Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โยชูวา 12-13

รายชื่อพวกกษัตริย์ที่พ่ายแพ้

12 ต่อไปนี้คือพวกกษัตริย์ของแผ่นดินที่ชาวอิสราเอลได้เอาชนะ และชาวอิสราเอลได้ยึดครองแผ่นดินของกษัตริย์เหล่านั้นที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน จากหุบเขาลึกอารโนนไปถึงภูเขาเฮอร์โมน รวมทั้งแผ่นดินทั้งหมดที่อยู่ทางทิศตะวันออกของหุบเขาจอร์แดนด้วย

คือกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ ที่ปกครองอยู่เมืองเฮชโบน เขาปกครองตั้งแต่อาโรเออร์ซึ่งอยู่ริมหุบเขาลึกอารโนน เริ่มจากตรงกลางของหุบเขาและครึ่งหนึ่งของกิเลอาด ไปจนถึงแม่น้ำยับบอกซึ่งเป็นเขตแดนของชาวอัมโมน และเขาปกครองด้านตะวันออกของหุบเขาจอร์แดน จากทะเลสาบกาลิลีไปถึงทะเลตาย (ทะเลเกลือ) ถึงเบธเยชิโมทและไปถึงทางใต้จนถึงด้านล่างของที่ลาดเขาปิสกาห์

ชาวอิสราเอลได้ยึดครองเขตแดนของกษัตริย์โอกแห่งแคว้นบาชาน ที่เป็นคนเผ่าเรฟาอิมที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่กี่คน เขาอาศัยอยู่แถบเมืองอัชทาโรท และเอเดรอี เขาปกครองพื้นที่ภูเขาเฮอร์โมน สาเลคาห์ และทั่วทั้งบาชานจนถึงเขตแดนเมืองเกชูร์ และเมืองมาอาคาห์ และมากกว่าครึ่งหนึ่งของกิเลอาดไปจนถึงเขตแดนของกษัตริย์สิโหนของเมืองเฮชโบน

โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์พร้อมด้วยชาวอิสราเอล ได้เอาชนะพวกเขา โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้มอบแผ่นดินของกษัตริย์สิโหน และของกษัตริย์โอกให้เป็นสมบัติของชนเผ่ารูเบน ชนเผ่ากาด และชนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า

ต่อไปนี้คือกษัตริย์ของเมืองต่างๆที่โยชูวาและชาวอิสราเอลได้เอาชนะ บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ตั้งแต่บาอัลกาดในหุบเขาเลบานอนไปจนถึงภูเขาฮาลักที่ขึ้นไปถึงเสอีร์ (และโยชูวาได้ให้แผ่นดินส่วนนี้แก่ชาวอิสราเอลเป็นมรดกตามสัดส่วนของเผ่าต่างๆ คือดินแดนแถบเนินเขา ที่ลุ่มเชิงเขาด้านตะวันตก ในหุบเขาจอร์แดน ในที่ลาดเขาทางตะวันออก ในถิ่นทะเลทราย ในเนเกบ แผ่นดินของชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส)

กษัตริย์เมืองเยริโค

กษัตริย์เมืองอัยซึ่งอยู่ใกล้เมืองเบธเอล

10 กษัตริย์เมืองเยรูซาเล็ม

กษัตริย์เมืองเฮโบรน

11 กษัตริย์เมืองยารมูท

กษัตริย์เมืองลาคีช

12 กษัตริย์เมืองเอกโลน

กษัตริย์เมืองเกเซอร์

13 กษัตริย์เมืองเดบีร์

กษัตริย์เมืองเกเดอร์

14 กษัตริย์เมืองโฮรมาห์

กษัตริย์เมืองอาราด

15 กษัตริย์เมืองลิบนาห์

กษัตริย์เมืองอดุลลัม

16 กษัตริย์เมืองมักเคดาห์

กษัตริย์เมืองเบธเอล

17 กษัตริย์เมืองทัปปูวาห์

กษัตริย์เมืองเฮเฟอร์

18 กษัตริย์เมืองอาเฟก

กษัตริย์เมืองลาชาโรน

19 กษัตริย์เมืองมาโดน

กษัตริย์เมืองฮาโซร์

20 กษัตริย์เมืองชิมโรนเมโรน

กษัตริย์เมืองอัคชาฟ

21 กษัตริย์เมืองทาอานาค

กษัตริย์เมืองเมกิดโด

22 กษัตริย์เมืองเคเดช

กษัตริย์เมืองโยกเนอัมในคารเมล

23 กษัตริย์เมืองโดร์ในที่ราบสูงของโดร์

กษัตริย์เมืองโกยิมในกิลกาล

24 กษัตริย์เมืองทีรซาห์

รวมจำนวนกษัตริย์ทั้งหมดสามสิบเอ็ดองค์ด้วยกัน

แผ่นดินที่ยังไม่ได้ยึดครอง

13 เมื่อโยชูวาแก่มากแล้ว พระยาห์เวห์ได้พูดกับเขาว่า “เจ้าแก่มากแล้วและยังเหลือแผ่นดินอีกมากที่ยังไม่ได้ยึดครอง แผ่นดินที่ยังไม่ถูกยึดครองคือ แคว้นฟีลิสเตียทั้งหมด และเขตแดนทั้งหมดของเกชูร์ ตั้งแต่แม่น้ำชิโหร์ที่อยู่ทางตะวันออกของประเทศอียิปต์ เหนือขึ้นไปจนถึงเขตแดนของเอโครน (ถือเป็นเขตแดนของชาวคานาอัน) เขตแดนของผู้ปกครองชาวฟีลิสเตียทั้งห้าคนในเมืองกาซาม เมืองอัชโดด เมืองอัชเคโลน เมืองกัทและเมืองเอโครน รวมทั้งเขตแดนของอัฟวิม ส่วนทางใต้ เจ้ายังต้องยึดแผ่นดินทั้งหมดของชาวคานาอัน จากเมอาราห์ซึ่งเป็นของชาวไซดอน ไปถึงเมืองอาเฟกตรงเขตแดนของชาวอาโมไรต์ และแผ่นดินของชาวเกบาล และเลบานอนทั้งหมด ไปทางทิศตะวันออกจากบาอัลกาด ที่อยู่เชิงเขาเฮอร์โมนถึงชายแดนของฮามัท

ส่วนพวกชาวไซดอนที่อาศัยอยู่ในแถบเนินเขาจากเลบานอนไปจนถึงมิสเรโฟทมาอิมนั้น เราเองจะขับไล่พวกเขาออกไปต่อหน้าชาวอิสราเอล อย่าลืมที่จะแบ่งที่ดินเหล่านี้ให้เป็นมรดกของชาวอิสราเอล ตามที่เราได้สั่งเจ้าไว้ และตอนนี้ให้แบ่งแผ่นดินนั้นออกให้กับคนเก้าเผ่าและชาวมนัสเสห์ครึ่งเผ่าด้วย”

แผ่นดินฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน

ส่วนมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่า ชนเผ่ารูเบนและชนเผ่ากาด ได้รับส่วนแบ่งของพวกเขา ซึ่งโมเสสได้มอบให้ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ส่วนที่โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้มอบให้พวกเขาคือ ตั้งแต่อาโรเออร์ที่อยู่ริมหุบเขาลึกอารโนน และเมืองที่อยู่กลางหุบเขาลึกนั้น และที่ราบสูงเมเดบาทั้งหมดไปจนถึงดีโบน 10 และเมืองต่างๆของกษัตริย์สิโหนชาวอาโมไรต์ผู้เคยปกครองอยู่ในเมืองเฮชโบน ไกลออกไปจนถึงเขตแดนของชาวอัมโมน 11 และกิเลอาดกับพื้นที่ของชาวเกชูร์กับชาวมาอาคาห์ พื้นที่ทั้งหมดของภูเขาเฮอร์โมน และทั้งหมดของบาชานถึงเมืองสาเลคาห์ 12 แผ่นดินทั้งหมดของกษัตริย์โอกในบาชานผู้เคยปกครองอยู่ในเมืองอัชทาโรทและในเอเดรอี (เขาเป็นคนเผ่าเรฟาอิมที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่คน) โมเสสรบชนะเมืองเหล่านี้ และขับไล่พวกเขาออกไป 13 แต่ชาวอิสราเอลไม่ได้ขับไล่ชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์ ทั้งสองเผ่ายังอาศัยอยู่กับชาวอิสราเอลถึงทุกวันนี้

14 แต่ส่วนเผ่าเลวี โมเสสไม่ได้แบ่งมรดกให้ พวกของขวัญที่ถวายให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวอิสราเอลก็เป็นมรดกของพวกเขา อย่างที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับพวกเขาแล้ว

15 โมเสสได้มอบที่ดินนี้ให้เป็นมรดกกับเผ่ารูเบน แบ่งตามตระกูลต่างๆของพวกเขา 16 เขตแดนของพวกเขาเริ่มจากอาโรเออร์ที่อยู่ริมหุบเขาลึกอารโนน และเมืองที่อยู่กลางหุบเขาลึกนั้น และที่ราบสูงเมเดบาทั้งหมด 17 เมืองเฮชโบนกับเมืองต่างๆของมันบนที่ราบสูง ดีโบน บาโมทบาอัล เบธบาอัลเมโอน 18 ยาฮาส เคเดโมท เมฟาอาท 19 คิริยาธาอิม สิบมาห์ เศเรทชาหาร์ ที่อยู่บนเนินเขากลางหุบเขาลึกนั้น 20 เบธเปโอร์ เชิงเขาปิสกาห์ และเมืองเบธเยชิโมท 21 นั่นคือเมืองทั้งหมดบนที่ราบสูง และอาณาจักรทั้งหมดของกษัตริย์สิโหน ของชาวอาโมไรต์ ผู้เคยปกครองอยู่ในเมืองเฮชโบน โมเสสได้เอาชนะเขากับพวกผู้นำของมีเดียน ที่มีชื่อว่า เอวี เรเคม ศูร์ เฮอร์ และเรบา พวกเขาเป็นเจ้าชายที่เป็นพันธมิตรกับกษัตริย์สิโหนและเคยอาศัยอยู่แผ่นดินนั้นมาก่อน 22 นอกจากคนทั้งหลายที่ถูกชาวอิสราเอลฆ่าตาย ยังมีผู้ทำนายอนาคตที่ชื่อบาลาอัมลูกชายเบโอร์รวมอยู่ด้วย 23 เส้นเขตแดนของชนเผ่ารูเบนคือแม่น้ำจอร์แดนและชายฝั่งของมัน เมืองเหล่านี้และหมู่บ้านต่างๆของมันเป็นมรดกของชนเผ่ารูเบนตามตระกูลต่างๆของเขา

24 โมเสสยังได้มอบที่ดินนี้ให้เป็นมรดกกับชนเผ่ากาด แบ่งตามตระกูลต่างๆของพวกเขา

25 อาณาเขตของเขาคือ ยาเซอร์และเมืองต่างๆทั้งหมดของกิเลอาดและครึ่งหนึ่งของแผ่นดินของชาวอัมโมนไปจนถึงอาโรเออร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับรับบาห์ 26 และตั้งแต่เมืองเฮชโบน ถึงรามัทมิสเปห์ และเบโทนิม และจากมาหะนาอิมถึงเขตแดนเดบีร์ 27 และในหุบเขาเบธฮารัม เบธนิมราห์ สุคคท และศาโฟน อาณาจักรส่วนที่เหลือของกษัตริย์สิโหนแห่งเมืองเฮชโบน แม่น้ำจอร์แดน และชายฝั่งของมัน ไปจนสุดทะเลสาบกาลิลีทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 28 เมืองเหล่านี้และหมู่บ้านของมันเป็นมรดกของชนเผ่ากาดตามตระกูลของพวกเขา

29 โมเสสได้มอบที่ดินนี้ให้เป็นมรดกกับชนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า แบ่งตามตระกูลต่างๆของพวกเขา

30 เขตแดนของพวกเขาเริ่มจากมาหะนาอิม ไปตลอดทั่วทั้งบาชาน อาณาจักรทั้งหมดของกษัตริย์โอกแห่งเมืองบาชาน และชุมชนยาอีร์ทั้งหมดหกสิบเมืองที่อยู่ในบาชาน 31 และครึ่งหนึ่งของแคว้นกิเลอาด เมืองอัชทาโรท และเมืองเอเดรอี ซึ่งสองเมืองนี้เป็นเมืองหลวงของกษัตริย์โอกแห่งบาชาน นั่นคือส่วนแบ่งสำหรับลูกหลานของมาคีร์ลูกชายของมนัสเสห์ คือครึ่งหนึ่งของพวกลูกหลานของมาคีร์ ซึ่งแบ่งตามตระกูลต่างๆของพวกเขา

32 ทั้งหมดนั้นคือเขตแดนต่างๆที่โมเสสได้แบ่งออกไป อยู่ในที่ราบโมอับ ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน ทางทิศตะวันออกของเมืองเยริโค 33 แต่โมเสสไม่ได้มอบมรดกให้กับชนเผ่าเลวี พระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวอิสราเอลก็คือมรดกของพวกเขา อย่างที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับพวกเขา

สดุดี 145

ขอให้ทุกชีวิตสรรเสริญพระยาห์เวห์

[a] บทเพลงสรรเสริญจากดาวิด

พระเจ้าของข้าพเจ้าผู้เป็นกษัตริย์ ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์
    ข้าพเจ้าจะสรรเสริญชื่อของพระองค์ไปตลอดกาล
ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ทุกๆวัน
    ข้าพเจ้าจะสรรเสริญชื่อของพระองค์ไปตลอดกาล
พระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่และควรค่าแก่การสรรเสริญยิ่งนัก
    ไม่มีใครสามารถเข้าใจความยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้ทั้งหมด

คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า จะสรรเสริญพระองค์ สำหรับสิ่งที่พระองค์ทำ
    พวกเขาจะประกาศถึงการกระทำอันทรงฤทธิ์ทั้งหลายของพระองค์
ข้าพเจ้าจะใคร่ครวญครุ่นคิดถึงพระบารมีและสง่าราศีอันรุ่งโรจน์ของพระองค์
    และการกระทำอันน่าทึ่งทั้งหลายของพระองค์
ผู้คนจะกล่าวถึงฤทธิ์อำนาจที่พระองค์ใช้ทำสิ่งอันน่าเกรงขามทั้งหลาย
    ข้าพเจ้าจะเล่าถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
พวกเขาจะเฉลิมฉลองคุณความดีอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
    พวกเขาจะร้องเพลงเกี่ยวกับความยุติธรรมของพระองค์ด้วยความยินดี

พระยาห์เวห์ใจดีและมีเมตตา
    พระองค์โกรธช้า และเต็มไปด้วยความรักที่มั่นคง
พระยาห์เวห์ดีกับทุกคน
    และพระองค์มีเมตตากับทุกอย่างที่พระองค์สร้างขึ้นมา

10 ข้าแต่พระยาห์เวห์ทุกอย่างที่พระองค์สร้างขึ้นมา จะขอบคุณพระองค์
    ทุกคนที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์ จะสรรเสริญพระองค์
11 พวกเขาจะเล่าถึงอาณาจักรอันรุ่งเรืองของพระองค์
    พวกเขาจะพูดถึงความเกรียงไกรของพระองค์
12 เพื่อให้ทุกๆคนรู้ถึงการกระทำอันทรงฤทธิ์ทั้งหลายของพระองค์
    และสง่าราศีอันรุ่งโรจน์แห่งอาณาจักรของพระองค์
13 อาณาจักรของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป
    พระองค์จะปกครองไปตลอดรุ่นแล้วรุ่นเล่า
คำพูดทุกคำของพระยาห์เวห์นั้นเชื่อถือได้
    การกระทำทุกอย่างของพระองค์นั้นเปิดเผยถึงความรักมั่นคงของพระองค์[b]
14 พระยาห์เวห์ช่วยประคองคนเหล่านั้นที่กำลังจะล้มลง
    พระองค์ช่วยยกคนเหล่านั้นที่หลังคดงอให้ยืนตรง
15 ทุกชีวิตเฝ้ามองพระองค์อย่างรอคอย
    และพระองค์ก็ให้อาหารในเวลาอันเหมาะ
16 พระองค์แบมือออก
    และทำให้ทุกชีวิตอิ่มหนำกับอาหารที่พวกมันอยากกิน
17 ทางทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์นั้นยุติธรรม
    การกระทำทุกอย่างของพระยาห์เวห์นั้นเปิดเผยถึงความรักมั่นคงของพระองค์
18 พระยาห์เวห์อยู่ใกล้ชิดกับทุกคนที่เรียกหาพระองค์
    คือ ทุกคนที่ร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ด้วยใจจริง
19 คนที่ยำเกรงพระองค์อยากได้อะไร พระยาห์เวห์ก็ทำให้
    พระองค์ฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือของพวกเขาและช่วยพวกเขาให้รอด
20 พระยาห์เวห์เฝ้าดูแลทุกคนที่รักพระองค์
    แต่พระองค์จะทำลายคนชั่วทุกคน

21 ปากข้าพเจ้าพูดสรรเสริญพระยาห์เวห์
    และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะยกย่องชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ไปตลอดกาล

เยเรมียาห์ 6

ศัตรูรายล้อมเยรูซาเล็ม

พระยาห์เวห์พูดว่า “คนเบนยามินทั้งหลาย
    ไปยังที่ปลอดภัยนอกเมืองเยรูซาเล็ม
ให้เป่าแตรในเทโคอา
    และส่งสัญญาณเตือนเหนือดินแดนเบธฮัคเคเรม
เพราะว่าหายนะ
    และการทำลายล้างครั้งใหญ่หลวงกำลังมาจากทางทิศเหนือ
เรากำลังทำลายนางสาวศิโยน
    ผู้งดงามและบอบบาง
พวกคนเลี้ยงแกะและฝูงแกะของพวกเขากำลังจะมาโจมตีเธอ
    พวกเขาตั้งเต็นท์ล้อมรอบเธอ
    พวกเขาแต่ละคนก็เลี้ยงดูสัตว์ในเขตของตัวเอง”

พวกศัตรูพูดกันว่า “เตรียมสู้ศึกกับเธอ
    ลุกขึ้น เราจะบุกตอนเที่ยงวัน”
“เอ้า เซ็ง ใกล้จะหมดวันแล้ว
    เงาของตอนเย็นเริ่มทอดยาวขึ้นแล้ว”
“ลุกขึ้น เราจะบุกตอนกลางคืน
    แล้วเราจะทำลายป้อมปราการ”

เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด
“ตัดต้นไม้พวกนั้นของเธอซะ
    และให้ก่อเนินดินล้อมเมืองเยรูซาเล็ม
นี่เป็นเมืองที่ต้องถูกลงโทษ
    เพราะมันเต็มไปด้วยการกดขี่ข่มเหง
เยรูซาเล็มดึงดูดความชั่วช้า
    เหมือนกับบ่อน้ำที่ดึงดูดน้ำ
ในเมืองเยรูซาเล็มมีแต่ข่าวเกี่ยวกับความรุนแรงและการทำลายล้างทั้งสิ้น
    เราเห็นบาดแผลและการเจ็บป่วยของเธอตลอดเวลา
เยรูซาเล็ม ฟังคำเตือนนี้ให้ดี
    ไม่อย่างนั้น เราจะหันไปจากเจ้าด้วยความขยะแขยง
ไม่อย่างนั้น เราจะทำลายแผ่นดินของเจ้าให้รกร้างและไม่มีคนอยู่”

นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดคือ
“พวกข้าศึกจะค่อยๆเก็บรวบรวมคนที่ยังหลงเหลืออยู่ในอิสราเอล
    เหมือนกับคนที่เก็บรวบรวมองุ่นจากเถาองุ่นจะตรวจดูแต่ละกิ่งอีกครั้ง”
10 เราควรจะพูดหรือเตือนใครดี ใครหรือที่จะฟังเรา
    พวกเขาไม่ยอมฟังและไม่สามารถตั้งใจฟังได้
พวกเขาหัวเราะเยาะข่าวสารของพระยาห์เวห์
    พวกเขาไม่อยากฟัง
11 ผมเต็มไปด้วยความโกรธของพระยาห์เวห์
    ผมหมดแรงจากการพยายามจะเก็บมันไว้
พระยาห์เวห์พูดว่า “ระบายความโกรธของเจ้าใส่เด็กๆตามถนน
    และกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่กำลังคุยกันอยู่
ทั้งสามีและภรรยาก็จะถูกจับไปด้วยกัน
    และคนแก่เฒ่าก็จะถูกจับในวัยชราเหมือนกัน
12 บ้านของพวกเขาจะถูกยกไปให้กับคนอื่น
    พร้อมกับไร่นาและภรรยาของพวกเขา
เพราะว่าเราจะยื่นแขนออกมาต่อสู้กับคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้

13 “เพราะพวกเขาทุกคนตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดไปจนถึงคนใหญ่คนโตที่สุด
    ล้วนแต่แสวงหาประโยชน์ด้วยการใช้กำลัง
และตั้งแต่ผู้พูดแทนพระเจ้าไปจนถึงนักบวช
    ล้วนแล้วแต่หลอกลวงกัน
14 พวกเขารักษาบาดแผลคนที่น่าสงสารของเราอย่างชุ่ยๆ
    พวกเขาพูดว่า ‘สันติสุข สันติสุข’
    ทั้งๆที่ไม่มีสันติสุข
15 พวกเขาควรจะละอายเพราะพวกเขาทำในสิ่งที่น่าขยะแขยง
    แต่พวกเขากลับไม่ละอายสักนิด
    แถมยังไม่รู้จักวิธีถ่อมตัวเสียอีก
ดังนั้น พวกเขาจะล้มหายตายจากไปเหมือนกับคนอื่นๆ
    ในเวลาที่เราลงโทษพวกเขา พวกเขาก็จะสะดุดล้มลง”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนั้น

16 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด คือ
“ยืนอยู่ริมถนน ให้มองดูแล้วถามหาทางเก่าแก่
    ถามดูว่า ‘ถนนที่ดีสายนั้นอยู่ที่ไหน’
จากนั้นให้เดินไปบนถนนสายนั้น
    และจะพบกับความสงบสุขให้ตัวเอง
แต่พวกเขากลับพูดว่า ‘พวกเราจะไม่ไปบนถนนสายนั้น’
17 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราจะตั้งยามไว้ให้กับเจ้า
    เพื่อให้เขาเตือนว่า “ให้ตั้งใจฟังเสียงแตรให้ดี”
แต่พวกเขากลับบอกว่า “พวกเราจะไม่ฟังหรอก”’
18 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘ดังนั้น ชนชาติต่างๆฟังไว้ให้ดี
    และรับรู้ถึงคำให้การที่ต่อต้านคนอิสราเอล
19 แผ่นดิน ฟังเรื่องนี้ไว้ เรากำลังจะนำความทุกข์ทรมานมาให้กับคนพวกนี้
    พวกเขาสมควรจะได้รับมันสำหรับความคิดที่ชั่วร้ายต่างๆอย่างนี้
เพราะพวกเขาไม่สนใจฟังถ้อยคำต่างๆของเรา
    ส่วนกฎของเรา พวกเขาก็ปฏิเสธมัน

20 กำยานจากเชบา
    และแท่งไม้หอมจากแดนไกล
มันจะไปมีความหมายอะไรสำหรับเรา
    เราไม่ยอมรับของถวายพวกนี้ของเจ้าและเราก็ไม่พอใจเครื่องเซ่นไหว้ของเจ้า’”

21 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดอย่างนี้ว่า
“เรากำลังจะให้สิ่งต่างๆที่จะทำให้คนพวกนี้สะดุดล้ม
ทั้งพ่อทั้งลูก
    ทั้งเพื่อนบ้านและเพื่อนพวกเขาต้องตายเรียบ”

22 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด คือ
“คนกำลังมาจากดินแดนทางตอนเหนือ
    ชนชาติใหญ่ กำลังลุกขึ้นมาจากแดนไกล
23 พวกนั้นถือคันธนูและแหลนหลาว
    พวกเขาโหดเหี้ยมไร้ความปรานี
    เสียงของพวกเขาดังกึกก้องเหมือนทะเล
พวกเขาขี่ม้า
    พวกเขาเข้าสู่สงครามอย่างเป็นกระบวน
    เพื่อมาโจมตีเจ้า นางสาวศิโยน”
24 พวกเราได้ยินเกี่ยวกับข่าวนี้
    มือไม้อ่อนปวกเปียกไป
ความเจ็บปวดครอบงำเรา
    เหมือนผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูก
25 อย่าออกไปในทุ่ง
    และอย่าเดินบนถนน
เพราะศัตรูมีดาบ
    หันไปทางไหนก็มีแต่เรื่องน่าสยดสยอง
26 ประชาชนที่น่าสงสารของผม ให้ใส่เสื้อกระสอบ
    และเอาขี้เถ้ามาใส่หัวซะ
ร้องไห้และคร่ำครวญ
    เหมือนกับว่าลูกชายคนเดียวของเจ้าตาย
ร้องไห้อย่างขมขื่นเพราะความหายนะจะเกิดขึ้นกับพวกเราในทันทีทันใด

27 “เยเรมียาห์ เราได้ตั้งเจ้าให้เป็นนักวิเคราะห์โลหะ
ในหมู่คนของเรา
    เพื่อว่าเจ้าจะรู้และวิเคราะห์หนทางของพวกเขาได้
28 คนพวกนี้ทั้งหมดปลุกปั่นการกบฏ
    เดินไปทั่วเพื่อคอยยุยงให้เกิดความไม่พอใจขึ้น
พวกเขาเป็นเหมือนทองแดงและเหล็ก
    พวกมันเป็นนักทำลาย
29 พัดลมทั้งหลายเป่าให้ไฟร้อนแรงขึ้น
    ตะกั่วจะหลอมละลายไป
แต่การที่จะหลอมคนเหล่านี้ให้บริสุทธิ์นั้นก็ไร้ประโยชน์
    เพราะคนชั่วร้ายยังไม่ถูกแยกออกไปจากพวกเขา
30 คนเยรูซาเล็มได้ฉายาว่า ‘แร่เงินที่ถูกปฏิเสธ’
    เพราะพระยาห์เวห์ได้ปฏิเสธพวกเขา”

มัทธิว 20

เรื่องคนงานในสวนองุ่น

20 อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนกับเจ้าของสวนคนหนึ่ง ที่ออกจากบ้านไปแต่เช้าตรู่ เพื่อไปจ้างคนงานมาทำงานในสวนองุ่นของเขา เขาตกลงที่จะจ่ายค่าแรงหนึ่งเหรียญเงิน[a] ต่อวัน เขาก็ส่งพวกคนงานเข้าไปทำงานในสวนองุ่น

ประมาณเก้าโมงเช้า เจ้าของสวนเข้าไปที่ตลาดอีก และเห็นบางคนยืนอยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไร เขาพูดว่า ‘ถ้าพวกเจ้าไปทำงานในสวนองุ่นของข้า ข้าจะให้ค่าจ้างอย่างยุติธรรม’ คนพวกนั้นตกลงไป และเจ้าของสวนได้ออกไปอีกตอนประมาณเที่ยงและบ่ายสามโมง แล้วทำเหมือนเดิม ประมาณห้าโมงเย็น เจ้าของสวนออกไปตลาดอีกครั้งหนึ่ง และเห็นบางคนยืนอยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไร เขาเข้าไปถามว่า ‘ทำไมพวกเจ้าถึงยืนอยู่เฉยๆทั้งวันแบบนี้’

คนเหล่านั้นตอบว่า ‘ไม่มีใครจ้างพวกเรา’ เจ้าของสวนก็เลยชวนว่า ‘ไปทำงานที่สวนองุ่นของข้าสิ’

เย็นวันนั้นเจ้าของสวนสั่งหัวหน้าคนงานว่า ‘ไปเรียกคนงานมา แล้วจ่ายค่าแรงให้พวกเขา จ่ายคนที่เพิ่งมาทำทีหลังนี้ก่อน แล้วค่อยๆจ่ายไปจนถึงคนแรก’

คนงานที่เพิ่งจ้างมาตอนห้าโมงเย็นได้ค่าแรงไปคนละหนึ่งเหรียญเงิน 10 แล้วพวกคนงานที่จ้างมาก่อนก็เข้ามารับค่าแรง เขาคิดว่าจะได้มากกว่าคนอื่นๆแต่กลับได้แค่คนละหนึ่งเหรียญเงินเท่ากัน 11 เมื่อรับค่าแรงแล้ว พวกเขาก็ไปต่อว่าเจ้าของสวนว่า 12 ‘พวกนั้นทำงานแค่ชั่วโมงเดียว แต่นายจ่ายค่าแรงให้เท่ากับพวกเราที่ทำงานกลางแดดร้อนๆมาทั้งวัน’

13 เจ้าของไร่ตอบคนหนึ่งไปว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ข้าไม่ได้โกงเจ้านะ เจ้าตกลงค่าแรงไว้หนึ่งเหรียญเงินไม่ใช่หรือ 14 รับค่าแรงของเจ้าแล้วไปซะ ข้าพอใจจะจ่ายคนที่ข้าจ้างมาหลังสุดเท่ากับที่ข้าจ่ายเจ้า 15 ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้เงินของข้าตามใจตัวเองหรือยังไง เจ้าอิจฉาเพราะข้าใจดีหรือ’

16 อย่างนี้แหละ คนสุดท้ายจะกลับเป็นคนแรก และคนแรกจะกลับเป็นคนสุดท้าย”

พระเยซูพูดถึงการตายของพระองค์

(มก. 10:32-34; ลก. 18:31-34)

17 ขณะที่พระเยซูกำลังเดินทางไปเมืองเยรูซาเล็ม พระองค์พาศิษย์ทั้งสิบสองคนปลีกตัวออกมาอยู่กันตามลำพัง และพูดกับพวกเขาว่า 18 “ฟังนะ พวกเรากำลังจะขึ้นไปเมืองเยรูซาเล็ม และบุตรมนุษย์จะถูกจับส่งไปให้กับพวกหัวหน้านักบวช และครูสอนกฎปฏิบัติ แล้วพวกนั้นจะตัดสินประหารชีวิตเขา 19 จากนั้นก็จะส่งมอบเขาไปให้กับคนที่ไม่ใช่ชาวยิว เพื่อพวกนั้นจะได้หัวเราะเยาะเขา เฆี่ยนตีเขา และตรึงเขาที่กางเขน แต่เขาก็จะฟื้นขึ้นจากความตายในวันที่สาม”

แม่ของยากอบและยอห์นขอตำแหน่งให้ลูก

(มก. 10:35-45)

20 ภรรยาของเศเบดี พร้อมกับลูกสองคนมาหาพระเยซู นางกราบลงและขอให้พระองค์ทำสิ่งหนึ่งให้กับนาง

21 พระเยซูถามนางว่า “มีอะไรหรือ” นางตอบว่า “เมื่อพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ ขอให้ลูกชายทั้งสองคนนี้ของฉันนั่งอยู่ทางขวาของพระองค์คนหนึ่ง และนั่งอยู่ทางซ้ายอีกคนหนึ่งด้วยเถิดค่ะ”

22 พระเยซูตอบพวกเขาว่า “พวกคุณไม่รู้ว่ากำลังขออะไรอยู่ คุณจะดื่มจากจอกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานที่เรากำลังจะดื่มได้หรือ” ทั้งสองคนตอบว่า “ได้ครับ”

23 พระเยซูพูดกับทั้งสองคนว่า “พวกคุณจะได้ดื่มแน่ แต่จะให้ใครนั่งทางขวาหรือทางซ้ายของเรานั้น เราไม่ได้เป็นคนเลือก พระบิดาของเราจะเป็นผู้เลือกเอง”

24 เมื่อศิษย์ที่เหลืออีกสิบคนรู้เรื่องนี้เข้า ก็โกรธสองคนพี่น้องนั้นมาก 25 พระเยซูก็เลยเรียกพวกเขาทั้งหมดเข้ามาและพูดว่า “พวกคุณก็รู้ว่า ผู้ครอบครองของคนที่ไม่ใช่ชาวยิวชอบทำตัวเป็นเจ้าเป็นนายเหนือประชาชน และพวกผู้นำชอบวางอำนาจเหนือประชาชน 26 แต่สำหรับพวกคุณ มันจะไม่เป็นอย่างนั้น ในหมู่พวกคุณถ้าคนไหนอยากจะเป็นใหญ่ ก็ให้เขาเป็นผู้รับใช้คุณ 27 และถ้าคนไหนอยากเป็นคนสำคัญที่สุด ก็ให้เขาเป็นทาสรับใช้ในหมู่พวกคุณ 28 เหมือนกับบุตรมนุษย์ ที่ไม่ได้มาเพื่อให้คนอื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้คนอื่น และยอมสละชีวิตเพื่อปลดปล่อยให้คนมากมายเป็นอิสระ”

พระเยซูรักษาคนตาบอดสองคน

(มก. 10:46-52; ลก. 18:35-43)

29 เมื่อพระเยซูและพวกศิษย์กำลังออกจากเมืองเยริโค ก็มีฝูงชนเดินตามเป็นจำนวนมาก 30 มีชายตาบอดสองคนนั่งอยู่ริมถนน เมื่อได้ยินว่าพระเยซูกำลังผ่านมา ก็เริ่มร้องตะโกนว่า “องค์เจ้าชีวิต บุตรของดาวิด สงสารพวกเราด้วยเถอะ”

31 ฝูงชนต่อว่าพวกเขาให้เงียบ แต่เขาทั้งสองยิ่งตะโกนดังขึ้นอีกว่า “องค์เจ้าชีวิต บุตรของดาวิด สงสารพวกเราด้วยเถอะ”

32 พระเยซูจึงหยุดและเรียกพวกเขาเข้ามาถามว่า “อยากให้เราช่วยอะไร”

33 พวกเขาตอบว่า “องค์เจ้าชีวิต พวกเราอยากจะมองเห็น”

34 พระเยซูรู้สึกสงสารพวกเขา จึงแตะดวงตาพวกเขา พวกเขาก็มองเห็นได้ทันที แล้วก็ติดตามพระองค์ไป

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International