M’Cheyne Bible Reading Plan
ดาวิดรู้ข่าวการตายของซาอูล
1 หลังจากที่ซาอูลตาย ดาวิดเพิ่งจะกลับมาจากการโจมตีชาวอามาเลคและได้มาพักอยู่ที่ศิกลากเป็นเวลาสองวัน 2 ในวันที่สาม ชายคนหนึ่งที่มาจากค่ายของซาอูลได้มาถึงศิกลาก เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดและมีฝุ่นอยู่เต็มหัวไปหมด[a] เมื่อเขามาหาดาวิด เขาก้มกราบดาวิดลงกับพื้นทำความเคารพดาวิด
3 ดาวิดถามเขาว่า “เจ้ามาจากที่ไหนหรือ”
เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าหนีมาจากค่ายของชาวอิสราเอล”
4 ดาวิดถามต่อว่า “เล่าให้เราฟังซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
เขาตอบว่า “มีคนจำนวนมากหนีไปจากสนามรบ และหลายคนล้มตายลง ส่วนซาอูลกับโยนาธานลูกชายของเขาก็ตายด้วย”
5 ดาวิดจึงถามชายหนุ่มที่นำเรื่องนั้นมาเล่าให้ฟังว่า “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าซาอูลกับโยนาธานลูกชายของเขาตายแล้ว”
6 ชายหนุ่มจึงตอบว่า “บังเอิญข้าพเจ้าอยู่ที่ภูเขากิลโบอา และเห็นซาอูลกำลังใช้หอกของเขายันตัวเขาไว้ มีรถม้าศึกและทหารม้ามากมายกำลังไล่ตามใกล้จะมาถึงตัวเขา 7 เมื่อเขาหันมาเห็นข้าพเจ้า เขาเรียกข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็ถามว่า ‘ท่านจะให้ข้าพเจ้าช่วยอะไรหรือ’ 8 เขาถามข้าพเจ้าว่า ‘เจ้าเป็นใคร’ ข้าพเจ้าตอบว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นชาวอามาเลค’ 9 เขาจึงพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘มายืนค่อมเราและฆ่าเราซะ เราเจ็บปวดมากแทบขาดใจตายอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ตายสักที’ 10 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไปยืนค่อม เขาและได้ฆ่าเขาเสีย เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าล้มลงขนาดนั้นเขาจะไม่รอดแน่ และข้าพเจ้าได้เอามงกุฎที่เขาสวมอยู่บนหัวและกำไลที่แขนของเขามาที่นี่ให้กับท่านเจ้านายของข้าพเจ้า”
11 แล้วดาวิดและคนของเขาทั้งหมดที่อยู่กับเขาก็ฉีกเสื้อผ้าของตนเอง 12 พวกเขาร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกและอดอาหารจนกระทั่งถึงเย็นให้กับซาอูล และโยนาธานลูกชายของซาอูล และให้กับกองทัพของพระยาห์เวห์ รวมทั้งครอบครัวของชาวอิสราเอล เพราะพวกเขาต่างก็ล้มตายลงด้วยดาบ
13 ดาวิดถามชายหนุ่มที่นำเรื่องนี้มาเล่าให้เขาฟังว่า “เจ้ามาจากที่ไหน”
เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นลูกของชาวต่างชาติ เป็นชาวอามาเลค”
14 ดาวิดถามเขาว่า “ทำไมเจ้าถึงไม่กลัวที่จะยกมือขึ้นทำลายผู้ที่พระยาห์เวห์ได้เจิมไว้”
15 แล้วดาวิดก็เรียกคนของเขามาคนหนึ่งและบอกว่า “นำตัวมันไปตีให้ตาย” ดังนั้นคนของเขาจึงนำตัวชายคนนั้นไปทุบตีจนตาย 16 เพราะดาวิดพูดกับเขาว่า “ที่เจ้าต้องตายนี้ก็เป็นความผิดของเจ้าเอง[b] เพราะปากของเจ้าได้ปรักปรำเจ้าตอนที่เจ้าพูดว่า ‘ข้าพเจ้าได้ฆ่าคนที่พระยาห์เวห์ได้เจิมไว้’”
บทเพลงไว้ทุกข์ให้ซาอูลและโยนาธาน
17 ดาวิดแต่งเพลงไว้อาลัยให้กับซาอูลและโยนาธานลูกชายของซาอูล 18 ดาวิดสั่งให้สอนบทเพลงไว้อาลัยนี้ให้กับคนยูดาห์ (เพลงนี้มีชื่อว่า “คันธนู”[c] และถูกเขียนไว้ใน “หนังสือยาชาร์”[d])
19 “อิสราเอลเอ๋ย ศักดิ์ศรีของเจ้านอนตายตามเนินเขาทั้งหลายของเจ้า
ผู้กล้าหาญเหล่านั้นได้ล้มตายลง
20 อย่าพูดถึงเรื่องนี้ในเมืองกัท[e]
อย่าประกาศเรื่องนี้บนถนนในเมืองอัชเคโลน[f]
ไม่อย่างนั้น บรรดาสาวๆของชาวฟีลิสเตียจะดีใจ
ไม่อย่างนั้น บรรดาสาวๆของผู้ที่ไม่ได้เข้าพิธีขลิบ[g] จะร่าเริง
21 ไอ้เทือกเขาของกิลโบอา
ขออย่าให้มีทั้งน้ำค้างและฝนตกลงบนเจ้าอีกเลย
ขออย่าให้ท้องทุ่งออกผลผลิตมาสำหรับเป็นเครื่องถวาย
เพราะที่นั่น โล่ของผู้กล้าได้ถูกทำให้เสื่อมไป
โล่ของซาอูลไม่มีวันถูกลูบด้วยน้ำมันอีกแล้ว
22 คันธนูของโยนาธานทำให้เลือดของผู้ที่ถูกฆ่าหลั่งไหล
ดาบของซาอูลเสียบเข้าไปในไขมันของผู้ที่แข็งแกร่ง
และไม่ได้กลับมาเปล่าๆจากการศึก
23 ซาอูลและโยนาธาน
ตอนมีชีวิตอยู่ทั้งสองก็รักกันและเอื้อเฟื้อต่อกัน
ตอนตายพวกเขาก็ไม่ได้ถูกแยกจากกัน
พวกเขาว่องไวกว่านกอินทรี
พวกเขาแข็งแรงยิ่งกว่าสิงโต
24 สาวๆของอิสราเอลทั้งหลาย ร้องไห้ให้กับซาอูลเถิด
ซาอูลแต่งกายของพวกท่านอย่างหรูหราด้วยเสื้อสีเลือดหมู
ซาอูลประดับเสื้อผ้าของพวกท่านด้วยทองคำ
25 ผู้กล้าหาญเหล่านั้นได้ล้มตายลง
ในท่ามกลางศึกสงคราม
โยนาธานถูกฆ่านอนตายอยู่บนเนินสูงของพวกท่าน
26 พี่โยนาธานเอ๋ย ข้าพเจ้าร้องไห้คร่ำครวญเพื่อท่าน
ข้าพเจ้ารักท่านมาก
ความรักของท่านที่ให้กับข้าพเจ้านั้นวิเศษนัก
วิเศษยิ่งกว่าความรักของผู้หญิง
27 ผู้กล้าหาญเหล่านั้นได้ล้มตายลง
พวกอาวุธสงครามได้พินาศไป”
พรสวรรค์จากพระวิญญาณบริสุทธิ์
12 ตอนนี้ พี่น้องครับ ผมอยากให้พวกคุณรู้เกี่ยวกับพรสวรรค์ที่มาจากพระวิญญาณ 2 คุณก็รู้แล้วว่าตอนที่คุณยังไม่ไว้วางใจพระเจ้าเพราะสาเหตุอะไรก็ตาม คุณถูกชักจูงให้หลงผิด และไปกราบไหว้รูปเคารพที่พูดไม่ได้ 3 ดังนั้นผมขอบอกให้รู้ว่า คนที่พูดผ่านทางพระวิญญาณของพระเจ้าจะไม่มีวันที่จะพูดว่า “ขอให้พระเยซูถูกสาปแช่ง” และคนที่พูดว่า “พระเยซูคือองค์เจ้าชีวิต” นั้น จะต้องเป็นคนที่พูดผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น
4 พรสวรรค์มีหลายอย่าง แต่มาจากพระวิญญาณองค์เดียวกัน 5 งานรับใช้ก็มีหลายแบบ แต่ก็รับใช้องค์เจ้าชีวิตองค์เดียวกัน 6 การงานมีหลายอย่าง แต่เป็นพระเจ้าองค์เดียวกันที่ได้ทำงานทั้งหมดนี้ผ่านทางทุกคน 7 พระเจ้าให้พระวิญญาณทำงานในแต่ละคนเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม 8 พระวิญญาณให้คนหนึ่งสามารถพูดอย่างชาญฉลาด และพระวิญญาณองค์เดียวกันนี้ทำให้อีกคนหนึ่งพูดด้วยความรอบรู้ 9 พระวิญญาณนี้ก็ให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่ออันยิ่งใหญ่ และให้อีกคนหนึ่งรักษาโรคได้ ซึ่งก็มาจากพระวิญญาณองค์เดียวกัน 10 แล้วพระองค์ก็ให้อีกคนหนึ่งทำการอัศจรรย์ได้ และให้อีกคนหนึ่งพูดแทนพระเจ้าได้ และให้อีกคนหนึ่งแยกแยะออกว่า สิ่งที่คนนั้นพูดมาจากพระเจ้าหรือเปล่า และให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆได้ และให้อีกคนหนึ่งแปลภาษาเหล่านั้นได้ 11 แต่ทั้งหมดนี้ก็สำเร็จได้ด้วยพระวิญญาณองค์เดียวกัน และพระองค์ก็ให้พรสวรรค์กับแต่ละคนตามที่พระองค์เห็นสมควร
ร่างกายของพระคริสต์
12 พวกเรามีร่างกายเดียวแต่มีอวัยวะหลายส่วน และถึงแม้จะมีอวัยวะหลายส่วน อวัยวะทั้งหมดก็ประกอบขึ้นเป็นร่างกายเดียวกัน พระคริสต์ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน 13 เพราะพวกเราทุกคนได้รับการจุ่มน้ำด้วยพระวิญญาณองค์เดียว เพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเดียวกัน ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตาม คนยิวหรือไม่ใช่คนยิว เป็นทาสหรือเป็นคนอิสระ พวกเราก็ได้รับพระวิญญาณองค์เดียวกัน[a]
14 ร่างกายของมนุษย์นั้นไม่ได้มีแค่อวัยวะเดียว แต่มีหลายอวัยวะ 15 ถึงเท้าจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ใช่มือ ฉันก็เลยไม่เป็นของร่างกายนี้” นั่นก็ไม่ได้ทำให้เท้าเลิกเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายหรอกนะ 16 ถึงหูจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ใช่ตา ฉันก็เลยไม่เป็นของร่างกายนี้” นั่นก็ไม่ได้ทำให้หูเลิกเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนี้หรอกนะ 17 ถ้าทั้งร่างเป็นตาหมด แล้วเราจะได้ยินได้อย่างไร ถ้าทั้งร่างเป็นหูหมด แล้วเราจะได้กลิ่นได้อย่างไร 18 แต่ความจริงแล้ว พระเจ้าก็ได้จัดอวัยวะแต่ละชิ้นในร่างกาย ตามที่พระองค์เห็นว่าเหมาะสมแล้ว 19 ถ้าทั้งร่างมีอวัยวะเดียวเหมือนกันหมด แล้วจะมีร่างกายได้อย่างไร 20 เราจะเห็นว่ามีอวัยวะตั้งหลายส่วนก็จริง แต่มีกายแค่กายเดียว
21 ตาจะบอกกับมือว่า “ฉันไม่ต้องการเธอ” ก็ไม่ได้ หรือหัวจะบอกกับเท้าว่า “ฉันไม่ต้องการพวกเธอ” ก็ไม่ได้ 22 อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าอ่อนแอกลับเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก 23 อวัยวะที่เราเห็นว่าไม่ค่อยสำคัญเท่าไรกลับต้องดูแลเป็นพิเศษ และอวัยวะที่เราอายที่จะอวด กลับต้องดูแลเป็นอย่างดี 24 แต่อวัยวะที่อวดได้นั้น กลับไม่จำเป็นต้องดูแลมากนัก พระเจ้าได้ประกอบอวัยวะต่างๆเข้าด้วยกันในแบบที่ว่า อวัยวะส่วนไหนที่ดูเหมือนต่ำต้อย พระองค์ก็ให้เกียรติส่วนนั้นมากขึ้น 25 เพื่อจะได้ไม่เกิดการแตกแยกกันขึ้นในร่างกาย แต่ให้อวัยวะทุกส่วนเอาใจใส่ซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียมกันหมด 26 ถ้าอวัยวะหนึ่งเจ็บ อวัยวะทุกส่วนของร่างกายก็เจ็บด้วย ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทุกส่วนก็จะร่วมฉลองด้วย
27 ดังนั้น พวกคุณเป็นร่างกายของพระคริสต์ และแต่ละคนก็เป็นอวัยวะของร่างกายนั้น 28 ยิ่งกว่านั้น ในหมู่ประชุมของพระเจ้า พระองค์ได้แต่งตั้งศิษย์เอกเป็นอันดับแรก อันดับที่สองผู้พูดแทนพระเจ้า อันดับที่สามครูสอน จากนั้นก็คนทำสิ่งอัศจรรย์ คนที่รักษาโรคได้ คนที่ช่วยเหลือผู้อื่นได้ คนที่เป็นผู้นำ คนที่พูดภาษาแปลกๆได้ 29 ทุกคนเป็นศิษย์เอกหรือ ทุกคนเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าหรือ ทุกคนเป็นครูสอนหรือ ทุกคนทำสิ่งอัศจรรย์ได้หรือ 30 ทุกคนรักษาโรคได้หรือ ทุกคนพูดภาษาแปลกๆได้หรือ ทุกคนแปลภาษาพวกนั้นได้หรือ 31 แต่ขอให้พวกคุณขวนขวายพรสวรรค์ต่างๆที่ยิ่งใหญ่
ความรักเป็นพรสวรรค์ที่ดีที่สุด
ตอนนี้ ผมจะชี้หนทางที่ดีที่สุดให้คุณเห็น
รัศมีของพระเจ้าย้ายออกจากวิหาร
10 ผมได้มองไปที่โดม[a] ที่อยู่เหนือหัวของเครูบเหล่านั้น และผมได้เห็นสิ่งที่เหมือนกับบัลลังก์ที่ทำจากไพลินสีฟ้าใสอยู่เหนือโดมนั้น 2 แล้วพระยาห์เวห์ได้พูดกับชายที่สวมชุดลินินว่า “เข้าไปในระหว่างล้อที่อยู่ใต้เครูบนั้น และให้หยิบถ่านที่กำลังคุอยู่ท่ามกลางเครูบเหล่านั้นมาสองกำมือ แล้วเอาไปโปรยให้ทั่วเมืองเยรูซาเล็ม”
ในขณะที่ผมมองดูอยู่นั้น ชายคนนั้นก็เข้าไป 3 เครูบเหล่านั้นยืนอยู่ทางทิศใต้ของวิหาร เมื่อชายคนนั้นเข้าไป ก็มีเมฆก้อนหนึ่งมาปกคลุมลานด้านในจนทั่ว 4 แล้วรัศมีของพระยาห์เวห์ได้ลอยขึ้นไปจากด้านบนของเครูบเหล่านั้น และเคลื่อนที่ไปที่ธรณีประตูวิหาร มีเมฆอยู่เต็มวิหารไปหมด และรัศมีของพระยาห์เวห์ส่องสว่างไปทั่วลานนั้น 5 เสียงจากปีกของเครูบดังไปไกลถึงลานด้านนอก เหมือนกับเสียงของพระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นเมื่อพระองค์พูด
6 เมื่อพระยาห์เวห์สั่งชายที่สวมชุดลินินนั้นว่า “ให้เอาไฟที่อยู่ระหว่างล้อที่อยู่ท่ามกลางเครูบเหล่านี้ไป” ชายคนนั้นได้เข้าไปและไปยืนอยู่ที่ด้านข้างของล้อล้อหนึ่ง 7 แล้วเครูบองค์หนึ่งในบรรดาเครูบเหล่านั้นได้ยื่นมือของท่านเข้าไปในไฟที่อยู่ระหว่างพวกเครูบ ท่านหยิบถ่านไฟออกมาส่วนหนึ่งและเอาไปใส่ในมือทั้งสองข้างของชายที่สวมชุดลินินนั้น ชายนั้นรับเอาไฟนั้นแล้วออกไป 8 (ใต้ปีกพวกนั้นของเครูบ มีสิ่งที่ดูเหมือนมือมนุษย์)
9 ผมได้สังเกตเห็นว่า ข้างๆของเครูบทั้งสี่นั้น แต่ละท่านจะมีล้ออยู่หนึ่งล้อ รวมเป็นสี่ล้อ ล้อทั้งสี่นั้นเป็นประกายเหมือนกับเพทายสีเหลืองสด 10 ล้อทั้งสี่นี้ ดูเหมือนกันหมด แต่ละล้อมีล้ออีกล้อหนึ่งซ้อนอยู่ตรงกลาง 11 เมื่อพวกล้อนี้มุ่งไปข้างหน้า มันสามารถหันไปทางไหนก็ได้ทั้งสี่ทิศ แต่พอมันเคลื่อนที่มันจะเปลี่ยนทิศทางไม่ได้ ถ้ามุ่งหน้าไปทางหน้าใด หน้าอื่นๆก็จะมุ่งไปตามหน้านั้นด้วย ในขณะที่เคลื่อนที่มันจะไม่เปลี่ยนทิศทาง 12 มีดวงตาเต็มไปหมดทั่วร่างของเครูบเหล่านี้ มีดวงตาที่ด้านหลัง ที่มือ และที่ปีกของพวกท่าน รวมทั้งที่ล้อทั้งสี่ของพวกท่านด้วย 13 ผมได้ยินผู้หนึ่งเรียกล้อเหล่านั้นว่า “วงล้อหมุนวน”
14 เครูบแต่ละองค์มีใบหน้าสี่หน้า หน้าหนึ่งเป็นหน้าของเครูบ[b] หน้าที่สองเป็นหน้ามนุษย์ หน้าที่สามเป็นหน้าสิงโต และหน้าที่สี่เป็นหน้านกอินทรี
15 แล้วเครูบเหล่านั้นได้ลอยขึ้นไปในอากาศ สิ่งที่มีชีวิตต่างๆที่ผมมองเห็นในนิมิต ข้างคลองขุดเคบาร์ ที่แท้ก็คือพวกเครูบนี่เอง
16 เมื่อเครูบเหล่านั้นเคลื่อนที่ ล้อที่อยู่ข้างพวกเขาก็เคลื่อนที่ตามไปด้วย เมื่อเครูบกางปีกและบินขึ้นไปในอากาศ ล้อทั้งหมดไม่ได้เคลื่อนออกไปจากด้านข้างของพวกเขาเลย 17 เมื่อเครูบอยู่กับที่ ล้อก็หยุดอยู่กับที่ด้วย เมื่อเครูบบินขึ้น พวกล้อเหล่านั้นก็ขึ้นไปกับพวกเขาด้วยเพราะวิญญาณของสิ่งที่มีชีวิตเหล่านั้นอยู่ในล้อพวกนั้น
18 แล้วรัศมีของพระยาห์เวห์ได้ลอยขึ้นจากธรณีประตูของวิหารไปหยุดอยู่เหนือเครูบ 19 ในขณะที่ผมมองดูอยู่นั้น เครูบเหล่านั้นได้กางปีกบินขึ้นจากพื้น และเมื่อพวกเขาไป ล้อทั้งหมดได้ตามพวกเขาไปด้วย แล้วพวกเขาได้ไปหยุดอยู่ที่ประตูทางทิศตะวันออกของวิหารของพระยาห์เวห์ และรัศมีแห่งพระเจ้าของอิสราเอลอยู่เหนือพวกเขา
20 แล้วผมได้คิดถึงสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นที่อยู่ภายใต้รัศมีของพระเจ้าแห่งอิสราเอล ที่ผมเห็นในนิมิตตอนที่อยู่ข้างคลองขุดเคบาร์ ที่แท้สิ่งมีชีวิตพวกนั้นก็คือเครูบนี่เอง 21 สิ่งมีชีวิตแต่ละท่านมีใบหน้าสี่หน้า มีปีกสี่ปีกและใต้ปีกของพวกสิ่งมีชีวิตนี้มีสิ่งที่ดูคล้ายกับมือของมนุษย์ 22 ใบหน้าของเครูบเหมือนกับใบหน้าทั้งสี่ของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นที่ผมเห็นในนิมิต ตอนที่ผมอยู่ข้างคลองขุดเคบาร์ สิ่งมีชีวิตแต่ละท่านได้มุ่งตรงไปข้างหน้า
อย่าวางใจในความร่ำรวย
ถึงหัวหน้านักร้อง สำหรับคนของตระกูลโคราห์ เพลงสดุดี
1 ชนชาติทั้งหลาย ฟังทางนี้
ทุกคนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ ฟังให้ดี
2 ทุกคน ทุกชนชั้น
ทั้งคนรวยและคนจน
3 ปากของข้าพเจ้าจะให้สติปัญญา
ความคิดในใจข้าพเจ้าจะให้ความเข้าใจ
4 ข้าพเจ้าจะหันไปให้ความสนใจกับปัญหาเรื่องหนึ่ง
และอธิบายปริศนาเรื่องนั้นในขณะที่ข้าพเจ้าเล่นพิณ
5 ทำไมข้าพเจ้าจะต้องกลัวในยามที่เจอกับความทุกข์ยาก
เมื่อคนชั่วร้ายไล่ล่าและล้อมตัวข้าพเจ้า
6 พวกเขาไว้วางใจในกำลังของตน
และโอ้อวดในความร่ำรวยของตน
7 ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถไถ่ชีวิตของคนอื่นจากความตายได้
ไม่มีใครจ่ายค่าไถ่ให้กับพระเจ้าได้
8 ราคาค่าไถ่นั้นสูงเกินไป
ไม่มีใครมีเงินมากพอที่จะจ่าย
9 เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ตลอดไป
และไม่ต้องเจอกับหลุมฝังศพ
10 ใครๆก็รู้ว่าคนที่เฉลียวฉลาดก็จะต้องตายและเน่าเปื่อยไปเหมือนกับคนที่โง่อย่างกับควาย
แล้วพวกเขาจะต้องทิ้งทรัพย์สมบัติของตนไว้ให้กับคนอื่น
11 หลุมศพจะกลายเป็นบ้านชั่วนิรันดร์ของเขา
มันจะกลายเป็นที่อยู่ของเขาไปชั่วลูกชั่วหลาน
แม้ว่าพวกเขาจะถือกรรมสิทธิ์ในแปลงที่ดินต่างๆของตน มันก็ไม่แตกต่างอะไร
12 ถึงเขาจะรวย แต่เขาก็จะไม่ยั่งยืนตลอดไป
เขาเป็นเหมือนกับสัตว์ที่ถูกทำลายไป
13 นั่นแหละคือจุดจบของคนโง่
คือคนที่หลงระเริงอยู่กับความร่ำรวยของตน[a] เซลาห์
14 ความตายจะนำพวกเขาไปยังหลุมศพ
เหมือนกับผู้เลี้ยงแกะนำทางแกะ
แล้วในเช้าวันนั้น คนซื่อตรงจะมีชัยชนะเหนือพวกเขา
ศพของพวกเขาก็จะเปื่อยเน่าในหลุมฝังศพ
ห่างไกลจากบ้านที่หรูหราของพวกเขา
15 แต่พระยาห์เวห์จะไถ่ชีวิตของข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของความตาย
พระองค์จะเอาข้าพเจ้าไปแน่ๆ[b] เซลาห์
16 ไม่ต้องไปกลัว
เมื่อคนอื่นร่ำรวยขึ้น หรือมีทรัพย์สมบัติเพิ่มมากขึ้น
17 เพราะเมื่อพวกเขาตายและลงไปนอนอยู่ในหลุมศพ
ก็ไม่สามารถเอาความร่ำรวยติดตัวไปได้
18 ตอนที่พวกเขามีชีวิตอยู่ พวกเขาให้พรตัวเองว่า
“ขอให้ทุกคนยกย่องข้า เพราะข้าประสบความสำเร็จ”
19 แต่พวกเขาจะตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา
เขาจะไม่เห็นแสงสว่างอีกแล้ว
20 ถึงแม้เขาอาจจะร่ำรวยแต่เขาก็ไม่มีความเข้าใจ
เขาเป็นเหมือนกับสัตว์ที่ถูกทำลายไป
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International