Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 ซามูเอล 4-5

อิชโบเชทถูกฆ่า

เมื่ออิชโบเชทลูกชายซาอูลได้ยินว่า อับเนอร์ตายในเมืองเฮโบรน เขาก็สูญเสียความกล้าหาญ และชาวอิสราเอลทั้งหมดต่างตื่นตกใจกลัว ในเวลานั้นมีชายสองคนมาหาอิชโบเชท ลูกชายของซาอูล ชายสองคนนี้เป็นหัวหน้ากองโจร คนหนึ่งชื่อบาอานาห์ และอีกคนชื่อเรคาบ พวกเขาเป็นลูกชายของริมโมนชาวเมืองเบเอโรท พวกเขามาจากเผ่าเบนยามิน (เมืองเบเอโรทถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคนเผ่าเบนยามิน แต่ชาวเมืองเบเอโรทได้หลบหนีมาที่เมืองกิททาอิมกันหมด และอาศัยอยู่ที่นั่นในฐานะชาวต่างชาติมาจนทุกวันนี้)

โยนาธานลูกชายของซาอูลมีลูกชายชื่อเมฟีโบเชท เมฟีโบเชทมีเท้าพิการทั้งสองข้าง ตอนที่เมฟีโบเชทมีอายุห้าขวบนั้น มีข่าวมาจากเมืองยิสเรเอล ว่าซาอูลและโยนาธานถูกฆ่าตาย พี่เลี้ยงของเมฟีโบเชทอุ้มเขาวิ่งหนี แต่เพราะนางรีบเกินไป จึงทำเขาหล่นลงมาและขาทั้งสองข้างของเขาก็พิการ

ฝ่ายเรคาบและบาอานาห์ลูกชายของริมโมนชาวเบเอโรท ได้ออกเดินทางไปบ้านของอิชโบเชท พวกเขาได้มาถึงที่นั่นในเวลาเที่ยงที่อากาศร้อน ขณะที่อิชโบเชทกำลังนอนพักเที่ยงอยู่ พวกเขาเข้าไปถึงส่วนในของบ้าน ทำเหมือนกับว่าจะเข้าไปเอาข้าวสาลี และพวกเขาก็แทงอิชโบเชทเข้าที่ท้อง แล้วเรคาบกับบาอานาห์พี่ชายของเขาก็หนีไป พวกเขาเข้าไปในบ้านในขณะที่อิชโบเชทกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของเขา พวกเขาได้แทงและฆ่าเขา และหลังจากนั้นพวกเขาได้ตัดหัวอิชโบเชทไปด้วย พวกเขาเดินทางตลอดทั้งคืนในหุบเขาจอร์แดน พวกเขานำหัวของอิชโบเชทไปให้ดาวิดที่เมืองเฮโบรน พวกเขาพูดกับกษัตริย์ดาวิดว่า “นี่คือหัวของอิชโบเชทลูกชายของซาอูล ซาอูลที่เป็นศัตรูของท่าน ที่พยายามฆ่าท่าน วันนี้พระยาห์เวห์ได้แก้แค้นซาอูลและลูกหลานของเขาให้กับท่านผู้เป็นกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าแล้ว”

ดาวิดตอบเรคาบและบาอานาห์พี่ชายของเขา ลูกชายของริมโมนชาวเบเอโรทว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า พระองค์เป็นผู้ที่ทำให้เราพ้นจากความลำบากทั้งหลาย 10 คราวก่อน เมื่อมีคนมาบอกเราว่า ‘ซาอูลตายแล้ว’ เขาคิดว่าเขากำลังนำข่าวดีมาบอก เราได้จับเขาและฆ่าเขาที่ศิกลาก นั่นคือรางวัลที่เราได้ให้สำหรับข่าวของเขา 11 ยิ่งกว่านั้นอีก คราวนี้ ในเมื่อพวกคนชั่วได้ฆ่าคนบริสุทธิ์ในบ้านของเขาและบนเตียงของเขาเอง จะไม่ให้เราฆ่าเจ้าเพราะความตายของเขาและกำจัดเจ้าออกไปจากโลกนี้ได้ยังไงกัน”

12 ดังนั้นดาวิดจึงออกคำสั่งแก่คนของเขา และพวกเขาก็ฆ่าสองคนนั้น ตัดมือและเท้าของสองคนนั้นและแขวนศพของพวกเขาไว้ที่ข้างสระน้ำในเมืองเฮโบรน แต่พวกเขาเอาหัวของอิชโบเชทไปฝังไว้ที่อุโมงค์ฝังศพของอับเนอร์ที่เมืองเฮโบรน

ชาวอิสราเอลยกดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์

(1 พศด. 11:1-3)

อิสราเอลทุกเผ่ามาหาดาวิดที่เมืองเฮโบรนและพูดว่า “พวกเราคือเลือดเนื้อของท่าน ในอดีต เมื่อซาอูลยังเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเรา ท่านเป็นผู้หนึ่งที่นำอิสราเอลในการรบ และพระยาห์เวห์ได้พูดกับท่านว่า ‘เจ้าจะเป็นผู้นำทางประชาชนชาวอิสราเอลของเราอย่างผู้เลี้ยงแกะ และเจ้าจะได้เป็นผู้ปกครองพวกเขา’”

เมื่อพวกผู้นำอาวุโสทั้งหมดของอิสราเอลมาหากษัตริย์ดาวิดที่เมืองเฮโบรน กษัตริย์ดาวิดได้ทำสัญญากับพวกเขาที่เมืองเฮโบรนต่อหน้าพระยาห์เวห์ และพวกเขาก็ได้เจิมดาวิดเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล

ดาวิดมีอายุสามสิบปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาครองราชย์อยู่นานสี่สิบปี เขาได้ครอบครองอยู่เหนือยูดาห์ในเมืองเฮโบรน เป็นเวลาเจ็ดปีหกเดือน และในเมืองเยรูซาเล็ม เขาได้ครอบครองอิสราเอลทั้งหมดรวมทั้งยูดาห์ด้วย เป็นเวลาสามสิบสามปี

ดาวิดยึดเมืองเยรูซาเล็ม

(1 พศด. 11:4-9)

กษัตริย์ดาวิดและคนของเขายกทัพไปเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อโจมตีชาวเยบุสที่อาศัยอยู่ที่นั่น ชาวเยบุสบอกกับดาวิดว่า “แกบุกเข้ามาที่นี่ไม่ได้[a] แม้แต่คนตาบอดและคนพิการของเราก็ยังหยุดแกได้” พวกเขาคิดว่า “ดาวิดไม่สามารถบุกเข้าไปในเมืองของพวกเขาได้” แต่ดาวิดก็สามารถยึดป้อมศิโยนไว้เป็นเมืองของดาวิด ได้

ในวันนั้น ดาวิดพูดกับคนของเขาว่า “คนที่จะเอาชนะชาวเยบุสได้ต้องเข้าไปทางท่อส่งน้ำ[b] เพื่อเข้าไปถึง ‘พวกคนพิการและคนตาบอดเหล่านั้น’ ที่เป็นศัตรูของดาวิด”

(นี่คือเหตุที่คนพูดกันว่า “อย่าให้คนตาบอดและคนพิการเข้าไปในวัง[c]”)

ดาวิดก็เข้ายึดเอาป้อมนั้นเป็นที่พักและเรียกมันว่าเมืองของดาวิด แล้วดาวิดก็ได้สร้างเมืองขึ้นรอบๆตั้งแต่พื้นที่ลาดเขา[d] เข้าไปถึงข้างใน 10 ดาวิดยิ่งมีอำนาจมากขึ้นๆเพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นสถิตอยู่กับเขา

ฮีรามสร้างวังให้ดาวิด

(1 พศด. 14:1-2)

11 ฮีรามกษัตริย์ของไทระได้ส่งคนส่งข่าวมาหาดาวิด พร้อมด้วยไม้สนซีดาร์และช่างไม้และช่างก่อหิน และพวกเขาได้สร้างวังให้กับดาวิด 12 ดาวิดรู้ว่าพระยาห์เวห์ได้ตั้งเขาเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล และได้ทำให้อาณาจักรของเขาเจริญรุ่งเรืองขึ้น เพื่อประชาชนชาวอิสราเอลของพระองค์

ลูกชายดาวิดที่เกิดในเยรูซาเล็ม

(1 พศด. 3:5-9; 14:3-7)

13 หลังจากที่เขาออกจากเมืองเฮโบรน ดาวิดได้มีเมียน้อยและเมียเพิ่มขึ้นอีกหลายคนในเยรูซาเล็ม และมีลูกชายและลูกสาวเพิ่มขึ้น 14 ชื่อของพวกลูกชายของเขาที่เกิดที่นั่น คือ ชัมมุอา โชบับ นาธัน ซาโลมอน 15 อิบฮาร์ เอลีชูอา เนเฟก ยาเฟีย 16 เอลีชามา เอลียาดา และเอลีเฟเลท

ดาวิดสู้กับชาวฟีลิสเตีย

(1 พศด. 14:8-17)

17 เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ยินว่าดาวิดได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล พวกเขาจึงยกทัพขึ้นมาสู้รบกับดาวิด แต่ดาวิดรู้เรื่องนี้ก่อนและได้เข้าไปอยู่ที่ป้อม 18 ขณะนั้น ชาวฟีลิสเตียได้มาถึงและกระจายกำลังอยู่ในหุบเขาเรฟาอิม

19 ดาวิดจึงถามพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพเจ้าควรขึ้นไปโจมตีชาวฟีลิสเตียหรือไม่ พระองค์จะมอบพวกเขาไว้ในกำมือข้าพเจ้าหรือเปล่า”

พระยาห์เวห์ตอบเขาว่า “ไปเถิด เพราะเราจะมอบชาวฟีลิสเตียไว้ในกำมือเจ้าอย่างแน่นอน”

20 ดาวิดจึงไปที่บาอัล-เปราซิม และเขาก็สู้รบเอาชนะชาวฟีลิสเตียได้ และดาวิดพูดว่า “พระยาห์เวห์ได้บุกทะลวงศัตรูต่อหน้าข้าพเจ้าเหมือนกับน้ำที่พุ่งทะลวงเขื่อนออกมา” จึงเรียกสถานที่นั้นว่า บาอัล-เปราซิม[e] 21 ชาวฟีลิสเตียได้ทิ้งรูปเคารพของพวกเขาไว้ที่นั่น ดาวิดกับคนของเขาได้ขนพวกมันไป

22 ชาวฟีลิสเตียยกทัพขึ้นมาอีกและกระจายกำลังออกในหุบเขาเรฟาอิม

23 ดาวิดจึงถามพระยาห์เวห์อีก และพระองค์ก็ตอบเขาว่า “อย่าบุกเข้าไปตรงๆแต่ให้อ้อมไปด้านหลัง และโจมตีพวกเขาจากพุ่มไม้บาคา[f] 24 ทันทีที่เจ้าได้ยินเสียงเดินทัพที่ยอดพุ่มไม้บาคา ก็ให้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพราะนั่นหมายถึงพระยาห์เวห์ได้นำหน้าพวกเจ้าออกไปมีชัยเหนือกองทัพชาวฟีลิสเตียแล้ว”

25 ดาวิดจึงทำตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเขาไว้ และเขาก็โจมตีชาวฟีลิสเตียได้ตลอดทางจากเมืองกิเบโอน[g] ไปจนถึงเกเซอร์

1 โครินธ์ 15

ข่าวดีเกี่ยวกับพระคริสต์

15 พี่น้องครับ ผมก็อยากจะเตือนพวกคุณไม่ให้ลืมข่าวดีที่ผมได้ประกาศให้กับพวกคุณ เป็นข่าวดีที่พวกคุณได้รับเอาไว้แล้ว และยึดมั่นอยู่ ถ้าคุณยังคงยึดมั่นในข่าวดีที่ผมบอก ข่าวดีนี้แหละจะช่วยให้พวกคุณรอด ไม่อย่างนั้นความเชื่อของคุณก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ผมมอบเรื่องที่สำคัญที่สุดให้กับพวกคุณ เป็นเรื่องที่ผมเองก็รับมอบมาอีกทีหนึ่งเหมือนกัน คือพระคริสต์ตายเพื่อจัดการกับบาปของพวกเราตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้ พระองค์ถูกฝังและฟื้นขึ้นมาใหม่ในวันที่สามตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้ แล้วพระองค์ก็ไปปรากฏกับเปโตรและศิษย์เอกทั้งสิบสองคน จากนั้นพระองค์ก็ไปปรากฏให้พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนเห็นในเวลาเดียวกัน ซึ่งพวกนี้ส่วนใหญ่ก็ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้จะมีบางคนตายไปบ้างแล้ว ต่อมาพระองค์ปรากฏกับยากอบและศิษย์เอกทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง แล้วสุดท้ายพระองค์มาปรากฏกับผมด้วย ผมเหมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนด เพราะผมต่ำต้อยที่สุดในพวกศิษย์เอกทั้งหมด ความจริงแล้วผมไม่เหมาะที่จะได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เอกเสียด้วยซ้ำไป เพราะผมเคยข่มเหงหมู่ประชุมของพระเจ้ามาก่อน 10 แต่ที่ผมเป็นศิษย์เอกก็เพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า และผมก็ไม่ได้รับเอาความเมตตากรุณานี้มาไว้เฉยๆ แต่ผมทำงานหนักกว่าพวกศิษย์เอกทุกคน อันที่จริงไม่ใช่ผมหรอกที่ทำ แต่เป็นความเมตตากรุณาของพระเจ้าที่อยู่กับผมต่างหากที่ทำ 11 ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผมประกาศหรือศิษย์เอกคนอื่นๆประกาศให้กับพวกคุณ เราทุกคนก็ประกาศเรื่องนี้แหละ และนี่ก็เป็นเรื่องที่พวกคุณมาไว้วางใจ

พวกเราจะฟื้นขึ้นจากความตาย

12 แต่ถ้าเราประกาศว่าพระคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตายแล้ว แล้วทำไมยังมีพวกคุณบางคนบอกว่า ไม่มีการฟื้นขึ้นจากความตายล่ะ 13 ถ้าไม่มีการฟื้นขึ้นจากความตาย ก็แสดงว่าพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นขึ้นมา 14 แล้วถ้าพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นขึ้นมา สิ่งที่เราได้ประกาศไปก็ไม่มีความหมายอะไรเลย และความเชื่อของพวกคุณก็ไม่มีความหมายไปด้วย 15 ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราก็จะกลายเป็นคนที่พูดโกหกเกี่ยวกับพระเจ้า เพราะเราบอกว่าพระเจ้าทำให้พระคริสต์ฟื้นจากความตาย แต่ถ้าเป็นจริงตามที่เขาบอกว่าพระเจ้าไม่ได้ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมา นั่นก็แปลว่าพระเจ้าไม่ได้ทำให้พระคริสต์ฟื้นขึ้นมา 16 และถ้าพระเจ้าไม่ได้ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมา พระคริสต์ก็ไม่ได้ฟื้นขึ้นมาด้วยสิ 17 และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นขึ้นมา ความเชื่อของพวกคุณก็ไม่มีประโยชน์ พระเจ้าก็ยังไม่ได้ยกโทษให้กับบาปของพวกคุณ 18 ถ้าอย่างนั้นคนของพระคริสต์ที่ตายไปก็ถูกทำลายไปหมดแล้ว 19 ถ้าเรามีความหวังในพระคริสต์เฉพาะแค่ชาตินี้เท่านั้น เราก็จะเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในบรรดาคนทั้งหลาย

20 แต่ความจริงคือ พระเจ้าทำให้พระคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตาย และพระองค์เป็นคนแรกที่ฟื้นขึ้น ซึ่งเป็นการรับรองว่าคนตายที่เหลือจะฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน 21 ความตายเกิดขึ้นเพราะคนๆเดียว เช่นเดียวกันการฟื้นจากความตายก็เกิดขึ้นเพราะคนๆเดียว 22 อาดัมทำให้ทุกคนต้องตาย เช่นเดียวกันพระคริสต์ทำให้ทุกคนฟื้นขึ้นจากความตาย 23 เรื่องนี้ก็จะเรียงตามลำดับ คือพระคริสต์ฟื้นขึ้นเป็นคนแรก และเมื่อพระองค์มา คนของพระองค์ทั้งหมดก็จะฟื้นขึ้น 24 แล้วเมื่อพระคริสต์ทำลายพวกผู้ครอบครอง ผู้มีสิทธิอำนาจและผู้มีฤทธิ์อำนาจทุกประเภทแล้ว พระองค์ก็จะมอบอาณาจักรให้กับพระเจ้าพระบิดา ทุกอย่างก็จะจบ 25 ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะมันจำเป็นที่พระคริสต์จะต้องปกครองจนกว่าพระเจ้าจะจัดการกับศัตรูของพระคริสต์ให้อยู่ใต้อำนาจของพระคริสต์เสียก่อน 26 ศัตรูตัวสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย 27 เพราะ “พระเจ้าได้ปราบทุกสิ่งทุกอย่างไว้ใต้เท้าของพระองค์แล้ว”[a] เมื่อพระคัมภีร์พูดว่า “ทุกสิ่งทุกอย่าง” ก็เข้าใจชัดเจนว่า ไม่ได้รวมถึงพระเจ้าผู้ได้ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ใต้อำนาจของพระคริสต์ 28 เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ใต้อำนาจของพระคริสต์แล้ว เมื่อนั้นแม้แต่พระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าเองก็ยอมอยู่ใต้อำนาจของพระเจ้าผู้ปราบทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่ใต้อำนาจของพระคริสต์ ที่พระคริสต์ทำอย่างนี้ ก็เพื่อพระเจ้าจะยิ่งใหญ่ที่สุดเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

29 ถ้าไม่มีการฟื้นจากความตาย คนที่เข้าพิธีจุ่มน้ำเพราะอยากจะไปอยู่กับคนที่ตายไปแล้ว[b] จะทำอย่างไร พวกนี้จะเข้าพิธีจุ่มน้ำเพื่อจะไปอยู่กับคนที่ตายไปแล้วทำไมกัน

30 ถ้าคนตายไม่ฟื้น ทำไมเราถึงยอมเสี่ยงกับอันตรายทุกๆชั่วโมง 31 พี่น้องครับ สาบานได้เลยว่า ผมตายทุกวัน เรื่องนี้มันแน่นอนพอๆกับที่ผมภาคภูมิใจจริงๆในพี่น้องที่อยู่ในพระเยซูคริสต์เจ้า 32 ถ้าผมต่อสู้กับพวกสัตว์ป่าในเมืองเอเฟซัส[c] (เปรียบเทียบให้ฟังนะครับ) ผมจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าคนตายไม่ฟื้น “ก็ให้กินและดื่มไปเลย เพราะพรุ่งนี้เราก็จะตายอยู่แล้ว”[d]

33 อย่าให้ใครมาหลอกคุณได้ “คบคนพาล คนพาลก็จะพาให้เสียนิสัยดีๆไป” 34 ให้มีสติอย่างที่ควรจะมี เลิกทำบาปเสียเพราะพวกคุณบางคนยังไม่รู้เรื่องพระเจ้าเสียด้วยซ้ำ ผมพูดอย่างนี้เพราะจะให้พวกคุณอับอายไปเลย

ตอนที่เราฟื้นจากความตายเราจะมีร่างแบบไหนหรือ

35 แต่อาจจะมีบางคนถามว่า “คนตายจะฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร พวกเขาจะมีร่างแบบไหน” 36 ทำไมโง่อย่างนี้ สิ่งที่คุณหว่านนั้น มันจะต้องตายก่อนถึงจะมีชีวิตขึ้นมาได้ 37 และไม่ว่าคุณจะหว่านอะไรก็ตาม สิ่งที่คุณหว่านนั้นไม่ใช่ลำต้นที่มีรูปร่างใหญ่โตเหมือนกับสิ่งที่กำลังจะขึ้นมา มันเป็นแค่เมล็ด อาจจะเป็นเมล็ดข้าวสาลี หรือเมล็ดอย่างอื่น 38 แล้วพระเจ้าก็จะให้ต้นของมันตามที่พระองค์เลือก พระองค์ให้เมล็ดแต่ละชนิดมีลำต้นแตกต่างกันไป 39 เนื้อของสิ่งมีชีวิตก็แตกต่างกัน เนื้อมนุษย์ก็เป็นแบบหนึ่ง เนื้อของพวกสัตว์ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง นกก็อย่างหนึ่ง ปลาก็อีกอย่างหนึ่ง 40 ดวงดาวในท้องฟ้ามีรูปร่างที่ต่างกัน สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ก็มีรูปร่างที่ต่างกัน รูปร่างของสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้ามีความงดงามอย่างหนึ่ง และรูปร่างของสิ่งในโลกนี้มีความงดงามอีกอย่างหนึ่ง 41 ดวงอาทิตย์มีความงดงามอย่างหนึ่ง ดวงจันทร์ก็อีกอย่างหนึ่ง ดวงดาวก็อีกอย่างหนึ่ง และแม้แต่ความงดงามของดวงดาวแต่ละดวงก็ยังแตกต่างกันเลย

42 มันจะเป็นอย่างนี้ เมื่อคนตายฟื้นขึ้นมาใหม่ ร่างรูปที่ถูกฝังในดินนั้นก็เน่าเปื่อยไป แต่รูปร่างที่ฟื้นขึ้นมาใหม่นี้ไม่มีวันเน่าเปื่อย 43 รูปร่างที่ถูกฝังในดินนั้นไม่มีเกียรติ แต่รูปร่างที่ฟื้นขึ้นมานี้มีสง่าราศี รูปร่างที่ถูกฝังในดินนั้นอ่อนแอ แต่รูปร่างที่ฟื้นขึ้นมานี้มีฤทธิ์อำนาจ 44 รูปร่างที่ถูกฝังในดินนั้นเป็นเพียงรูปร่างธรรมดา แต่ร่างที่ฟื้นขึ้นมานี้เป็นรูปร่างทิพย์จากพระวิญญาณ ดังนั้นในเมื่อมีรูปร่างธรรมดาก็ต้องมีรูปร่างทิพย์ด้วย 45 เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “อาดัมผู้ชายคนแรกได้กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีชีวิต[e][f] แต่พระคริสต์ผู้เป็นอาดัมคนสุดท้ายได้กลายเป็นวิญญาณที่ให้ชีวิต 46 รูปร่างทิพย์ไม่ได้เกิดก่อน แต่รูปร่างธรรมดาเกิดก่อน แล้วรูปร่างทิพย์จึงตามมา 47 อาดัมมนุษย์คนแรกนั้นมาจากผงคลีดินในโลกนี้ ส่วนพระคริสต์มนุษย์คนที่สองมาจากสวรรค์ 48 พวกที่เป็นของโลกนี้ก็จะเป็นเหมือนอาดัมมนุษย์คนแรกที่มาจากผงคลีดินนั้น พวกที่เป็นของสวรรค์นั้นก็จะเป็นเหมือนพระคริสต์มนุษย์คนที่สองที่มาจากสวรรค์นั้น 49 ตอนนี้เรามีรูปร่างเหมือนกับอาดัมคนที่มาจากผงคลีดิน เช่นเดียวกันวันหนึ่งเราก็จะมีรูปร่างเป็นเหมือนพระคริสต์คนที่มาจากสวรรค์

50 พี่น้องครับ ผมจะบอกพวกคุณว่า ร่างที่เป็นเนื้อและเลือดของเราตอนนี้ ไม่สามารถที่จะมีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้าได้ สิ่งที่เน่าเปื่อยได้ก็ไม่สามารถจะมีส่วนร่วมกับสิ่งที่ไม่มีวันเน่าเปื่อย 51 ฟังให้ดี ผมจะบอกความลับให้รู้ พวกเราจะไม่ตายกันหมดทุกคนหรอก แต่พวกเราทุกคนจะถูกเปลี่ยนแปลงทันทีทันใด 52 ในชั่วพริบตาเมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะเสียงแตรจะดังขึ้น และคนตายก็จะฟื้นขึ้นในรูปร่างที่ไม่มีวันเน่าเปื่อย และพวกเราที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะถูกเปลี่ยนแปลงไป 53 เพราะร่างที่กำลังเน่าเปื่อยจะสวมร่างที่ไม่เน่าเปื่อย และร่างที่ต้องตายนี้จะต้องสวมด้วยร่างที่ไม่มีวันตาย 54 เมื่อร่างที่เน่าเปื่อยนี้สวมสิ่งที่ไม่เน่าเปื่อยแล้ว และร่างที่ต้องตายนี้สวมสิ่งที่ไม่มีวันตายแล้ว สิ่งที่พระคัมภีร์เขียนไว้ก็จะเป็นความจริงที่ว่า

“ความตายก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบแล้ว”[g]

55 “ว่าไง ความตาย ชัยชนะของเจ้าหายไปไหนหมดแล้ว
    ว่าไง ความตาย พิษสง[h]ของเจ้าหายไปไหนหมดแล้ว”[i]

56 พิษสงของความตายนั้นคือบาป และอำนาจของบาปก็มาจากกฎ 57 แต่ขอบคุณพระเจ้า ที่ทำให้เราชนะผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา

58 ดังนั้น พี่น้องที่รัก ให้มั่นคง อย่าหวั่นไหว และให้ทุ่มเทกับงานขององค์เจ้าชีวิตตลอดเวลา เพราะคุณก็รู้ว่าจะได้รับรางวัลสำหรับงานหนักที่คุณทำเพื่อองค์เจ้าชีวิตนั้นแน่

เอเสเคียล 13

ผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมจะถูกลงโทษ

13 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดแทนเราต่อต้านพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมพวกนั้น ที่อ้างว่าพูดแทนเราอยู่ในอิสราเอล ให้พูดต่อต้านคนพวกนั้นที่แกล้งทำเป็นพูดแทนเรา แต่ที่แท้ก็พูดตามจินตนาการของพวกมันเอง บอกกับพวกมันว่า ‘ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตพูดว่า น่าอับอายจริงๆพวกโง่เง่าที่อ้างว่าพูดแทนเรา แต่ที่แท้ก็แค่พูดตามจินตนาการของตัวเอง ไม่ได้เห็นนิมิตจากพระเจ้าจริง

ชาวอิสราเอลเอ๋ย คนเหล่านั้นที่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้า ที่อ้างว่าพูดแทนเรา เป็นเหมือนหมาไน[a] ท่ามกลางซากปรักหักพัง พวกเจ้าไม่ได้ปีนขึ้นไปเพื่อปกป้องเมืองตรงช่องโหว่ของกำแพง[b] และไม่ได้ซ่อมกำแพงให้กับครอบครัวของอิสราเอล เพื่อจะยืนหยัดต่อต้านสงครามไว้ได้ในวันที่พระยาห์เวห์แสดงความโกรธออกมา

นิมิตของพวกมันเป็นของปลอม และคำทำนายของพวกมันเป็นเรื่องโกหก พวกมันอ้างว่า สิ่งที่พวกมันพูดนั้นเป็นคำพูดของพระยาห์เวห์ พวกมันคาดหวังว่าพระองค์จะทำให้คำทำนายของพวกมันเกิดขึ้นจริง ทั้งๆที่พระองค์ไม่เคยส่งพวกมันมาเลย พวกเจ้าทั้งหลายที่อ้างว่าพูดแทนเรา พวกเจ้าเห็นนิมิตจอมปลอม และทำนายเท็จ ไม่ใช่หรือ ตอนที่อ้างว่า “พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้” ทั้งๆที่เราไม่ได้พูดกับพวกเจ้าเลย’”

ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราต่อต้านพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าพูดโกหกและอ้างว่าเห็นนิมิต” นั่นแหละคือคำพูดของพระยาห์เวห์

พระยาห์เวห์พูดว่า “มือของเราจะต่อต้านพวกเจ้าที่แอบอ้างว่าพูดแทนเรา ที่บอกว่าเห็นนิมิต และพวกหมอดูที่กุเรื่องโกหกขึ้นมา คนพวกนี้จะถูกแยกออกจากสภาที่ประชุมของเรา ชื่อของพวกมันจะไม่ได้รับการบันทึกไว้ในสมุดของครอบครัวอิสราเอล และพวกมันจะไม่ได้กลับมายังแผ่นดินอิสราเอล แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือ ยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต

10 สิ่งนี้จะเกิดขึ้น เพราะพวกมันทำให้คนของเราหลงผิด พวกมันพูดว่า ‘ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี’ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเป็นไปด้วยดีเลย มันเหมือนกับประชาชนสร้างกำแพงแบบชุ่ยๆแล้วพวกที่อ้างว่าพูดแทนพระเจ้าพวกนี้ เอาปูนขาวมาฉาบให้ดูดี 11 ให้บอกกับคนฉาบปูนพวกนี้ว่า งานของพวกเขาจะต้องพังทลายลง เพราะเราจะส่งพายุฝน และลูกเห็บซัดกระหน่ำลงมา พร้อมกับลมพายุอย่างหนักที่จะพัดกำแพงให้พังลง 12 เมื่อกำแพงถล่มลงมา ผู้คนจะถามพวกมันว่า ‘ทำไมปูนขาวที่ท่านฉาบไว้ไม่ช่วยอะไรเลยล่ะ’” 13 ดังนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราจะใช้ลมพายุที่รุนแรงนี้ ทำให้กำแพงแตกด้วยความเดือดดาลของเรา เราจะเทฝนกระหน่ำลงมาทำให้กำแพงสึกกร่อนด้วยความโกรธของเรา เราจะส่งลูกเห็บลงมาจัดการมันให้ราบเรียบด้วยความเดือดดาลของเรา

14 ดังนั้นเราจะทำลายกำแพงที่เจ้าได้ฉาบปูนขาวไว้นั้น เราจะทำลายมันให้ราบเป็นหน้ากลอง จนมองเห็นฐานรากของมัน และเมื่อมันล้มลง เจ้าจะถูกทำลายภายในกำแพงนั้น และเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์

15 ด้วยวิธีนั้น เราจะได้ระบายความโกรธของเราออกมาลงบนกำแพงและลงบนคนเหล่านั้นที่ฉาบปูนขาวทับมัน เราจะบอกกับเจ้าว่า ‘กำแพงไม่มีแล้ว และพวกคนฉาบปูนขาวนั้นหายไปแล้ว’

16 สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นกับคนพวกนี้ของอิสราเอลที่แอบอ้างว่าพูดแทนเรา ที่ทำนายให้กับเมืองเยรูซาเล็ม และเห็นนิมิตว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเป็นไปด้วยดีเลย” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนี้แหละ

17 และตอนนี้ “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หันไปดูผู้หญิงพวกนั้นที่อยู่ท่ามกลางคนของเจ้า พวกนางได้ทำนายตามจินตนาการของตัวเอง ให้เจ้าพูดแทนเราต่อต้านพวกนางว่า 18 ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า น่าอับอายจริงๆพวกเจ้า หญิงที่เย็บผ้าไสยศาสตร์ไว้พันข้อมือให้กับทุกๆคน น่าอับอายจริงๆพวกเจ้า หญิงที่ทำผ้าไสยศาสตร์ไว้คลุมหน้าหลายๆขนาด เพื่อล่าชีวิตคน เจ้าคิดว่าเจ้าจะล่าชีวิตคนของเรา แล้วตัวเจ้าเองจะรอดชีวิตไปได้หรือ 19 เจ้าทำให้คนของเราดูถูกเหยียดหยามเรา เพราะเจ้าพูดโกหกเป่าหูคนของเราที่ชอบฟังคำโกหกอยู่แล้ว เจ้าทำสิ่งนี้เพื่อแลกกับข้าวบาร์เลย์สองสามกำมือและขนมปังไม่กี่ชิ้นเท่านั้น เจ้าทำให้คนที่ไม่สมควรตาย ต้องมาตาย และทำให้คนที่สมควรตาย ยังมีชีวิตอยู่ 20 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดกับพวกเจ้า “ดูนะ เราต่อต้านผ้าไสยศาสตร์ที่พันข้อมือของพวกเจ้า ที่พวกเจ้าใช้ล่าชีวิตคนเหมือนกับล่านก เราจะฉีกมันจากแขนของพวกเจ้า และปล่อยให้คนเหล่านั้นเป็นอิสระ คือคนเหล่านั้นที่เจ้าได้ล่าเหมือนล่านก 21 เราจะฉีกผ้าคลุมหน้าของพวกเจ้าออก และช่วยชีวิตคนของเราจากอำนาจของเจ้า พวกเขาจะไม่ตกเป็นเหยื่อของเจ้าอีกต่อไป แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์”

22 เจ้าได้หลอกลวงคนดีๆให้หมดกำลังใจ แต่เราไม่อยากให้พวกเขาหมดกำลังใจ แถมเจ้ายังไปให้กำลังใจกับคนชั่วไม่ให้พวกเขากลับใจ ถ้าเขากลับใจก็จะมีชีวิตต่อไป

23 ดังนั้นพวกเจ้าจะไม่ได้อ้างว่าเห็นนิมิตอีกต่อไป และจะไม่ได้กุเรื่องเวทมนตร์ของเจ้าขึ้นมาอีก เราจะช่วยกู้คนของเราจากอำนาจของเจ้า แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์’”

สดุดี 52-54

ที่ลี้ภัยที่เป็นภัย

ถึงหัวหน้านักร้อง บทกวีแห่งมัสคิล[a] ของกษัตริย์ดาวิด จากตอนที่โดเอก คนเอโดมไปบอกกับกษัตริย์ซาอูลว่า “ดาวิดได้เข้าไปในบ้านของอาคีเมเลค”

เฮ้ย เจ้านักเลงโต ทำไมเจ้าถึงได้โอ้อวดถึงเรื่องชั่วๆที่เจ้าทำ
    ในขณะที่พระเจ้าแสดงความรักมั่นคงของพระองค์ตลอดเวลา
ไอ้จอมลวงโลก เจ้าชอบวางแผนทำลายล้างผู้อื่น
    ลิ้นของเจ้าอันตรายเหมือนมีดโกนที่คมกริบ
เจ้ารักความชั่วมากกว่าความดี
    และพูดโกหกมากกว่าพูดความจริง เซลาห์

ตัวเจ้าและลิ้นอันปลิ้นปล้อนของเจ้า
    รักที่จะทำร้ายผู้อื่น
ดังนั้นพระเจ้าจะรื้อเจ้าลงตลอดกาล
    พระองค์จะคว้าและกระชากตัวเจ้าออกไปจากเต็นท์ของเจ้า
    พระองค์จะถอนรากถอนโคนเจ้าให้พ้นจากแผ่นดินของคนเป็น เซลาห์
คนดีจะเห็นสิ่งนี้และตลึงงัน
    และจะหัวเราะเยาะคนชั่ว แล้วพูดว่า
“ดูคนที่แข็งแรงนั่นสิ เขาไม่ได้เอาพระเจ้าเป็นที่ลี้ภัย
    แต่กลับพึ่งความร่ำรวยของตน
    เขาพยายามทำให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น ด้วยการทำลายล้างผู้อื่น”

แต่ข้าพเจ้าเปรียบเหมือนต้นมะกอกสีเขียวที่เจริญเติบโตอยู่ในลานในวิหารของพระเจ้า
    ข้าพเจ้าจะพึ่งพิงความรักมั่นคงของพระเจ้าตลอดไป
ต่อหน้าผู้ที่จงรักภักดีต่อพระองค์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ตลอดกาล
    สำหรับสิ่งที่พระองค์ทำ
และข้าพเจ้าจะฝากความหวังของข้าพเจ้า
    ไว้ในชื่อของพระองค์ เพราะพระองค์นั้นดี

ความชั่วช้าของมนุษย์

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องตามทำนองเพลงของมาฮาลาธ[b] บทกวีมัสคิลของดาวิด

คนโง่พูดอยู่ในใจของตัวเองว่า “ไม่มีพระเจ้าหรอก”
    พวกเขาเสื่อมทราม พวกเขาทำความบาปที่น่าขยะแขยง
    ไม่มีสักคนที่ทำดี
พระเจ้ามองลงมาจากสวรรค์ดูพวกมนุษย์ เพื่อหาว่ายังมีมนุษย์สักคนไหม
    ที่ทำสิ่งที่ฉลาดและแสวงหาพระเจ้า
แต่พวกเขาต่างหลงทางกันไปหมด เสื่อมทรามกันทุกคน
    ไม่มีใครเลย ไม่มีแม้แต่คนเดียว ที่ทำสิ่งที่ดี

คนทำชั่วเหล่านั้นกลืนกินคนของเราเหมือนกินขนมปัง
    พวกเขาไม่เคยอธิษฐานต่อพระเจ้า
    พวกเขาไม่รู้เรื่องขนาดนี้เชียวหรือ

แต่เมื่อพระเจ้าลงโทษพวกคนชั่ว
    พวกเขาจะพากันตื่นกลัวสุดขีดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
คนเหล่านั้นที่โจมตีพวกเจ้า พระเจ้าจะทำให้กระดูกของพวกเขากระจุยกระจายไป
    พวกเจ้าจะทำให้พวกเขาอับอายขายหน้าเพราะพระเจ้าทอดทิ้งพวกเขาแล้ว

ข้าพเจ้าหวังว่าชัยชนะของชาวอิสราเอลจะมาถึงในไม่ช้านี้จากพระเจ้าที่อยู่บนภูเขาศิโยน
    เมื่อพระยาห์เวห์ทำให้คนของพระองค์กลับไปมีความสุขเหมือนเมื่อก่อน
    ครอบครัวของยาโคบจะชื่นชมยินดี ชาวอิสราเอลจะดีใจ

พระเจ้าเป็นผู้ช่วยของข้าพเจ้า

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้เครื่องดนตรีประกอบการร้อง บทกวีมัสคิลของดาวิด ในเวลาที่พวกศิฟิมไปหากษัตริย์ซาอูล และบอกเขาว่า “ดาวิดกำลังซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มพวกเรา”[c]

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยอำนาจของพระองค์
    โปรดช่วยสู้คดีของข้าพเจ้า ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
    โปรดเงี่ยหูฟังคำพูดจากปากของข้าพเจ้า
คนแปลกหน้า ต่างลุกฮือขึ้นต่อต้านข้าพเจ้า
    พวกคนโหดร้ายไล่ล่าชีวิตข้าพเจ้า
    พวกเขาไม่แยแสต่อพระเจ้า เซลาห์

ดูเถิด พระเจ้าคือผู้ที่ช่วยเหลือข้าพเจ้า
    องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้าคือผู้ที่ดูแลรักษาชีวิตของข้าพเจ้าอยู่
ขอให้สิ่งชั่วร้ายที่พวกศัตรูวางแผนจะทำกับข้าพเจ้าเกิดขึ้นกับพวกเขาเอง
    โปรดแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นว่าพระองค์ซื่อสัตย์ต่อข้าพเจ้าโดยทำลายพวกเขาด้วยเถิด

แล้วข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาที่สมัครใจเอามาเองให้กับพระองค์
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญชื่อของพระองค์เพราะพระองค์นั้นดี
เพราะพระเจ้าช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความทุกข์ยากต่างๆ
    ข้าพเจ้าได้เห็นศัตรูล้มลงต่อหน้าต่อตา

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International