Read the Gospels in 40 Days
พระเยซูส่งศิษย์ทั้งสิบสองคนออกไป
(มก. 3:13-19; 6:7-13; ลก. 6:12-16; 9:1-6)
10 พระเยซูเรียกศิษย์เอกทั้งสิบสองคนมา และให้สิทธิอำนาจกับพวกเขาเหนือวิญญาณชั่ว เพื่อจะขับพวกมันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดได้
2 นี่คือรายชื่อศิษย์เอกทั้งสิบสองคนคือ
ซีโมน หรือเรียกกันว่า เปโตร
อันดรูว์น้องชายของเขา
ยากอบลูกของเศเบดี
ยอห์นน้องชายของเขา
3 ฟีลิป
บารโธโลมิว
โธมัส
มัทธิวคนเก็บภาษี
ยากอบลูกของอัลเฟอัส
ธัดเดอัส
4 ซีโมน ผู้มีใจจดจ่อกับพระเจ้า[a]
และยูดาส อิสคาริโอท คนที่ต่อมาได้หักหลังพระองค์
5 พระเยซูส่งสิบสองคนนี้ออกไป พร้อมกับสั่งว่า “อย่าไปหาพวกคนที่ไม่ใช่ชาวยิว อย่าเข้าไปในเมืองของพวกชาวสะมาเรีย 6 แต่ให้ไปหาคนอิสราเอล แกะของพระเจ้าที่หลงหาย 7 ไปประกาศว่า ‘อาณาจักรแห่งสวรรค์ใกล้มาถึงแล้ว’ 8 และรักษาคนป่วยให้หาย ทำให้คนตายฟื้น รักษาคนเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงให้หายสะอาด และไล่ผีออกจากคน คุณได้รับฤทธิ์อำนาจนี้มาเปล่าๆก็ให้ช่วยคนอื่นเปล่าๆด้วย 9 เวลาเดินทาง ไม่ต้องเอาเงินทองติดตัวไป ไม่ต้องเอากระเป๋า หรือเสื้อผ้าสำรอง หรือรองเท้าสาน หรือไม้เท้าไปด้วย 10 เพราะคนทำงานก็สมควรจะได้รับการเลี้ยงดูในสิ่งที่เขาจำเป็น
11 เมื่อคุณเข้าไปบ้านไหนเมืองไหนก็ตาม ให้หาคนที่เต็มใจต้อนรับคุณ และพักอยู่ที่บ้านของคนนั้นตลอดจนกว่าจะจากเมืองนั้นไป 12 เมื่อคุณเข้าไปในบ้าน ก็ขอพระเจ้าอวยพรให้เขาอยู่เย็นเป็นสุข 13 ถ้าคนในบ้านนั้นยินดีต้อนรับคุณ พรนั้นก็จะตกอยู่กับบ้านนั้น แต่ถ้าเขาไม่ต้อนรับคุณ พรนั้นก็จะกลับคืนมาหาคุณ 14 และถ้าบ้านไหนเมืองไหนไม่ต้อนรับคุณ และไม่ฟังสิ่งที่คุณพูด ก็ออกจากที่นั่นเสีย และสะบัดฝุ่นจากเท้า[b]ออกเสียด้วย 15 เราขอบอกให้รู้ว่า ในวันพิพากษา ชาวเมืองนั้นจะได้รับโทษหนักกว่าชาวเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์[c] เสียอีก
พระเยซูเตือนว่าจะเกิดเรื่องเดือดร้อน
(มก. 13:9-13; ลก. 21:12-17)
16 ฟังให้ดีนะ เราส่งพวกคุณออกไปเหมือนส่งแกะไปอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่า ดังนั้นพวกคุณต้องฉลาดเหมือนงู และซื่อบริสุทธิ์เหมือนนกพิราบ 17 ระวังให้ดีเพราะคนพวกนั้นจะจับพวกคุณไปขึ้นศาล และเฆี่ยนคุณในที่ประชุม 18 พวกคุณจะถูกนำตัวไปยืนต่อหน้าเจ้าเมืองและกษัตริย์ เพราะคุณเป็นศิษย์ของเรา พวกคุณจะต้องเป็นพยานเล่าเรื่องของเราให้กษัตริย์ เจ้าเมือง และคนที่ไม่ใช่ชาวยิวฟัง 19 เมื่อโดนจับ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะพูดอะไร หรือจะพูดอย่างไร เพราะเมื่อถึงเวลา พระเจ้าจะบอกเองว่าจะให้คุณพูดอะไร 20 จริงๆแล้ว คนที่พูดจะไม่ใช่ตัวพวกคุณ แต่เป็นพระวิญญาณของพระบิดาพูดผ่านทางคุณ
21 พี่น้องจะหักหลังกันเองให้ไปถูกฆ่า พ่อจะหักหลังลูกให้ไปถูกฆ่า ลูกๆจะต่อต้านพ่อแม่ และส่งพ่อแม่ไปให้ถูกฆ่า 22 ทุกคนจะเกลียดพวกคุณ เพราะพวกคุณเป็นศิษย์ของเรา แต่ใครที่ทนได้จนถึงที่สุดก็จะได้รับความรอด 23 เมื่อเขาข่มเหงคุณในเมืองหนึ่ง ก็ให้หนีไปเมืองอื่น เราขอบอกให้รู้ว่า บุตรมนุษย์จะมาถึงก่อนที่พวกคุณจะเดินทางไปทั่วทุกเมืองของอิสราเอลเสียอีก
24 ศิษย์ไม่เหนือกว่าครู และทาสก็ไม่เหนือกว่าเจ้านาย 25 ศิษย์น่าจะพอใจแล้ว ที่เป็นได้เหมือนครู และทาสก็น่าจะพอใจแล้ว ที่เป็นได้เหมือนเจ้านาย ถ้าขนาดเจ้าของบ้านยังถูกเรียกว่าซาตาน[d] แล้วลูกบ้านจะไม่ถูกเรียกด้วยชื่อที่เลวร้ายกว่านั้นอีกหรือ
กลัวพระเจ้า ไม่ต้องกลัวมนุษย์
(ลก. 12:2-7)
26 ดังนั้น ไม่ต้องกลัวคนพวกนั้น เพราะทุกอย่างที่ปิดบังไว้ก็จะถูกเปิดโปงออกมา และทุกอย่างที่เป็นความลับก็จะถูกเปิดเผย 27 สิ่งที่เราได้บอกคุณในที่มืด ก็ขอให้ไปพูดในที่สว่าง สิ่งที่เรากระซิบบอกคุณ ก็ให้ไปประกาศจากบนดาดฟ้า 28 อย่ากลัวคนพวกนี้ที่ฆ่าได้แต่ร่างกาย แต่ไม่สามารถฆ่าวิญญาณของคุณได้ แต่ให้เกรงกลัวพระองค์ผู้ที่สามารถทำลายได้ทั้งร่างกายและวิญญาณของคุณในนรก 29 ถ้าพระบิดาของคุณไม่ยอม แม้แต่นกกระจอกตัวเล็กๆสองตัวที่มีค่าแค่บาทเดียวจะตกลงมาบนพื้นไม่ได้เลย 30 แม้แต่เส้นผมทุกเส้นบนหัวคุณ พระองค์ก็นับไว้หมดแล้ว 31 อย่ากลัวเลย เพราะพวกคุณมีค่ามากกว่านกกระจอกทั้งฝูงมากนัก
บอกคนถึงความเชื่อของคุณ
(ลก. 12:8-9)
32 ถ้าใครยอมรับเราต่อหน้าคนในโลกนี้ เราก็จะยอมรับเขาต่อหน้าพระบิดาของเราบนสวรรค์ด้วย 33 แต่ถ้าใครไม่ยอมรับเราต่อหน้าคนในโลกนี้ เราก็จะไม่ยอมรับเขาต่อหน้าพระบิดาของเราบนสวรรค์เหมือนกัน
การติดตามพระเยซูอาจจะทำให้คุณเดือดร้อน
(ลก. 12:51-53; 14:26-27)
34 อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำความสงบสุขมาให้กับโลกนี้ เราไม่ได้นำความสงบสุขมา แต่เรานำดาบมาให้ 35-36 เพราะเรามาเพื่อทำให้
‘ลูกชายต่อต้านพ่อ ลูกสาวต่อต้านแม่
ลูกสะใภ้ต่อต้านแม่ผัว
ศัตรูของเขาก็คือคนในครอบครัวของเขานั่นเอง’[e]
37 คนที่รักพ่อหรือแม่ของตัวเองมากกว่าเรา ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นศิษย์ของเรา คนที่รักลูกชายหรือลูกสาวของตัวเองมากกว่าเรา ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นศิษย์ของเรา 38 คนที่ไม่ยอมแบกไม้กางเขนของตัวเอง แล้วตามเรามา ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นศิษย์ของเรา 39 คนที่พยายามเอาตัวรอด จะไม่รอด แต่คนที่สละตัวเองเพื่อเราจะค้นพบตัวเอง
พระเจ้าจะอวยพรคนที่ต้อนรับคุณ
(มก. 9:41)
40 คนที่ต้อนรับคุณ ก็ต้อนรับเราด้วย และคนที่ต้อนรับเรา ก็ได้ต้อนรับผู้ที่ส่งเรามาด้วย 41 คนที่ต้อนรับผู้พูดแทนพระเจ้า เพราะเขาเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า ก็จะได้รับรางวัลแบบเดียวกับที่ผู้พูดแทนพระเจ้านั้นได้รับ และคนที่ต้อนรับคนที่เชื่อฟังพระเจ้าเพราะเขาเชื่อฟังพระเจ้า ก็จะได้รับรางวัลแบบเดียวกับคนที่เชื่อฟังพระเจ้านั้นได้รับ 42 แม้แต่คนที่ให้แค่น้ำเย็นแก้วเดียวกับศิษย์ที่ต่ำต้อยที่สุดคนหนึ่งของเรา เราขอบอกให้รู้ว่า คนๆนั้นจะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างแน่นอน”
พระเยซูและยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำ
(ลก. 7:18-35)
11 เมื่อพระเยซูสั่งพวกศิษย์ทั้งสิบสองคนเสร็จแล้ว พระองค์ก็จากที่นั่นไปประกาศสั่งสอนตามเมืองต่างๆในแคว้นกาลิลี
2 ยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำซึ่งอยู่ในคุก ได้ยินข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่พระคริสต์ทำ จึงให้ลูกศิษย์ของเขาไป 3 ถามพระเยซูว่า “ท่านคือคนๆนั้นที่กำลังจะมา หรือเราจะต้องรออีกคนหนึ่งครับ”
4 พระเยซูตอบว่า “กลับไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่คุณได้ยินและได้เห็น คือ 5 คนตาบอดมองเห็น คนง่อยเดินได้ คนเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงก็หาย คนหูหนวกได้ยิน คนตายกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ และคนจนก็ได้ยินข่าวดี 6 คนที่ไม่ทิ้งเราเพราะสิ่งที่เราทำเป็นคนที่มีเกียรติจริงๆ”
7 เมื่อศิษย์ของยอห์นกลับไปแล้ว พระเยซูเริ่มพูดถึงยอห์นกับฝูงชนว่า “พวกคุณออกไปดูอะไรในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งหรือ 8 ไปดูต้นอ้อ[f] ลู่ตามลมหรืออย่างไร ถ้าไม่ใช่ แล้วออกไปดูอะไรกัน ไปดูคนแต่งตัวหรูหราหรือ ไม่ใช่แน่ เพราะคนที่แต่งตัวหรูหรานั้นอยู่กันในวัง 9 ถ้าอย่างนั้น พวกคุณออกไปดูอะไรกัน ไปดูผู้พูดแทนพระเจ้าใช่ไหม ใช่แล้ว และเราจะบอกให้รู้ว่า ยอห์นนั้นเป็นยิ่งกว่าผู้พูดแทนพระเจ้าเสียอีก 10 เขาเป็นคนที่พระคัมภีร์ ได้เขียนไว้ว่า
‘ดูสิ เราจะส่งผู้ส่งข่าวของเรามาก่อนหน้าท่าน
เขาจะไปเตรียมหนทางให้กับท่าน’[g]
11 เราจะบอกให้รู้ว่า ยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำนั้นยิ่งใหญ่กว่าทุกๆคนที่เกิดมาจากผู้หญิง แต่คนที่สำคัญน้อยที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์ ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์นอีก 12 นับตั้งแต่ยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำมาจนถึงเดี๋ยวนี้ อาณาจักรแห่งสวรรค์ได้รับการข่มเหงอย่างหนักและพวกป่าเถื่อนก็พยายามที่จะปล้นเอาไป 13 พวกผู้พูดแทนพระเจ้ารวมทั้งกฎของโมเสสจนมาถึงสมัยยอห์น ได้บอกให้รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง 14 ถ้าคุณเชื่อพวกเขา คุณจะต้องเชื่อว่า ยอห์นก็คือเอลียาห์ คนที่พวกเขาบอกว่าจะมา 15 ใครที่มีหูก็ฟังเอาไว้ให้ดี
16 เราจะเปรียบคนสมัยนี้เหมือนกับอะไรดี พวกเขาเป็นเหมือนเด็กๆที่นั่งอยู่ที่ตลาด และร้องตะโกนใส่กันว่า
17 ‘เราเป่าปี่ให้ฟัง แต่เธอก็ไม่เต้นตาม
เราร้องเพลงงานศพให้ แต่เธอก็ไม่ทำตัวเศร้าโศก’
18 เมื่อยอห์นมา เขาไม่ได้กินและดื่มเหล้าองุ่นเหมือนคนอื่นๆ คนก็ว่าเขา ‘มีผีสิง’ 19 เมื่อบุตรมนุษย์มา ทั้งกินและดื่ม คนก็พูดว่า ‘ดูไอ้หมอนั่นสิ ทั้งตะกละและขี้เมา แถมยังเป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษี และคนบาปอีกด้วย’ แต่สติปัญญานั้นถูกหรือผิด ก็ดูได้จากผลทั้งหลายของมัน”
พระเยซูเตือนพวกคนที่ไม่ยอมเชื่อ
(ลก. 10:13-15)
20 แล้วพระเยซูก็เริ่มประณามเมืองต่างๆที่พระองค์ได้ทำการอัศจรรย์ไว้เป็นส่วนใหญ่ เพราะพวกเขาไม่ยอมกลับตัวกลับใจเสียใหม่ 21 พระเยซูพูดว่า “น่าละอายจริงๆเมืองโคราซินและเมืองเบธไซดา[h] เพราะถ้าเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเมืองของเจ้านี้ ไปเกิดที่เมืองไทระและเมืองไซดอน[i] คนที่นั่นก็คงกลับตัวกลับใจใส่ผ้ากระสอบและเอาขี้เถ้าโรยหัวไปนานแล้ว 22 เราจะบอกให้รู้ว่า ในวันพิพากษานั้น โทษของพวกเจ้าที่อยู่ในสองเมืองนี้จะรุนแรงกว่าโทษของเมืองไทระและเมืองไซดอนเสียอีก 23 ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าคิดว่าเจ้าจะถูกยกขึ้นสูงเทียมฟ้าหรือ ไม่มีทาง เจ้าจะถูกโยนลงไปในแดนคนตายต่างหาก เพราะถ้าการอัศจรรย์ที่เราได้ทำให้เจ้าเห็นนี้ ไปทำที่เมืองโสโดม เมืองนั้นก็คงยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ 24 เราจะบอกให้รู้ว่า ในวันตัดสินโทษนั้น โทษของเมืองโสโดมก็จะเบากว่าโทษของเจ้าเสียอีก”
พระเยซูให้คนของพระองค์หายเหนื่อยใจ
(ลก. 10:21-22)
25 แล้วพระเยซูก็พูดว่า “พระบิดา ลูกขอขอบคุณพระองค์ ผู้เป็นเจ้าของฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก เพราะพระองค์ได้ปิดบังเรื่องเหล่านี้จากพวกที่มีการศึกษาและพวกเฉลียวฉลาด แต่ได้เปิดเผยให้กับพวกที่ไร้เดียงสาเหมือนเด็กเล็กๆ 26 ใช่แล้ว พระบิดา เพราะนั่นแหละเป็นไปตามความพอใจของพระองค์
27 พระบิดาได้ให้เรามีสิทธิอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีใครรู้จักพระบุตรนอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตร และคนที่พระบุตรเลือกที่จะบอกให้รู้เกี่ยวกับพระบิดา
28 เชิญมาสิ ทุกคนที่รู้สึกเหนื่อยใจและแบกภาระหนัก แล้วเราจะให้พวกคุณหายเหนื่อยใจ 29 รับเราเป็นผู้นำชีวิต[j] และเรียนรู้จากเรา เพราะเราอ่อนน้อม และถ่อมสุภาพ แล้วพวกคุณจะได้หายเหนื่อยใจ 30 ชีวิตที่มีเราเป็นผู้นำนั้นสบายๆและภาระที่เราให้นี้ก็เบา”
ชาวยิวบางคนกล่าวหาพระเยซู
(มก. 2:23-28; ลก. 6:1-5)
12 พระเยซูเดินผ่านทุ่งข้าวสาลี ซึ่งเป็นวันหยุดทางศาสนาพอดี พวกศิษย์ของพระองค์หิวจัด ก็เลยเด็ดยอดรวงข้าวสาลีมาขยี้เปลือกออกแล้วกินกัน 2 เมื่อพวกฟาริสี เห็นก็บอกพระเยซูว่า “ดูนั่นสิ พวกศิษย์ของคุณกำลังทำผิดกฎวันหยุด”
3 พระองค์ตอบว่า “พวกคุณไม่เคยอ่านหรือว่าดาวิดทำอะไร ตอนที่เขาและลูกน้องของเขาหิวโหย 4 ดาวิดได้เข้าไปในบ้านของพระเจ้า แล้วไปเอาขนมปังศักดิ์สิทธิ์มากินกันกับลูกน้อง ซึ่งตามกฎแล้วมีแต่พวกนักบวชเท่านั้นที่กินได้ 5 แล้วพวกคุณไม่เคยอ่านกฎของโมเสสหรือว่า พวกนักบวชที่ทำงานอยู่ในวิหาร บางครั้งก็ทำงานตรงกับวันหยุดทางศาสนา ซึ่งถือว่าผิดกฎ แต่พวกเขาก็ไม่มีความผิด 6 เราจะบอกให้รู้ว่า มีคนหนึ่ง[k] ที่อยู่ที่นี่ ยิ่งใหญ่กว่าวิหารเสียอีก 7 ถ้าคุณเข้าใจความหมายของข้อพระคัมภีร์ที่ว่า เราอยากเห็นความเมตตา ไม่ใช่เครื่องบูชา[l] คุณคงจะไม่ประณามคนเหล่านี้ที่ไม่มีความผิดแน่
8 เพราะ ‘บุตรมนุษย์เป็นนายเหนือวันหยุดทางศาสนา’”
พระเยซูรักษาชายที่มือลีบ
(มก. 3:1-6; ลก. 6:6-11)
9 พระเยซูออกมาจากที่นั่น และเข้าไปในที่ประชุมชาวยิว 10 มีชายมือลีบคนหนึ่งอยู่ที่นั่น พวกยิวบางคนพยายามที่จะหาเรื่องใส่ร้ายพระองค์ จึงถามพระองค์ว่า “มันผิดกฎหรือเปล่า ถ้าจะรักษาคนในวันหยุดทางศาสนา”
11 พระองค์ตอบว่า “ถ้าพวกคุณมีแกะอยู่ตัวหนึ่ง แล้วมันตกลงไปในบ่อในวันหยุดทางศาสนา คุณจะไม่ช่วยดึงมันขึ้นมาจากบ่อหรือ 12 มนุษย์นั้นมีค่ามากกว่าแกะเสียอีก ดังนั้นการทำดีในวันหยุดทางศาสนาจึงไม่ผิดกฎ”
13 แล้วพระเยซูสั่งกับคนมือลีบว่า “ยืดมือออกมา” เขาก็ทำตาม แล้วมือของเขาก็หายเป็นปกติเหมือนกับมืออีกข้างหนึ่ง 14 พวกฟาริสีจึงออกไปวางแผนฆ่าพระเยซู
พระเยซูคือผู้รับใช้ที่พระเจ้าเลือก
15 แต่พระเยซูรู้ตัวเสียก่อนจึงไปจากที่นั่น มีคนเป็นจำนวนมากตามพระองค์ไป และพระองค์รักษาพวกเขาให้หายป่วยทุกคน 16 พระองค์สั่งพวกนั้นว่า ห้ามบอกคนอื่นว่าพระองค์เป็นใคร 17 เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นจริงตามที่อิสยาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้า ได้พูดว่า
18 “นี่คือผู้รับใช้ที่เราได้เลือกไว้ เรารักเขาและภูมิใจเขามาก
เราจะให้วิญญาณของเรากับเขา
เขาจะประกาศความยุติธรรมต่อชนทุกชาติ
19 เขาจะไม่ทะเลาะวิวาท และไม่มีปากมีเสียง
ไม่มีใครจะได้ยินเสียงของเขาตามท้องถนน
20 ต้นอ้อที่ช้ำแล้ว เขาก็จะไม่หักทิ้ง
ไส้ตะเกียงที่ใกล้มอด เขาก็จะไม่ดับ
จนกว่าเขาจะนำความยุติธรรมมาและทำให้มันเกิดขึ้นจริง
21 เขาจะเป็นความหวังของคนทุกชาติ”[m][n]
อำนาจของพระเยซูมาจากพระเจ้า
(มก. 3:20-30; ลก. 11:14-23; 12:10)
22 มีคนพาชายที่ถูกผีสิงที่ตาบอดและพูดไม่ได้มาหาพระเยซู พระองค์รักษาเขาจนมองเห็นและพูดได้ 23 ทำให้คนทั้งหมดประหลาดใจมาก และถามกันว่า “เป็นไปได้ไหม ที่เขาจะเป็นบุตรของดาวิด”
24 เมื่อพวกฟาริสีได้ยินก็พูดว่า “ที่คนนี้ไล่ผีออกได้ ก็เพราะใช้ฤทธิ์อำนาจของเบเอลเซบูล หัวหน้าผี”
25 พระเยซูรู้ถึงความคิดนั้น จึงตอบไปว่า “อาณาจักรที่แตกแยกจะถูกทำลาย เมืองไหนหรือครัวเรือนไหนที่แตกแยก ก็คงจะไปไม่รอด 26 ดังนั้นถ้าซาตาน ขับไล่ซาตาน มันก็ต่อสู้กับตัวมันเอง แล้วอาณาจักรของมันจะตั้งอยู่ได้อย่างไร 27 และถ้าเราใช้ฤทธิ์อำนาจของเบเอลเซบูลขับไล่พวกผีชั่วนั้น แล้วพวกของคุณใช้ฤทธิ์อำนาจของใครขับไล่พวกผีชั่วนั้นล่ะ ดังนั้น พวกศิษย์ของคุณเองจะพิสูจน์ว่า สิ่งที่คุณพูดเกี่ยวกับเรานั้นผิด 28 แต่ถ้าเราขับไล่ผีชั่วออกด้วยฤทธิ์อำนาจพระวิญญาณของพระเจ้า ก็แสดงว่าอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงพวกคุณแล้ว
29 จริงๆแล้ว ใครจะบุกเข้าไปปล้นบ้านของคนที่แข็งแรงได้ นอกจากจะมัดเจ้าของบ้านที่แข็งแรงนั้นไว้ก่อน จึงจะปล้นข้าวของในบ้านได้ 30 ถ้าใครไม่ได้อยู่ฝ่ายเรา ก็เป็นศัตรูกับเรา ใครไม่ได้ช่วยเรารวบรวม ก็ทำให้คนเหล่านั้นกระจัดกระจายไป 31 ดังนั้นเราจะบอกคุณว่า พระเจ้าจะยกโทษให้กับความบาปทุกชนิด และคำหมิ่นประมาททุกอย่าง แต่พระเจ้าจะไม่ยกโทษให้กับคนที่หมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ 32 พระเจ้าจะยกโทษให้กับคนที่ใส่ร้ายบุตรมนุษย์ แต่พระเจ้าจะไม่ยกโทษให้คนที่ใส่ร้ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทั้งเดี๋ยวนี้และตลอดไป”[o]
เป็นคนอย่างไรก็ให้ดูจากคำพูด
(ลก. 6:43-45)
33 “ถ้าอยากรู้ชนิดของต้นไม้ ก็ให้ดูที่ผลของมัน ถ้าต้นดีผลก็จะออกมาดี ถ้าต้นเลวผลก็จะออกมาเลว 34 ไอ้ชาติอสรพิษ คำพูดดีๆและถูกต้องจะมาจากปากคนชั่วๆอย่างพวกเจ้าได้อย่างไรกัน ในเมื่อใจเต็มไปด้วยอะไร ปากก็จะพูดสิ่งนั้น 35 คนดีก็จะพูดแต่สิ่งดีๆที่อยู่ในใจของเขา แต่คนชั่วก็จะพูดแต่สิ่งชั่วๆที่อยู่ในใจของเขาเหมือนกัน 36 เราจะบอกให้รู้ว่า ในวันตัดสินโทษนั้น เจ้าจะต้องรับผิดชอบในคำพูดที่ไร้สาระทุกคำที่ได้พูดออกมา 37 คำพูดของเจ้านี่แหละ ที่จะชี้ว่าเจ้าถูกหรือผิด”
ชาวยิวเรียกให้พระเยซูทำอัศจรรย์
(มก. 8:11-12; ลก. 11:29-32)
38 พวกฟาริสีและครูสอนกฎปฏิบัติบางคนบอกพระเยซูว่า “อาจารย์ ทำเรื่องอัศจรรย์ให้ดูหน่อย พวกเราจะได้เชื่อว่าพระเจ้าอยู่กับอาจารย์”
39 พระองค์ตอบว่า “มีแต่คนที่ชั่วและไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ที่เรียกร้องให้ทำการอัศจรรย์ให้ดู แต่เราจะไม่ทำให้ดู นอกจากการอัศจรรย์ของโยนาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า 40 โยนาห์อยู่ในท้องปลาตัวใหญ่ถึงสามวันสามคืน บุตรมนุษย์ก็จะอยู่ในใจกลางโลกเป็นเวลาสามวันสามคืนเหมือนกัน 41 ในวันพิพากษานั้น ชาวเมืองนีนะเวห์[p] จะลุกขึ้นมาพร้อมกับพวกคุณที่อยู่ในสมัยนี้ และจะประณามพวกคุณ เพราะชาวนีนะเวห์ได้กลับตัวกลับใจเมื่อได้ยินคำสอนของโยนาห์ แต่พวกคุณไม่ยอม ทั้งๆที่ตอนนี้คนที่ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์ก็อยู่ที่นี่แล้ว 42 ในวันพิพากษานั้น ราชินีแห่งทิศใต้[q] ก็เหมือนกัน จะลุกขึ้นมาพร้อมกับพวกคุณที่อยู่ในสมัยนี้ และจะประณามพวกคุณ เพราะท่านอุตส่าห์เดินทางมาจากสุดปลายโลก เพื่อจะมาฟังคำสอนที่ฉลาดปราดเปรื่องของซาโลมอน และตอนนี้คนที่ยิ่งใหญ่กว่าซาโลมอนก็อยู่ที่นี่แล้ว แต่พวกคุณกลับไม่ยอมฟังเขา
คนทุกวันนี้เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
(ลก. 11:24-26)
43 ผีชั่วตนหนึ่ง เมื่อมันออกจากร่างของคนหนึ่งไป มันได้ร่อนเร่ไปตามที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเพื่อหาที่หยุดพัก แต่ก็หาไม่พบ 44 มันจึงพูดขึ้นว่า ‘กลับไปบ้านเก่า[r] ที่ออกมาดีกว่า’ เมื่อกลับมาถึง มันก็พบว่าบ้านเก่านั้นว่างเปล่าอยู่ เก็บกวาดสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย 45 มันจึงไปชวนผีที่ชั่วร้ายกว่ามันมาอีกเจ็ดตน เข้ามารวมกันอยู่ที่บ้านหลังนั้น สุดท้ายสภาพของคนๆนั้น ก็เลวร้ายยิ่งกว่าในตอนแรกเสียอีก คนชั่วในสมัยนี้ก็จะมีสภาพเหมือนอย่างนั้น”
ศิษย์พระเยซูคือครอบครัวของพระองค์
(มก. 3:31-35; ลก. 8:19-21)
46 เมื่อพระเยซูกำลังพูดกับฝูงชนอยู่นั้น แม่และน้องๆของพระองค์ได้มารออยู่ข้างนอก อยากที่จะพูดกับพระองค์ 47 มีคนมาบอกพระองค์ว่า “แม่และน้องๆของอาจารย์มายืนรออยู่ด้านนอก อยากจะพูดคุยกับอาจารย์ครับ”
48 พระเยซูถามเขาว่า “รู้ไหมว่า ใครคือแม่ของเราและใครคือพี่น้องของเรา” 49 แล้วพระองค์ ก็ชี้ไปที่พวกศิษย์ของพระองค์ และพูดว่า “พวกคุณนี่ไง ที่เป็นแม่และพี่น้องของเรา 50 คนที่ทำตามใจพระบิดาของเราที่อยู่บนสวรรค์ คนนั้นแหละคือพี่น้องชายหญิงและแม่ของเรา”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International