Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 ซามูเอล 10

ฮานูนทำให้คนของดาวิดอับอาย

(1 พศด. 19:1-5)

10 ในเวลาต่อมา กษัตริย์ของชาวอัมโมนได้ตายไป ลูกชายของเขาชื่อฮานูนได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากพ่อของเขา ดาวิดคิดว่า “เราจะดีต่อฮานูนลูกชายของนาหาชเหมือนกับที่พ่อของเขาเคยดีต่อเรา”

ดาวิดจึงส่งพวกตัวแทนมาปลอบโยนฮานูนเรื่องพ่อของเขา เมื่อคนของดาวิดมาถึงแผ่นดินของชาวอัมโมน พวกผู้นำของชาวอัมโมนพูดกับฮานูนนายของพวกเขาว่า “ท่านคิดว่าดาวิดกำลังให้เกียรติพ่อของท่านหรือ ที่ส่งคนมาเพื่อปลอบโยนท่านอย่างนี้ ดาวิดส่งคนของเขามา เพื่อสำรวจ สอดแนมเมือง และเตรียมทำสงครามกับท่าน”

ฮานูนจึงจับพวกคนของดาวิดไว้ แล้วโกนเคราของพวกเขาออกข้างหนึ่ง และตัดเสื้อผ้าของพวกเขาออกข้างหนึ่งตั้งแต่สะโพกลงไปและไล่พวกเขาออกไป

เมื่อมีคนมาบอกดาวิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดาวิดส่งคนส่งข่าวมาพบคนเหล่านั้น เพราะพวกเขารู้สึกอับอายมาก กษัตริย์พูดว่า “ให้อยู่ที่เมืองเยริโคจนกว่าเคราของพวกท่านจะงอกขึ้นมาใหม่ แล้วค่อยกลับมา”

สงครามกับชาวอัมโมน

(1 พศด. 19:6-15)

เมื่อชาวอัมโมนรู้ว่าพวกเขาทำให้ดาวิดเกลียดชังเสียแล้ว พวกเขาจึงจ้างทหารเดินเท้าชาวอารัมสองหมื่นคนมาจากเมืองเบธเรโหบและเมืองโศบาห์ รวมทั้งจ้างกษัตริย์มาอาคาห์กับคนของเขาอีกหนึ่งพันคน และจ้างชาวเมืองโทบอีกหนึ่งหมื่นสองพันคน

เมื่อดาวิดรู้เรื่องนี้ เขาได้ส่งโยอาบพร้อมกับกองทัพนักรบทั้งหมดของเขาออกไป ชาวอัมโมนออกมาเตรียมรบอยู่ที่ทางเข้าประตูเมือง ขณะที่ชาวอารัมจากเมืองโศบาห์และเมืองเรโหบ และคนของเมืองโทบกับของมาอาคาห์อยู่ในทุ่งกว้าง

เมื่อโยอาบเห็นว่ามีกองทัพล้อมเขาอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เขาจึงเลือกทหารที่ดีที่สุดในกองทหารของอิสราเอลออกมากองหนึ่ง และสั่งให้พวกเขาออกไปต่อสู้กับชาวอารัม 10 เขาจัดกองทัพที่เหลือภายใต้การบัญชาการของอาบีชัยน้องชายของเขาให้เข้าไปต่อสู้กับชาวอัมโมน 11 โยอาบพูดกับอาบีชัยว่า “ถ้าชาวอารัมแข็งแกร่งเกินไปสำหรับเรา ท่านต้องมาช่วยเหลือเรา แต่ถ้าชาวอัมโมนแข็งแกร่งเกินไปสำหรับท่าน เราจะมาช่วยเหลือท่าน 12 กล้าหาญไว้ และสู้ให้สมกับเป็นชายชาติทหารเพื่อคนของพวกเรา และเพื่อเมืองต่างๆของพระเจ้าของพวกเรา ขอให้พระยาห์เวห์จัดการตามที่พระองค์เห็นสมควรเถิด”

13 แล้วโยอาบและกองทัพที่ไปกับเขา ก็ได้บุกเข้าสู้รบกับชาวอารัม และชาวอารัมได้ถอยหนีไปต่อหน้าเขา 14 เมื่อชาวอัมโมนเห็นว่าชาวอารัมกำลังหลบหนี พวกเขาจึงหลบหนีไปต่อหน้าอาบีชัยและกลับเข้าไปในเมือง

โยอาบก็กลับมาจากการสู้รบกับชาวอัมโมนและมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม

ชาวอารัมตัดสินใจรบอีกครั้ง

(1 พศด. 19:16-19)

15 หลังจากที่ชาวอารัมเห็นว่าพวกเขาถูกอิสราเอลตีแตก พวกเขาจึงรวมตัวกันอีกครั้ง 16 ฮาดัด-เอเซอร์[a] นำชาวอารัมมาจากอีกฝั่งของแม่น้ำ[b] พวกเขาไปที่เฮลามโดยมีโชบัคแม่ทัพของกษัตริย์ฮาดัด-เอเซอร์เป็นผู้นำทัพ

17 เมื่อมีคนมาบอกดาวิดถึงเรื่องนี้ ดาวิดจึงรวบรวมอิสราเอลทั้งหมดข้ามแม่น้ำจอร์แดน และไปที่เฮลาม

ชาวอารัมจัดทัพและได้เข้าสู้รบกับดาวิด 18 แต่ดาวิดรบชนะพวกเขา และพวกเขาหลบหนีไปต่อหน้าอิสราเอล ดาวิดได้ฆ่าคนขับรถรบของพวกเขาไปเจ็ดร้อยคนและทหารเดินเท้า[c] อีกสี่หมื่นคน ดาวิดได้ทำให้โชบัคแม่ทัพของชาวอารัมบาดเจ็บ เขาจึงตายที่นั่นด้วย

19 เมื่อกษัตริย์ทั้งหมดที่อยู่ภายใต้อำนาจของฮาดัดเอเซอร์ เห็นว่าพวกเขาพ่ายแพ้ต่ออิสราเอลแล้ว พวกเขาจึงทำสัญญาสงบศึกและยอมตกเป็นทาสของอิสราเอล ชาวอารัมจึงกลัวและไม่กล้าช่วยชาวอัมโมนอีกต่อไป

2 โครินธ์ 3

ผู้รับใช้พระเจ้าเพื่อสัญญาใหม่

เรากำลังรับรองคุณสมบัติตัวเองอีกแล้วหรืออย่างไร หรือเราจะต้องเอาหนังสือรับรองตัวเองมาให้คุณ หรือต้องให้คุณออกหนังสือรับรองให้เหมือนกับที่คนอื่นๆเขาทำกันหรือ อันที่จริงตัวพวกคุณนี่แหละเป็นตัวหนังสือของเรา ที่เขียนอยู่ในจิตใจของเราให้คนได้รู้และอ่านกัน คุณทำให้เห็นว่าคุณเป็นตัวหนังสือจากพระคริสต์ที่เป็นผลมาจากงานรับใช้ของเราซึ่งไม่ได้เขียนด้วยน้ำหมึก แต่ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ และไม่ได้เขียนอยู่บนแผ่นหิน[a] แต่เขียนลงบนใจมนุษย์

พระคริสต์ทำให้เรากล้าพูดอย่างนี้ต่อหน้าพระเจ้า ผมไม่ได้หมายความว่า ความสามารถที่เรามีนี้มาจากตัวเราเอง แต่มาจากพระเจ้าต่างหาก พระเจ้าทำให้เราสามารถรับใช้พระองค์ภายใต้สัญญาใหม่นี้ เป็นสัญญาระหว่างพระเจ้ากับคนของพระองค์ เพราะสัญญาใหม่นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎที่เป็นตัวหนังสือ แต่ขึ้นอยู่กับพระวิญญาณ เพราะกฎที่เป็นตัวหนังสือนั้นทำให้ตาย แต่พระวิญญาณให้ชีวิต

สัญญาใหม่มีสง่าราศีมากกว่า

ขนาดงานรับใช้ที่นำความตายมาให้ และกฎที่สลักเป็นตัวหนังสือบนแผ่นหิน ยังมากับสง่าราศี เป็นสง่าราศีที่เปล่งออกมาบนใบหน้าของโมเสส จนทำให้คนอิสราเอลมองดูหน้าโมเสสนานๆไม่ได้ แล้วสุดท้ายมันก็จางหายไป ถ้าอย่างนั้นแล้วงานรับใช้ของพระวิญญาณจะไม่ยิ่งเปล่งสง่าราศีมากกว่านั้นอีกหรือ ขนาดงานรับใช้ที่ทำให้คนต้องถูกลงโทษยังมีสง่าราศีเลย แล้วงานรับใช้ที่ทำให้คนพ้นโทษ จะไม่ยิ่งเปล่งสง่าราศีมากกว่านั้นอีกหรือ 10 ความจริงแล้ว สง่าราศีของสัญญาเดิมไม่น่าเรียกว่าสง่าราศีเลยเมื่อเปรียบเทียบกับสง่าราศีอันเจิดจ้าของสัญญาใหม่นั้น 11 ดังนั้นถ้าสัญญาเดิมที่กำลังจะยกเลิกไปยังมีรัศมี แล้วสัญญาใหม่ที่จะคงอยู่ตลอดไป จะไม่ยิ่งมีสง่าราศีมากกว่านั้นอีกหรือ

12 ในเมื่อเรามีความหวังอย่างนี้ เราจึงกล้าพูดอย่างเปิดเผย 13 เราไม่เหมือนกับโมเสสที่เอาผ้าคลุมหน้าไว้ เพื่อคนอิสราเอลจะไม่เห็นเป้าหมายของคำสัญญาชั่วคราวที่กำลังจะยกเลิกไป 14 แต่จิตใจของพวกอิสราเอลแข็งกระด้าง เพราะถึงวันนี้เมื่ออ่านสัญญาเดิม ผ้าคลุมผืนเดิมก็ยังคงอยู่ ไม่ได้ถูกเอาออกไปเพราะในพระคริสต์เท่านั้นสัญญาเดิมนั้นถึงถูกยกเลิกไป 15 แต่จนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่อ่านกฎของโมเสส ผ้านั้นก็ยังคลุมจิตใจของพวกอิสราเอลอยู่ 16 แต่คนจะเอาผ้าคลุมออกได้อย่างที่พระคัมภีร์พูดเกี่ยวกับโมเสสว่า “เมื่อเขาหันมาหาองค์เจ้าชีวิต ผ้าคลุมนั้นก็ถูกเปิดออก”[b] 17 องค์เจ้าชีวิตที่ข้อนี้พูดถึงนั้นคือพระวิญญาณ และที่ไหนที่มีพระวิญญาณขององค์เจ้าชีวิต ที่นั่นก็มีอิสรภาพ 18 พวกเราทุกคนที่ไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้วก็มองเห็นสง่าราศีขององค์เจ้าชีวิตเหมือนกับดูจากกระจก เรากำลังถูกเปลี่ยนให้เหมือนกับพระองค์ ทำให้เรามีสง่าราศีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้มาจากองค์เจ้าชีวิตผู้เป็นพระวิญญาณ

เอเสเคียล 17

นิทานเกี่ยวกับนกอินทรีสองตัว

17 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า

“เจ้าลูกมนุษย์ ให้เล่าปริศนานิทานเรื่องนี้ให้กับครอบครัวของชาวอิสราเอลฟัง ให้บอกกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า

นกอินทรียักษ์ตัวหนึ่ง[a] มีปีกใหญ่
    ขนของมันมีหลายสีและยาว
มันได้บินมาที่เลบานอน
    และมาคาบเอายอดของต้นสนซีดาร์ต้นหนึ่งไป
คือ มันได้หักยอดสุดของต้นสนซีดาร์
    แล้วเอาไปไว้ในแผ่นดินของการค้าขาย เอาไปวางไว้ในเมืองของพวกพ่อค้า
มันได้เอาเมล็ดพืชจากแผ่นดินนั้นมาส่วนหนึ่งด้วย
    และเอาไปหว่านไว้ในทุ่งนา
มันได้ผันน้ำเข้ามาจากแม่น้ำที่ล้นหลาม
    มันได้ปลูกเมล็ดนั้นไว้ข้างน้ำเหมือนกับต้นหลิว
เมล็ดนั้นก็งอกขึ้นกลายเป็นเถาองุ่นอย่างดี ต้นมันค่อนข้างเตี้ย
    กิ่งก้านของมันเริ่มแตกออกมา มันได้หยั่งรากลง
กิ่งก้านของมันได้แผ่ไปยังนกอินทรี
    แล้วโตเป็นเถาองุ่น แตกกิ่งก้านสาขามากมาย และออกใบ
แต่ยังมีนกอินทรียักษ์อีกตัวหนึ่ง[b]
    มีปีกใหญ่มีขนเยอะ
ต้นองุ่นรีบแผ่รากของมันไปที่นกตัวนั้น
    และยื่นกิ่งก้านของมันจากจุดที่มันงอกไปยังนกตัวนั้น
    กิ่งองุ่นหวังว่านกตัวนั้นจะให้น้ำกับมัน
ต้นองุ่นลืมไปว่า ตัวมันเองปลูกอยู่ในดินที่ดี ติดอยู่กับแหล่งน้ำ
    เพื่อมันจะได้แตกกิ่งก้านเป็นจำนวนมาก และเกิดผลดกกลายเป็นต้นองุ่นที่สวยงาม’”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต บอกให้ถามว่า
“อย่างนี้ เจ้าคิดว่าต้นองุ่นนั้น
    จะเจริญเติบโตไหม
นกอินทรีตัวแรกนั้นจะไม่ถอนรากของต้นองุ่นนั้นหรือ
    จะไม่ปล่อยให้ผลเน่าและใบเหี่ยวไปหรือ
มันไม่ต้องใช้แขนอันทรงพลังหรือกองทัพใหญ่เพื่อถอนรากถอนโคนมันขึ้นมาเลย
10 เมื่อย้ายที่ปลูก เจ้าคิดว่ามันจะเจริญเติบโตได้หรือ
แต่ถึงมันจะอยู่ที่เดิมที่มันถูกปลูกไว้
    มันจะไม่เหี่ยวแห้งไปเมื่อลมร้อนตะวันออกพัดมาหรือ”

11 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า

12 “ให้พูดกับครอบครัวที่ชอบกบฏนี้ว่า ‘เจ้าต้องรู้แน่ว่าสิ่งเหล่านี้หมายถึงอะไร ดูสิ กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้มายังเมืองเยรูซาเล็มและเอากษัตริย์กับบรรดาขุนนางของเมืองนั้นไปที่บาบิโลน 13 แล้วกษัตริย์ของบาบิโลนได้เลือกเชื้อพระวงศ์มาคนหนึ่ง และทำข้อตกลงกับเขา ผูกมัดเขากับข้อตกลงใหม่นี้ (กษัตริย์ของบาบิโลนได้เอาผู้นำทั้งหลายของแผ่นดินไปแล้ว) 14 เพื่ออาณาจักรนั้นจะได้อ่อนแอ และหมดโอกาสที่จะมีอำนาจขึ้นมาใหม่ เพื่อข้อตกลงนั้นจะยั่งยืนต่อไป 15 แต่กษัตริย์องค์นั้นได้แข็งข้อกับกษัตริย์ของบาบิโลน เขาได้ส่งพวกทูตไปที่อียิปต์เพื่อขอม้าและกองทัพขนาดใหญ่มาช่วย เจ้าคิดว่าที่เขาทำอย่างนั้นจะสำเร็จหรือ เขาจะหนีพ้นจากการลงโทษไปได้หรือ คนที่ทำผิดสัญญาอย่างนี้จะหนีรอดไปได้หรือ’”

16 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เขาจะต้องตายในเมืองบาบิโลน เพราะเขาได้ดูหมิ่นคำสาบานและผิดคำสัญญาที่เขาได้ให้ไว้กับกษัตริย์บาบิโลน ผู้ที่ได้แต่งตั้งเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาจะต้องตายในแผ่นดินนั้นอย่างแน่นอน 17 ฟาโรห์กับกองทัพที่แข็งแกร่งพร้อมกับทหารมากมายของเขาจะไม่สามารถมาช่วยเขาได้ เมื่อกษัตริย์ของบาบิโลนมาโจมตี และได้สร้างเนินดินและป้อมกำบังต่างๆขึ้นรอบกำแพงเมืองเยรูซาเล็ม และจะมีผู้คนล้มตายลงเป็นจำนวนมาก 18 กษัตริย์ของยูดาห์องค์นี้ ได้ดูหมิ่นคำสาบาน ตอนที่เขาหักข้อตกลงนั้น เขาจะหนีการลงโทษไปไม่พ้นหรอก เพราะเขาได้จับมือสัญญาไว้แล้วแต่ก็ยังทำสิ่งต่างๆเหล่านี้” 19 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า ‘โทษนั้นจะตกลงบนหัวเขา เพราะเขาได้เพิกเฉยต่อคำสาบานที่เขาทำกับเรา และหักข้อตกลงที่ได้ทำไว้ต่อหน้าเรา 20 เราจะกางตาข่ายของเราดักเขา และเขาจะติดกับดักของเรา เราจะนำเขาไปที่บาบิโลนและตัดสินโทษเขาที่นั่น เพราะเขาไม่ซื่อสัตย์กับเรา 21 พวกทหารที่เก่งกาจที่สุดในกองทัพของเขาจะล้มลงด้วยดาบ และผู้รอดชีวิตจะกระจัดกระจายไปกับลม แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเป็นเราเอง ยาห์เวห์ที่พูดสิ่งเหล่านี้’”

22 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“เราจะหักยอดของต้นสนซีดาร์
    และนำมันไปปลูก
เราจะเด็ดยอดอ่อนจากปลายต้นสนนั้น
    และนำมันไปปลูกบนภูเขาสูงที่เด่นเป็นสง่าลูกหนึ่ง
23 เราจะปลูกมันไว้บนภูเขาสูงของอิสราเอลนั้น
    มันจะแตกกิ่งก้านออกมามากมายและจะออกผล
และกลายเป็นต้นสนซีดาร์ที่สง่างามต้นหนึ่ง
    นกทุกชนิดจะมาทำรังบนกิ่งก้านของมันนั้น
    พวกนกจะพบที่พักอยู่ใต้ร่มเงาของกิ่งก้านสาขาของมัน

24 แล้วต้นไม้ทั้งหมดในท้องทุ่งจะรู้ว่า
    เรา คือยาห์เวห์
    ผู้ที่ทำให้ต้นไม้สูง เตี้ยลง
    และทำให้ต้นไม้เตี้ย สูงขึ้น
เราทำให้ต้นไม้เขียว เหี่ยวแห้งลง
    และทำให้ต้นไม้เหี่ยวแห้ง เขียวขึ้น
เรา ยาห์เวห์ได้ลั่นคำพูดไปแล้ว
    และเราจะทำตามนั้น”

สดุดี 60-61

อธิษฐานขอชัยชนะหลังจากสู้รบแพ้

(สดด. 108:6-13)

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงโดยใช้ทำนอง “ดอกลิลลี่แห่งสัญญา” เพลงมิคทามของดาวิด สำหรับการสั่งสอน เขียนในช่วงที่ดาวิดต่อสู้กับชาวอารัมนาหะราอิมและชาวอารัมโซบาห์ ตอนขากลับโยอาบได้ฆ่าทหารชาวเอโดมไปหนึ่งหมื่นสองพันคนที่หุบเขาเกลือ[a]

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทอดทิ้งพวกเรา
    และทลายกำแพงของพวกเรา
พระองค์โกรธพวกเรา
    โปรดนำพวกเรากลับไปสู่สภาพเดิมด้วยเถิด
พระองค์ทำให้แผ่นดินไหวและแยกแผ่นดินออก
    โปรดซ่อมรอยร้าวด้วยเถิดเพราะมันกำลังจะพังทลาย
พระองค์ทำให้คนของพระองค์เดือดร้อนจนล้มโซเซไป
    เหมือนกับพระองค์มอมเหล้าองุ่นเราจนโซซัดโซเซไป
พระองค์ยกธงให้กับคนที่เกรงกลัวพระองค์เห็น
    เพื่อพวกเขาจะได้หนีคมธนูที่วิ่งเข้าไปหา เซลาห์

ช่วยตอบข้าพเจ้าด้วยและใช้มือขวาอันทรงพลังของพระองค์
    ช่วยพวกเราให้รอดด้วยเถิดเพื่อคนที่พระองค์รักจะหนีไปได้

ในวิหารของพระองค์ พระเจ้าพูดว่า
    “เราจะชนะและเราจะวัดและจัดสรรปันส่วนเมืองเชเคม
    และหุบเขาสุคคทให้กับคนของเรา
ดินแดนกิเลอาดเป็นของเรา ดินแดนมนัสเสห์เป็นของเรา
    เผ่าเอฟราอิมเป็นหมวกเหล็กของเรา
    ส่วนเผ่ายูดาห์ เป็นคทา[b] ของเรา
ชนชาติโมอับเป็นอ่างล้างของเรา
    เราโยนรองเท้าของเราให้ชนชาติเอโดมที่เป็นทาสของเรา
    เราโห่ร้องอย่างผู้มีชัยเหนือดินแดนฟิลิสเตีย”

ใครเล่าจะนำข้าพเจ้าไปยึดเมืองที่มีกำแพงแน่นหนานั้น
    ใครเล่าจะนำข้าพเจ้าไปไกลถึงดินแดนเอโดม
10 เพราะพระองค์ทอดทิ้งพวกเราแล้ว ไม่ใช่หรือ
    ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ไม่ไปร่วมทัพกับพวกเราแล้ว
11 ข้าแต่พระเจ้า ช่วยเหลือพวกเราต่อสู้กับศัตรูด้วยเถิด
    เพราะความช่วยเหลือจากมนุษย์ ไม่มีประโยชน์
12 ต้องเป็นความช่วยเหลือจากพระเจ้าเท่านั้นพวกเราถึงจะชนะ
    พระองค์จะเหยียบย่ำศัตรูของพวกเรา

การปกป้องภายใต้ปีกของพระองค์

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้เครื่องดนตรีประกอบ เพลงของดาวิด

ข้าแต่พระเจ้า โปรดฟังเสียงร้องให้ช่วยของข้าพเจ้า
    โปรดรับฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าด้วยเถิด
ข้าพเจ้ารู้สึกท้อแท้สิ้นหวังอยู่ที่สุดปลายโลกนี้
    ข้าพเจ้าจึงร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
ขอพระองค์นำข้าพเจ้าไปอยู่ที่ป้อมปราการสูง
เพราะพระองค์เป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า
    พระองค์เป็นหอสูงแข็งแกร่งที่ปกป้องข้าพเจ้าจากศัตรู
ข้าพเจ้าขอพักอาศัยอยู่ในเต็นท์ของพระองค์ตลอดไป
    และหลบภัยอยู่ใต้ปีกของพระองค์ เซลาห์

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ยินคำสาบานของข้าพเจ้า
    พระองค์ให้ข้าพเจ้ามีส่วนในมรดกที่เป็นของคนเหล่านั้นที่ยำเกรงพระองค์
ขอพระองค์ช่วยต่ออายุให้กับกษัตริย์
    ขอพระองค์ช่วยเพิ่มจำนวนวันปีของกษัตริย์ให้ออกไปอีกหลายชั่วอายุคน
ขอให้กษัตริย์นั่งอยู่บนบัลลังก์ต่อหน้าพระเจ้าตลอดไป
    ขอให้ความสัตย์ซื่อและความรักมั่นคงของพระองค์ปกป้องกษัตริย์

แล้วข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์เสมอ
    และจะแก้บนต่างๆของข้าพเจ้าในแต่ละวัน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International