั้งแต่ดานไปจนถึงเบเออร์เชบา ซึ่งมีจำนวนมากเหมือนเม็ดทรายบนชายหาด และให้ท่านไปกับพวกเขา[d] 12 แล้วพวกเราจะเข้าจู่โจมเขาที่ใดก็ตามที่พบตัวเขา และพวกเราจะอยู่ไปทั่วเหมือนน้ำค้างที่ตกไปทั่วพื้นดิน ไม่ว่าตัวเขาหรือทหารของเขาก็จะไม่เหลือรอดสักคนเดียว 13 ถ้าดาวิดหนีเข้าไปในเมือง ชาวอิสราเอลทั้งหมดก็จะเอาเชือกลากกำแพงเมืองนั้นลงในหุบเขาไม่เหลือแม้กระทั่งหินชิ้นเล็กๆให้เห็น”

14 อับซาโลมและผู้ใหญ่อิสราเอลทั้งหมดพูดว่า “คำแนะนำของหุชัยชาวอารคีดีกว่าของอาหิโธเฟล” ที่เป็นอย่างนี้เพราะพระยาห์เวห์จงใจทำให้คำแนะนำดีๆของอาหิโธเฟลพ่ายแพ้ไป เพื่อพระองค์จะได้นำความหายนะมาสู่อับซาโลม

หุชัยส่งคำเตือนถึงดาวิด

15 หุชัยบอกศาโดกและอาบียาธาร์นักบวชทั้งสองว่า “อาหิโธเฟลได้แนะนำอับซาโลมและผู้ใหญ่ของอิสราเอลให้ทำอย่างหนึ่ง แต่เราได้แนะนำพวกเขาให้ทำอีกอย่างหนึ่ง 16 ตอนนี้ให้ส่งข่าวไปบอกกับดาวิดทันทีว่า ‘คืนนี้อย่าหยุดอยู่ที่ท่าข้ามแม่น้ำในทะเลทราย แต่ให้รีบข้ามแม่น้ำไปให้หมด ไม่อย่างนั้น ทั้งตัวกษัตริย์เองและประชาชนทั้งหมดที่อยู่กับเขาจะถูกกลืน’”

17 ขณะนั้นโยนาธานและอาหิมาอัสกำลังคอยอยู่ที่เอนโรเกล แล้วจะมีหญิงรับใช้คนหนึ่งจะไปส่งข่าวให้กับพวกเขา แล้วพวกเขาก็จะไปส่งข่าวต่อให้กับกษัตริย์ดาวิด เพราะพวกเขาไม่อยากเสี่ยงที่จะถูกพบเห็นในขณะเข้าเมือง

18 แต่ชายหนุ่มคนหนึ่งเห็นพวกเขาและไปบอกอับซาโลม ดังนั้นทั้งสองคนจึงรีบจากไป และไปยังบ้านของชายคนหนึ่งที่บาฮูริม เขามีบ่อเก็บน้ำที่ลานบ้าน[e] พวกเขาจึงปีนลงไปในบ่อเก็บน้ำนั้น 19 เมียของชายคนนั้น เอาของมาปิดปากบ่อไว้และเอาเมล็ดข้าวมาตากไว้ข้างบน ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ 20 เมื่อคนของอับซาโลมมาถึงบ้านของหญิงคนนั้น พวกเขาถามว่า “อาหิมาอัสกับโยนาธานอยู่ที่ไหน”

หญิงคนนั้นตอบพวกเขาว่า “พวกเขาข้ามลำธารไปแล้ว”[f]

ชายพวกนั้นค้นบ้านหลังนั้นแต่ไม่พบใคร พวกเขาจึงกลับเมืองเยรูซาเล็ม

21 หลังจากชายพวกนั้นไปแล้ว ทั้งสองคนจึงปีนออกมาจากบ่อน้ำและไปบอกข่าวกับกษัตริย์ดาวิด พวกเขาพูดกับดาวิดว่า “รีบออกเดินทางและข้ามแม่น้ำไปทันที อาหิโธเฟลแนะนำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อสู้รบกับท่าน”

22 ดังนั้นดาวิดและประชาชนทั้งหมดที่อยู่กับเขาจึงออกเดินทางและข้ามแม่น้ำจอร์แดน พอรุ่งเช้า ทุกคนก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปจนหมด

อาหิโธเฟลฆ่าตัวตาย

23 เมื่ออาหิโธเฟลเห็นว่าไม่มีใครทำตามคำแนะนำของเขา เขาผูกอานลาของเขาและกลับไปที่บ้านเกิดเมืองนอนของเขา เขาได้สั่งเสียจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ไปผูกคอตาย เขาตายและถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพ[g] ของพ่อเขา

อับซาโลมข้ามแม่น้ำจอร์แดน

24 ดาวิดได้ไปถึงเมืองมาหะนาอิม และอับซาโลมได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนพร้อมกับคนอิสราเอลทั้งหมด 25 อับซาโลมแต่งตั้งอามาสาเป็นแม่ทัพแทนโยอาบ[h] อามาสาเป็นลูกชายของเยเธอร์ชาวอิชมาเอล[i] อามาสาได้แต่งงานกับอาบีกัล[j] ลูกสาวของนางนาหาช นางนาหาชเป็นน้องสาวนางเศรุยาห์แม่ของโยอาบ

26 ชาวอิสราเอลเหล่านั้นกับอับซาโลมตั้งค่ายอยู่ในดินแดนกิเลอาด

โชบี มาคีร์และบารซิลลัย

27 เมื่อดาวิดมาถึงเมืองมาหะนาอิม โชบี มาคีร์และบารซิลลัยอยู่ที่นั่น โชบีเป็นลูกชายนาหาช เขาเป็นชาวอัมโมนมาจากเมืองรับบาห์ มาคีร์เป็นลูกชายอัมมีเอล เขามาจากเมืองโลเดบาร์ บารซิลลัย เป็นชาวกิเลอาดมาจากเมืองโรเกลิม 28-29 ชายทั้งสามคนนี้พูดกันว่า “ประชาชนพวกนี้ หิว เหนื่อยและกระหายจากทะเลทราย” ดังนั้น พวกเขาจึงขนเอาที่นอน อ่างน้ำและหม้อชามรามไหมา พวกเขายังเอาข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ แป้ง เมล็ดข้าวคั่ว ถั่ว ถั่วแขก น้ำเชื่อมผลไม้ เนย แกะ และเนยแข็งจากนมวัว มาให้ดาวิดและประชาชนของเขากินกัน

2 โครินธ์ 10

เปาโลแก้ข้อกล่าวหาให้กับตัวเอง

10 ผมเปาโล ขอร้องคุณเป็นการส่วนตัวด้วยความอ่อนโยน และด้วยความเมตตาของพระคริสต์ บางคนว่าผมขี้ขลาดเมื่ออยู่กับพวกคุณ แต่กลับกล้าหาญเมื่ออยู่ห่างไกล เมื่อผมมาผมขอร้องว่าอย่าบังคับให้ผมต้องใช้ความกล้าหาญแบบที่ผมกะจะใช้กับคนพวกนั้นที่หาว่าผมใช้ชีวิตอย่างคนในโลกนี้ ถึงแม้เราจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ก็จริง แต่เราก็ไม่ได้ต่อสู้เหมือนกับคนของโลกนี้ เพราะอาวุธที่เราใช้นั้นไม่เหมือนกับอาวุธของโลกนี้ อาวุธของเราเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่จะทำลายที่มั่นต่างๆ เราก็ใช้อาวุธนี้ทำลายข้อโต้แย้งต่างๆที่ต่อต้านพระเจ้า ทำลายกำแพงสูงทั้งหมดที่ขัดขวางไม่ให้คนรู้เกี่ยวกับเรื่องพระเจ้า เรายังจับความคิดของคนมาเป็นเชลยเพื่อเขาจะได้เชื่อฟังพระคริสต์ แล้วก็พร้อมที่จะลงโทษการกระทำที่ไม่เชื่อฟังทุกอย่างหลังจากที่พวกคุณเชื่อฟังจนครบถ้วนแล้ว

ลองดูความจริงที่อยู่ต่อหน้าคุณสิ ถ้าใครแน่ใจว่าตัวเองเป็นของพระคริสต์ ก็ให้คิดทบทวนและรู้เสียด้วยว่า เราก็เป็นของพระคริสต์พอๆกับเขา ถ้าดูเหมือนว่าผมโอ้อวดมากไปเกี่ยวกับสิทธิอำนาจที่องค์เจ้าชีวิตให้กับเรา ผมก็ไม่อายหรอก เพราะมันมีไว้เพื่อเสริมสร้างพวกคุณ ไม่ใช่ทำลาย ผมไม่อยากให้คุณคิดว่าผมกำลังใช้จดหมายพวกนี้ข่มขู่ให้คุณตกใจ 10 บางคนพูดว่า “จดหมายของเปาโลนั้นน่าประทับใจมากและมีพลังมาก แต่พอตัวเขามาอยู่ต่อหน้ากลับอ่อนแอและพูดไม่เอาไหน” 11 คนที่พูดอย่างนี้ก็ให้จำเอาไว้ว่า เมื่อผมมาถึง ในจดหมายผมเป็นยังไง ผมก็จะเป็นอย่างนั้นต่อหน้าพวกคุณด้วย

12 เราไม่กล้าไปเทียบชั้นหรือเอาตัวไปเปรียบกับคนพวกนั้นที่โอ้อวดเกี่ยวกับคุณสมบัติของเขาหรอก พวกนี้ได้แต่อวดโง่ คือเอาตัวเองเป็นมาตรฐานวัดกันและเปรียบเทียบกัน 13 แต่เราจะไม่โอ้อวดจนเกินไป เราจะโอ้อวดเฉพาะภายในขอบเขตงานที่พระเจ้ามอบหมายให้เราทำเท่านั้น ซึ่งขอบเขตนี้ก็รวมถึงงานที่เราทำกับพวกคุณด้วย 14 เราไม่ได้โอ้อวดจนเกินไป แต่ถ้าเราไม่ได้มาหาพวกคุณจริงๆสิ นั่นแหละแสดงว่าเราโอ้อวดเกินไป แต่แท้จริงแล้ว เราเป็นพวกแรกที่นำข่าวดีเกี่ยวกับพระคริสต์มาให้กับพวกคุณ 15 เราจะโอ้อวดเฉพาะงานที่เราทำ ไม่ใช่งานที่คนอื่นทำ แต่เราหวังว่าเมื่อพวกคุณมีความเชื่อมากขึ้น งานของเราก็จะขยายใหญ่โตมากขึ้นในหมู่พวกคุณด้วย 16 แล้วเราก็จะได้ไปประกาศข่าวดีในเมืองอื่นๆบ้างที่ยังไม่เคยมีใครไป เพราะเราไม่อยากจะอวดอ้างในผลงานที่คนอื่นทำไว้ในพื้นที่ของเขา 17 เหมือนกับที่พระคัมภีร์พูดไว้ว่า “คนที่อยากจะโอ้อวด ก็ให้โอ้อวดแต่องค์เจ้าชีวิตเท่านั้น”[a]

18 ไม่ใช่ว่าคนที่ยกย่องตัวเองจะผ่านการสอบและเป็นที่ยอมรับ แต่เป็นคนที่องค์เจ้าชีวิตยกย่องต่างหาก

เอเสเคียล 24

เยรูซาเล็มเป็นหม้อที่เต็มไปด้วยเนื้อ

24 ในวันที่สิบเดือนสิบของปีที่เก้า[a]

คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้จดวันที่วันนี้ไว้ เพราะในวันนี้ กษัตริย์ของเมืองบาบิโลนได้มาปิดล้อมเมืองเยรูซาเล็มไว้

ให้เล่าเรื่องเปรียบเทียบนี้ให้กับครอบครัวขี้กบฏฟัง บอกพวกเขาว่า

‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
    ให้ตั้งหม้อทำอาหารไว้บนไฟ ตั้งไว้และเทน้ำใส่ลงไป
ให้ใส่เนื้อเป็นชิ้นๆลงไป
    เอาเนื้อชิ้นที่ดีๆทั้งหมด ทั้งส่วนสะโพกและส่วนขาหน้า
    แล้วใส่กระดูกที่ดีที่สุดลงไป
ให้เอาสัตว์ที่ดีที่สุดจากฝูงแพะแกะมาตัวหนึ่ง
    เอาไม้ฟืนมาสุมไว้ใต้หม้อเพื่อต้มชิ้นเนื้อต่างๆ
    และต้มกระดูกในหม้อนั้นไปด้วย’”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“เมืองแห่งการฆ่าฟันกันนี้ น่าละอายจริงๆ
    ในหม้อใบนี้มีสิ่งสกปรกติดเกรอะกรังไปหมด
ขี้เกรอะพวกนี้ล้างไม่ออก
    ให้หยิบเนื้อในหม้อออกมาทีละชิ้นทีละชิ้น โดยไม่ต้องจับสลากเลือกว่าจะหยิบชิ้นไหนก่อน
เพราะว่าเลือดที่นางเยรูซาเล็มทำให้ไหลนองนั้น
    ยังอยู่ในท่ามกลางตัวนาง
นางเทเลือดออกมาไว้บนหิน
    นางไม่ได้เทลงบนดินที่ฝุ่นจะกลบปกปิดมันได้
เราวางเลือดที่นางได้ทำให้ตกนั้นไว้บนก้อนหิน
    เพื่อมันจะได้ไม่ถูกกลบ[b] จะได้ปลุกเร้าความโกรธของเราที่จะแก้แค้น”
ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“เมืองแห่งการฆ่าฟันกันนี้ น่าละอายจริงๆ
    เราจะสุมกองไม้ไว้ให้สูง
10 ให้สุมกองไม้ไว้
    และจุดไฟ
ต้มเนื้อให้สุก
    ผสมเครื่องเทศลงไป[c]
    และปล่อยให้กระดูกถูกเผาไป
11 แล้วตั้งหม้อเปล่าไว้บนกองถ่าน
    จนมันร้อนและทองแดงเริ่มระอุ
เพื่อความสกปรกของมันจะละลายออกมา
    และขี้เกรอะของมันจะถูกเผาไหม้ไปหมด

12 แต่เราก็ลงมือลงแรงเหนื่อยเปล่า
    เพราะขี้เกรอะอันหนาของมันก็ไม่หลุดออก
    แม้แต่ไฟก็ไม่สามารถเผาให้มันหลุดได้

13 ขี้เกรอะนั้นก็คือการร่านสวาทของเจ้า
    เราพยายามชำระล้างเจ้าแล้ว
แต่ขี้เกรอะของเจ้าก็ไม่ยอมออก
    เจ้าจะไม่มีวันสะอาดได้อีก
    จนกว่าเราจะระบายความเดือดดาลของเราใส่เจ้าจนหมดสิ้น

14 เรา ยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไปแล้ว เวลาที่เราจะลงมือได้มาถึงแล้ว เราจะไม่ยับยั้งไว้อีก เราจะไม่สงสารและจะไม่เปลี่ยนใจ เราจะตัดสินโทษเจ้าตามวิธีการและการกระทำของเจ้า” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

เมียเอเสเคียลตาย

15 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 16 “เจ้าลูกมนุษย์ ในช่วงเวลาอันสั้น เราจะเอาแก้วตาดวงใจ[d]ของเจ้าไปอย่างกระทันหัน อย่าเศร้าโศกหรือร้องไห้หรือให้น้ำตาตกเลย 17 ครวญครางอย่างเงียบๆอย่าไว้ทุกข์ให้กับคนตาย ให้โพกผ้าที่หัว และใส่รองเท้าสานไว้ตามปกติ อย่าเอาผ้าปิดใต้จมูกลงมา[e] หรือกินอาหารตามประเพณีของคนไว้ทุกข์”

18 ดังนั้น ในตอนเช้าผมก็พูดกับประชาชนเหมือนเคย พอตกเย็นเมียของผมก็ตาย วันรุ่งขึ้น ผมก็ทำตามที่ได้รับคำสั่งมา 19 แล้วประชาชนก็ถามผมว่า

“ที่ท่านทำอย่างนี้ ท่านจะไม่บอกพวกเราหรือ ว่ามันหมายถึงอะไร”

20 ผมจึงพูดกับพวกเขาว่า “คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 21 ‘ให้บอกกับครอบครัวชาวอิสราเอลว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เรากำลังจะทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราเสื่อมไป คือป้อมปราการที่เจ้าภาคภูมิใจนั้น มันเป็นแก้วตาดวงใจของเจ้าและเป็นสิ่งที่เจ้าหลงรัก ส่วนพวกลูกชายลูกสาวของเจ้าที่เจ้าไม่ได้เอามาด้วย จะถูกฆ่าฟันด้วยดาบ

22 แล้วในเวลานั้น พวกเจ้าก็จะทำเหมือนกับที่เอเสเคียลทำ พวกเจ้าจะไม่เอาผ้าปิดใต้จมูกลงมา และจะไม่กินอาหารตามประเพณีของคนไว้ทุกข์

23 เจ้าจะโพกผ้าไว้บนหัว และสวมรองเท้าสานไว้ตามปกติ เจ้าจะไม่ไว้ทุกข์หรือร้องไห้ แต่เจ้าจะเหี่ยวแห้งร่วงโรยไปเพราะบาปต่างๆของเจ้า และเจ้าจะคร่ำครวญอยู่ในหมู่ของพวกเจ้ากันเอง 24 เอเสเคียลจะเป็นตัวอย่างให้แก่พวกเจ้า พวกเจ้าจะทำอย่างที่เขาทำ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต”’”

25 “และเจ้าลูกมนุษย์ ในวันที่เราทำลายป้อมปราการของพวกเขา ที่เป็นความชื่นบานและความภาคภูมิใจของพวกเขา มันเป็นแก้วตาดวงใจของพวกเขา และความปรารถนาของหัวใจพวกเขา และเราจะเอาลูกชายลูกสาวของพวกเขาไปด้วย 26 ในวันนั้นผู้รอดชีวิตคนหนึ่งจากเยรูซาเล็มจะมาบอกข่าวนี้กับเจ้า 27 ในเวลานั้นปากของเจ้าจะเปิดออก เจ้าจะพูดกับเขาและจะไม่เป็นใบ้อีก ดังนั้นเจ้าจะเป็นตัวอย่างให้แก่ประชาชน แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

สดุดี 72

คำอธิษฐานให้พระเจ้าอวยพรกษัตริย์

เพลงสำหรับซาโลมอน

ข้าแต่พระเจ้า ช่วยกษัตริย์ตัดสินอย่างยุติธรรม เหมือนที่พระองค์ทำ
    ช่วยลูกชายของกษัตริย์ให้เป็นคนดีและเที่ยงธรรมเหมือนกับพระองค์ด้วยเถิด
ขอให้กษัตริย์ปกครองคนของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา
    และปกครองคนยากจนของพระองค์อย่างยุติธรรม
แล้วภูเขาต่างๆจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้กับคนของพระเจ้า
    และเนินเขาต่างๆก็จะให้ผลดีที่มาจากการทำตามใจพระเจ้า
ขอให้กษัตริย์ตัดสินคนยากจนอย่างยุติธรรมและช่วยเหลือผู้ขัดสน
    แต่ขอให้กษัตริย์ลงโทษคนเหล่านั้นที่กดขี่พวกเขา

ขอให้ผู้คนยำเกรงและนับถือพระองค์[a] ตลอดชั่วลูกชั่วหลาน
    ตราบเท่าที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ยังมีอยู่
ขอให้กษัตริย์เป็นเหมือนฝนที่ตกลงมาบนทุ่งหญ้าที่ตัดจนโล่งเตียนแล้ว
    ขอให้เขาเป็นเหมือนห่าฝนที่ตกลงมาทำให้พื้นดินชุ่มโชก
ขอให้คนดีเบ่งบานขึ้น ในช่วงที่เขาปกครองนั้น
    และขอให้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างเหลือล้นตราบเท่าที่ดวงจันทร์ยังมีอยู่

ขอให้เขาปกครองจากทะเลหนึ่งไปถึงอีกทะเลหนึ่ง
    จากแม่น้ำยูเฟรติสไปถึงสุดปลายแผ่นดินโลก
ขอให้คนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งก้มกราบลงต่อหน้าเขา
    ขอให้พวกศัตรูของเขาเลียฝุ่นแทบเท้าของเขา
10 ขอให้พวกกษัตริย์แห่งทารชิช และหมู่เกาะที่อยู่ห่างไกลนำเครื่องบรรณาการมาให้กับเขา
    ขอให้กษัตริย์แห่งเมืองเชบา[b] และเสบา[c] นำเครื่องบรรณาการมาให้ด้วย
11 ขอให้กษัตริย์ทั้งปวงก้มกราบเขา
    และขอให้ชนชาติทั้งปวงมารับใช้เขา

12 เพราะว่าเขาช่วยกู้ผู้ขัดสนที่ร้องขอความช่วยเหลือ
    และคนยากจนที่ไม่มีใครช่วย
13 กษัตริย์องค์นี้ให้ความเมตตากับคนอ่อนแอ
    และขัดสน และช่วยชีวิตของผู้ที่ขัดสน
14 เขาจะไถ่ชีวิตของคนพวกนั้นจากการกดขี่ข่มเหงและความโหดเหี้ยม
    เพราะชีวิตของคนเหล่านั้นมีค่ามากในสายตาเขา

15 ขอให้กษัตริย์มีอายุยิ่งยืนนานและได้รับทองคำที่มีค่าสูงสุดจากเชบา
    ขอให้ประชาชนอธิษฐานเผื่อเขาเป็นประจำและอวยพรให้กับเขาวันยังค่ำ
16 ขอให้มีต้นข้าวขึ้นอุดมและชูรวงไหวพลิ้วไปมาแม้บนยอดเขา
    ขอให้ผลไม้งอกงามดุจดังป่าแห่งเลบานอน
    ขอให้ผู้คนบานสะพรั่งเต็มเมืองเหมือนกับหญ้าในท้องทุ่ง
17 ขอให้ชื่อเสียงของกษัตริย์คงอยู่ตลอดไป
    และขอให้ชื่อเสียงของเขาคงอยู่ต่อไปตราบเท่าที่ดวงอาทิตย์ยังมีอยู่
ขอให้ชนชาติต่างๆใช้ชื่อของเขาอวยพรให้แก่กันและกัน
    และขอให้ผู้คนถือว่าเขามีเกียรติจริงๆ

18 ขอให้พระยาห์เวห์ พระเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้รับคำสรรเสริญ
    มีแต่พระองค์เท่านั้นที่ทำสิ่งที่น่าทึ่งต่างๆได้
19 ขอสรรเสริญชื่ออันยิ่งใหญ่ของพระองค์ตลอดกาล
    ขอให้ทั้งโลกเต็มไปด้วยรัศมีของพระองค์
    อาเมน อาเมน

20 คำอธิษฐานต่างๆของดาวิดบุตรชายของเจสซี ก็จบลงเพียงเท่านี้

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International