M’Cheyne Bible Reading Plan
ซามูเอลพูดเรื่องกษัตริย์
12 ซามูเอลพูดกับคนอิสราเอลทั้งหมดว่า “เราได้รับฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกท่านพูดกับเรา และได้ตั้งกษัตริย์ขึ้นเหนือพวกท่าน 2 ตอนนี้ พวกท่านมีกษัตริย์เป็นผู้นำแล้ว ส่วนเราก็แก่และผมหงอกแล้ว และพวกลูกชายของเราก็ได้อยู่ที่นี่กับพวกท่าน เราได้เป็นผู้นำของพวกท่านมาตั้งแต่หนุ่มจนถึงวันนี้ 3 เรายืนอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าเราได้ทำอะไรผิดต่อพวกท่าน ก็ให้ว่ามาเลย ต่อหน้าพระยาห์เวห์ และต่อผู้ที่พระองค์ได้เจิมไว้ เราได้ยึดวัว หรือยึดลาของใครไปบ้าง ใครที่โดนเราโกง หรือโดนเราข่มเหงบ้าง เราได้รับสินบนจากมือใครบ้างเพื่อปิดหูปิดตาเรา ถ้าเราได้ทำสิ่งใดที่ได้พูดมาแล้วนั้น เราจะชดใช้ให้”
4 พวกเขาตอบว่า “ท่านไม่เคยโกง หรือข่มเหงพวกเรา ท่านไม่เคยรับสิ่งของใดๆจากมือของใครเลย”
5 ซามูเอลพูดกับพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์ และคนที่พระองค์เจิมไว้ได้เป็นพยานต่อพวกท่านในวันนี้ว่า พวกท่านไม่พบสิ่งใดในมือของเรา” พวกเขาก็ตอบว่า “พระองค์เป็นพยาน”
6 จากนั้นซามูเอลพูดกับประชาชนว่า “พระยาห์เวห์ได้แต่งตั้งโมเสสกับอาโรน และได้นำบรรพบุรุษของท่านออกมาจากอียิปต์ 7 ตอนนี้ ให้พวกท่านมายืนอยู่ที่นี่ เพราะเราจะดำเนินคดีกับพวกท่านต่อหน้าพระยาห์เวห์ เราจะบอกพวกท่าน[a] ถึงสิ่งดีๆที่พระยาห์เวห์ได้ทำให้กับพวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่าน
8 หลังจากที่ยาโคบเข้าไปอยู่ในอียิปต์ และคนอียิปต์ได้กดขี่ข่มเหงลูกหลานของเขา บรรพบุรุษของพวกท่านได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ก็ส่งโมเสสกับอาโรน มานำพวกเขาออกจากอียิปต์จนมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่
9 แต่บรรพบุรุษของท่านได้ลืมพระยาห์เวห์ของเขา พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาจึงขายพวกเขาให้ตกไปอยู่ในมือของสิเสรา ซึ่งเป็นแม่ทัพของกองทัพฮาโซร์ และปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในมือของคนฟีลิสเตีย และกษัตริย์เมืองโมอับ แล้วพวกนั้นก็สู้รบกับบรรพบุรุษของพวกท่าน 10 บรรพบุรุษของพวกท่านได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ว่า ‘พวกเราได้ทำบาป พวกเราได้ละทิ้งพระยาห์เวห์ ไปรับใช้พวกพระบาอัลและพวกพระอัชทาโรท แต่ตอนนี้ โปรดช่วยพวกเราให้พ้นจากมือศัตรูด้วยเถิด และพวกเราจะรับใช้พระองค์’
11 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงส่งกิเดโอน[b] บาราค[c] เยฟธาห์[d] และซามูเอล[e] มา แล้วพระองค์ได้ช่วยกู้พวกท่านจากเงื้อมมือของศัตรูที่มีอยู่รอบด้าน เพื่อให้ท่านอยู่อย่างปลอดภัย 12 แต่เมื่อพวกท่านได้เห็นนาหาชกษัตริย์ของคนอัมโมนออกมาต่อสู้กับพวกท่าน พวกท่านก็พูดกับเราว่า ‘ไม่ได้แล้ว พวกเราต้องการมีกษัตริย์ปกครองพวกเรา’ ทั้งๆที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเป็นกษัตริย์ของพวกท่านอยู่แล้วก็ตาม 13 ต่อจากนี้ไป นี่คือกษัตริย์ที่พวกท่านได้เลือก คนที่พวกท่านได้ร้องขอ[f] และพระยาห์เวห์ได้ตั้งกษัตริย์เหนือพวกท่านแล้ว 14 ถ้าพวกท่านยำเกรงพระยาห์เวห์ ยอมรับใช้ เชื่อฟังและไม่ขัดขืนพวกคำสั่งของพระองค์ ถ้าพวกท่านและกษัตริย์ที่ปกครองพวกท่านติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พระเจ้าก็จะช่วยกู้พวกท่าน[g] 15 แต่ถ้าพวกท่านไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์ หรือขัดขืนพวกคำสั่งของพระองค์ มือของพระองค์ก็จะต่อสู้กับพวกท่านเหมือนกับที่ต่อสู้กับบรรพบุรุษของพวกท่าน
16 ตอนนี้ยืนนิ่งๆคอยดูสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่พระยาห์เวห์กำลังจะทำให้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกท่าน 17 พวกท่านก็รู้ว่าตอนนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวสาลี[h] ซึ่งฝนแล้ง เราจะร้องขอให้พระยาห์เวห์ทำให้ฝนตกและฟ้าร้อง พวกท่านจะได้รู้ว่ามันชั่วร้ายขนาดไหนในสายตาของพระยาห์เวห์ เมื่อท่านร้องขอให้มีกษัตริย์”
18 จากนั้นซามูเอลได้ร้องขอต่อพระยาห์เวห์ และในวันนั้นเอง พระยาห์เวห์ได้ทำให้ฝนตกและฟ้าร้อง ประชาชนทั้งหมดจึงเกรงกลัวพระยาห์เวห์และซามูเอล 19 ประชาชนทั้งหมดจึงพูดกับซามูเอลว่า “ช่วยอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน ให้กับพวกเราผู้รับใช้ของท่านด้วย เพื่อพวกเราจะได้ไม่ตาย เพราะบาปที่เราร้องขอให้มีกษัตริย์ซึ่งเป็นการทำบาปเพิ่มขึ้นไปอีกจากบาปอื่นๆที่เราได้ทำอยู่แล้ว”
20 ซามูเอลตอบว่า “ไม่ต้องกลัว แม้พวกท่านได้ทำสิ่งชั่วร้ายนี้ ก็อย่าได้หันไปจากพระยาห์เวห์ แต่ให้รับใช้พระยาห์เวห์อย่างสุดหัวใจ 21 อย่าหันไปตามรูปเคารพต่างๆที่ไร้ประโยชน์ พวกมันไม่สามารถทำสิ่งดี หรือช่วยชีวิตท่านได้ เพราะพวกมันเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์
22 เพื่อรักษาชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์ พระองค์จะไม่ละทิ้งประชาชนของพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์ยินดีที่จะทำให้พวกท่านเป็นคนของพระองค์ 23 ส่วนเราเอง เราจะไม่หยุดอธิษฐานเพื่อพวกท่าน เพราะถ้าเราหยุด เราก็ได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ และเราก็ยังจะสอนพวกท่านในสิ่งที่ดีงามและถูกต้อง 24 แต่ขอให้ยำเกรงพระยาห์เวห์ และรับใช้พระองค์อย่างจริงใจและสิ้นสุดใจของท่าน ให้ระลึกถึงสิ่งยอดเยี่ยมทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำให้กับพวกท่าน 25 แต่ถ้าท่านยังจะดื้อดึงและทำสิ่งที่ชั่วร้าย พระเจ้าก็จะกวาดพวกท่านและกษัตริย์ของพวกท่านทิ้งไป”
10 พี่น้องครับ สิ่งที่ผมต้องการมาก และสิ่งที่ผมอธิษฐานต่อพระเจ้าสำหรับคนยิวก็คือ ขอให้พวกเขาได้รับความรอด 2 ผมเป็นพยานว่าพวกเขามีใจให้พระเจ้าแต่เขาขาดความรู้ 3 พวกเขาไม่รู้จักความซื่อสัตย์สุจริตของพระเจ้า เขาพยายามที่จะยึดฐานะที่เป็นคนของพระเจ้าไว้ เขาจึงไม่ยอมรับแผนงานอันซื่อสัตย์สุจริตของพระองค์ 4 พระคริสต์เป็นเป้าหมายของกฎ เพื่อที่พระเจ้าจะได้ยอมรับทุกคนที่ไว้วางใจพระคริสต์
5 โมเสสได้เขียนถึงคนที่คิดว่าพระเจ้าจะยอมรับเขาเพราะเขาทำตามกฎที่จะทำให้คนสะดุดว่า “คนที่ทำอย่างนี้ จะต้องใช้ชีวิตตามกฎนั้นทุกอย่าง”[a] 6 ส่วนคนที่พระเจ้ายอมรับเพราะเขาไว้วางใจพระเจ้า โมเสสพูดว่า “ไม่ต้องคิดในใจว่า แล้วใครจะเป็นคนขึ้นไปบนสวรรค์” (หมายถึงขึ้นไปเชิญพระคริสต์ลงมาบนโลกเพื่อช่วยเรา) 7 “หรือใครจะเป็นคนลงไปในหลุมที่ลึกมาก” (หมายถึงลงไปเชิญพระคริสต์ขึ้นมาจากความตาย) 8 เพราะพระคัมภีร์พูดไว้ว่า “ถ้อยคำนั้นอยู่ใกล้กับคุณแล้ว มันอยู่ในปากและอยู่ในใจของคุณ”[b] นี่แหละคือเรื่องที่เราประกาศ 9 ถ้าคุณยอมรับด้วยปากว่า “พระเยซูเป็นองค์เจ้าชีวิต” และเชื่อในใจว่าพระเจ้าทำให้พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย คุณก็จะรอด 10 เพราะพระเจ้ายอมรับคนที่ไว้วางใจ และคนที่ยอมรับด้วยปากว่าเชื่อก็จะรอด 11 เพราะพระคัมภีร์บอกว่า “ทุกคนที่ไว้วางใจพระองค์จะไม่มีวันอับอาย”[c] 12 ที่พระคัมภีร์บอกว่าทุกคน แสดงว่าคนยิวกับคนที่ไม่ใช่ยิวไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย เพราะองค์เจ้าชีวิตองค์เดียวกันนี้เป็นองค์เจ้าชีวิตของทุกคน และพระองค์ก็เต็มไปด้วยความเมตตากับทุกคนที่ร้องเรียกให้พระองค์ช่วย 13 เพราะ “ทุกคนที่ร้องเรียกให้องค์เจ้าชีวิตช่วย ก็จะรอด”[d]
14 แต่พวกเขาจะร้องเรียกให้พระองค์ช่วยได้อย่างไร ในเมื่อพวกเขายังไม่ได้ไว้วางใจพระองค์เลย แล้วพวกเขาจะไว้วางใจได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่เคยได้ยินเรื่องของพระองค์เลย แล้วพวกเขาจะเคยได้ยินได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่เคยมีใครไปประกาศให้พวกเขาฟังเลย 15 แล้วจะมีใครไปประกาศได้อย่างไรถ้าไม่มีคนส่งไป เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “เป็นเวลาที่เหมาะจริงๆที่มีคนวิ่งมาบอกข่าวดีกับเรา”[e] 16 แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำตามข่าวดีนั้น อิสยาห์ก็พูดไว้ว่า “องค์เจ้าชีวิต มีใครบ้างที่ไว้วางใจในถ้อยคำของเรา”[f] 17 ดังนั้นความไว้วางใจจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อได้ยินข่าวดีก่อน และคนจะได้ยินข่าวดีได้ ก็ต่อเมื่อมีคนออกไปประกาศเรื่องของพระคริสต์ 18 แต่ผมขอถามหน่อยว่า พวกยิวไม่ได้ยินข่าวดีที่เราไปประกาศหรืออย่างไร ได้ยินแน่ เพราะพระคัมภีร์พูดไว้ว่า
“เสียงของพวกเขาได้กระจายออกไปทั่วโลก
และถ้อยคำของพวกเขาได้แพร่ออกไปจนสุดขอบฟ้า”[g]
19 แต่ผมขอถามว่า คนอิสราเอล รู้เรื่องหรือเปล่า พวกเขารู้เรื่องแน่ ตอนแรกพระเจ้าพูดผ่านโมเสสว่า
“เราจะใช้ชนชาติกระจอกๆทำให้พวกเจ้าอิจฉา
เราจะใช้ชนชาติที่โง่ๆทำให้พวกเจ้าโมโห”[h]
20 ต่อมาพระเจ้าพูดผ่านทางอิสยาห์ และอิสยาห์กล้าพูดว่า
“คนที่ไม่ได้แสวงหาเรา ได้พบเรา
เราได้ปรากฏตัวให้กับคนที่ไม่สนใจเรา”[i]
21 แต่เรื่องของคนอิสราเอลนั้น พระเจ้าพูดว่า
“เรายื่นมือเราออกไปทั้งวัน
ให้กับพวกที่ไม่เชื่อฟังและต่อต้านเรา”[j]
สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับอัมโมน
49 เกี่ยวกับคนอัมโมน พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
“คนอัมโมน เจ้าคิดว่าคนอิสราเอลไม่มีลูกชายหรือ
เจ้าคิดว่าเขาไม่มีผู้รับมรดกหรือ
ถ้าอย่างนั้นทำไมเทพเจ้าโมเลคถึงอ้างว่าเป็นเจ้าของกาด[a] ล่ะ
และทำไมคนของเขาถึงได้อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆของมันล่ะ”
2 พระยาห์เวห์พูดว่า
“วันเหล่านั้นใกล้จะมาถึงแล้ว
คือวันที่เราจะทำให้เสียงแตรรบดังกึกก้อง
เพื่อทำศึกกับรับบาห์เมืองหลวงของอัมโมน
มันจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
และหมู่บ้านรอบๆมันจะถูกเผา
จากนั้นอิสราเอลก็จะครอบครองเขตแดนนั้น”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
3 เฮชโบน ร้องไห้สิ เพราะเมืองอัยถูกทำลายแล้ว
ลูกสาวทั้งหลายของรับบาห์ ร้องขอความช่วยเหลือสิ
สวมใส่เสื้อผ้ากระสอบซะ
ร้องไห้ และเร่ร่อนไปอย่างไม่มีจุดหมายในคอกแกะนั้น
เพราะพระโมเลคจะถูกเนรเทศไป
พร้อมกับพวกนักบวชและพวกเจ้าหน้าที่ของมัน
4 ทำไมเธอถึงได้อวดถึงความแข็งแกร่ง
ความแข็งแกร่งของเธอกำลังเสื่อมถอยไป
ลูกสาวที่ทรยศเอ๋ย เจ้าไว้วางใจในความร่ำรวยของเจ้า
เจ้าพูดว่า “ใครจะมาโจมตีฉันล่ะ”
5 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พูดว่า
“เรานี่แหละจะนำความหวาดกลัวมาให้เจ้าจากคนเหล่านั้นที่อยู่รอบๆเจ้า
พวกเจ้าทุกคนจะโดนขับไล่ออกไป
และจะไม่มีการรวบรวมคนที่ระหกระเหินเข้าด้วยกัน
6 แล้วหลังจากนั้น เราจะคืนสิ่งที่คนอัมโมนถูกยึดไปกลับมาให้พวกเขา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับเอโดม
7 เกี่ยวกับเอโดม พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
“ไม่มีความเฉลียวฉลาดหลงเหลืออยู่ในเทมานแล้วหรือ
คนฉลาด ไม่มีปัญญาให้คำปรึกษาแล้วหรือ
พวกเขาสูญเสียสติปัญญาไปหมดแล้วหรือ
8 คนที่อยู่ในเดดาน หนีไปซะ
หันหลังกลับไปอยู่ให้ห่างไกล
เพราะเราจะนำหายนะมาสู่เอซาว
ตอนที่เราลงโทษเขา
9 ถ้าคนเก็บองุ่นมาหาเจ้า
พวกเขาจะไม่เหลือองุ่นไว้บ้างเลยหรือ
ถ้าขโมยมาตอนกลางคืน
พวกมันก็จะเอาเฉพาะสิ่งที่พวกมันอยากได้
10 เนื่องจากเราได้เปลื้องผ้าของเอซาว
และเปิดเผยที่ซ่อนของเขา
เขาก็เลยไม่สามารถซ่อนตัวได้อีกแล้ว
ลูกหลาน ครอบครัว และเพื่อนฝูงของเขาก็จะถูกทำลายไป
ส่วนเขาก็จะไม่มีตัวตนอีกต่อไป
11 ทอดทิ้งเด็กกำพร้าของเจ้าซะ
แล้วเราจะไว้ชีวิตพวกเขา
ทอดทิ้งพวกแม่ม่ายของเจ้าซะ
พวกเขาถึงจะได้ไว้วางใจในเรา”
12 เพราะพระยาห์เวห์พูดว่า “บางคนดื่มถ้วยแห่งความโกรธของพระเจ้า ทั้งๆที่ยังไม่ได้ถูกตัดสินว่าบาป แต่เอโดม เจ้าดูเหมือนไร้เดียงสาแต่เจ้าไม่ไร้เดียงสา อย่างนั้นเจ้าก็เลยจะต้องดื่มจากถ้วยนั้นอย่างแน่นอน” 13 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราได้สาบานไว้กับตัวเองว่า เจ้าจะพินาศย่อยยับ กลายเป็นสิ่งที่คนหัวเราะเยาะ เป็นแผ่นดินที่ไม่มีประโยชน์ เป็นคำสาปแช่ง โบสราห์และเมืองต่างๆของมันจะกลายเป็นดินแดนที่ไม่มีประโยชน์ตลอดไป”
14 ผมได้ยินข่าวจากพระยาห์เวห์
และผู้ส่งข่าวก็ถูกส่งไปตามชาติต่างๆ
พระองค์พูดว่า “ให้พวกเจ้ารวมตัวกันโจมตีเอโดม
และลุกขึ้นมาทำสงคราม
15 เอโดม เราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติเล็กๆในบรรดาชาติต่างๆ
ผู้คนจะดูถูกเจ้าไปทั่ว
16 เอโดม เจ้าทำให้คนอื่นเกรงกลัว
เจ้าเลยหลงตัวเองนึกว่าแน่ เจ้ามันหยิ่งทะนง
เจ้าอาศัยอยู่ตามซอกหินผา
เจ้าครอบครองเนินเขาสูง
ถึงเจ้าจะสร้างรังไว้สูงเหมือนนกอินทรี
เราก็จะเอาเจ้าลงมาจากที่นั่น”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
17 “เอโดมจะกลายเป็นที่รกร้างน่ากลัว
ทุกคนที่ผ่านมาจะตกตะลึง
และทุกคนก็จะเย้ยหยันบาดแผลฟกช้ำของมัน
18 เหมือนกับที่ชาวเมืองโสโดม โกโมราห์และเมืองแถวๆนั้นถูกตีแตก
ก็เลยไม่มีใครอยู่ที่นั่นและไม่มีมนุษย์ที่ไหนจะไปที่นั่น”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
19 เหมือนสิงโตที่ออกมาจากป่าของแม่น้ำจอร์แดน และเข้าไปที่ทุ่งหญ้าที่เขียวเสมอ อยู่ๆเราก็จะขับไล่ชาวเอโดมไปจากประเทศของมัน เราอยากแต่งตั้งใคร เราก็จะแต่งตั้งคนนั้นให้ครอบครองมัน เพราะจะมีใครเหมือนเราบ้าง ใครจะแต่งตั้งเราหรือ จะมีผู้เลี้ยงแกะ[b] คนไหนกล้ามายืนขวางหน้าเราหรือ
20 ดังนั้น ให้ฟังแผนการที่พระยาห์เวห์ได้วางไว้ต่อต้านเอโดม
และแผนต่างๆที่พระองค์วางไว้เพื่อทำลายคนที่อยู่ในเทมาน
แน่นอน พวกฝูงสัตว์หนุ่มสาวจะถูกลากออกไป
แน่นอน คอกแกะของพวกมันจะว่างเปล่า
21 เสียงล่มสลายของเอโดม ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน
เสียงร้องของพวกเขาจะได้ยินไปไกลถึงทะเลแดง
22 ดูสิ พระองค์จะบินขึ้น และโฉบลงมาอย่างนกอินทรี
และกางปีกเหนือโบสราห์
ในวันนั้นหัวใจของนักรบเอโดมจะเป็นเหมือนหัวใจของหญิงที่กำลังเจ็บท้องคลอดลูก
สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับดามัสกัส
23 เกี่ยวกับเมืองดามัสกัส
“เมืองฮามัทและเมืองอารปัดต้องอับอายขายหน้า
เพราะเมืองทั้งสองได้ยินข่าวร้าย
ทั้งสองกลัวจนตัวอ่อนปวกเปียก
เหมือนทะเลอันปั่นป่วนที่ไม่สามารถทำให้สงบได้
24 เมืองดามัสกัสนั้นอ่อนแอ
เธอหันหลังวิ่งหนีไปแล้ว
เธอกลัวจนตัวสั่น
ความทุกข์ระทมและความเจ็บปวด
ตกลงบนเธอเหมือนหญิงที่กำลังคลอดลูก
25 เมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังนี้
ถูกทอดทิ้งอย่างสิ้นเชิง
26 แน่นอน คนที่เก่งกาจของเธอจะล้มตายในลานกลางเมือง
และพวกทหารของเธอทุกคนจะพินาศ”
พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดอย่างนั้น
27 “เราจะจุดไฟเผากำแพงเมืองดามัสกัส
และเราจะเผาผลาญวังของเบนฮาดัด”
สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับเผ่าเคดาร์และอาณาจักรฮาโซร์
28 เกี่ยวกับเผ่าเคดาร์และอาณาจักรฮาโซร์ ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนโจมตี
พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า
“ลุกขึ้นมา บุกไปทำลายเคดาร์ซะ
ทำลายพวกคนทางตะวันออก
29 ให้ยึดเต็นท์และฝูงสัตว์ของพวกมันมา
รวมทั้งผ้าเต็นท์และข้าวของเครื่องใช้ด้วย
จูงอูฐพวกเขาออกไป
และร้องบอกพวกเขาว่า ‘หันไปทางไหนก็มีแต่เรื่องน่าสยดสยอง’
30 หนีไปซะ หนีไปให้ไกลๆเลย
ชาวเมืองฮาโซร์ ไปหลบซ่อนตัวซะ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“เพราะกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน
ได้ร่างแผนการและวางแผนจะโจมตีเจ้าแล้ว
31 ลุกขึ้น ไปบุกชาติที่สงบสุขกัน
ชาติที่รู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“ชาติที่ไม่มีประตูหรือสลักกลอนประตู
และอยู่โดดเดี่ยวตามลำพัง
32 ศัตรูจะลักขโมยอูฐของพวกเขาไป
และยังปล้นฝูงสัตว์ที่ส่งเสียงดังของพวกเขาไปด้วย
เราจะกระจัดกระจายคนที่เข้าพิธีโกนจอน[c] ไปทั่วสารทิศ
และเราจะนำความหายนะมาสู่พวกเขาจากทุกด้าน”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
33 “และเมืองฮาโซร์จะกลายเป็นถ้ำของพวกหมาไน
กลายเป็นที่รกร้างตลอดไป
จะไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่น
และจะไม่มีใครย้ายไปอยู่ที่นั่นเลย”
สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับเมืองเอลาม
34 นี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ที่มีมาถึงเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า เกี่ยวกับเมืองเอลาม ในช่วงแรกที่กษัตริย์เศเดคียาห์ปกครองยูดาห์
35 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
“เราจะทำลายธนูของเอลาม
36 เราจะนำลมสี่สายจากทั้งสี่ทิศของท้องฟ้ามาทำลายเอลาม
และจะทำให้คนเอลามกระจัดกระจายไปตามที่ลมสี่สายนี้พัดไป
และคนเอลามที่ถูกขับไล่ออกไปนี้จะไปอยู่ทั่วทุกชนชาติเลย
37 เราจะทำให้ชาวเอลามกระจุยกระจายไปต่อหน้าต่อตาศัตรูและคนที่อยากจะฆ่าพวกเขา
และเราจะนำความหายนะมาสู่พวกเขา
เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราโกรธพวกเขาแค่ไหน”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“และเราจะส่งดาบมาไล่ล่าพวกเขา
จนกว่าเราจะกำจัดพวกเขาจนหมด
38 เราจะตั้งบัลลังก์ของเราในเอลาม
และจะถอดถอนกษัตริย์และพวกเจ้านายออกไปจากที่นั่น”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
39 “แต่หลังจากนั้น เราจะพลิกสถานการณ์ให้เอลามกลับมาดีเหมือนเดิม”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
คนบริสุทธิ์อธิษฐานขอความยุติธรรม
เพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดตัดสินคดีข้าพเจ้า
พิสูจน์ว่า ข้าพเจ้าเดินในทางที่บริสุทธิ์
ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระยาห์เวห์ อย่างไม่รวนเร
2 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทดสอบ และลองใจข้าพเจ้าดู
ตรวจสอบดูอารมณ์และความคิดที่อยู่ภายในใจของข้าพเจ้า
3 ข้าพเจ้าไม่เคยลืมความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อข้าพเจ้า
ความสัตย์ซื่อที่พระองค์มีต่อข้าพเจ้านำทางข้าพเจ้า
4 ข้าพเจ้าไม่คบหากับคนขี้โกง
ข้าพเจ้าไม่มีส่วนร่วมกับคนหน้าไหว้หลังหลอก
5 ข้าพเจ้าเกลียดที่มั่วสุมของคนชั่ว
ข้าพเจ้าไม่คบหาคนเลว
6 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าล้างมือเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า
และเพื่อข้าพเจ้าจะได้เดินรอบแท่นบูชาของพระองค์
7 แล้วข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
และป่าวประกาศถึงสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายที่พระองค์ทำ
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ารักที่จะอยู่ในวิหารที่พระองค์สถิตอยู่
คือ เต็นท์ที่รัศมีของพระองค์[a] ปรากฏอยู่
9 โปรดอย่าทำลายข้าพเจ้าไปพร้อมกับพวกคนบาป
โปรดอย่าเอาชีวิตของข้าพเจ้าไปพร้อมกับพวกกระหายเลือด
10 คือ คนพวกนั้นที่มีมือเต็มไปด้วยแผนการร้าย
และคนพวกนั้นที่มือขวาเต็มไปด้วยสินบน
11 ส่วนข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าเดินในทางที่บริสุทธิ์
โปรดเมตตากรุณาข้าพเจ้าและช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด
12 เท้าของข้าพเจ้ายืนหยัดมั่นคงอยู่บนพื้นราบ
ข้าพเจ้าสรรเสริญพระยาห์เวห์อยู่กับฝูงชนในวิหาร
เพลงแห่งความมั่นใจในพระยาห์เวห์
เพลงสดุดีของดาวิด
1 พระยาห์เวห์คือแสงสว่างและผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะต้องไปหวาดกลัวใครอีก
พระยาห์เวห์คือที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะต้องไปหวั่นเกรงใครอีก
2 ถ้าคนชั่วโจมตีข้าพเจ้าและพยายามที่จะกินเลือดกินเนื้อข้าพเจ้า
พวกปรปักษ์และศัตรูเหล่านั้นก็จะสะดุดล้มลง
3 แม้ว่าจะมีกองทัพตั้งค่ายล้อมข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าจะไม่กลัว
ถึงแม้พวกเขามาบุกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ยังคงไว้วางใจพระยาห์เวห์อยู่ดี
4 ข้าพเจ้าขอเพียงสิ่งหนึ่งจากพระยาห์เวห์ เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากได้มากที่สุด คือ
ขอให้ได้อาศัยอยู่ในวิหารของพระองค์ทุกวันตลอดชีวิต
เพื่อข้าพเจ้าจะได้สัมผัสถึงความปรานีของพระยาห์เวห์
และแสวงหาการทรงนำของพระองค์ในวิหารของพระองค์
5 เพราะพระองค์จะได้ปกป้องข้าพเจ้าไว้ในที่กำบังของพระองค์ในวันที่มีภัยอันตราย
พระองค์จะซ่อนข้าพเจ้าไว้ในเต็นท์ของพระองค์
พระองค์จะยกข้าพเจ้าไว้ในที่ปลอดภัยบนผาสูง
6 และตอนนี้ พระยาห์เวห์จะยกหัวของข้าพเจ้าขึ้นเหนือพวกศัตรูที่ล้อมรอบข้าพเจ้าอยู่
ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาพร้อมเสียงโห่ร้องยินดีในวิหารของพระองค์
และข้าพเจ้าจะร้องเพลงและเล่นดนตรีเพื่อถวายเกียรติให้กับพระยาห์เวห์
7 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังเสียงของข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์
โปรดเมตตา และตอบข้าพเจ้าด้วยเถิด
8 จิตใจของข้าพเจ้าบอกข้าพเจ้าว่า “แสวงหาหน้าของพระยาห์เวห์สิ”
ดังนั้น พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจึงแสวงหาหน้าของพระองค์อยู่
9 ดังนั้น ขออย่าซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
โปรดอย่าผลักไสข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ไปด้วยความโกรธ
พระองค์ผู้ที่ช่วยข้าพเจ้าเสมอ โปรดอย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าไป
พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า โปรดอย่าละทิ้งข้าพเจ้าไป
10 ถึงแม้พ่อแม่จะทิ้งข้าพเจ้าไป
แต่พระยาห์เวห์ก็จะรับเลี้ยงข้าพเจ้า
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดสอนทางของพระองค์ให้กับข้าพเจ้า
โปรดนำข้าพเจ้าไปตามทางที่ราบรื่น เพราะข้าพเจ้ามีศัตรูมากมาย
12 อย่ามอบข้าพเจ้าไปให้ศัตรูทำตามใจชอบ
พยานเท็จยืนขึ้นใส่ร้ายข้าพเจ้า และพวกเขาพยายามทำลายข้าพเจ้า
13 แต่ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ข้าพเจ้าจะได้เห็นพระพรทั้งหลาย
ที่พระยาห์เวห์จะให้กับข้าพเจ้าในแผ่นดินของคนเป็นนี้
14 ให้ฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์
ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้
ให้ฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International