Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 ซามูเอล 14

โยอาบส่งหญิงฉลาดไปให้ดาวิด

14 โยอาบลูกชายนางเศรุยาห์รู้ว่าใจของดาวิดคิดถึงอับซาโลมมาก เขาจึงส่งคนไปเมืองเทโคอาและให้นำตัวหญิงฉลาดคนหนึ่งมาจากที่นั่น เขาพูดกับนางว่า “ให้ท่านแกล้งทำเป็นไว้ทุกข์อยู่ ให้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสำหรับไว้ทุกข์และอย่าใช้เครื่องสำอางใดๆให้ทำตัวเหมือนหญิงคนหนึ่งที่ไว้ทุกข์ให้กับคนตายมาหลายวันแล้ว แล้วให้ไปหากษัตริย์และพูดสิ่งเหล่านี้กับเขา” และโยอาบก็บอกคำพูดเหล่านั้นให้นางฟัง

เมื่อหญิงจากเมืองเทโคอาไปหากษัตริย์ นางก้มหน้ากราบลงกับพื้นดินทำความเคารพและพูดว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด”

กษัตริย์ถามนางว่า “เจ้ามีปัญหาอะไรหรือ”

นางพูดว่า “ข้าพเจ้าเป็นแม่หม้าย สามีของข้าพเจ้าตายแล้ว ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านมีลูกชายสองคน พวกเขาต่อสู้กันในทุ่งนา และไม่มีใครที่จะช่วยแยกพวกเขาออกจากกัน คนหนึ่งทำร้ายอีกคนหนึ่งและฆ่าเขาตาย ตอนนี้คนทั้งตระกูลลุกขึ้นคัดค้านข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่าน พวกเขาพูดว่า ‘มอบคนที่ฆ่าพี่ชายของเขามา เพื่อว่าพวกเราจะได้ฆ่าเขาชดใช้ชีวิตให้กับพี่ชายที่เขาฆ่า ถึงจะต้องฆ่าผู้รับมรดกก็ตาม’ พวกเขามาดับไฟถ่านหินก้อนสุดท้ายที่ข้าพเจ้ามีอยู่ ปล่อยให้สามีข้าพเจ้าไม่มีทั้งชื่อและลูกหลานไว้บนโลกนี้เลย”

กษัตริย์พูดกับหญิงผู้นั้นว่า “กลับไปบ้านเถิด เราจะจัดการเรื่องนี้ให้กับเจ้าเอง”

แต่หญิงจากเมืองเทโคอาพูดกับเขาว่า “กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ขอให้โทษตกอยู่ที่ข้าพเจ้าและครอบครัวพ่อข้าพเจ้าเถิด อย่าให้กษัตริย์และบัลลังก์ของท่านมีความผิดไปด้วยเลย”

10 กษัตริย์ตอบว่า “ถ้ามีใครพูดอะไรกับเจ้า นำตัวเขามาให้เราและเขาจะไม่มารบกวนเจ้าอีกเลย”

11 นางพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ขอให้กษัตริย์ขอร้องพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน เพื่อคนที่จะมาแก้แค้นนั้นจะได้หยุดฆ่า เพื่อลูกชายของข้าพเจ้าจะได้ไม่ถูกทำลายไป”

กษัตริย์ตอบว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า แม้แต่ผมสักเส้นหนึ่งของลูกชายท่านก็จะไม่ตกถึงพื้น”

12 หญิงคนนั้นจึงพูดว่า “ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านพูดเรื่องหนึ่งกับกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าด้วยเถิด”

เขาตอบว่า “พูดไปเถิด”

13 หญิงคนนั้นจึงพูดว่า “แล้วทำไมท่านถึงได้วางแผนทำเรื่องอย่างเดียวกันนี้ต่อประชาชนของพระเจ้า เมื่อท่านตัดสินให้หยุดการแก้แค้น แสดงว่าท่านกำลังกล่าวโทษตัวเอง เพราะแม้แต่ตัวท่านเองยังไม่ยอมรับตัวลูกชายท่านที่ถูกเนรเทศกลับมาเลย 14 มนุษย์เราต้องตายกันทุกคน เหมือนน้ำที่หกลงบนพื้นแล้วไม่สามารถรวมกลับคืนมาได้อีก พระเจ้าไม่ได้คิดที่จะทำลายชีวิตใคร แต่พระองค์คิดหาแผนเพื่อคนที่ถูกขับออกจะได้กลับคืนดีกับพระองค์ 15 ข้าพเจ้าได้มาพูดสิ่งนี้กับกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า เพราะว่าประชาชนได้ทำให้ข้าพเจ้ากลัว ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านคิดในใจว่า ‘ฉันจะพูดกับกษัตริย์ บางทีเขาอาจจะทำตามที่ผู้รับใช้คนนี้ของเขาขอก็ได้ 16 บางทีกษัตริย์อาจจะยอมช่วยผู้รับใช้คนนี้ของเขาให้พ้นจากมือของคนที่พยายามทำลายตัวฉันและลูกชายของฉันไปจากประชาชนซึ่งเป็นทรัพย์สินของพระเจ้า’ 17 ข้าพเจ้าคนรับใช้ของท่านคิดว่า ‘คำพูดของกษัตริย์นายฉันทำให้ฉันได้รับความสงบสุข’ เพราะกษัตริย์เจ้านายของฉันเป็นเหมือนทูตสวรรค์ของพระเจ้าที่รู้จักแยกแยะดีชั่ว ขอให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน สถิตอยู่กับท่านด้วยเถิด”

18 กษัตริย์จึงพูดกับหญิงนั้นว่า “เราจะถามเจ้า อย่าได้ปิดบังเราล่ะ”

หญิงคนนั้นตอบว่า “ขอให้กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าถามมาเถิด”

19 กษัตริย์ถามว่า “เป็นฝีมือของโยอาบใช่ไหม ที่ใช้ให้เจ้ามาพูดอย่างนี้”

หญิงคนนั้นตอบว่า “กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงที่จะไม่ตอบสิ่งที่กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าถามได้หรอก ใช่แล้วค่ะ โยอาบคนรับใช้ของท่านเป็นคนสั่งให้ข้าพเจ้าทำสิ่งเหล่านี้ เขาเป็นคนสั่งให้ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านพูดอย่างนี้ 20 โยอาบผู้รับใช้ท่านทำไปเพื่อจะเปลี่ยนสถานการณ์ในขณะนี้ นายของข้าพเจ้า ท่านเป็นคนฉลาดเหมือนทูตสวรรค์ของพระเจ้า ท่านรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้”

อับซาโลมกลับเยรูซาเล็ม

21 กษัตริย์พูดกับโยอาบว่า “ดีมาก เราจะทำตามที่เจ้าขอ ไปนำตัวอับซาโลมหนุ่มคนนั้นกลับมา”

22 โยอาบก้มหน้ากราบลงกับพื้นแสดงความเคารพ และเขาอวยพรให้กับกษัตริย์ โยอาบพูดว่า “วันนี้ผู้รับใช้คนนี้ของท่านรู้แล้วว่า ข้าพเจ้าเองได้รับความกรุณาในสายตาของท่านแล้ว กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า เพราะกษัตริย์ได้ยอมทำตามคำขอร้องของคนรับใช้คนนี้ของพระองค์”

23 โยอาบจึงไปเกชูร์และนำตัวอับซาโลมกลับมายังเมืองเยรูซาเล็ม 24 แต่กษัตริย์พูดว่า “เขาต้องตรงกลับบ้านเขา อย่าให้มาพบหน้าเรา” อับซาโลมจึงตรงกลับไปบ้านเขาและไม่ได้เห็นหน้ากษัตริย์

25 ในบรรดาชาวอิสราเอลทั้งหมด ไม่มีใครได้รับคำชื่นชมในเรื่องความหล่อเท่ากับอับซาโลม ตั้งแต่หัวจรดเท้าแทบไม่มีที่ติเลย 26 เมื่อใดก็ตามที่เขาตัดผมออก ซึ่งเขาตัดผมทุกๆสิ้นปี เมื่อมันเริ่มหนักเกินไป เขาเคยเอามันมาชั่งดู มันหนักประมาณสองกิโลกรัมสามขีดตามมาตรฐานของหลวง 27 อับซาโลมมีลูกชายสามคนและลูกสาวหนึ่งคน ลูกสาวเขาชื่อทามาร์และนางเป็นคนสวยมาก

28 อับซาโลมอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มสองปีเต็มโดยไม่ได้พบหน้ากษัตริย์เลย 29 อับซาโลมได้ส่งคนไปตามโยอาบเพื่อให้มาพาเขาไปเข้าพบกษัตริย์ แต่โยอาบไม่ยอมมาพบเขา ดังนั้น เขาจึงส่งคนไปอีกเป็นครั้งที่สอง แต่โยอาบก็ยังไม่ยอมมา

30 เขาจึงพูดกับคนรับใช้ว่า “ทุ่งนาของโยอาบอยู่ถัดจากทุ่งนาของเรา เขามีข้าวบาร์เลย์อยู่ที่นั่น ไปจุดไฟเผามันซะ”

คนรับใช้ของอับซาโลมจึงไปจุดไฟเผานานั้น 31 แล้วโยอาบจึงได้ลุกขึ้นไปที่บ้านของอับซาโลมและพูดกับเขาว่า “ทำไมคนรับใช้ของท่านจึงมาจุดไฟเผานาของเรา”

32 อับซาโลมพูดกับโยอาบว่า “ก็ดูสิ เราส่งคนไปตามท่านมาที่นี่ เพื่อเราจะได้ส่งท่านไปถามกษัตริย์ว่า ‘ให้เรามาจากเกชูร์ทำไม ปล่อยให้เราอยู่ที่นั่นเสียยังจะดีกว่า’ ตอนนี้ เราต้องการพบหน้ากษัตริย์ และถ้าเรามีความผิด ก็ปล่อยให้เขาฆ่าเราเถิด”

33 โยอาบจึงไปหากษัตริย์และบอกสิ่งนี้กับเขา กษัตริย์จึงเรียกตัวอับซาโลมเข้าพบ เขาเข้ามาและก้มกราบลงกับพื้นต่อหน้ากษัตริย์ และกษัตริย์ก็จูบอับซาโลม

2 โครินธ์ 7

เพื่อนที่รัก ในเมื่อเรามีคำสัญญาพวกนี้ ก็ขอให้เราชำระตัวเองจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ร่างกายและจิตใจสกปรก ทำตัวให้บริสุทธิ์ครบถ้วนเพราะยำเกรงพระเจ้า

ความยินดีของเปาโล

ช่วยเปิดใจรับเราด้วย เราไม่ได้ทำผิดต่อใคร เราไม่ได้ทำลายความเชื่อของใคร และเราไม่ได้โกงใคร ที่ผมพูดอย่างนี้ผมไม่ได้โทษคุณนะ เพราะผมเคยบอกแล้วว่า พวกคุณอยู่ในใจเรา เราพร้อมที่จะร่วมเป็นร่วมตายกับพวกคุณอยู่แล้ว ผมมั่นใจและภูมิใจในตัวพวกคุณมาก คุณทำให้ผมมีกำลังใจมาก ทั้งๆที่เรามีความทุกข์แสนสาหัส แต่ผมก็ยังมีความยินดีอย่างล้นเหลือ

เมื่อเรามาถึงแคว้นมาซิโดเนียนั้น เราไม่ได้พักผ่อนเลย มองไปทางไหนก็มีแต่ปัญหา ภายนอกก็มีแต่การทะเลาะวิวาทกัน ส่วนภายในใจก็มีแต่ความหวาดกลัว แต่พระเจ้าผู้ปลอบโยนคนที่ท้อแท้ก็ปลอบโยนเราด้วย เพราะพระองค์ส่งทิตัสมาหาเรา ไม่ใช่แค่เรื่องที่ทิตัสมาเท่านั้นที่ปลอบโยนเรา แต่ยังรวมถึงเรื่องที่พวกคุณให้กำลังใจทิตัสด้วย ทิตัสเล่าให้เราฟังหมดแล้วว่า พวกคุณอยากเจอเราขนาดไหน คุณเสียใจแค่ไหน และคุณห่วงใยผมขนาดไหน ทำให้ผมดีใจมากขึ้นไปอีก

ถึงแม้จดหมายของผมจะทำให้คุณเศร้าโศกเสียใจ ผมก็ไม่เสียใจหรอกที่เขียนไป แต่ยอมรับว่าผมเสียใจหลังจากเขียนไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมก็เห็นแล้วว่าจดหมายนั้นทำให้คุณทุกข์ใจแค่ครู่เดียวเอง ตอนนี้ผมดีใจ ไม่ใช่เพราะคุณเศร้าเสียใจหรอกนะ แต่เพราะความเศร้าเสียใจนั้นทำให้คุณกลับตัวกลับใจ เป็นความเศร้าเสียใจแบบที่พระเจ้าต้องการ พวกคุณก็เลยไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเราเลย 10 เพราะความเศร้าเสียใจแบบที่พระเจ้าต้องการนี้ทำให้คนกลับตัวกลับใจและได้รับความรอด ผมก็เลยไม่มีอะไรต้องเสียใจ แต่ความเศร้าเสียใจแบบโลกนี้สิที่นำไปถึงความตาย 11 ลองมาสังเกตดูสิว่าความเศร้าเสียใจแบบที่พระเจ้าต้องการนั้นมีผลอะไรกับคุณบ้าง เช่น ทำให้คุณเอาจริงเอาจัง อยากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง โกรธคนที่ทำผิด กลัวถูกลงโทษ อยากจะเจอกับเราอีก ห่วงใยผม และลงโทษคนทำผิด คุณก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในทุกๆทางว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ

12 ดังนั้น สาเหตุที่ผมเขียนมาให้พวกคุณไม่ใช่เพราะเห็นแก่คนที่ทำผิดหรือคนที่เสียหายหรอกนะ แต่อยากจะทำให้คุณรู้ต่อหน้าพระเจ้าว่าคุณห่วงใยเราขนาดไหน 13 เราได้รับกำลังใจจากเรื่องนี้ นอกจากจะมีกำลังใจแล้ว เราก็ยังดีใจเป็นพิเศษอีกด้วยที่เห็นทิตัสมีความสุข เพราะพวกคุณทำให้จิตใจของเขาสดชื่น 14 ผมเคยโอ้อวดเรื่องพวกคุณให้ทิตัสฟัง และผมก็ไม่ขายหน้าเลย เพราะเรื่องที่ผมบอกคุณเป็นจริงอย่างไร เรื่องที่ผมบอกกับทิตัสเกี่ยวกับคุณก็เป็นจริงอย่างนั้นด้วย 15 ทิตัสรักคุณมากยิ่งขึ้นเมื่อเขานึกถึงตอนที่คุณเชื่อฟังเขาในทุกเรื่อง และยังต้อนรับเขาด้วยความเคารพยำเกรงจนตัวสั่น 16 ผมดีใจที่สามารถมั่นใจในตัวคุณได้อย่างเต็มที่

เอเสเคียล 21

21 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หันหน้าของเจ้าไปที่เมืองเยรูซาเล็ม ให้เทศน์ต่อต้านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา และให้พูดแทนเราคัดค้านแผ่นดินของอิสราเอล ให้บอกกับแผ่นดินนั้นว่า

‘พระยาห์เวห์พูดว่า เราต่อต้านเจ้า เราจะชักดาบของเราออกจากฝัก และตัดทั้งคนดีและคนชั่วไปจากเจ้า เราจะตัดทั้งคนดีและคนชั่วออกไปจากเจ้า ดังนั้นเราจะชักดาบออกจากฝักเพื่อต่อสู้กับมนุษย์ทุกคน

ตั้งแต่ทิศใต้จดทิศเหนือ แล้วมนุษย์ทุกคนจะรู้ว่า เรา ยาห์เวห์ ได้ชักดาบของเราออกจากฝัก แล้วมันจะไม่กลับคืนฝักอีก’

ดังนั้นเจ้าลูกมนุษย์ ให้ร้องคร่ำครวญอย่างคนที่ใจแตกสลาย และให้ร้องอย่างขมขื่นใจต่อหน้าพวกเขา

และเมื่อพวกเขาถามเจ้าว่า ‘ทำไมเจ้าถึงร้องคร่ำครวญอย่างนั้น’

ให้เจ้าตอบว่า ‘เป็นเพราะข่าวร้ายที่กำลังจะมา

หัวใจทุกดวงจะหลอมละลาย

มือทุกมือจะอ่อนเปลี้ยลง

จิตใจทุกดวงจะอ่อนล้าลง

ทุกหัวเข่าจะอ่อนปวกเปียกเหมือนน้ำ’

ดูสิ ข่าวร้ายนั้นกำลังมาแล้ว มันจะเกิดขึ้นอย่างนั้นแน่ๆ” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดแทนเราว่า ‘องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้ว่า

ดูนั่น มีดาบ มีดาบเล่มหนึ่ง
    ถูกลับจนคมและขัดจนเงาแล้ว
10 มันถูกลับจนคมเพื่อฆ่า
    ถูกขัดจนเงาเพื่อส่องประกายเหมือนฟ้าแลบ
พวกเรายังจะมามัวชื่นชมในไม้คทาของยูดาห์ลูกชายของเราอยู่อีกหรือ
    ดาบ[a] นั้นได้ดูถูกไม้คทาทั้งหลายนั้น
11 ดาบนั้นถูกแต่งตั้งขึ้นเพื่อขัดเงา
    และนำไปใช้
มันถูกลับจนคมและมันวาว
    เพื่อใส่ไว้ในมือของนักฆ่า

12 เจ้าลูกมนุษย์ ให้ร้องไห้คร่ำครวญ

เพราะดาบเล่มนี้ได้มาต่อต้านประชาชนของเรา มันต่อต้านบรรดาเจ้าชายทั้งหลายของอิสราเอล

พวกเขาพร้อมกับประชาชนของเราถูกโยนไปให้กับดาบเล่มนั้น ดังนั้นให้ตบตีต้นขาด้วยความเศร้า

13 การทดสอบจะมาแน่ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคทาของยูดาห์ไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ เพราะเจอกับดาบที่ดูถูกมันนั้น’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

14 “ดังนั้น เจ้าลูกมนุษย์ ให้ตบมือเปรี้ยง และพูดแทนเรา ต่อต้านพวกเขาว่า

ปล่อยให้ดาบฟันลงมาสองครั้ง
    หรือสามครั้งก็ยังได้
ดาบนี้มีไว้เพื่อฆ่า
    มันมีไว้เพื่อฆ่าหมู่ครั้งยิ่งใหญ่
    มันล้อมพวกเขาเข้ามา
15 หัวใจของพวกเขาจะหลอมละลายไปด้วยความกลัว
    จะมีคนมากมายสะดุดและล้มลง
เราได้วางดาบไว้ที่ตรงประตูทั้งหมดของพวกเขาเพื่อฆ่า
ดาบนั้นจะส่องประกายเหมือนฟ้าแลบ
    มันถูกชักออกมาเพื่อการฆ่าหมู่
16 ดาบเอ๋ย ฟันไปทางขวา
    ฟันไปทางซ้าย
    ฟันไปทุกที่ที่เจ้าหันไป

17 แล้วเราเองก็จะตบมือเปรี้ยงเหมือนกัน
    และเราก็จะระบายความเดือดดาลของเราออกมาใส่เจ้าจนหมดสิ้น
เรา ยาห์เวห์ได้ลั่นคำพูดไปแล้ว”

บาบิโลนเลือกไปโจมตีเยรูซาเล็ม

18 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 19 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้ลากถนนขึ้นมาสองสาย ที่ดาบของกษัตริย์แห่งเมืองบาบิโลนจะไปได้

ถนนทั้งสองสายนี้จะต้องแยกออกมาจากถนนเส้นเดียวกันที่ลงมาจากประเทศหนึ่ง ให้ทำป้ายบอกทางตรงทางแยกนั้น

20 ให้วาดสายหนึ่งที่ดาบอาจจะใช้ไปสู่เมืองรับบาห์ของชาวอัมโมน

และอีกสายหนึ่งที่จะไปยูดาห์และป้อมปราการในเมืองเยรูซาเล็ม

21 ให้วาดอย่างนี้ เพราะกษัตริย์บาบิโลนจะหยุดอยู่ที่ทางแยกนี้ และตัดสินว่าจะไปทางไหน เขาจะเสี่ยงทายด้วยการเขย่าเซียมซีลูกธนู สอบถามพวกรูปเคารพของเขา และผ่าตับของสัตว์ที่ถูกเซ่นไหว้ดู

22 สลากที่ตกในมือขวาของเขา บอกให้ไปเมืองเยรูซาเล็ม เขาจะออกคำสั่งฆ่า และจะอ้าปากตะโกนสั่งลุย เขาจะเอาทุ่นไม้ทะลวงประตู และเขาจะสร้างทางลาดขึ้นบุกกำแพง และสร้างกำบังเคลื่อนที่

23 ชาวยูดาห์ถือว่าลางบอกเหตุทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเหลวไหล แต่มันจะเกิดขึ้นจริง เพราะพวกเขาผิดคำสาบานที่ว่าจะจงรักภักดีต่อบาบิโลน และกษัตริย์บาบิโลนจะมารื้อฟื้นความผิดของคนยูดาห์และจะจับตัวพวกเขาไปเป็นเชลย”

24 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า

“พวกเจ้าจะถูกจับไปเป็นเชลย เพราะพวกเจ้าทำให้เราระลึกขึ้นได้ถึงความผิดของพวกเจ้า การกบฏของพวกเจ้าถูกเปิดโปงออกมาแล้ว พวกบาปของเจ้าเห็นได้ชัดในทุกอย่างที่เจ้าทำ 25 เจ้าชายของอิสราเอลผู้ชั่วช้า และถ่อย วันของเจ้ามาถึงแล้ว เวลาแห่งการลงโทษครั้งสุดท้ายได้มาถึงแล้ว”

26 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า

“ให้ถอดผ้าโพกหัวของเจ้าออก ถอดมงกุฎของเจ้าออกซะ ทุกสิ่งจะไม่เหมือนเดิม

ผู้ต่ำต้อยจะได้รับการยกย่อง และผู้ที่เคยได้รับการยกย่องจะต่ำต้อยลง

27 สับสนอลหม่าน สับสนอลหม่าน สับสนอลหม่านไปหมดแล้ว เราจะทำให้มันเป็นอย่างนั้น มันจะเป็นความพินาศอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มันจะเป็นอย่างนั้นจนกว่าผู้ที่จะมาลงโทษมันจะมาถึง ผู้ที่เราจะมอบหน้าที่นั้นให้”

ชาวอัมโมนจะถูกลงโทษ

28 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดแทนเราว่า

‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดเกี่ยวกับชาวอัมโมนและคำเยาะเย้ยของพวกเขา

ดาบเอ๋ย ดาบ ชักออกมาเพื่อฆ่าฟัน
ถูกขัดเงาเพื่อทำลาย
    และส่องประกายเหมือนสายฟ้าแลบ

29 เจ้าดาบ เจ้าจะถูกวางพาดไว้บนคอของคนถ่อยชั่วที่จะถูกฆ่า
    เพราะเรื่องนิมิตทั้งหลายที่เกี่ยวกับเจ้าล้วนโกหกทั้งสิ้น
พวกหมอดูที่ทำนายอนาคตเจ้าล้วนแต่หลอกลวง
    วันสำหรับคนชั่วเหล่านั้นได้มาถึงแล้ว
    วันแห่งการลงโทษครั้งสุดท้ายของเขามาถึงแล้ว

เมืองบาบิโลนจะถูกลงโทษ

30 ให้เอาดาบใส่ฝักของมัน เจ้าดาบ เราจะตัดสินเจ้าในแผ่นดินที่เจ้าถูกสร้างขึ้น ในแผ่นดินซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเจ้า 31 เราจะเทความเดือดดาลของเราลงบนตัวเจ้า ความโกรธของเราจะเป็นเหมือนไฟที่เราจะพ่นใส่เจ้า เราจะมอบพวกเจ้าไว้ในมือของคนโหดเหี้ยม ผู้ที่ชำนาญในการทำลายล้าง

32 เจ้าจะเป็นเชื้อเพลิงสำหรับไฟ เลือดของเจ้าจะหลั่งไหลในแผ่นดินของเจ้าเอง จะไม่มีใครจดจำเจ้าได้อีกต่อไป เพราะ เรา ยาห์เวห์ ได้ลั่นคำพูดไปแล้ว’”

สดุดี 68

ขบวนแห่แห่งชัยชนะของพระเจ้า

ถึงหัวหน้านักร้อง บทเพลงสดุดีของดาวิด

ข้าแต่พระเจ้า ลุกขึ้นเถิด และทำให้ศัตรูของพระองค์กระจัดกระจายไป
    ขอให้คนที่เกลียดชังพระองค์วิ่งหนีไปจากพระองค์
ไล่พวกเขาไป เหมือนลมไล่ควัน
    ขอให้คนชั่วพินาศไปต่อหน้าพระเจ้า
    เหมือนกับขี้ผึ้งหลอมละลายต่อหน้าไฟ
ขอให้คนดีมีความสุขและชื่นชมยินดีต่อหน้าพระเจ้า
    ขอให้พวกเขาเฉลิมฉลองอย่างมีความสุข

ร้องเพลงแด่พระเจ้า และสรรเสริญชื่อของพระองค์ด้วยบทเพลง
    สรรเสริญพระองค์ผู้ที่ขี่อยู่บนหมู่เมฆ[a]
ให้ชื่นชมยินดีต่อหน้าพระองค์ผู้มีชื่อว่า “ยาห์เวห์”

พระเจ้าผู้สถิตอยู่ในที่พักอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    พระองค์เป็นพ่อของเด็กกำพร้าและเป็นผู้ปกป้องบรรดาหญิงหม้าย
พระองค์จัดให้ผู้โดดเดี่ยวเดียวดายเข้าไปอยู่ในครอบครัว
    พระองค์ให้เสรีภาพกับนักโทษและทำให้พวกเขาเจริญรุ่งเรือง
    แต่คนที่กบฏต่อพระองค์นั้นจะต้องอาศัยอยู่ในถิ่นที่แผดเผาแห้งแล้ง

ข้าแต่พระเจ้า ในยามที่พระองค์นำพาประชาชนของพระองค์ออกจากอียิปต์
    เมื่อพระองค์เดินลุยเข้าไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง เซลาห์
โลกก็สั่นไหว ท้องฟ้าก็เทฝนลงมา
    ต่อหน้าพระเจ้าแห่งภูเขาซีนาย
    ต่อหน้าพระเจ้าแห่งอิสราเอล
พระองค์ทำให้ฝนตกลงมาอย่างเหลือเฟือบนแผ่นดินของพระองค์
    พระองค์ฟื้นฟูดินแดนที่หมดสภาพขึ้นมาใหม่
10 คนของพระองค์มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น
    ข้าแต่พระเจ้า พระองค์เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับคนยากจนเหล่านั้น

11 องค์เจ้าชีวิตออกคำสั่งรบ
    และคนจำนวนมากกระจายข่าวแห่งชัยชนะออกไปว่า
12 “พวกกษัตริย์ของฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งกองทัพของพวกเขาหนีไปแล้ว
    และตอนนี้พวกผู้หญิงของอิสราเอลก็แบ่งทรัพย์สมบัติที่ยึดมาได้กัน
13 แม้แต่พวกเจ้าที่เฝ้าอยู่ที่บ้านคอยดูแลฝูงแกะ
    ก็จะได้รับนกเขาเหล็กที่มีปีกเคลือบด้วยเงิน
    และขนนกที่เคลือบทองคำเป็นประกาย”
14 สิ่งนี้เกิดขึ้น เมื่อพระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้ทำให้พวกกษัตริย์เหล่านั้นแตกกระเจิงไป
    เหมือนหิมะที่กระจายไปทั่วทั้งภูเขาศัลโมน

15 ภูเขาบาชานเป็นภูเขาที่ทรงพลังยิ่งใหญ่
    ที่มียอดเขามากมาย
16 ภูเขาที่มียอดมากมายเอ๋ย
    ทำไมพวกเจ้าถึงได้มองอย่างอิจฉาริษยา
ต่อภูเขาที่พระเจ้าเลือกเป็นที่พักของพระองค์
    เป็นที่ที่พระยาห์เวห์จะสถิตตลอดไป

17 องค์เจ้าชีวิตเสด็จมาจากภูเขาซีนาย
    พร้อมกับรถม้าอันทรงพลังเป็นหมื่นเป็นแสน
    เข้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
18 พระยาห์เวห์ ผู้เป็นพระเจ้า พระองค์ขึ้นไปบนที่สูง
    และนำขบวนหมู่เชลยตามไปด้วย
    พระองค์รับของขวัญจากผู้คน[b] รวมทั้งคนที่เคยต่อต้านพระองค์ด้วย
    พระองค์ขึ้นไปอาศัยอยู่ที่นั่น
19 สรรเสริญองค์เจ้าชีวิต
    พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา
    ผู้ที่แบกภาระของพวกเราทุกๆวัน เซลาห์

20 พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าผู้ช่วยกู้พวกเรา
    พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต ช่วยให้เรารอดพ้นจากความตาย
21 แต่พระเจ้าบดขยี้หัวของพวกศัตรูของพระองค์
    พระองค์บดขยี้กะโหลกคนเหล่านั้นที่ยังคงเดินอยู่ในความผิดบาปของเขา
22 องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
    “เราจะนำศัตรูเหล่านั้นมาจากบาชาน และมาจากก้นทะเลลึก
23 เพื่อเจ้าจะได้เหยียบย่ำเลือดของพวกนั้น
    และหมาของพวกเจ้าจะได้เลียกินส่วนแบ่งของพวกมันจากเลือดของศัตรูพวกนั้น”

24 ข้าแต่พระเจ้า คนเห็นขบวนแห่แห่งชัยชนะของพระองค์
    พวกนั้นได้เห็นขบวนแห่แห่งชัยชนะของพระเจ้าผู้เป็นกษัตริย์ของข้าพเจ้าที่กำลังแห่เข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
25 นำหน้าด้วยพวกนักร้อง ตามหลังด้วยเหล่านักดนตรี
    ในท่ามกลางหญิงสาวที่เล่นกลองรำมะนาอันเล็ก
26 สรรเสริญพระเจ้าในที่ชุมนุมเถิด
    ลูกหลานของอิสราเอลเอ๋ย สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
27 ดูนั่นสิ เผ่าน้อยๆของเบนยามินเดินนำหน้า
    พร้อมทั้งพวกผู้นำของยูดาห์จำนวนมาก
    พวกผู้นำของเศบูลุน รวมทั้งพวกผู้นำของนัฟทาลี

28 พระเจ้าออกคำสั่งว่า เจ้าอิสราเอลจะมีอำนาจ
    ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ช่วยเราในอดีตยังไง โปรดแสดงอำนาจของพระองค์ให้เราได้เห็นอีกครั้งอย่างนั้น
29 จากวิหารของพระองค์ ที่อยู่ในเยรูซาเล็ม
    แล้วกษัตริย์ทั้งหลายก็จะนำเครื่องบรรณาการมาถวายแด่พระองค์
30 ข้าแต่พระเจ้า สั่งประจัญบานเลย ลุยเข้าไปรบกับสัตว์ร้ายที่อยู่ในพงอ้อ[c]
    และกับชนชาติทั้งหลายที่รวมตัวกันเหมือนฝูงลูกวัวที่มีพวกวัวผู้นำอยู่
    ขอให้พวกเขาถ่อมตัวลงและนำเงินมาเป็นเครื่องบรรณาการถวายต่อพระองค์
    ขอให้ชนชาติเหล่านั้นที่กระหายสงครามถูกทำให้แตกกระเจิดกระเจิงไป
31 พวกที่ถือเครื่องบรรณาการ จะมาจากอียิปต์
    ส่วนชาวเอธิโอเปีย จะรีบเร่งนำของขวัญมาให้กับพระองค์
32 อาณาจักรทั้งหลายบนโลกเอ๋ย ให้ร้องเพลงให้กับพระเจ้าเถิด
    สรรเสริญองค์เจ้าชีวิตด้วยบทเพลงสดุดีเถิด เซลาห์

33 ร้องเพลงแด่พระเจ้า ผู้ขี่รถม้าข้ามฟ้าสวรรค์ที่มีมาแต่โบราณกาล
    พระองค์เปล่งเสียงอันทรงพลังก้องกังวาน
34 ประกาศว่าพระเจ้านั้นทรงพลัง
    พระบารมีของพระองค์ปกครองอยู่เหนืออิสราเอล
    และพลังอำนาจของพระองค์ปกครองอยู่เหนือฟ้าสวรรค์
35 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์นั้นน่าเกรงขามในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    พระเจ้าแห่งอิสราเอล
    พระองค์เป็นผู้ที่มอบฤทธิ์อำนาจและพละกำลังแก่ประชาชนของพระองค์

สรรเสริญพระเจ้า

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International