Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
ผู้วินิจฉัย 20

อิสราเอลกับเบนยามินสงครามกัน

20 ประชาชนอิสราเอลทั้งหมดจากเมืองดานถึงเมืองเบเออร์-เชบา รวมทั้งแผ่นดินกิเลอาด ก็มาประชุมเป็นหนึ่งเดียวกันต่อหน้าพระยาห์เวห์ที่เมืองมิสปาห์ ผู้นำของคนทั้งหมดจากทุกเผ่าของอิสราเอลได้มานั่งประจำที่ในที่ประชุมประชาชนของพระเจ้า มีทหารเดินเท้าที่ถือดาบอยู่สี่แสนคน คนเบนยามินได้ยินว่าคนอิสราเอลได้ขึ้นไปที่มิสปาห์ ชาวอิสราเอลพูดว่า “ให้บอกพวกเรามาว่าเรื่องชั่วร้ายนี้เกิดขึ้นได้ยังไง”

คนเลวีซึ่งเป็นสามีของหญิงที่ถูกฆ่าตอบว่า “ผมมาถึงเมืองกิเบอาห์ซึ่งเป็นของคนเบนยามิน พร้อมกับเมียน้อยของผมเพื่อพักค้างคืน ในคืนนั้น พวกผู้นำชาวเมืองกิเบอาห์ได้ลุกขึ้นมาล้อมบ้านที่ผมพักอยู่ พวกมันตั้งใจจะมาฆ่าผม และพวกมันได้ข่มขืนทารุณเมียน้อยของผมจนเธอตาย จากนั้นผมได้เอาเมียน้อยของผมกลับมา ตัดเป็นชิ้นๆส่งไปยังเขตแดนทั้งหมดที่เป็นมรดกของคนอิสราเอล เพราะพวกมันทำให้เกิดเรื่องชั่วร้ายและน่าอัปยศอดสูขึ้นในอิสราเอล บัดนี้ พวกท่านประชาชนชาวอิสราเอล ให้ปรึกษากัน และสรุปว่าจะเอายังไงที่นี่แหละ”

คนทั้งหมดก็ลุกขึ้นเป็นหนึ่งเดียวกันและพูดว่า “พวกเราจะไม่กลับไปที่เต็นท์ของเรา พวกเราจะไม่กลับไปบ้านของเรา แต่นี่คือสิ่งที่พวกเราจะทำต่อกิเบอาห์ คือพวกเราจะจับสลากกันเพื่อขึ้นไปต่อสู้กับมัน 10 เราจะเลือกคนจากทุกๆเผ่าของอิสราเอล โดยจะคัดออกมาสิบคนจากทุกๆหนึ่งร้อยคน และคัดออกมาหนึ่งร้อยคนจากทุกๆหนึ่งพันคน และคัดออกมาหนึ่งพันคนจากทุกๆหนึ่งหมื่นคน เพื่อให้พวกเขาไปจัดเตรียมเสบียงอาหารให้กับกองทัพที่จะยกไปเมืองกิเบอาห์ของคนเบนยามิน เพื่อที่กองทัพนี้จะได้ไปลงโทษคนเหล่านั้น สำหรับสิ่งที่น่าอัปยศอดสูทั้งสิ้นที่พวกเขาได้ทำไปในอิสราเอล”

11 ดังนั้นประชาชนอิสราเอลทั้งหมดก็พร้อมใจกันเป็นหนึ่งเดียวไปบุกเมืองนั้น 12 เผ่าต่างๆของอิสราเอลก็ได้ส่งคนไปทั่วเผ่าของเบนยามินและถามว่า “ทำไมจึงมีเรื่องชั่วร้ายอย่างนี้เกิดขึ้นในท่ามกลางพวกเจ้า 13 ให้ส่งตัวอันธพาลพวกนั้นที่อยู่ในเมืองกิเบอาห์ออกมาให้พวกเราประหารเดี๋ยวนี้ เพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้ายออกไปจากประชาชนอิสราเอล”

แต่คนเบนยามินไม่ยอมทำตามที่พี่น้องอิสราเอลของเขาขอ 14 แล้วพวกเบนยามินได้พากันออกมาจากเมืองต่างๆไปรวมตัวกันที่เมืองกิเบอาห์ เพื่อสู้รบกับประชาชนอิสราเอล 15 ในวันนั้นพวกคนเบนยามินได้รวบรวมทหารที่ถือดาบจากเมืองต่างๆได้สองหมื่นหกพันคน ยังไม่ได้รวมชาวเมืองกิเบอาห์ ซึ่งรวบรวมได้เจ็ดร้อยคนที่ได้รับการฝึกเป็นพิเศษ 16 ในจำนวนทหารทั้งหมดนี้ มีทหารอยู่เจ็ดร้อยคนที่ได้รับการคัดเลือกมาเป็นพิเศษ ซึ่งได้รับการฝึกให้รบด้วยมือซ้าย พวกเขาทุกคนสามารถใช้สลิงเหวี่ยงก้อนหินใส่เส้นผมได้โดยไม่พลาด

17 ส่วนคนอิสราเอลทั้งหมด ที่ไม่ได้นับรวมคนเบนยามิน มีทั้งสิ้นสี่แสนคนที่เป็นทหารถือดาบและเชี่ยวชาญการรบ 18 พวกอิสราเอลได้เตรียมพร้อมและเดินทางไปยังเมืองเบธเอลเพื่อถามพระเจ้าว่า “ใครในพวกเราควรจะขึ้นไปรบกับพวกเบนยามินก่อน”

พระยาห์เวห์ว่า “ให้คนยูดาห์ไปก่อน”

19 ดังนั้นคนอิสราเอลจึงลุกขึ้นในตอนเช้าและไปตั้งค่ายอยู่ใกล้กับเมืองกิเบอาห์ 20 คนอิสราเอลก็ออกไปสู้รบกับคนเบนยามิน โดยคนอิสราเอลได้วางกำลังคนสู้รบกับคนเบนยามินที่เมืองกิเบอาห์ 21 คนเบนยามินได้ออกมาจากเมืองกิเบอาห์ และในวันนั้นพวกเขาได้ฆ่าฟันคนอิสราเอลล้มตายไปสองหมื่นสองพันคน

22-23 คนอิสราเอลได้ขึ้นไปร้องไห้คร่ำครวญต่อพระยาห์เวห์จนกระทั่งเย็น พวกเขาถามพระยาห์เวห์ว่า “พวกเรายังควรจะสู้รบกับคนเบนยามินพี่น้องของเราอีกหรือเปล่า”

พระยาห์เวห์ตอบว่า “ขึ้นไปสู้รบกับพวกเขาเถิด” คนอิสราเอลจึงกลับมาสู้รบอีกครั้ง โดยวางกำลังคนเหมือนกับในวันแรก

24 คนอิสราเอลบุกเข้าไปสู้รบกับคนเบนยามินอีกเป็นวันที่สอง 25 คนเบนยามินได้ออกจากเมืองกิเบอาห์มาปะทะกับพวกเขาในวันที่สอง และได้ฆ่าคนอิสราเอลล้มตายไปอีกหนึ่งหมื่นแปดพันคน ซึ่งเป็นทหารที่มีดาบทั้งสิ้น

26 ดังนั้นคนอิสราเอลทั้งหมดคือทั้งกองทัพก็ได้ขึ้นไปที่เบธเอล และพวกเขาได้อดอาหารนั่งร้องไห้กันต่อหน้าพระยาห์เวห์ตั้งแต่เช้าจนเย็น พวกเขาได้ถวายพวกเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆเพื่อคืนดีกับพระยาห์เวห์ 27 แล้วพวกอิสราเอลก็ได้ถามพระยาห์เวห์ว่า (ในสมัยนั้นหีบแห่งข้อตกลงของพระเจ้าอยู่ที่นั่น 28 และฟีเนหัสลูกชายของเอเลอาซาร์ หลานชายของอาโรน ก็เป็นนักบวชยืนรับใช้อยู่ต่อหน้าหีบในเวลานั้น) “พวกเราควรจะไปสู้รบกับคนเบนยามินอีกหรือเปล่า หรือว่าพวกเราควรจะหยุดดี”

พระยาห์เวห์ตอบว่า “ยกไปสู้เถอะ พรุ่งนี้เราจะยกพวกเขาให้ตกอยู่ในกำมือของเจ้า”

29 คนอิสราเอลจึงจัดคนแอบซุ่มอยู่รอบเมืองกิเบอาห์ 30 คนอิสราเอลก็บุกไปสู้กับคนเบนยามินเป็นวันที่สาม พวกเขาวางกำลังสู้รบกับเมืองกิเบโอนเหมือนวันก่อน 31 เมื่อคนเบนยามินออกมาปะทะกับกองกำลังอิสราเอล พวกคนเบนยามินก็ถูกดึงให้ออกห่างจากเมือง พวกเขาได้โจมตีและฆ่าทหารอิสราเอลบางคนเหมือนครั้งก่อนๆบนถนนหลักที่จะไปสู่เบธเอล และบนถนนที่จะไปกิเบอาห์ รวมทั้งในที่โล่ง คนอิสราเอลถูกฆ่าตายประมาณสามสิบคน 32 คนเบนยามินคิดว่า “พวกเรากำลังชนะเหมือนวันก่อนๆ”

ส่วนคนอิสราเอลพูดว่า “ให้พวกเราถอย และดึงพวกนั้นให้ห่างออกมาจากเมืองไปตามถนนต่างๆ” 33 แล้วคนอิสราเอลทุกคนก็ออกจากที่ของตน และไปวางกำลังรบที่บาอัล-ทามาร์ ส่วนคนอิสราเอลที่แอบซ่อนอยู่ก็ออกจากที่ซ่อนใกล้เมืองเกบา 34 ทหารอิสราเอลที่ได้รับการคัดเลือกหนึ่งหมื่นคนก็เข้าโจมตีเมืองกิเบอาห์ และการสู้รบก็เป็นไปอย่างดุเดือด แต่คนเบนยามินยังไม่รู้ว่าความหายนะกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเขา

35 พระยาห์เวห์ทำให้คนเบนยามินพ่ายแพ้ต่อคนอิสราเอล พวกอิสราเอลได้ฆ่าคนเบนยามินตายสองหมื่นห้าพันหนึ่งร้อยคนในวันนั้น ทุกคนเป็นทหารที่มีดาบครบมือ 36 คนเบนยามินจึงรู้ตัวว่าพวกเขาแพ้แล้ว คนอิสราเอลแกล้งถอยให้คนเบนยามิน เพราะพวกเขาหวังพึ่งกองทหารที่ซุ่มอยู่รอบเมืองกิเบอาห์ 37 คนที่ซุ่มอยู่ก็รีบบุกเข้าไปในเมืองกิเบอาห์และฆ่าทุกคนที่อยู่ในเมืองนั้นด้วยดาบ 38 พวกอิสราเอลได้ตกลงกับพวกที่ซุ่มโจมตีไว้ว่า พวกซุ่มโจมตีจะส่งสัญญาณเป็นควันไฟจากในเมือง 39 แล้วคนอิสราเอลก็จะหันกลับมารบ เมื่อคนเบนยามินเริ่มโจมตีและฆ่าพวกอิสราเอลตายไปประมาณสามสิบคน คนเบนยามินก็พูดว่า “แน่นอนว่า พวกเราจะชนะพวกเขาอย่างราบคาบเหมือนกับการต่อสู้ครั้งแรก” 40 แต่เมื่อสัญญาณซึ่งเป็นควันพวยพุ่งขึ้นมาจากในเมือง คนเบนยามินหันไปดูข้างหลัง พวกเขาก็เห็นควันไฟลอยอยู่ในท้องฟ้าเหนือเมืองทั้งเมือง 41 แล้วคนอิสราเอลก็หันกลับมารบ คนเบนยามินก็ตกใจกลัว เพราะพวกเขารู้ตัวว่า ความหายนะได้ไล่ตามพวกเขาทันแล้ว 42 พวกเขาจึงหันหลังหนีคนอิสราเอลเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร แต่การรบยังคงไล่ตามพวกเขาไปอย่างติดๆ แล้วคนอิสราเอลที่ออกมาจากในเมืองก็ได้ฆ่าพวกเขาตายอยู่ในระหว่างกลางทางนั้น 43 พวกเขาก็ได้ล้อมคนเบนยามินไว้ และไล่ตามพวกเขาจากเมืองโนฮาห์[a] และบดขยี้พวกเขาไปจนถึงทางตะวันออกของเมืองกิเบอาห์ 44 ทหารชาวเบนยามินถูกฆ่าตายไปเป็นจำนวนหนึ่งหมื่นแปดพันคน ซึ่งล้วนแต่เป็นนักรบผู้กล้าหาญทั้งสิ้น

45 เมื่อพวกเบนยามินหันหนีเข้าไปในถิ่นทุรกันดารจนถึงก้อนหินของริมโมน คนอิสราเอลได้ฆ่าพวกเขาอีกห้าพันคนบนถนนหลัก และตามไล่ฆ่าพวกเขาไปถึงกิโดม[b]ได้อีกสองพันคน

46 วันนั้นทหารเบนยามินที่มีดาบอยู่ในมือสองหมื่นห้าพันคนถูกฆ่าตาย ซึ่งเป็นนักรบผู้กล้าทั้งสิ้น 47 แต่มีผู้ชายหกร้อยคนที่หันหนีไปถึงถิ่นทุรกันดารจนถึงก้อนหินของริมโมน และอาศัยอยู่ที่นั่นถึงสี่เดือน 48 คนอิสราเอลจึงกลับไปสู้รบกับคนเบนยามินและฆ่าชาวเมือง ฝูงสัตว์ และทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาเจอ แล้วเผาเมืองทุกเมืองที่พวกเขาพบทิ้งเสีย

กิจการ 24

ชาวยิวกล่าวหาเปาโล

24 ห้าวันต่อมาอานาเนียหัวหน้านักบวชสูงสุด พวกผู้นำอาวุโสบางคน และทนายแก้ต่าง ชื่อเทอร์ทูลลัส เดินทางมาถึงเมืองซีซารียาและฟ้องร้องเปาโลต่อหน้าเจ้าเมือง เมื่อเปาโลถูกเรียกเข้ามา เทอร์ทูลลัสก็กล่าวหาเปาโลต่อหน้าท่านผู้ว่าเฟลิกส์ว่า “ท่านเฟลิกส์ พวกเราอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขภายใต้การดูแลของท่านมาเป็นเวลาช้านาน และประเทศชาติของเราก็ได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เพราะท่านมองการณ์ไกล พวกเรารู้สึกยินดีและขอบพระคุณยิ่งนัก สำหรับสิ่งต่างๆที่ท่านได้ทำให้กับเราในทุกๆที่ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเวลาของท่านมากนัก ผมขอความกรุณาท่านช่วยฟังพวกเราเล่าอย่างย่อๆ เนื่องจากพวกเราพบว่า ชายคนนี้เป็นพวกชอบก่อความวุ่นวาย ปลุกปั่นให้เกิดการจลาจลในหมู่คนยิวไปทั่วโลก และเขาก็เป็นหัวหน้าลัทธินาซาเร็ธ 6-8 [a] เขายังพยายามทำให้วิหารเกิดความด่างพร้อย พวกเราเลยจับเขา ลองไต่สวนเขาดูเถอะแล้วท่านจะรู้จากปากของเขาเองว่า ทุกสิ่งที่เรากล่าวหาเขานั้นเป็นความจริง” คนยิวอื่นๆก็รีบเข้ามาผสมโรง ยืนยันว่าที่เทอร์ทูลลัสพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริง

เปาโลแก้ต่างให้ตนเองต่อหน้าเฟลิกส์

10 เมื่อเจ้าเมืองให้สัญญาณเปาโลพูด เขาตอบว่า “ผมรู้ว่าท่านเป็นผู้พิพากษาเหนือชนชาตินี้มาหลายปีแล้ว ผมจึงดีใจที่จะได้แก้ต่างให้ตนเองต่อหน้าท่าน 11 ท่านสามารถสอบถามได้เลยว่า ผมมาที่เมืองเยรูซาเล็มเพื่อกราบไหว้พระเจ้ายังไม่ถึงสิบสองวันเลย 12 พวกเขาก็ไม่ได้พบว่า ผมโต้เถียงกับใครในวิหาร หรือปลุกปั่นยุยงใครในที่ประชุมของชาวยิว หรือที่ไหนๆในเมือง 13 พวกเขาก็ไม่มีทางพิสูจน์ให้ท่านเห็นถึงสิ่งที่พวกเขากล่าวหาว่าผมทำ 14 ผมยอมรับต่อท่านว่า ผมได้รับใช้พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเรา ด้วยการติดตามแนวทางขององค์เจ้าชีวิตที่พวกเขาเรียกว่าเป็นลัทธินอกรีตนั้น ผมเชื่อทุกอย่างที่กฎของโมเสสและที่ผู้พูดแทนพระเจ้าเขียนขึ้น 15 และผมก็มีความหวังอย่างเดียวกับที่พวกเขามีในพระเจ้า คือความหวังที่ว่าพระเจ้าจะทำให้ทุกคนทั้งคนดีและคนชั่วฟื้นขึ้นจากความตาย 16 ผมจึงพยายามทำดีที่สุด เพื่อจะได้มีจิตสำนึกที่ถูกต้องต่อหน้าพระเจ้าและมนุษย์ทุกคน

17 หลังจากที่ผมจากเมืองเยรูซาเล็มไปหลายปี ผมได้กลับมาเพื่อเอาเงินมาช่วยเหลือคนของผมที่ยากจน และมาถวายเครื่องบูชากับพระเจ้า 18 แต่ในระหว่างที่ผมทำสิ่งเหล่านี้ในวิหาร พวกเขาพบผมตอนเพิ่งทำพิธีชำระล้าง[b] เสร็จ ไม่มีฝูงชนหรือความวุ่นวายอะไรเลย 19 มีคนยิวบางคนที่มาจากแคว้นเอเชียอยู่ที่นั่น ถ้าพวกเขามีปัญหาอะไรกับผม พวกเขาก็น่าจะมาฟ้องร้องผมต่อหน้าท่านที่นี่แล้ว 20 หรือไม่ท่านก็ให้คนพวกนี้ที่มาอยู่ที่นี่แล้ว บอกว่าผมทำผิดอะไรบ้างตอนที่ยืนอยู่ต่อหน้าที่ประชุมสภาแซนฮีดริน 21 นอกจากเรื่องนี้เรื่องเดียวคือเรื่องที่ผมได้ร้องตะโกน ตอนที่ยืนอยู่ที่นั่นว่า ‘ผมถูกสอบสวนวันนี้ เพราะผมเชื่อเรื่องการตายแล้วฟื้น’”

22 แล้วเฟลิกส์ ซึ่งได้รับทราบเรื่องแนวทางขององค์เจ้าชีวิตเป็นอย่างดี ก็ได้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไป โดยพูดว่า “รอให้ผู้พันลีเซียสมาถึงก่อน เราถึงจะตัดสินคดีของเจ้า” 23 เขาสั่งนายร้อยให้เฝ้าดูแลเปาโลไว้ แต่ปล่อยให้เปาโลมีอิสระพอสมควร และให้เพื่อนๆจัดหาสิ่งที่จำเป็นมาให้ได้

เปาโลพูดกับเฟลิกส์และภรรยา

24 หลายวันต่อมา เฟลิกส์มากับดรูสิลลาภรรยาของเขาซึ่งเป็นชาวยิว เขาได้เรียกเปาโลไปพบ และฟังเปาโลพูดเกี่ยวกับความเชื่อในพระเยซูคริสต์ 25 แต่เมื่อเปาโลพูดถึงการทำตามใจพระเจ้า การควบคุมตนเอง และการพิพากษาที่กำลังจะมาถึง เฟลิกส์ก็เกิดความกลัวขึ้นมา จึงตัดบทว่า “วันนี้พอแค่นี้ก่อน ไปได้แล้ว ไว้เรามีเวลาแล้วจะเรียกมาใหม่” 26 ในขณะเดียวกัน เฟลิกส์ก็หวังว่าเปาโลจะให้เงินติดสินบนเขา จึงเรียกเปาโลมาพูดคุยด้วยบ่อยๆ 27 สองปีผ่านไป ปอรสิอัส เฟสทัส[c] ก็มารับตำแหน่งผู้ว่าแทนเฟลิกส์ แต่เนื่องจากเฟลิกส์อยากจะเอาใจคนยิว จึงยังคงปล่อยให้เปาโลติดอยู่ในคุก

เยเรมียาห์ 34

คำเตือนต่อเศเดคิยาห์กษัตริย์ยูดาห์

34 นี่คือข่าวสารของพระยาห์เวห์ที่มาถึงเยเรมียาห์ ในช่วงที่เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของบาบิโลนกำลังต่อสู้กับเยรูซาเล็มและเมืองต่างๆที่อยู่บริเวณนั้น กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ยกกองทัพทั้งหมดของเขามา รวมทั้งกองทัพทั้งหมดของอาณาจักรต่างๆและชนชาติต่างๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขา

นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูด คือ “ให้ไปพูดกับกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ให้บอกกับเขาว่า พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้ ‘เรากำลังจะยกเมืองนี้ให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์บาบิโลน แล้วเขาจะเอาไฟเผาเมืองนี้ เศเดคียาห์ ตัวเจ้าเองก็จะหนีไม่พ้นจากเงื้อมมือเขา เพราะเจ้าจะถูกจับและถูกส่งไปอยู่ในกำมือของเขาอย่างแน่นอน เจ้าจะได้เจอกับกษัตริย์บาบิโลนซึ่งๆหน้า และเขาจะพูดกับเจ้าตรงหน้า หลังจากนั้นเจ้าก็จะต้องไปที่บาบิโลน’”

แต่เศเดคียาห์กษัตริย์ของยูดาห์ ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี พระยาห์เวห์พูดถึงท่านไว้ว่า “เจ้าจะไม่ตายด้วยคมดาบหรอก แต่จะตายอย่างสงบ และจะมีผู้คนเผาเครื่องหอมเพื่อเป็นเกียรติให้กับเจ้า เหมือนกับที่พวกเขาเผาเครื่องหอมให้กับกษัตริย์องค์ก่อนๆที่เป็นบรรพบุรุษของเจ้า พวกเขาจะไว้ทุกข์ให้กับเจ้า โดยพูดว่า ‘นายท่าน พวกเราเสียใจเหลือเกิน’ เจ้ามั่นใจได้เพราะเราได้พูดไว้แล้ว” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

แล้วเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าก็พูดสิ่งที่พระยาห์เวห์บอกทั้งหมดนี้ให้กษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ฟังในเมืองเยรูซาเล็ม ในเวลานั้นกองทัพของกษัตริย์บาบิโลนก็กำลังตีเมืองเยรูซาเล็มและเมืองต่างๆของยูดาห์ที่ยังเหลืออยู่ คือเมืองลาคีชและอาเซคาห์ เพราะในยูดาห์ มีแต่สองเมืองนี้เท่านั้นที่มีป้อมปราการเหลืออยู่

หลังจากที่กษัตริย์เศเดคียาห์ได้ทำข้อตกลงกับทุกคนในเมืองเยรูซาเล็มว่าจะประกาศอิสรภาพให้กับพวกเขา ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ ชาวเมืองแต่ละคนจะต้องปล่อยทาสฮีบรูทั้งชายและหญิงของตนให้เป็นอิสระ พลเมืองยูดาห์จะได้ไม่ต้องเป็นทาสรับใช้พลเมืองยูดาห์ด้วยกันเอง

10 ส่วนพวกเจ้านายและคนทุกคน ที่ร่วมในข้อตกลงปลดปล่อยทาสชายหญิงเหล่านี้ เพื่อทาสพวกเขาจะได้ไม่ต้องรับใช้พวกเขาอีกต่อไป คนเหล่านั้นต่างก็ยอมทำตามข้อตกลงนี้ และได้ปลดปล่อยทาสของพวกเขาไป 11 แต่ต่อมา ชาวเมืองก็ไม่ทำตามข้อตกลง ไปบังคับพวกผู้ชายและผู้หญิงที่พวกเขาได้ปลดปล่อยไปแล้วกลับมาเป็นทาสอีก 12 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์อีกครั้ง พระองค์พูดว่า 13 พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล พูดไว้ว่าอย่างนี้ “เราได้ทำข้อตกลงไว้กับบรรพบุรุษของพวกเจ้า ตอนที่เราพาพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์จากการเป็นทาสนั้น เราได้บอกกับพวกเขาว่า 14 เมื่อสิ้นปีที่เจ็ด พวกเจ้าแต่ละคนต้องปล่อยชาวฮีบรูที่เป็นพี่น้องของเจ้าให้เป็นอิสระ เขาได้ขายตัวเขาเองให้กับเจ้า เขาจะรับใช้เจ้าอยู่หกปี แล้วหลังจากนั้น เจ้าก็จะต้องปล่อยเขาให้เป็นอิสระ แต่บรรพบุรุษของเจ้าไม่ยอมเชื่อฟังเรา และไม่ได้เงี่ยหูฟัง 15 แต่วันนี้ พวกเจ้าได้กลับใจ แล้วเจ้าก็ได้ทำในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง คือเรียกร้องอิสรภาพให้กันและกัน แถมเจ้ายังทำข้อตกลงกันต่อหน้าเราในวิหารที่มีชื่อของเราอีกด้วย 16 แต่แล้วเจ้าก็กลับคำ และทำให้เราเสียชื่อ พวกเจ้าแต่ละคนไปเอาทาสและสาวใช้ที่ปล่อยให้เป็นอิสระไปแล้วกลับมาอีก ทั้งๆที่พวกเขาอยากจะไปจากเจ้า แล้วเจ้าก็บังคับให้พวกเขากลับมาเป็นทาสและสาวใช้ของเจ้าเหมือนเดิม”

17 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดว่า “เจ้าไม่ได้เชื่อฟังเราเรื่องให้อิสระกับพี่น้องและเพื่อนบ้านของเจ้า” ดังนั้น พระยาห์เวห์พูดว่า “เราก็จะให้การปลดปล่อยกับเจ้าบ้าง เราจะปลดปล่อยคมดาบ โรคร้าย และความอดอยาก และเราจะทำให้เจ้ากลายเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงให้กับอาณาจักรทั้งหลายบนโลกนี้ 18 เราจะทำให้ชายที่ทำผิดข้อตกลงของเรา คือคนที่ไม่ทำตามข้อตกลงที่พวกเขาทำต่อหน้าเรา เหมือนกับวัวสาวที่พวกเขาแบ่งเป็นสองท่อนแล้วเดินผ่านไปท่ามกลางอวัยวะของมัน[a] 19 คนพวกนี้คือผู้ที่ได้เดินผ่านท่ามกลางอวัยวะต่างๆนั้น คือพวกเจ้านายของยูดาห์และของเยรูซาเล็ม พวกขันที พวกนักบวช และชาวบ้านทุกคน 20 เราจะยกพวกเขาให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู และคนที่อยากจะฆ่าพวกเขา ศพของพวกเขาจะกลายเป็นอาหารนกกาในอากาศ และสิงสาราสัตว์บนพื้นดิน 21 เราจะยกกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์และพวกเจ้าขุนมูลนายของเขาให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูและคนที่อยากฆ่าพวกเขา และยิ่งกว่านั้นจะให้พวกเขาตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกองทัพของกษัตริย์บาบิโลนที่กำลังเข้ามาโจมตีพวกเขาด้วย” 22 พระยาห์เวห์พูดว่า “เรากำลังจะออกคำสั่งให้นำกองทัพของบาบิโลนกลับมาที่เยรูซาเล็ม พวกเขาจะโจมตีและยึดเยรูซาเล็ม และเอาไฟเผาเมืองเยรูซาเล็ม และเราจะทำให้เมืองต่างๆของยูดาห์ กลายเป็นที่รกร้าง ที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย”

สดุดี 5-6

คำอธิษฐานยามเช้าขอการคุ้มครอง

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้ขลุ่ยประกอบการร้องด้วย เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอโปรดรับฟังคำพูดต่างๆของข้าพเจ้า
    ขอโปรดเข้าใจเสียงถอนใจของข้าพเจ้า
ข้าแต่พระเจ้า กษัตริย์ของข้าพเจ้า โปรดรับฟังเสียงร้องเรียกของข้าพเจ้า
    เพราะพระองค์เป็นผู้เดียวที่ข้าพเจ้าอธิษฐานถึง
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทุกเช้าพระองค์จะได้ยินเสียงของข้าพเจ้า
    ทุกเช้าข้าพเจ้าจะวางคำร้องขอของข้าพเจ้าต่อหน้าพระองค์ และข้าพเจ้าเฝ้าคอยคำตอบของพระองค์อย่างใจจดจ่อ

4-5 พระองค์ไม่ใช่พระเจ้าที่ชอบใจความชั่วร้าย
    พระองค์ไม่ต้อนรับคนชั่วในบ้านของพระองค์
พวกหยิ่งยโสไม่สามารถยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ได้
    พระองค์เกลียดทุกคนที่ทำชั่ว
พระองค์จะทำลายคนที่พูดโกหก
    พระยาห์เวห์ขยะแขยงคนกระหายเลือดที่คดโกง

แต่ ด้วยความรักมั่นคงเหลือล้นของพระองค์
    ข้าพเจ้าก็เข้าบ้านของพระองค์ได้
ข้าพเจ้าก้มกราบลงด้วยความยำเกรงในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอช่วยนำข้าพเจ้าไปในทางที่พระองค์ชอบใจ
    เพราะมีพวกศัตรูคอยจ้องข้าพเจ้าอยู่ทุกฝีก้าว
    โปรดช่วยทำทางที่พระองค์ต้องการให้ข้าพเจ้าไปนั้นราบรื่นด้วยเถิด

ปากของศัตรูข้าพเจ้าไม่มีความจริงอยู่เลย
    ใจพวกเขามีแต่แผนทำลายคน
ลำคอของพวกเขานั้นเหมือนหลุมฝังศพที่เปิดอยู่
    ลิ้นของเขาประจบสอพลอ
10 ข้าแต่พระเจ้า โปรดลงโทษพวกเขาด้วยเถิด
    ขอให้แผนร้ายของพวกเขา ทำลายพวกเขาเอง
โปรดขับไล่พวกเขาออกไปด้วยเถิดเพราะความผิดบาปมากมายของพวกเขา
    เพราะพวกเขากบฏต่อพระองค์

11 แต่ขอให้คนเหล่านั้นที่ลี้ภัยในพระองค์มีความสุข
    ขอให้พวกเขาโห่ร้องด้วยความยินดีเสมอ
ขอให้พระองค์คุ้มครองพวกเขา
    ขอให้คนเหล่านั้นที่รักชื่อของพระองค์รื่นเริงในพระองค์
12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์อวยพรคนที่ทำตามใจพระองค์
    พระองค์ปกป้องพวกเขาเหมือนโล่กำบัง เพราะความเมตตาของพระองค์

คำอธิษฐานให้ช่วยในยามทุกข์ยาก

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้เครื่องสายประกอบการร้อง ตามทำนองเซมินิท[a] เพลงสรรเสริญของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าลงโทษข้าพเจ้า ตอนที่พระองค์โกรธ
    ขออย่าตีสอนข้าพเจ้า ตอนที่พระองค์โกรธแค้น
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดเมตตาต่อข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้าอ่อนแอ
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดรักษาข้าพเจ้าด้วย เพราะกระดูกของข้าพเจ้าสั่นเทิ้ม
ข้าพเจ้าตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ จะปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์หันกลับมาช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
    ขอช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะเห็นแก่ความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะเมื่อคนตายไป เขาก็จะระลึกถึงพระองค์ไม่ได้อีกแล้ว
    ในแดนคนตาย จะมีใครสรรเสริญพระองค์ได้หรือ

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องคร่ำครวญจนหมดแรง
    ข้าพเจ้าร้องไห้ทั้งคืน จนที่นอนและหมอนชุ่มไปด้วยน้ำตา
ข้าพเจ้าร้องไห้จนตาบวมเพราะความทุกข์โศก
    ตาของข้าพเจ้าอ่อนล้าไปหมด เพราะพวกศัตรูของข้าพเจ้า

พวกเจ้าที่ทำชั่วทั้งหลาย ไปให้ห่างจากข้าพเจ้าซะ
    เพราะพระยาห์เวห์ได้ยินเสียงร่ำไห้ของข้าพเจ้า
พระองค์ได้ยินคำร้องขอให้ช่วยของข้าพเจ้า
    พระองค์จะยอมรับและตอบคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
10 พวกศัตรูของข้าพเจ้าทั้งหมด จะอับอายขายหน้าและสั่นเทิ้มอย่างยิ่ง
    แล้วพวกเขาจะต้องหันหลังวิ่งหนีไปในทันทีด้วยความอับอายขายหน้า

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International