Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 ซามูเอล 8-9

ดาวิดชนะสงครามหลายครั้ง

(1 พศด. 18:1-13)

ต่อมา ดาวิดได้ชัยชนะเหนือชาวฟีลิสเตียและทำให้พวกนั้นอยู่ใต้บังคับ และได้ยึดเมืองเมเธก-ฮัมมาห์ที่ชาวฟีลิสเตียเคยครอบครองอยู่ ดาวิดยังเอาชนะชาวโมอับ และได้บังคับให้คนโมอับนอนราบไปกับพื้นดิน และแบ่งพวกเขาออกมาเป็นแถวๆตามความยาวของเชือกเส้นหนึ่ง คนในสองแถวแรกที่ถูกเชือกแบ่งออกมาจะถูกฆ่าตายหมด ส่วนแถวที่สามจะได้รับการไว้ชีวิต ดังนั้น ชาวโมอับจึงกลายเป็นทาสของดาวิดและยอมส่งส่วย[a] ให้เขา

ดาวิดได้รบชนะฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์เมืองโศบาห์ ลูกชายของเรโหบ ตอนที่ดาวิดไปตั้งอนุสาวรีย์[b] ให้กับตนเองที่ลุ่มแม่น้ำยูเฟรติส

ดาวิดได้ยึดรถม้าศึกหนึ่งพันคัน คนขับรถม้าศึกเจ็ดพันคน[c] และทหารเดินเท้าสองหมื่นคน ดาวิดได้ตัดเส้นเอ็นที่ขาของพวกม้าทั้งหมด ยกเว้นม้าหนึ่งร้อยตัวสำหรับรถรบ[d]

ชาวอารัมจากเมืองดามัสกัสได้มาช่วยฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์เมืองโศบาห์รบ แต่ดาวิดได้ฆ่าพวกเขาตายไปสองหมื่นสองพันคน ดาวิดส่งทหารขึ้นไปประจำป้อมในเมืองดามัสกัสของชาวอารัม และชาวอารัมก็กลายเป็นทาสของเขาและส่งส่วยให้เขา พระยาห์เวห์ได้ให้ชัยชนะกับดาวิดในทุกๆที่ที่เขาไป

ดาวิดยึดเอาโล่ทองคำที่ทหารของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ถือ และขนพวกมันกลับไปไว้ที่เมืองเยรูซาเล็ม กษัตริย์ดาวิดได้ยึดเอาทองสัมฤทธิ์ที่ได้มาจากเมืองเทบาห์[e] และเมืองเบโรธัยที่เคยเป็นของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ ไว้เป็นจำนวนมาก

เมื่อโทอิกษัตริย์เมืองฮามัทได้ยินว่าดาวิดเอาชนะกองทัพทั้งหมดของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ได้ 10 เขาได้ส่งโยรัม[f] ลูกชายของเขาไปพบดาวิด เพื่อถามทุกข์สุขดาวิดและแสดงความยินดีกับดาวิดที่รบชนะกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ เพราะกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์เคยทำสงครามกับกษัตริย์โทอิอยู่บ่อยๆ โยรัมนำของขวัญที่ทำจากเงิน ทองและทองสัมฤทธิ์ไปให้กับดาวิดด้วย 11 กษัตริย์ดาวิดได้อุทิศของเหล่านั้นให้พระยาห์เวห์ เหมือนกับที่เขาเคยอุทิศเงินและทองที่ยึดมาได้จากชาติต่างๆที่เขาเคยไปปราบปรามมา 12 คือ เอโดม[g] โมอับ ชาวอัมโมน ชาวฟีลิสเตีย และชาวอามาเลค ในทำนองเดียวกัน ดาวิดก็ได้อุทิศของที่ยึดมาได้จากฮาดัดเอเซอร์ กษัตริย์เมืองโศบาห์ลูกชายของเรโหบ ให้กับพระเจ้าด้วย 13 หลังจากที่ดาวิดกลับมาจากการโจมตีชาวเอโดมหนึ่งหมื่นแปดพันคนในหุบเขาเกลือแล้ว เขาก็มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น 14 ดาวิดได้ให้กองทหารเข้าประจำการอยู่ตามป้อมต่างๆทั่วเมืองเอโดม และชาวเมืองเอโดมทั้งหมดก็ตกเป็นทาสของดาวิด พระยาห์เวห์ได้ให้ชัยชนะกับดาวิดในทุกๆที่ที่เขาไป

รัฐบาลของดาวิด

(1 พศด. 18:14-17)

15 ดาวิดได้ปกครองทั่วทั้งอิสราเอล เขาได้ให้ความยุติธรรมและความถูกต้องกับประชาชนทั้งหมดของเขา 16 โยอาบลูกชายของนางเศรุยาห์ได้เป็นแม่ทัพ เยโฮชาฟัทลูกชายอาหิลูดเป็นผู้จดบันทึกเหตุการณ์ 17 ศาโดกลูกชายอาหิทูบและอาหิเมเลคลูกชายอาบียาธาร์เป็นนักบวช เสไรอาห์เป็นเลขา 18 เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาเป็นผู้ควบคุมชาวเคเรธีและชาวเปเลท[h] และบรรดาลูกชายของดาวิดเป็นที่ปรึกษากษัตริย์[i]

ดาวิดเมตตาครอบครัวซาอูล

ดาวิดถามว่า “มีใครในครอบครัวซาอูลที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง เราจะได้เมตตาปรานีเขา เพราะเห็นแก่โยนาธาน”

ขณะนั้นมีคนรับใช้ในครอบครัวซาอูลคนหนึ่งชื่อศิบา พวกเขาเรียกตัวศิบามาพบดาวิด และกษัตริย์ดาวิดพูดกับเขาว่า “เจ้าคือศิบาหรือ”

เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าคือศิบาผู้รับใช้ท่าน”

กษัตริย์ถามเขาว่า “มีใครในครอบครัวซาอูลที่ยังหลงเหลืออยู่อีกบ้าง เราอยากแสดงความรักของพระเจ้าให้แก่เขา”

ศิบาตอบกษัตริย์ว่า “ยังเหลือลูกชายคนหนึ่งของโยนาธาน เท้าทั้งสองข้างเป็นง่อย”

กษัตริย์ถามต่อว่า “เขาอยู่ที่ไหน”

ศิบาตอบว่า “เขาอยู่ที่บ้านของมาคีร์ ลูกชายของอัมมีเอล ในเมืองโลเดบาร์”

กษัตริย์ดาวิดก็เลยสั่งให้คนไปนำตัวเขามาจากบ้านของมาคีร์ลูกชายอัมมีเอล ในเมืองโลเดบาร์ เมื่อเมฟีโบเชทลูกชายของโยนาธาน ที่เป็นลูกชายซาอูล มาพบดาวิด เขาก้มหน้ากราบลงถึงพื้น

ดาวิดพูดว่า “เมฟีโบเชทหรือ”

เขาตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านอยู่ที่นี่”

ดาวิดพูดกับเขาว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเราจะเมตตาปรานีเจ้าอย่างแน่นอน เพื่อเห็นแก่โยนาธานพ่อของเจ้า เราจะคืนที่ดินทั้งหมดที่เคยเป็นของซาอูลปู่ของเจ้า ให้กับเจ้า และเจ้าจะได้นั่งกินอาหารโต๊ะเดียวกับเราตลอดไป”

เมฟีโบเชทก้มลงกราบอีกครั้งและพูดว่า “คนรับใช้ท่านคนนี้เป็นใครหรือ ท่านถึงได้มาสนใจหมาที่ตายแล้วอย่างข้าพเจ้า”

แล้วกษัตริย์ก็เรียกตัวศิบาคนรับใช้ของซาอูลเข้ามา และพูดกับเขาว่า “เราได้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของซาอูลและของครอบครัวเขา ไว้กับหลานของเจ้านายเจ้า 10 เจ้าและพวกลูกชายและคนรับใช้ของเจ้าจะได้ทำไร่อยู่บนที่ดินนั้นให้กับเขาและผลิตพืชผลให้กับเขา เพื่อว่าหลานของเจ้านายเจ้า จะได้มีของเหล่านี้ไว้ใช้ และเมฟีโบเชทหลานชายของเจ้านายเจ้าจะได้นั่งกินอาหารที่โต๊ะเดียวกับเราตลอดไป”

(ตอนนั้นศิบามีลูกชายสิบห้าคนและมีคนรับใช้ยี่สิบคน) 11 ศิบาจึงพูดกับกษัตริย์ว่า “ข้ารับใช้ของท่าน จะทำทุกอย่างตามที่กษัตริย์ผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้าสั่งให้ทำ”

ดังนั้นเมฟีโบเชทจึงได้นั่งกินอาหารที่โต๊ะเดียวกับดาวิดเหมือนพวกลูกชายของกษัตริย์ดาวิด 12 เมฟีโบเชทมีลูกชายคนหนึ่งยังเด็กอยู่ชื่อมีคา และสมาชิกในครอบครัวศิบาทั้งหมดก็กลายเป็นคนรับใช้ของเมฟีโบเชท 13 เมฟีโบเชทอาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม เขามีเท้าที่เป็นง่อยทั้งสองข้าง และทุกวันเขาก็ได้นั่งกินอาหารที่โต๊ะเดียวกับกษัตริย์

2 โครินธ์ 2

ตอนนั้นผมก็เลยตัดสินใจไม่มาเยี่ยมพวกคุณ เพื่อจะได้ไม่มีเรื่องทุกข์ใจเกิดขึ้นอีก เพราะ ถ้าผมทำให้คุณเป็นทุกข์ แล้วทีนี้ใครจะมาทำให้ผมมีความสุขได้อีก ถ้าไม่ใช่พวกคุณที่ผมทำให้ทุกข์ใจ ผมถึงได้เขียนอย่างนั้นไปในฉบับก่อน เพื่อที่ว่าเมื่อผมมาเยี่ยม ผมจะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์จากคนที่น่าจะทำให้ผมมีความสุข เพราะผมเชื่อว่าเมื่อคุณเห็นผมมีความสุข คุณก็จะมีความสุขด้วย ตอนที่ผมเขียนถึงคุณนั้น ผมรู้สึกหนักใจมาก ปวดร้าวใจมาก และเต็มไปด้วยน้ำตา ที่เขียนมานั้นไม่ใช่จะให้คุณทุกข์ใจ แต่อยากจะให้คุณรู้ว่าผมรักคุณขนาดไหน

ควรให้อภัยกับคนที่ทำผิดไปแล้ว

ถ้ามีใครก่อให้เกิดความทุกข์ เขาไม่ได้ทำให้ผมเป็นทุกข์หรอกนะ แต่เขาได้ทำให้พวกคุณทั้งหมดเป็นทุกข์ไม่มากก็น้อย (ผมไม่อยากจะพูดให้มันเลวร้ายจนเกินไป) ที่พวกคุณส่วนใหญ่ลงโทษเขานั้นก็เพียงพอแล้ว ต่อไปก็ให้อภัยและให้กำลังใจเขาดีกว่า เพื่อเขาจะได้ไม่จมอยู่ในความทุกข์นั้น ผมขอร้องให้คุณแสดงความรักต่อเขาอย่างชัดเจนด้วย นั่นเป็นเหตุที่ผมเขียนมาถึงพวกคุณในตอนนั้น เพื่อทดสอบดูว่าคุณเชื่อฟังทุกเรื่องหรือเปล่า 10 ถ้าคุณอภัยให้ใคร ผมก็อภัยให้กับคนนั้นแล้วเหมือนกัน และสิ่งที่ผมอภัยให้นั้น (ถ้ามี) ผมก็ทำเพื่อพวกคุณต่อหน้าพระคริสต์ 11 เราทำทั้งหมดนี้เพื่อจะได้ไม่ถูกซาตานหลอก เพราะเรารู้ทันกลอุบายต่างๆของมัน

เปาโลหาทิตัสในเมืองโตรอัส

12 ตอนที่ผมไปเมืองโตรอัส เพื่อประกาศข่าวดีของพระคริสต์ องค์เจ้าชีวิตได้เปิดโอกาสให้กับผม 13 แต่ผมไม่สบายใจเลย เพราะผมหาทิตัสน้องของผมไม่เจอ ผมจึงลาคนที่นั่น แล้วเดินทางต่อไปที่แคว้นมาซิโดเนีย

ชัยชนะของพระคริสต์

14 แต่ขอบคุณพระเจ้า เพราะในพระคริสต์นั้นเราเป็นเหมือนเชลยสงครามในขบวนแห่แห่งชัยชนะ[a]ของพระองค์ที่พระองค์นำอยู่เสมอ พระองค์ใช้เราเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระองค์ในทุกๆที่ เหมือนกับกลิ่นหอมที่กระจายไปทั่ว 15 เพราะเราคือกลิ่นธูปอันหอมหวนของพระคริสต์ที่ถวายต่อพระเจ้าท่ามกลางคนที่กำลังจะรอดและคนที่กำลังจะพินาศ 16 สำหรับคนที่กำลังจะพินาศกลิ่นนั้นก็จะเป็นกลิ่นเหม็น ที่มาจากความตายและนำไปสู่ความตาย แต่สำหรับคนที่กำลังจะรอด กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นหอมที่มาจากชีวิต และนำไปสู่ชีวิต ถ้าอย่างนั้นใครเล่าจะไปทำงานนี้ได้ 17 เราไม่ใช่พ่อค้าเร่ที่หากินกับคำพูดของพระเจ้าเหมือนกับที่หลายคนทำกัน แต่เราเป็นคนของพระคริสต์ที่พูดความจริงต่อหน้าพระเจ้าด้วยความจริงใจ เราเป็นคนที่พระเจ้าเองส่งมา

เอเสเคียล 16

เจ้าสาวของพระยาห์เวห์ไปเที่ยวผู้ชาย

16 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้เตือนคนในเมืองเยรูซาเล็มถึงเรื่องชั่วร้ายน่ารังเกียจที่พวกเขาทำกัน ให้บอกกับพวกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พูดกับเมืองเยรูซาเล็ม ต้นกำเนิดและบ้านเกิดของเจ้าอยู่ในแผ่นดินของชาวคานาอัน พ่อของเจ้าเป็นชาวอาโมไรต์และแม่ของเจ้าเป็นชาวฮิตไทต์ เจ้าเป็นเหมือนกับเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ในวันที่เจ้าเกิดมา ไม่มีใครตัดสายสะดือให้กับเจ้า ไม่มีใครทำพิธีชำระล้างให้กับเจ้าด้วยน้ำเพื่อให้เจ้าบริสุทธิ์ตามกฎของเรา ไม่มีใครเอาเกลือมาถูฆ่าเชื้อให้กับเจ้า และไม่มีใครเอาผ้าอ้อมมาห่อหุ้มเจ้า ไม่มีใครสงสารเจ้า ไม่มีใครทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้กับเจ้า ไม่มีใครคอยปลอบโยนเจ้า ไม่มีใครเอาเจ้าในวันที่เจ้าเกิดมา เจ้าถูกทิ้งในทุ่งโล่ง

แล้วเราเดินผ่านมา เห็นเจ้านอนดิ้นอยู่ในกองเลือด เราพูดกับเจ้าว่า “จงมีชีวิตอยู่ต่อไป” ในขณะที่เจ้านอนอยู่ในกองเลือดนั้น เราพูดกับเจ้าว่า “จงมีชีวิตอยู่ต่อไป” เราได้เลี้ยงดูเจ้า แล้วเจ้าก็เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนพืชในท้องทุ่ง เจ้าได้เติบโตและเจริญวัย เจ้าเริ่มแตกเนื้อสาว มีประจำเดือน มีหน้าอกใหญ่ขึ้น เริ่มมีขนขึ้นตามตัว แต่เจ้ายังเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ ต่อมา เราได้สังเกตเห็นว่าเจ้าโตพอที่จะมีความรักได้แล้ว เราจึงได้กางเสื้อผ้าของเราออกคลุมตัวเจ้า[a] และคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของเจ้า เราได้ปฏิญาณผูกมัดตัวเองกับเจ้าและร่วมคำมั่นสัญญา[b]กับเจ้า และเจ้าได้กลายเป็นของเรา’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น “หลังจากนั้น เราได้อาบน้ำให้เจ้า ล้างเลือดของเจ้าออก เอาน้ำมันทาให้เจ้า 10 เราเอาเสื้อผ้าสวยๆมาสวมใส่ให้เจ้า เอาร้องเท้าสานจากหนังอย่างดีมาสวมเท้าของเจ้า แล้วโพกหัวของเจ้าด้วยผ้าลินินอย่างดี และคลุมตัวเจ้าด้วยผ้าไหม 11 แล้วเราได้ประดับประดาเจ้าด้วยเพชรพลอย เราได้สวมกำไลข้อมือไว้ที่มือทั้งสองของเจ้า และสวมสร้อยคอไว้รอบคอของเจ้า 12 เราได้ใส่ห่วงจมูกให้กับเจ้า ใส่ตุ้มหูไว้ที่หูทั้งสองข้าง และเอามงกุฎที่สวยงามมาสวมบนหัวเจ้า 13 เจ้าได้ประดับประดาไปด้วยทองและเงิน แต่งตัวด้วยผ้าลินินอย่างดี ผ้าไหมและผ้าปัก เจ้ากินของหวานที่ทำจากแป้งอย่างดี น้ำเชื่อมผลไม้และน้ำมันมะกอก[c] เจ้าสวยงามมาก เหมาะที่จะเป็นราชินี 14 ความงามของเจ้า ทำให้เจ้ามีชื่อเสียงไปทั่วท่ามกลางชนชาติต่างๆ เครื่องทรงของเราที่เราได้ให้กับเจ้า ทำให้เจ้างดงามหมดจดเสียจริงๆ” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

15 “แต่เจ้ากลับไปไว้วางใจในความงามของเจ้า และหาประโยชน์จากชื่อเสียงของเจ้า ไปขายตัวให้กับผู้ชายทุกคนที่เดินผ่านมา 16 แล้วเจ้าก็เอาเสื้อผ้าของเจ้าที่เราให้ มาตกแต่งศาลเจ้าต่างๆของเจ้า และทำตัวเป็นโสเภณี เจ้าตกแต่งสถานที่นั้นยิ่งกว่าที่เคยมีใครตกแต่งมันมาก่อน 17 เจ้ายังเอาเครื่องแต่งกายที่ทำด้วยทองและเงินของเรา ไปสร้างเป็นรูปปั้นผู้ชายขึ้นมาสำหรับตัวเอง และทำตัวเหมือนโสเภณีกับพวกมัน 18 เจ้าเอาเสื้อผ้าที่สวยงามที่เราให้กับเจ้า ไปตัดเป็นเสื้อผ้าให้กับพวกรูปปั้นเหล่านั้น แล้วเจ้าก็เอาน้ำมันและเครื่องหอมของเราไปวางไว้ต่อหน้าพวกมัน 19 แล้วเจ้ายังเอาอาหารที่เราให้กับเจ้า คือแป้งอย่างดี น้ำมันมะกอกและน้ำเชื่อมผลไม้ ที่เราเอามาเลี้ยงดูเจ้า เจ้าเอาไปวางไว้ต่อหน้าพวกมันเป็นเครื่องถวายที่มีกลิ่นหอมหวาน” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น 20 “ที่เจ้าทำตัวเป็นโสเภณีนั้นยังเลวร้ายไม่พอ เจ้ายังเอาพวกลูกชายลูกสาวที่เจ้าคลอดให้กับเรา ไปสังเวยให้กับพวกรูปปั้นเหล่านั้นกินด้วย 21 เจ้าได้ฆ่าพวกลูกๆของเราหลายคน[d] และถวายพวกเขาในไฟให้กับพวกรูปปั้นเหล่านั้น 22 ในช่วงที่เจ้าทำตัวเป็นโสเภณี และทำสิ่งที่เลวร้ายพวกนี้ เจ้าไม่เคยหวนคิดถึงความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกัน ตอนที่พวกเจ้าเป็นเด็ก ตอนที่เราเจอเจ้าตัวล่อนจ้อน และดิ้นอยู่ในกองเลือดนั้น

23 ดังนั้น เมื่อเจ้าได้ทำสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้น (น่าละอาย น่าละอายสำหรับเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น) 24 เจ้าได้สร้างเนินขึ้นมาให้กับตัวเอง เป็นศาลเจ้าในลานเมืองทุกแห่ง 25 เจ้าได้สร้างศาลเจ้าไว้ตามหัวมุมถนนทุกสาย เจ้าได้ทำให้ความงามของเจ้าน่าขยะแขยง เจ้าได้อ้าขาของเจ้าให้กับคนที่เดินผ่านไปมา เจ้าทำตัวเป็นโสเภณีมากขึ้นเรื่อยๆ 26 แล้วเจ้าก็หันไปหาชาวอียิปต์ ที่เป็นเพื่อนบ้านของเจ้า ที่มีอวัยวะเพศใหญ่โต และเจ้าทำตัวเป็นโสเภณีกับพวกเขา เพื่อยั่วยุให้เราโกรธ เจ้าทำตัวเป็นโสเภณีมากขึ้นเรื่อยๆ 27 ดังนั้น เราจึงลงไม้ลงมือกับเจ้า เราเอาที่ดินบางส่วนของเจ้าไป เราปล่อยให้ศัตรูของเจ้าคือผู้หญิงชาวฟีลิสเตียทำกับเจ้าตามชอบใจ แม้แต่พวกเขาก็ยังตกตะลึงกับการกระทำที่ลามกของเจ้านี้ 28 เพราะเจ้ายังไม่จุใจกับความต้องการทางเพศของเจ้า เจ้าก็เลยไปมีเพศสัมพันธ์กับชาวอัสซีเรียด้วย เจ้าขายตัวให้กับพวกเขา แต่ก็ยังไม่หายอยาก 29 เจ้าจึงสำส่อนมากขึ้น เจ้าไปยังแผ่นดินของพวกพ่อค้าคือชาวบาบิโลน แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าก็ยังไม่รู้จักพอ” 30 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราโกรธเจ้ามาก ที่เจ้าได้ทำอย่างที่โสเภณีไม่มียางอายเขาทำกัน

31 ในทุกหมู่บ้านของเจ้า เจ้าได้สร้างศาลเจ้าขึ้นตามหัวมุมถนนทุกสาย และได้สร้างเนินดินไว้ตามลานเมือง เจ้าต่างจากหญิงโสเภณีทั่วไป ตรงที่ว่าเจ้าไม่เอาค่าตัว 32 เจ้า เมียที่เล่นชู้ เจ้าชอบมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า แทนที่จะมีกับสามีของเจ้า 33 ตามปกติแล้ว ผู้ชายต้องเป็นคนจ่ายค่าตัวให้กับหญิงโสเภณี แต่นี่เจ้ากลับเป็นคนจ่ายค่าตัวให้กับชู้รักของเจ้าทุกคน เจ้าติดสินบนพวกเขาเพื่อให้พวกเขามาหาเจ้าจากทุกๆประเทศที่อยู่รายล้อมเจ้า 34 ดังนั้น เจ้าจึงไม่เหมือนโสเภณีทั่วไป แทนที่ผู้ชายจะมาหาเจ้าและเสนอค่าตัวให้กับเจ้า แต่เจ้ากลับไปหาพวกเขา เจ้าไม่ได้รับค่าตัว แต่กลับเป็นคนจ่ายค่าตัวให้กับพวกเขา เจ้านี่ช่างแตกต่างเสียจริง”

35 ดังนั้น อีโสเภณี ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี 36 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เพราะเจ้าได้เทความใคร่ของเจ้าออกมา และเปิดเผยอวัยวะเพศของเจ้า ด้วยการสำส่อนทางเพศกับชู้รักทั้งหลายของเจ้า และกับรูปปั้นอันสกปรกน่าขยะแขยงของเจ้า และเจ้าได้ให้เลือดของพวกลูกๆสังเวยกับพวกรูปปั้นเหล่านั้น 37 ดังนั้น เรากำลังจะรวบรวมชู้รักทั้งหมดของเจ้า ชู้รักพวกนั้นที่เจ้าพัวพันด้วย ทั้งคนที่เจ้ารักและคนที่เจ้าเกลียด เราจะรวบรวมพวกเขามาจากทุกๆประเทศ ที่เป็นเพื่อนบ้านของเจ้า แล้วเราจะเปิดอวัยวะเพศของเจ้าให้พวกเขาดู ให้พวกเขาได้เห็นความน่าอับอายของเจ้า 38 เราจะตัดสินลงโทษเจ้า สำหรับความผิดฐานมีชู้และฆ่าคนตาย เราจะประหารชีวิตเจ้า ด้วยความโกรธแค้นและเดือดดาลของเรา 39 เราจะมอบเจ้าให้กับพวกเขา แล้วพวกเขาจะรื้อเนินดินของเจ้าและสับศาลเจ้าของเจ้า แล้วพวกเขาจะจับเจ้าแก้ผ้าและปลดเอาเครื่องเพชรอย่างดีของเจ้าไป และทิ้งเจ้าไว้ให้เปลือยเปล่า 40 พวกเขาจะรวมกลุ่มกันมุ่งหน้ามาหาเจ้า ฝูงชนเหล่านั้นจะขว้างหินใส่เจ้าและสับเจ้าเป็นชิ้นๆด้วยดาบของพวกเขา 41 พวกเขาจะเผาบ้านของเจ้าและลงโทษเจ้าต่อหน้าต่อตาของพวกผู้หญิงมากมาย[e] ด้วยวิธีนี้ เราจะทำให้เจ้าหยุดทำตัวสำส่อน และเจ้าจะไม่จ่ายค่าตัวให้กับพวกชู้รักของเจ้าอีกต่อไป 42 เมื่อถึงตอนนั้น เราจะระบายความเดือดดาลของเราออกมาใส่เจ้าจนหมดสิ้น แล้วเราจะหยุดหึงหวงเจ้า เราจะสงบลงและไม่โกรธอีกต่อไป 43 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะเจ้าลืมสายสัมพันธ์ที่เรามีต่อกันตอนที่เจ้าเพิ่งเป็นสาวนั้น เจ้าทำให้เราโกรธเพราะทำตัวอย่างนั้น เราจะให้ผลกรรมที่เจ้าก่อนั้นตกลงบนหัวเจ้า” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น “เจ้าได้ทำสิ่งต่างๆที่น่าขยะแขยงที่เราเกลียดอยู่แล้ว ซ้ำนี่ยังแถมขายตัวเข้าไปอีก ไม่ใช่หรือ

44 ดูเอาเถอะ คำสุภาษิตที่อธิบายถึงเจ้าได้ดีก็คือคำสุภาษิตนี้ที่ว่า ‘แม่เป็นยังไง ลูกสาวก็เป็นอย่างนั้น’ 45 เจ้าเหมือนกับแม่ของเจ้าไม่มีผิด แม่ของเจ้าดูถูกสามีและลูกๆของนาง เจ้าก็เหมือนกับพี่สาวน้องสาวของเจ้าไม่มีผิด เพราะพวกเขาดูถูกสามีและลูกๆของพวกเขา แม่ของพวกเจ้าเป็นชาวฮิตไทต์ และพ่อของพวกเจ้าเป็นชาวอาโมไรต์ 46 พี่สาวของเจ้าคือสะมาเรียผู้ที่อาศัยอยู่ทางเหนือของเจ้ากับบรรดาลูกสาวของนาง และน้องสาวของเจ้าก็คือโสโดม[f] ซึ่งอาศัยอยู่ทางใต้ของเจ้ากับบรรดาลูกสาวของนาง[g] 47 เจ้าทำตัวเหมือนพวกเขาไม่มีผิด เจ้าได้ทำสิ่งชั่วร้ายต่างๆที่พวกเขาทำกัน ในเวลาไม่นาน เจ้าก็แซงหน้าพวกเขาไปแล้ว” 48 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เรายาห์เวห์ เอาชีวิตเราเป็นประกันว่า แม้แต่โสโดมน้องสาวของเจ้ากับลูกสาวทั้งหลายของนาง ก็ยังไม่เคยทำสิ่งชั่วร้ายที่เจ้าและลูกสาวทั้งหลายของเจ้าทำเลย

49 ความผิดที่โสโดมน้องสาวของเจ้าและลูกสาวทั้งหลายของนางทำ คือความเย่อหยิ่งจองหอง พวกเขาอยู่ดีกินดี สบายจนไม่สนใจคนอื่น ไม่ยื่นมือช่วยคนยากจนและคนขัดสน 50 พวกเขายโสโอหัง และทำสิ่งต่างๆที่น่ารังเกียจต่อหน้าเรา ดังนั้นเราจึงได้กำจัดพวกเขา เหมือนกับที่เจ้าเห็นนั้น

51 ส่วนสะมาเรียก็ยังทำบาปไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่เจ้าทำ เจ้าทำสิ่งที่น่ารังเกียจมากยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก เจ้าชั่วร้ายมากจนทำให้พวกเขาดูดีขึ้นมา 52 เจ้าจะต้องอับอายขายหน้า เพราะเจ้าทำให้คดีพวกพี่สาวน้องสาวของเจ้าเบาลง เจ้าจะต้องอับอายไปเลย เพราะบาปที่เจ้าทำนั้นน่าขยะแขยงยิ่งกว่าที่พวกเขาทำ เจ้าจะต้องอับอายขายหน้าไปเลย เพราะการกระทำของเจ้า ทำให้พวกพี่น้องของเจ้าดูเหมือนเป็นคนดีไปเลย

53 แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังจะฟื้นฟูพวกเขาให้เหมือนกับที่พวกเขาควรจะเป็น เราจะฟื้นฟูโสโดมกับหมู่บ้านต่างๆที่อยู่รายล้อมนาง เราจะฟื้นฟูสะมาเรียกับหมู่บ้านต่างๆที่อยู่รายล้อมนาง และแน่นอน เราก็จะฟื้นฟูเจ้าไปพร้อมๆกับพวกเขาด้วย 54 เราจะดีกับเจ้ามาก จนเจ้าจะรู้สึกละอายกับสิ่งทั้งหมดที่เจ้าได้ทำไป และที่ได้ช่วยทำให้คนพวกนั้นรู้สึกดีขึ้นมา 55 โสโดมพี่สาวของเจ้ากับบรรดาลูกสาวของนาง จะคืนสู่สภาพเดิมที่เคยเป็นมาก่อน และสะมาเรียพี่สาวของเจ้าและบรรดาลูกสาวของนางจะกลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนกัน

56 ในตอนที่เจ้ายังเย่อหยิ่งจองหองอยู่นั้น เจ้าหัวเราะเยาะใส่โสโดมพี่สาวของเจ้าไม่ใช่หรือ 57 เจ้าทำอย่างนั้นก่อนที่ความชั่วร้ายของเจ้าจะถูกเปิดเผย แต่ตอนนี้ เจ้าถูกทำให้ขายหน้า ต่อหน้าพวกผู้หญิงของเอโดม[h] และเพื่อนบ้านทั้งหมดของนาง พร้อมกับพวกผู้หญิงชาวฟีลิสเตีย คือคนเหล่านั้นที่ล้อมรอบเจ้าที่ดูถูกเจ้า 58 ตอนนี้เจ้ากำลังรับโทษ สำหรับความชั่วลามกและการกระทำที่น่าขยะแขยงของเจ้า” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

59 ใช่แล้ว พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราจะทำกับเจ้าอย่างที่เจ้าสมควรจะได้รับ เจ้าได้ดูหมิ่นคำสาบานของเจ้า และหักข้อตกลงที่เรามีต่อกัน 60 แต่ว่าเราจะยังรักษาข้อตกลงที่เราได้ทำกับเจ้า ตอนที่เจ้ายังเป็นสาวอยู่ ข้อตกลงนั้นจะยั่งยืนตลอดไป 61 เมื่อเจ้าได้ครอบครองพวกพี่น้องเหล่านั้น ที่ใหญ่กว่าและเล็กกว่าเจ้า เจ้าจะรู้สึกอับอายเมื่อเจ้าคิดถึงสิ่งที่เจ้าได้ทำไปในอดีต ใช่แล้ว เราจะมอบพวกเขาให้กับเจ้าเพื่อจะได้เป็นลูกสาวของเจ้า สิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงของเรากับเจ้า 62 ตัวเราเองจะยืนยันข้อตกลงของเรากับเจ้าอีกครั้ง และเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ 63 เราจะทำดีกับเจ้า เพื่อเมื่อเจ้าคิดถึงสิ่งเลวร้ายต่างๆที่เจ้าได้ทำไป เจ้าจะได้อับอาย เมื่อเราลบล้างสิ่งทั้งหมดที่เจ้าได้ทำไป เจ้าจะอึ้งจนพูดไม่ออกเพราะอับอาย” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตได้พูดไว้ว่าอย่างนั้น

สดุดี 58-59

การเรียกร้องความยุติธรรม

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[a]ของดาวิด

พวกเจ้าพวกผู้นำที่ยิ่งใหญ่ พวกเจ้าตัดสินคดีอย่างยุติธรรมหรือเปล่า
    พวกเจ้าให้คำตัดสินกับคนอย่างยุติธรรมหรือเปล่า
เปล่าเลย เจ้าได้วางแผนที่จะทำสิ่งชั่วร้ายมากมายด้วยจิตใจที่ไร้ความยุติธรรม
    เจ้าได้ก่ออาชญากรรมที่โหดร้ายในแผ่นดินด้วยมืออันชั่วช้า

คนชั่วพวกนั้นทำผิดตั้งแต่คลอดออกมา
    คนโกหกพวกนั้นหลงผิดไปตั้งแต่เกิด
ความโกรธแค้นของพวกเขาเหมือนพิษงูร้ายแรง[b]
    พวกเขาเป็นเหมือนงูเห่าหูหนวกที่อุดหูของมัน
ที่ไม่ยอมฟังเสียงสะกดของหมองู
    ไม่ว่าหมองูจะเก่งแค่ไหนก็ตาม

ข้าแต่พระเจ้า ช่วยหักฟันในปากของพวกเขาให้แตกละเอียด
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยดึงเขี้ยวออกจากปากสิงโตเหล่านั้นด้วย
ขอพละกำลังของพวกเขาถูกระบายไปเหมือนน้ำ
    ขอให้พวกเขาถูกเหยียบย่ำเหมือนต้นหญ้าที่เหี่ยวเฉา[c]
ขอให้พวกเขาหายไปเหมือนพวกหอยทาก[d]ที่กำลังหลอมละลายไปในขณะที่มันคืบคลาน
    ขอให้พวกเขาเป็นเหมือนทารกที่ตายในท้องแม่ซึ่งไม่มีวันได้เห็นแสงของอาทิตย์
ขอให้พระเจ้ากวาดพวกเขาทิ้งไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับพายุ
เร็วกว่าที่หม้อจะทันร้อนตอนที่ตั้งอยู่บนกองกิ่งหนามที่ติดไฟ
    ไม่ว่าจะเป็นกิ่งสดหรือกิ่งแห้งก็ตาม[e]

10 ขอให้คนดีได้ดีใจ เมื่อเห็นคนที่ไร้ความยุติธรรมถูกลงโทษ
    และขอให้คนดีคนนั้นได้ล้างเท้าในเลือดของคนชั่ว
11 แล้วผู้คนก็จะพูดว่า “เห็นไหม คนที่ทำถูกต้องได้รับรางวัล
    เห็นไหม มีพระเจ้าที่ตัดสินอย่างยุติธรรมอยู่ในโลกนี้”

ขอปกป้องข้าพเจ้าจาก “ไอ้พวกหมา”

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[f]ของดาวิด ที่เขียนตอนที่ซาอูลส่งคนไปเฝ้าบ้านของดาวิดเพื่อฆ่าเขา[g]

พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากศัตรูของข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดช่วยปกป้องข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากผู้คนที่ลุกขึ้นต่อต้านข้าพเจ้าด้วยเถิด
โปรดช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนชั่วร้าย
    โปรดช่วยกู้ข้าพเจ้าจากคนกระหายเลือดเหล่านั้นด้วยเถิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกเขาดักซุ่มคอยฆ่าข้าพเจ้า
    คนโหดร้ายพวกนั้นด้อมตามคอยตะครุบข้าพเจ้า
    ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดหรือทำบาปอะไรเลย
ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่พวกเขาก็รีบเร่งมาที่นี่และเตรียมโจมตีข้าพเจ้า
    โปรดลุกขึ้นมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด ช่วยมาดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล
    โปรดลุกขึ้นมาลงโทษชนชาติเหล่านั้น โปรดอย่าได้มีเมตตาต่อคนทรยศที่ชั่วร้ายพวกนั้น เซลาห์

พวกเขากลับมาในตอนเย็น ขู่คำรามเหมือนฝูงหมา
    และเดินด้อมๆมองๆ หาเหยื่อไปทั่วเมือง
ฟังเสียงของพวกเขาดูสิ เห่าออกมาเป็นคำเย้ยหยัน
    ริมฝีปากเชือดเฉือนอย่างดาบ
    และพวกเขาก็พูดว่า “ไม่มีคนอื่นได้ยินหรอก”

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์หัวเราะเยาะพวกเขา
    และทำให้พวกเขาทุกคนอับอายด้วยเถิด
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะคอยให้พระองค์มาช่วย[h]
    เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
10 พระเจ้าของข้าพเจ้ารักข้าพเจ้าและจะมาช่วยข้าพเจ้า
    พระองค์จะให้ข้าพเจ้าเห็นพวกศัตรูของข้าพเจ้าพ่ายแพ้

11 โปรดอย่าฆ่าพวกศัตรูของข้าพเจ้าให้หมดในทีเดียว ไม่อย่างนั้น คนของข้าพเจ้าอาจจะลืมว่าพระองค์เป็นผู้ที่ทำให้พวกเขาชนะ
    ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ผู้เป็นโล่ของพวกเรา
    โปรดใช้พลังอำนาจของพระองค์ทำให้ศัตรูแตกกระเจิงและล้มลง
12 สิ่งที่เขาพูดทำให้ริมฝีปากเขาเป็นบาป
    ขอให้เขาตกลงไปในกับดักแห่งความเย่อหยิ่งจองหอง
คำสาปแช่งและคำโกหกของเขาเอง
13 ทำลายพวกเขาด้วยความโกรธของพระองค์
    ทำลายพวกเขาให้หมดเกลี้ยงตลอดไป
แล้วคนทั่วโลกจะได้รู้ว่า
    พระเจ้าครอบครองอยู่เหนือชนชาติของยาโคบ เซลาห์

14 พวกเขากลับมาในตอนเย็นขู่คำรามเหมือนฝูงหมา
    และเดินด้อมๆมองๆหาเหยื่อไปทั่วเมือง
15 พวกเขาจะเร่ร่อนหาอาหารไปมา
    และถ้าพวกเขากินไม่อิ่ม พวกเขาคงจะอยู่ทั้งคืน[i]

16 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถึงพลังของพระองค์
    ในตอนเช้าข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
    พระองค์เป็นที่กำบังในยามทุกข์ยาก
17 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
    เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
    และเป็นพระเจ้าที่มีความรักมั่นคงต่อข้าพเจ้า

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International