Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Read the Gospels in 40 Days

Read through the four Gospels--Matthew, Mark, Luke, and John--in 40 days.
Duration: 40 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
ลูกา 17-18

การยั่วยวน การอภัย ความเชื่อ

(มธ. 18:6-7, 21-22; มก. 9:42)

17 พระเยซูพูดกับพวกศิษย์ว่า “จะมีสิ่งที่มายั่วยวนให้คนทำบาปเสมอ แต่คนที่มายั่วยวน นั้นช่างน่าอายจริงๆ ระหว่างการชักชวนคนที่ต่ำต้อยคนหนึ่งในพวกนี้ให้ทำบาป กับการถูกจับโยนลงไปในทะเลพร้อมกับมีหินโม่แป้ง[a]ล่ามคออยู่ อย่างหลังนี้ก็ยังจะดีกว่า ระวังตัวไว้ให้ดี ให้ตักเตือนพี่น้องที่ทำบาป และอภัยให้เขาเมื่อเขากลับตัวกลับใจ ถึงแม้เขาจะทำผิดบาปต่อคุณถึงวันละเจ็ดครั้งก็ตาม แต่ถ้าทุกครั้งเขาบอกคุณว่า ‘ผมกลับตัวกลับใจแล้วครับ’ ก็ให้ยกโทษเขา” ฝ่ายพวกศิษย์เอก ก็พูดกับองค์เจ้าชีวิตว่า “ถ้าอย่างนั้น ช่วยเพิ่มความเชื่อให้กับเราด้วยครับ”

พระเยซูตอบว่า “แค่คุณมีความเชื่อเล็กเท่าเมล็ดมัสตาร์ดนี้ คุณก็สั่งให้ต้นหม่อนทั้งต้นถอนรากถอนโคนไปปลูกอยู่ในทะเลได้แล้ว”

ทาสที่ดี

“สมมุติว่าคุณมีทาสคนหนึ่ง เมื่อเขากลับมาจากไถนาหรือเลี้ยงแกะ คุณจะพูดกับเขาไหมว่า ‘รีบๆไปหาอะไรกินเร็ว’ หรือคุณจะพูดกับเขาว่า ‘ไปเตรียมอาหารมาสิ แล้วคอยรับใช้อยู่นี่แหละ จนกว่าเราจะกินและดื่มเสร็จ แล้วเจ้าถึงค่อยไปกิน’ นายต้องขอบใจทาสที่เขาทำตามคำสั่งหรือ 10 พวกคุณก็เหมือนกัน เมื่อทำงานที่นายสั่งมาเสร็จแล้ว ก็ควรพูดว่า ‘พวกเราเป็นแค่ทาสที่ทำตามหน้าที่เท่านั้น ไม่สมควรที่เจ้านายจะขอบใจหรอก’”

ให้รู้จักขอบคุณ

11 ในระหว่างทางที่ไปเมืองเยรูซาเล็ม พระเยซูผ่านไปตามเขตแดนของแคว้นกาลิลีกับแคว้นสะมาเรีย 12 ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีชายสิบคนที่เป็นโรคผิวหนังร้ายแรง เข้ามาหาพระองค์ แต่ยืนอยู่ห่างๆ 13 และร้องตะโกนว่า “เยซู นายท่าน สงสารพวกเราด้วยเถิด”

14 พระองค์ก็มองพวกเขา แล้วพูดว่า “ไปแสดงตัวให้พวกนักบวช[b] ดูสิ” ในระหว่างทางที่ไปนั้น พวกเขาก็หายจากโรค 15 คนหนึ่งในนั้น เมื่อเห็นว่าหายแล้ว ก็กลับมาร้องสรรเสริญพระเจ้าเสียงดัง 16 เขาก้มลงกราบขอบคุณอยู่ที่เท้าของพระเยซู เขาเป็นชาวสะมาเรีย 17 พระเยซูถามว่า “มีสิบคนที่หายจากโรคไม่ใช่หรือ แล้วอีกเก้าคนอยู่ที่ไหน 18 ทำไมมีแต่คนต่างชาติคนนี้เท่านั้นหรือ ที่กลับมาสรรเสริญพระเจ้า” 19 แล้วพระเยซูก็บอกเขาว่า “ลุกขึ้นกลับไปได้แล้ว ความเชื่อของคุณทำให้หายจากโรคแล้ว”

อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่พวกคุณ

(มธ. 24:23-28, 37-41)

20 วันหนึ่งพวกฟาริสีถามพระเยซูว่า “อาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อไหร่” พระองค์ก็ตอบว่า “เมื่ออาณาจักรของพระเจ้ากำลังมา จะไม่มีอะไรเป็นลางบอกเหตุให้คุณรู้หรอก 21 จะไม่มีใครบอกได้หรอกว่า ‘อยู่นี่ไง’ หรือ ‘อยู่โน่นไง’ เพราะดูสิ อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่พวกคุณแล้ว”

22 แต่พระองค์พูดกับพวกศิษย์ว่า “วันนั้นจะมาถึง เมื่อพวกคุณอยากจะได้เห็นวันเวลาของบุตรมนุษย์สักวันหนึ่ง แต่คุณจะไม่มีโอกาสได้เห็น 23 เมื่อมีคนมาบอกว่า ‘พระองค์อยู่โน่นไง หรือ อยู่นี่ไง’ ก็ไม่ต้องออกไปเที่ยวตามหาหรอก” 24 “เพราะเมื่อบุตรมนุษย์มานั้น จะเห็นชัดเหมือนกับสายฟ้าแลบจากท้องฟ้าฟากหนึ่งไปยังอีกฟากหนึ่ง 25 แต่พระองค์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายอย่างเสียก่อน และคนในยุคนี้จะไม่ยอมรับพระองค์

26 วันที่พระองค์กลับมานั้น จะเหมือนกับสมัยของโนอาห์ 27 ที่คนดื่มกินกันอยู่อย่างสนุกสนาน แต่งงานกันและยกลูกให้แต่งงานกัน จนกระทั่งวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ แล้วน้ำก็ท่วมจนพวกเขาจมน้ำตายกันหมด

28 ในสมัยของโลทก็เหมือนกัน คนกินดื่มกันอยู่ ซื้อขายกัน เพาะปลูกกัน ก่อสร้างกัน 29 จนกระทั่งถึงวันที่โลทออกจากเมืองโสโดม ก็มีไฟ และกำมะถันตกลงมาจากท้องฟ้า เผาผลาญทำลายชีวิตผู้คนในเมืองนั้นจนหมดสิ้น

30 ในวันที่บุตรมนุษย์กลับมา มันก็จะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน 31 ในวันนั้น คนที่อยู่บนดาดฟ้าบ้านก็อย่าเข้าไปเก็บข้าวของในบ้านเลย หรือคนที่อยู่ในทุ่งนาก็อย่ากลับไปบ้านเอาอะไรเลย 32 จำเรื่องที่เกิดขึ้นกับเมียของโลท[c] ไว้ให้ดี 33 คนที่อยากจะรักษาชีวิตเก่าไว้จะเสียชีวิต แต่คนที่ยอมสละชีวิตเก่า จะรักษาชีวิตไว้ 34 เราจะบอกให้รู้ว่า ในคืนนั้นเอง สองคนที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน คนหนึ่งจะถูกรับไป และอีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ 35 หญิงสองคนที่กำลังโม่แป้งอยู่ด้วยกัน จะถูกรับไปคนหนึ่ง และถูกทิ้งไว้คนหนึ่ง” 36 [d]

37 พวกศิษย์จึงถามพระองค์ว่า “อาจารย์ มันจะเกิดขึ้นที่ไหนครับ”

พระองค์จึงตอบว่า “ซากศพอยู่ที่ไหน ฝูงแร้งก็จะอยู่ที่นั่น”

พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐาน

18 พระเยซูได้เล่าเรื่องเปรียบเทียบให้ศิษย์ของพระองค์ฟัง เพื่อสอนให้พวกเขาอธิษฐานอยู่เสมอ และไม่สิ้นหวัง พระองค์เล่าว่า “ในเมืองหนึ่ง มีผู้พิพากษาคนหนึ่งที่ไม่เกรงกลัวพระเจ้า และไม่เคยเคารพนับถือใครเลย ในเมืองนี้มีหญิงม่ายคนหนึ่ง ที่เฝ้าวนเวียนมาอ้อนวอนผู้พิพากษาคนนี้ว่า ‘ช่วยตัดสินคดีของฉันอย่างยุติธรรมด้วยเถิด’ ตอนแรกผู้พิพากษาไม่ได้สนใจนางเลย แต่ในที่สุดผู้พิพากษาก็พูดกับตัวเองว่า ‘ถึงแม้เราจะไม่เกรงกลัวพระเจ้า และไม่กลัวมนุษย์หน้าไหนทั้งนั้น แต่เราคงต้องให้ความยุติธรรมกับเธอ เพราะเธอเซ้าซี้กวนใจเหลือเกิน จะได้เลิกมายุ่งวุ่นวายกับเราเสียที ไม่งั้นเราคงจะบ้าตายแน่’”

แล้วพระองค์ก็พูดต่อว่า “เห็นหรือเปล่าว่า ผู้พิพากษาขี้โกงคนนี้พูดว่าอะไร แล้วพระเจ้าจะไม่ให้ความยุติธรรมกับคนที่พระองค์ได้เลือกไว้ที่ร้องขอความช่วยเหลือต่อพระองค์ทั้งวันทั้งคืนหรือ พระองค์จะผลัดไปเรื่อยๆหรือ เราจะบอกให้รู้ว่า พระองค์จะรีบให้ความยุติธรรมกับเขา ว่าแต่เมื่อบุตรมนุษย์มาถึง พระองค์จะเจอคนที่มีความเชื่อหลงเหลืออยู่ในโลกนี้หรือเปล่า”

ฟาริสีกับคนเก็บภาษี

พระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเทียบนี้ เพื่อสอนคนที่เชื่อมั่นในตัวเองเหลือเกินว่าทำตามใจพระเจ้า และชอบดูถูกคนอื่น พระองค์เล่าว่า 10 “มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานที่วิหาร คนหนึ่งเป็นพวกฟาริสี ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี 11 ฟาริสีคนนั้นยืนอยู่ตามลำพังและอธิษฐานว่า ‘พระเจ้า ขอบคุณที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่นๆเช่นพวกขโมย พวกขี้โกง พวกมีชู้ หรือแม้แต่คนเก็บภาษีคนนี้ 12 ข้าพเจ้าอดอาหารอาทิตย์ละสองครั้ง และถวายหนึ่งในสิบ[e] ของของทุกอย่างที่ได้มา’

13 แต่คนเก็บภาษีนั้น ยืนอยู่แต่ไกลในขณะที่อธิษฐาน ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ทุบอกตัวเองคร่ำครวญว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดเมตตาข้าพเจ้าที่เป็นคนบาป’ 14 เราจะบอกให้รู้ว่า เมื่อกลับบ้านไป คนที่พระเจ้ายอมรับคือคนเก็บภาษี ไม่ใช่ฟาริสี เพราะทุกคนที่ยกตัวเองขึ้นจะต้องถูกกดลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตัวลงจะถูกยกขึ้น”

คนที่เข้าอาณาจักรของพระเจ้าต้องเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ

(มธ. 19:13-15; มก. 10:13-16)

15 มีคนอุ้มลูกเล็กๆมาให้พระเยซูจับตัวและอวยพรให้ เมื่อพวกศิษย์เห็น ก็ต่อว่าพวกเขาไม่ให้ทำอย่างนั้น 16 แต่พระเยซูกลับเรียกเด็กๆพวกนั้นเข้ามาหาแล้วพูดว่า “ปล่อยให้พวกเด็กเล็กๆเข้ามาหาเรา อย่าห้ามพวกเขา เพราะอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของคนที่เป็นเหมือนกับเด็กเล็กๆพวกนี้ 17 เราจะบอกให้รู้ว่า ถ้าใครไม่ยอมรับอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนอย่างที่เด็กเล็กๆพวกนี้ยอมรับ คนนั้นจะไม่ได้เข้าในอาณาจักรของพระเจ้าแน่ๆ”

คนรวยคนหนึ่งถามพระเยซู

(มธ. 19:16-30; มก. 10:17-31)

18 มีผู้นำชาวยิวคนหนึ่งถามพระเยซูว่า “อาจารย์ผู้ประเสริฐผมจะต้องทำอย่างไรถึงจะมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป” 19 พระเยซูจึงถามว่า “คุณเรียกเราว่าผู้ประเสริฐทำไม ไม่มีใครประเสริฐหรอกนอกจากพระเจ้าเท่านั้น 20 คุณก็รู้กฎปฏิบัติแล้วนี่ ที่ว่า ‘อย่ามีชู้ อย่าฆ่าคน อย่าขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ และให้เคารพนับถือพ่อแม่’”[f]

21 ผู้นำคนนั้นก็พูดว่า “ผมรักษากฎทั้งหมดนั้นมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ”

22 เมื่อพระองค์ได้ยินอย่างนั้น ก็พูดต่อไปว่า “คุณยังขาดอยู่อีกอย่างหนึ่ง คือให้ไปขายทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่คุณมี แล้วเอาเงินไปแจกจ่ายให้กับคนยากจน และคุณก็จะมีทรัพย์สมบัติอยู่ในสวรรค์ แล้วมาติดตามเรา” 23 เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น ก็เสียใจอย่างหนักเพราะเขาร่ำรวยมาก

24 เมื่อพระเยซูเห็นว่าเขาเสียใจมาก จึงพูดขึ้นว่า “มันยากมากที่คนรวยจะเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้า 25 ความจริงแล้ว ให้อูฐลอดรูเข็มยังจะง่ายกว่าที่จะให้คนรวยเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้า”

26 คนที่ได้ยินเรื่องนี้ ก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ใครจะไปรอดได้”

27 พระเยซูพูดว่า “สำหรับมนุษย์ เป็นไปไม่ได้หรอก แต่สำหรับพระเจ้าก็เป็นไปได้”

28 แล้วเปโตรก็พูดว่า “พวกเราได้สละสิ่งที่เป็นของเรา เพื่อมาติดตามพระองค์”

29 พระเยซูตอบว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า คนไหนที่ได้สละบ้านเรือนหรือเมีย หรือพี่น้องหรือพ่อแม่ หรือลูก เพราะเห็นแก่อาณาจักรของพระเจ้าแล้วละก็ 30 เขาจะได้รับสิ่งตอบแทนหลายเท่าในชีวิตนี้ และจะมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไปในโลกหน้าด้วย”

พระเยซูจะฟื้นขึ้นจากความตาย

(มธ. 20:17-19; มก. 10:32-34)

31 พระเยซูพาศิษย์เอกทั้งสิบสองคนปลีกตัวออกมาข้างๆและพูดกับพวกเขาว่า “ฟังให้ดีนะ พวกเราจะขึ้นไปเมืองเยรูซาเล็ม ทุกอย่างที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้เขียนไว้เกี่ยวกับบุตรมนุษย์จะเกิดขึ้นที่นั่น 32 เขาจะถูกส่งตัวให้กับพวกคนที่ไม่ใช่ยิว[g] พวกนั้นจะหัวเราะเยาะ ดูถูก และถ่มน้ำลายรดเขา 33 คนเหล่านั้นจะเฆี่ยนตีและฆ่าเขา แต่ในวันที่สาม เขาจะฟื้นขึ้นจากความตาย” 34 แต่พวกศิษย์ไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ที่พระองค์พูด เพราะความหมายของมันถูกแอบซ่อนไปจากพวกเขา พวกเขาก็เลยไม่รู้ว่าพระองค์พูดถึงเรื่องอะไร

พระเยซูรักษาคนตาบอด

(มธ. 20:29-34; มก. 10:46-52)

35 เมื่อพระเยซูมาใกล้ถึงเมืองเยริโค มีขอทานตาบอดคนหนึ่งนั่งขอทานอยู่ข้างถนน 36 เมื่อได้ยินฝูงชนจำนวนมากเดินผ่านมา เขาก็ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”

37 คนเหล่านั้นบอกว่า “เยซูชาวนาซาเร็ธกำลังผ่านมาทางนี้”

38 คนตาบอดก็ตะโกนว่า “เยซู บุตรดาวิด สงสารผมด้วยครับ” 39 คนที่เดินนำหน้า ต่างก็สั่งกำชับให้เขาเงียบ แต่เขากลับยิ่งตะโกนดังขึ้นว่า “บุตรดาวิด สงสารผมด้วยครับ”

40 พระเยซูก็เลยหยุด สั่งให้คนพาเขาเข้ามา แล้วพระองค์ถามเขาว่า 41 “อยากให้เราช่วยอะไร”

เขาจึงตอบว่า “ผมอยากมองเห็นครับท่าน”

42 พระเยซูจึงพูดกับเขาว่า “มองสิแล้วจะเห็น ความเชื่อของคุณช่วยให้คุณหายแล้ว”

43 เขามองเห็นทันที จึงติดตามพระเยซูไป และสรรเสริญพระเจ้า เมื่อชาวบ้านเห็นอย่างนั้น ทุกคนก็พากันยกย่องพระเจ้า

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International