Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 ซามูเอล 11

นาหาชกษัตริย์ของคนอัมโมน

11 ประมาณหนึ่งเดือนผ่านไป นาหาชคนอัมโมนได้ขึ้นมาล้อมเมืองยาเบช-กิเลอาด ชาวเมืองยาเบชจึงพูดกับนาหาชว่า “ทำสัญญาสงบศึกกับพวกเราเถอะ และพวกเราจะยอมรับใช้ท่าน”

แต่นาหาชชาวอัมโมนตอบว่า “เราจะทำสัญญาสงบศึกกับพวกเจ้า ก็ต่อเมื่อเราได้ควักดวงตาข้างขวาของพวกเจ้าออกทุกคน เพื่อคนอิสราเอลทั้งหมดจะได้รับความอับอายขายหน้า”

พวกผู้นำของเมืองยาเบชพูดกับเขาว่า “ขอเวลาพวกเราสักเจ็ดวัน เพื่อจะได้ส่งข่าวไปให้ทั่วทุกแห่งที่คนอิสราเอลอยู่ แต่ถ้าไม่มีใครมาช่วยพวกเรา เราก็จะยอมจำนนต่อท่าน”

ซาอูลช่วยกู้ยาเบช-กิเลอาด

เมื่อพวกคนส่งข่าวมาถึงเมืองกิเบอาห์ของซาอูล พร้อมกับแจ้งข่าวที่เกิดขึ้นให้กับชาวเมือง ชาวเมืองต่างพากันร้องไห้เสียงดัง พอดีซาอูลที่เพิ่งกลับมาจากท้องทุ่งกำลังต้อนฝูงวัวมา เขาจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับประชาชนหรือ ทำไมพวกเขาถึงร้องไห้กันใหญ่”

ชาวเมืองจึงบอกซาอูลถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนยาเบช เมื่อซาอูลได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้น พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ก็พุ่งเข้าไปอยู่ในตัวซาอูล และทำให้เขาโกรธมาก เขาเอาวัวมาสองตัวสับเป็นชิ้นๆและให้คนส่งชิ้นส่วนของวัวไปให้คนอิสราเอลทั้งหมด พร้อมประกาศว่า “ใครที่ไม่ยอมตามซาอูลและซามูเอลมา วัวของพวกเขาก็จะถูกสับเป็นชิ้นๆเหมือนวัวตัวนี้”

ประชาชนก็เกิดความหวาดกลัวพระยาห์เวห์ และพวกเขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อซาอูลรวบรวมพลอยู่ที่เมืองเบเซก นับคนอิสราเอลได้จำนวนสามแสนคนและคนยูดาห์สามหมื่นคน[a]

ซาอูลและคนอิสราเอลทั้งหมดบอกคนส่งข่าวที่มาว่า “ไปบอกคนยาเบช-กิเลอาดว่า ‘เที่ยงของวันพรุ่งนี้ พวกท่านจะได้รับการช่วยกู้’”

เมื่อคนส่งข่าวนำเรื่องนี้มาบอกกับคนยาเบช พวกเขาก็ดีใจกันใหญ่ 10 และพวกเขาก็บอกกับคนอัมโมนว่า “พรุ่งนี้เราจะยอมจำนนต่อท่าน และพวกท่านสามารถทำกับพวกเราชาวยาเบช-กิเลอาดตามที่ท่านเห็นดี”

11 วันรุ่งขึ้นซาอูลแบ่งคนออกเป็นสามกลุ่ม ในระหว่างการเฝ้าเวรในตอนเช้า พวกเขาก็บุกเข้าไปทำลายค่ายของคนอัมโมนและฆ่าพวกเขา จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยง พวกที่รอดชีวิตก็หนีกระเจิดกระเจิงตัวใครตัวมัน[b]

12 แล้วประชาชนก็พูดกับซามูเอลว่า “คนที่พูดว่า ‘ไอ้ซาอูลคนนั้นจะมาครอบครองเหนือพวกเราอย่างนั้นหรือ’ ให้นำคนเหล่านั้นมาให้พวกเรา เพื่อจะได้ฆ่าซะ”

13 แต่ซาอูลพูดว่า “จะไม่มีใครถูกฆ่าตายในวันนี้ เพราะเป็นวันที่พระยาห์เวห์ได้ช่วยกู้คนอิสราเอลให้รอดพ้น”

14 ดังนั้นซามูเอลจึงพูดกับประชาชนว่า “มาเถอะพวกเราไปที่กิลกาลกัน เพื่อจะได้ไปยืนยันอีกครั้งหนึ่งในเรื่องการปกครองด้วยกษัตริย์”

15 แล้วประชาชนอิสราเอลทั้งหมดก็ไปที่กิลกาล และยืนยันให้ซาอูลเป็นกษัตริย์ต่อหน้าพระยาห์เวห์ แล้วพวกเขาก็ถวายเครื่องสังสรรค์บูชาให้กับพระยาห์เวห์ ซาอูลและคนอิสราเอลทั้งหมดก็ได้เฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่

โรม 9

พระเจ้าและชนชาติอิสราเอล

ผมกำลังพูดความจริงในพระคริสต์ ไม่ได้พูดโกหก และใจของผมที่พระวิญญาณบริสุทธิ์นำอยู่ยืนยันในสิ่งที่ผมกำลังจะพูดนี้ ผมเป็นทุกข์มากและปวดร้าวใจอยู่ตลอดเวลา ถ้ามันจะทำให้พี่น้องยิวที่เป็นเพื่อนร่วมชาติของผมรอด ผมก็จะขอให้ตัวเองถูกสาปแช่งและถูกตัดขาดจากพระคริสต์ พวกเขาเป็นคนอิสราเอล ที่ได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่าง คือพระเจ้ารับพวกเขามาเป็นลูกของพระองค์ ให้เขาเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์ได้ทำข้อตกลงต่างๆกับเขา ให้กฎของพระองค์กับเขา ให้เขารู้ถึงวิธีนมัสการพระองค์ในวิหาร และยังให้คำสัญญาต่างๆอีก รวมทั้งให้เขามีบรรพบุรุษที่ยิ่งใหญ่ด้วย และพระคริสต์ตอนที่มาเกิดเป็นมนุษย์ก็สืบเชื้อสายมาจากพวกเขา ขอให้พระเจ้าผู้อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการสรรเสริญตลอดไป อาเมน[a]

คนเราจะพูดว่าพระเจ้าผิดสัญญาไม่ได้หรอก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สืบเชื้อสายมาจากอิสราเอล จะเป็นชาวอิสราเอลที่แท้จริง และไม่ใช่ลูกของอับราฮัมทุกคนจะถูกนับว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเขา เพราะพระเจ้าบอกกับอับราฮัมว่า “คนที่จะนับว่าสืบเชื้อสายมาจากเจ้าจะต้องสืบเชื้อสายมาจากอิสอัคเท่านั้น”[b] แสดงว่าไม่ใช่ลูกทุกคนของอับราฮัมที่เกิดตามธรรมชาติจะนับว่าเป็นลูกของพระเจ้า แต่ต้องเป็นลูกที่เกิดจากคำสัญญาของพระเจ้าเท่านั้นถึงจะนับว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายจริง คำสัญญานั้นว่าไว้อย่างนี้คือ “ปีหน้าเวลานี้ เราจะกลับมา และซาราห์จะคลอดลูกชาย”[c]

10 หรืออีกตัวอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือตอนที่เรเบคาห์ตั้งท้องลูกชายฝาแฝดกับอิสอัคบรรพบุรุษของเรา 11-12 ก่อนที่เด็กจะคลอดออกมาทำดีหรือชั่ว พระเจ้าบอกเรเบคาห์ว่า “คนพี่จะรับใช้คนน้อง”[d] เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่พระองค์เลือก ทำให้เราเห็นว่าการเลือกของพระเจ้านั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกระทำของคน แต่ขึ้นอยู่กับพระเจ้าผู้เรียกเอง 13 ซึ่งเหมือนกับที่ได้เขียนไว้แล้วว่า “เรารักยาโคบ แต่เราเกลียดเอซาว”[e][f] 14 แล้วทีนี้จะว่ายังไงดี พระเจ้าไม่ยุติธรรมหรือ ไม่มีทาง 15 เพราะพระองค์พูดกับโมเสสว่า “เราอยากจะเมตตาใคร เราก็จะเมตตาคนนั้น เราอยากจะสงสารใคร เราก็จะสงสารคนนั้น”[g]

16 ดังนั้นสิ่งนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความอยากได้หรือความพยายามของมนุษย์หรอก แต่ขึ้นอยู่กับความเมตตาของพระเจ้าต่างหาก 17 เพราะในพระคัมภีร์พระเจ้าบอกฟาโรห์ว่า “ที่เราได้ยกเจ้าเป็นกษัตริย์นั้น ก็เพื่อว่าคนจะได้เห็นฤทธิ์เดชของเราในวิธีที่เราใช้จัดการกับเจ้า และชื่อเสียงของเราจะได้โด่งดังไปทั่วโลก”[h] 18 ดังนั้นพระเจ้าเลือกที่จะเมตตาคนไหน พระองค์ก็จะเมตตาคนนั้น พระเจ้าเลือกที่จะทำให้คนไหนดื้อด้าน พระองค์ก็จะทำให้คนนั้นดื้อด้าน

19 เมื่อเป็นอย่างนี้ คุณคงจะพูดกับผมว่า “ถ้าอย่างนั้น พระองค์ยังจะมาโทษเราอีกทำไม เพราะใครจะไปขัดขืนความต้องการของพระองค์ได้” 20 โธ่มนุษย์เอ๋ย คุณคิดว่าคุณเป็นใคร สิ่งที่ถูกปั้นจะย้อนถามคนปั้นได้หรือว่า “ทำไมถึงปั้นเราแบบนี้” 21 ช่างปั้นหม้อไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาดินเหนียวก้อนเดียวกันมาปั้นเป็นภาชนะหรูหราอันหนึ่งและภาชนะธรรมดาอีกอันหนึ่งหรืออย่างไร

22 แล้วเรื่องนี้จะว่าไง พระเจ้าตั้งใจจะลงโทษและแสดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์ พระองค์ต้องอดทนอดกลั้นอย่างมากกับคนพวกนั้นที่สมควรถูกลงโทษและถูกทำลาย 23 ที่พระองค์ทำอย่างนี้ ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่มหาศาลต่อคนพวกนั้นที่พระองค์เมตตาและที่พระองค์ได้เตรียมไว้รับสง่าราศี 24 คนพวกนั้นที่พระองค์เรียกมาก็คือพวกเรานี่เอง พระองค์ไม่ได้เรียกเราจากพวกยิวเท่านั้น แต่จากคนที่ไม่ใช่ยิวด้วย 25 พระองค์ได้พูดถึงคนที่ไม่ใช่ยิวนี้ในหนังสือโฮเชยาว่า

“คนพวกนั้นที่แต่ก่อนไม่ใช่คนของเรา
    เราก็จะเรียกว่าเป็นคนของเรา
และหญิงคนนั้นที่แต่ก่อนเราไม่ได้รัก
    เราก็จะเรียกว่าเป็นที่รักของเรา”[i]

26 “ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่งพระองค์เคยพูดว่า เจ้าไม่ใช่คนของเรา
    แต่เดี๋ยวนี้ เขาจะได้ชื่อว่าเป็นลูกๆของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่”[j]

27 แต่อิสยาห์ได้ร้องเกี่ยวกับคนอิสราเอลออกมาว่า

“ถึงแม้ลูกๆของชนชาติอิสราเอล
จะมีจำนวนมากเหมือนกับเม็ดทรายในทะเล
    แต่จะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรอด
28 องค์เจ้าชีวิตจะทำให้สิ่งที่พระองค์พูดสำเร็จครบถ้วนอย่างรวดเร็วในโลกนี้”[k]

29 และตามที่อิสยาห์ได้ทำนายไว้ว่า

“ถ้าองค์เจ้าชีวิตผู้ทรงฤทธิ์ ไม่เหลือผู้สืบเชื้อสายให้กับเรา
    เราก็คงจะถูกทำลายจนสิ้นซากไปแล้ว
    เหมือนกับเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์”[l][m]

30 ถ้าอย่างนั้น จะว่ายังไงดี คนที่ไม่ใช่ยิวไม่ได้สนใจว่าพระองค์จะยอมรับเขาหรือไม่ แต่พระเจ้ากลับยอมรับเขา และที่พระองค์ยอมรับเขาก็เพราะเขาไว้วางใจ 31 แต่คนอิสราเอลแสวงหากฎที่กำหนดว่าพระเจ้าต้องการอะไรจากคนของพระองค์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้บรรลุถึงกฎนั้น 32 ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ เพราะเขาแสวงหากฎนั้นเหมือนกับมันขึ้นอยู่กับการกระทำ แทนที่จะพึ่งความไว้วางใจ เขาก็เลยสะดุดหินล้ม 33 เหมือนกับที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า

“ดูสิ เราได้วางก้อนหินก้อนหนึ่งไว้ที่ศิโยนที่จะทำให้คนสะดุด
    เป็นศิลาที่จะทำให้คนล้มลง
แต่คนที่ไว้วางใจในหินก้อนนั้น[n] จะไม่มีวันอับอาย”[o]

เยเรมียาห์ 48

สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับโมอับ

48 เกี่ยวกับโมอับนั้น พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งอิสราเอล พูดว่า

“เราเสียใจกับเนโบ
    เพราะเธอถูกทำลายย่อยยับ
คิริยาธาอิมต้องอับอายขายหน้าและถูกยึด
    ป้อมปราการที่แข็งแกร่งก็ต้องอับอาย
ชื่อเสียงของโมอับสูญสิ้นแล้ว
    ในเฮชโบน ประชาชนได้วางแผนทำร้ายมัน
โดยพูดว่า มาเถอะ มาทำลายชนชาตินี้กัน
เมืองมัดเมนเอ๋ย เจ้าจะต้องถูกทำให้เงียบ
    สงครามไล่ตามเจ้ามา
มีเสียงร้องให้ช่วยดังมาจากโฮโรนาอิม
    เกิดการทำลายล้างและความหายนะครั้งใหญ่ขึ้น
โมอับถูกตีแตกแล้ว
    ลูกเล็กๆของเธอร้องไห้กันใหญ่
คนโมอับเดินร้องไห้สะอึกสะอื้น
    ในระหว่างทางที่เดินขึ้นไปลูฮีท
ส่วนตอนที่เดินลงมาที่เมืองโฮโรนาอิม
    คนโมอับก็ได้ยินเสียงร้องระทมทุกข์
หนีไปซะ เอาชีวิตเจ้าให้รอด
    ถึงจะต้องอยู่โดดเดี่ยวเหมือนพุ่มไม้ในทะเลทราย

เพราะเจ้าไว้วางใจในผลงานและในทรัพย์สมบัติของเจ้า
    ดังนั้นเจ้าก็จะโดนจับ
ส่วนเทพเจ้าเคโมชก็จะถูกเนรเทศไป
    พร้อมกับพวกนักบวชและพวกเจ้าหน้าที่ของมัน
นักทำลายก็จะเข้ามาในทุกเมือง
    และจะไม่มีเมืองไหนเหลือรอด
เขตแดนต่างๆตามหุบเขาจะพินาศ
    และที่ราบจะถูกทำลาย
เหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้บอกไว้แล้ว
เอาเกลือโรยบนโมอับ
    เพราะว่าโมอับจะถูกทำลายอย่างป่นปี้แน่ๆ
และเมืองต่างๆของมันจะกลายเป็นที่รกร้าง
    ไม่มีใครอาศัยอยู่
10 ความหายนะจะเกิดกับคนที่ไม่เต็มใจทำงานที่พระยาห์เวห์สั่ง
    ความหายนะจะเกิดกับคนที่ยั้งดาบไม่ยอมฆ่าคน

11 โมอับอยู่อย่างสบายๆมาตั้งแต่เด็ก
    เหมือนเหล้าองุ่นเก่าที่ปล่อยให้ตกตะกอน
ไม่เคยเทจากขวดหนึ่งไปอีกขวดหนึ่ง
    เขาไม่เคยถูกเนรเทศ
ดังนั้นรสชาติของเขายังคงเดิม
    และกลิ่นของเขาก็ไม่เปลี่ยน”
12 พระยาห์เวห์พูดว่า “ดังนั้น วันนั้นใกล้มาถึงแล้วที่เราจะส่งคนมาเทขวดพวกนั้น
    พวกเขาจะเทเจ้าและขวดของเจ้า
พวกเขาจะเทจนหมดขวด
    และทุบขวดเหล่านั้นให้แตกละเอียด”

13 แล้วโมอับก็จะต้องอับอายขายหน้าเพราะเทพเจ้าเคโมช เหมือนกับที่คนอิสราเอลอับอายขายหน้าที่ได้ไว้วางใจเมืองเบธเอล[a]

14 “เจ้าพูดได้อย่างไรว่า ‘พวกเราเป็นนักรบ
    เป็นนักรบที่กล้าหาญ’
15 นักทำลายได้เข้าโจมตีโมอับและเมืองต่างๆของมันแล้ว
    ชายฉกรรจ์ที่ดีที่สุดของมันก็ถูกฆ่าตาย”
กษัตริย์พูดว่าอย่างนั้น
    และชื่อของพระองค์คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
16 “หายนะของโมอับกำลังจะมาถึงแล้ว
    และความเลวร้าย ก็เข้ามาอย่างเร่งด่วน
17 ร้องไห้โศกเศร้าให้กับเขาสิ
    พวกเจ้าที่อยู่รอบๆเขา
    พวกเจ้าที่รู้จักชื่อของเขา พูดสิว่า
‘คทาที่แข็งแกร่งแตกละเอียดอย่างนี้ได้ยังไง
    คทาที่มีเกียรติขนาดนี้แตกอย่างนี้ได้ยังไงกัน’

18 ชาวเมืองดีโบนเอ๋ย
    ลงมาจากที่สูงอันทรงเกียรติของเจ้าเถอะ
แล้วก็มานั่งกับพวกคนหิวกระหายบนพื้นดินนี้
    เพราะผู้ที่ทำลายโมอับบุกมาตีเจ้าแล้ว
ป้อมปราการอันแข็งแกร่งของเจ้าถูกทลายลงแล้ว

19 ชาวเมืองอาโรเออร์เอ๋ย
    ให้ยืนอยู่ข้างถนนแล้วคอยดู
ให้ถามผู้ชายที่กำลังวิ่งหนี
    และผู้หญิงที่กำลังหลบหนีว่าเกิดอะไรขึ้น

20 โมอับได้รับความอับอายขายหน้าเพราะว่ามันถูกทำลายแล้ว
    ร้องไห้สะอึกสะอื้นสิ
ป่าวร้องไปตามแม่น้ำอารโนนสิว่า
    โมอับถูกทำลายแล้ว
21 การพิพากษาได้มาถึงที่ราบโมอับ
    โฮโลน ยาซาห์ และเมฟาอัทแล้ว
22 มันได้มาถึงดีโบน
    เนโบ เบธดิบลาอิม
23 คิริยาธาอีม เบธกามุล เบธเมโอน
24 เคริโอท โบสราห์ และเมืองทั้งหมดในแผ่นดินโมอับ
    ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล
25 เขาของโมอับถูกตัดเสียแล้ว
    แขนของเขาก็หัก”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

26 มอมโมอับให้เมาสิ
    เพราะเขาคุยโวใหญ่โตทับถมพระยาห์เวห์
โมอับจะเกลือกกลิ้งอยู่ในอ้วกของตัวเอง
    และโมอับก็จะกลายเป็นที่น่าขัน

27 โมอับ เจ้าคิดว่าอิสราเอลน่าขันใช่ไหมล่ะ
    ถึงแม้ว่าอิสราเอลไม่เคยร่วมกับพวกขโมย
แต่เจ้าก็ยังพูดต่อว่าพวกเขา
    และส่ายหัวไปมา
28 ชาวเมืองโมอับ ทิ้งเมืองต่างๆไปซะ
    ไปอยู่ตามซอกหินเถอะ
เป็นเหมือนนกเขาที่ทำรังอยู่ตามซอกเหวลึก

29 พวกเราได้ยินเรื่องความเย่อหยิ่ง
    ถือตัวอย่างมากของโมอับแล้ว
จองหอง อวดดี
    ทะนงตัวและยโสโอหัง

30 พระยาห์เวห์พูดว่า
“เรารู้ถึงความหยิ่งยโสของโมอับ
    ถึงแม้เขาจะอวดอ้างไปวันๆ
    แต่เราบอกได้เลยว่าเขาจะไม่มีวันทำได้อย่างที่อวดอ้าง”
31 ดังนั้น เราจะร้องคร่ำครวญให้กับโมอับ
    เราจะร้องไห้อย่างทุกข์ทรมานให้โมอับ
    เราจะร้องคร่ำครวญให้กับชาวเมืองคีร์เฮเรส
32 เพราะยาเซอร์ร้องไห้ เราจึงจะร้องไห้ให้กับเจ้า
    เถาองุ่นแห่งสิมาห์
กิ่งก้านของเจ้างอกออกไปถึงทะเล
    พวกมันไปไกลถึงทะเลยาเซอร์ทีเดียว
แต่ผู้ทำลายได้มาเอาผลไม้และผลองุ่นของเจ้าหมดแล้ว
33 ความยินดีถูกกวาดทิ้งไปหมดแล้วจากสวนผลไม้ในแผ่นดินโมอับ
    เราทำให้เหล้าองุ่นหยุดไหลออกมาจากบ่อย่ำองุ่น
ไม่มีเสียงโห่ร้องของคนย่ำองุ่นอีกแล้ว
    เสียงโห่ร้องไม่ใช่โห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดีอีกแล้ว

34 ผู้คนร้องไห้ด้วยความทุกข์ทรมานตั้งแต่เมืองเฮชโบน เรื่อยไปจนถึงเมืองเอเลอาเลห์ ถึงเมืองยาฮาส เขาร้องจากโศอาร์ ถึงโฮโรนาอิม และเอกลัท-เชลีชิยาห์ เพราะแม้แต่แหล่งน้ำในนิมริมก็ยังถูกทำลาย 35 พระยาห์เวห์พูดว่า “แล้วเราจะนำจุดจบมาถึงโมอับที่มีการเผาเครื่องบูชาในที่สูง และเผาเครื่องหอมให้กับเทพเจ้าต่างๆของเขา 36 ดังนั้น ใจของเราร้องคร่ำครวญอย่างโศกเศร้าให้โมอับเหมือนกับเสียงขลุ่ยงานศพ ใจของเราร้องคร่ำครวญอย่างโศกเศร้าให้กับคนเมืองคีร์เฮเรสเหมือนกับเสียงขลุ่ยในงานศพ เพราะความมั่งคั่งของโมอับสูญสิ้นไปแล้ว 37 นั่นก็เพราะทุกหัวถูกโกน ทุกเคราถูกตัดออก ทุกๆแขนเต็มไปด้วยบาดแผล และทุกคนก็สวมผ้ากระสอบรอบเอว 38 บนดาดฟ้าของทุกบ้านในโมอับ และตามพวกลานเมือง มีแต่การร้องไห้ไว้ทุกข์ เพราะเราทำลายโมอับแล้ว เหมือนไหที่ไม่มีใครอยากได้” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น 39 “โมอับถูกทำลายอะไรอย่างนั้น ร้องไห้คร่ำครวญเถอะ โมอับหันหลังให้เราด้วยความอับอาย โมอับกลายเป็นเรื่องน่าตลกขบขัน และเรื่องที่น่าท้อใจสำหรับเมืองที่อยู่แถวๆนั้น”

40 พระยาห์เวห์พูดว่า
“ดูสิ ผู้ทำลายร่อนลงมาเหมือนนกอินทรี
    มันกางปีกบินเหนือโมอับ
41 เมืองคีริโอทถูกยึดครองและป้อมปราการต่างๆของมันก็โดนยึด
    และในวันนั้น หัวใจของนักรบชาวโมอับจะเหมือนหัวใจของหญิงที่กำลังคลอดลูก
42 ชาวโมอับจะถูกทำลายไม่เป็นชนชาติอีกต่อไป
    เพราะเขาได้คุยโวเบ่งทับพระยาห์เวห์

43 ความกลัว หลุมและบ่วงแร้วอยู่ต่อหน้าชาวโมอับ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
44 “คนที่วิ่งหนีไปจากความกลัวจะต้องหล่นลงไปในหลุม
    และคนที่ขึ้นจากหลุมก็จะถูกบ่วงแร้วครอบเอา
เพราะเราจะทำให้สิ่งนี้เกิดกับโมอับในปีที่พวกเขาถูกลงโทษ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้
45 “ในเงาของเฮชโบน
    ก็มีคนพวกนั้นที่ได้วิ่งหนีหมดเรี่ยวแรงมาอยู่
เพราะมีไฟพุ่งมาจากเฮชโบน
    และเปลวไฟได้พุ่งออกมาจากวังของสิโหน
มันจะเผาผลาญหน้าผากของโมอับ
    และหัวของคนเหล่านั้นที่กำลังอึกทึกครึกโครม
46 ความหายนะจะเกิดกับเจ้า โมอับ
    คนของเทพเจ้าเคโมช กำลังพินาศ
เพราะพวกลูกชายของเจ้ากำลังถูกจับไป
    และพวกลูกสาวของเจ้ากำลังถูกจับเป็นเชลย
47 แต่ต่อไปเราจะคืนสิ่งที่ถูกเอาไปจากโมอับ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
    การพิพากษาโมอับก็ได้จบลง

สดุดี 25

อธิษฐานขอให้พระยาห์เวห์นำและคุ้มครอง

[a] เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์
    ข้าพเจ้ายกจิตใจของข้าพเจ้าให้กับพระองค์
พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระองค์
    ขออย่าให้ข้าพเจ้าอับอายขายหน้า
    ขออย่าให้พวกศัตรูเฉลิมฉลองความพ่ายแพ้ของข้าพเจ้า
ทุกคนที่ฝากความหวังไว้กับพระองค์จะไม่อับอายขายหน้าอย่างแน่นอน
    แต่พวกที่ทรยศจะต้องอับอายขายหน้าและจะไม่ได้อะไรจากการทรยศนั้น

ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดให้ข้าพเจ้าเห็นหนทางต่างๆของพระองค์
    โปรดสอนเส้นทางต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้า
โปรดนำข้าพเจ้าตามทางแห่งความจริงของพระองค์และสอนข้าพเจ้า[b]
    เพราะพระองค์คือพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าฝากความหวังไว้กับพระองค์วันยังค่ำ
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดนึกถึงความเมตตากรุณา
    และความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
โปรดอย่านึกถึงความบาปและความผิดทั้งหลายที่ข้าพเจ้าทำในวัยหนุ่ม
    ข้าแต่พระยาห์เวห์โปรดนึกถึงข้าพเจ้าตามความรักมั่นคงของพระองค์
    เพราะพระองค์นั้นดี

พระยาห์เวห์นั้นช่างดีและสัตย์ซื่อ
    พระองค์จึงสั่งสอนทางที่ถูกต้องให้กับพวกคนบาป
พระองค์นำคนถ่อมสุภาพให้ทำสิ่งที่ถูกต้องยุติธรรม
    พระองค์สอนทางของพระองค์ให้กับคนถ่อมสุภาพ
10 พระยาห์เวห์ทำทุกสิ่งด้วยความรักและความสัตย์ซื่อต่อคนเหล่านั้น
    ที่รักษาคำมั่นสัญญาของพระองค์และทำตามกฎต่างๆของพระองค์

11 ข้าพเจ้าทำผิดบาปอันใหญ่หลวงนัก ดังนั้น โปรดยกโทษให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
    เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงอันดีของพระองค์
12 พระยาห์เวห์จะสั่งสอนคนที่ยำเกรงพระองค์
    พระองค์จะนำคนนั้นไปตามทางที่พระองค์เลือกไว้

13 เขาคนนั้นจะอยู่อย่างสุขสบาย
    และลูกหลานของเขาจะได้รับส่วนแบ่งของแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้กับพวกเขา
14 พระยาห์เวห์เปิดเผยความลับต่างๆของพระองค์ให้กับคนเหล่านั้นที่ยำเกรงพระองค์
    พระองค์จะสอนพวกเขาให้รู้ถึงความหมายของคำมั่นสัญญาที่พระองค์ให้
15 ข้าพเจ้ามองหาความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์เสมอ
    เพราะพระองค์จะช่วยเอาเท้าของข้าพเจ้าออกจากบ่วง

16 ข้าแต่พระเจ้า โปรดหันมามองข้าพเจ้าและเมตตากรุณาข้าพเจ้าด้วยเถิด
    เพราะข้าพเจ้าโดดเดี่ยวและถูกข่มเหง
17 โปรดช่วยให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากความทุกข์ใจด้วยเถิด
    ช่วยดึงข้าพเจ้าออกไปจากปัญหาต่างๆของข้าพเจ้าด้วยเถิด
18 โปรดมองดูความทุกข์ทรมานและความลำบากที่ข้าพเจ้าเจออยู่นี้
    และโปรดยกโทษให้กับบาปทั้งหมดของข้าพเจ้าด้วยเถิด
19 ดูเถิด ข้าพเจ้ามีศัตรูมากมาย
    พวกเขาเกลียดข้าพเจ้ามากและอยากทำร้ายข้าพเจ้า
20 โปรดรักษาชีวิตของข้าพเจ้าและช่วยกู้ข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ โปรดอย่าทำให้ข้าพเจ้าผิดหวัง
21 ขอให้ความบริสุทธิ์และความซื่อตรงของข้าพเจ้า
    คุ้มครองข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าฝากความหวังไว้กับพระองค์

22 ข้าแต่พระเจ้า ช่วยชาวอิสราเอล
    ให้พ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งหลายของเขาด้วยเถิด

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International