Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Read the Gospels in 40 Days

Read through the four Gospels--Matthew, Mark, Luke, and John--in 40 days.
Duration: 40 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
มัทธิว 17-18

พระเยซูกับโมเสสและเอลียาห์

(มก. 9:2-13; ลก. 9:28-36)

17 หกวันต่อมาพระเยซูพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องของยากอบ ขึ้นไปบนภูเขาสูงกันตามลำพัง แล้วลักษณะของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าพวกเขา ใบหน้าของพระองค์ส่องสว่างจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ เสื้อผ้าของพระองค์กลายเป็นสีขาวเปล่งประกายแวววับ แล้วพวกเขาก็เห็นโมเสสกับเอลียาห์[a] กำลังพูดคุยอยู่กับพระเยซู

เปโตรพูดกับพระเยซูว่า “องค์เจ้าชีวิต ดีมากเลยที่พวกเราได้มาอยู่ที่นี่ ถ้าท่านต้องการ ผมจะสร้างเพิงขึ้นมาสามหลัง ให้ท่านหลังหนึ่ง โมเสสหลังหนึ่ง และเอลียาห์หลังหนึ่ง”

ขณะที่เปโตรยังพูดอยู่นั้น ก็มีเมฆสว่างไสวมาปกคลุมพวกเขาไว้ และมีเสียงพูดออกมาจากเมฆว่า “ท่านผู้นี้คือลูกรักของเรา เราภูมิใจในตัวท่านมาก ให้เชื่อฟังท่าน”

เมื่อพวกศิษย์ได้ยิน ก็ก้มหน้ากราบลงกับพื้นด้วยความตกใจกลัวยิ่งนัก แต่พระเยซูเดินมาแตะตัวพวกเขาและพูดว่า “ลุกขึ้น ไม่ต้องกลัว” เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นมา ก็ไม่เห็นใครอีกนอกจากพระเยซูเท่านั้น

ขณะที่พวกเขากำลังเดินลงมาจากภูเขา พระองค์สั่งพวกเขาว่า “อย่าบอกใครว่าพวกคุณได้เห็นอะไร จนกว่าบุตรมนุษย์จะฟื้นขึ้นมาจากความตาย”

10 พวกศิษย์ถามพระเยซูว่า “ทำไมพวกครูสอนกฎปฏิบัติถึงพูดว่า เอลียาห์จะต้องมาก่อนพระคริสต์ล่ะครับ”

11 พระเยซูตอบว่า “เอลียาห์จะต้องมาก่อนเพื่อมาเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย 12 แต่เราจะบอกให้รู้ว่า เอลียาห์ได้มาแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นเอลียาห์ จึงทำกับเขาตามใจชอบ และพวกเขาก็จะทรมานบุตรมนุษย์อย่างนั้นเหมือนกัน” 13 พวกศิษย์ถึงรู้ว่า พระเยซูกำลังพูดถึงยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำ

พระเยซูรักษาเด็กชายที่ป่วย

(มก. 9:14-29; ลก. 9:37-43)

14 เมื่อพระเยซูกับพวกศิษย์ลงมาถึงที่ๆฝูงชนอยู่กัน มีชายคนหนึ่งมาคุกเข่าต่อหน้าพระองค์ 15 และพูดว่า “อาจารย์ ได้โปรดสงสารลูกชายของผมด้วยเถิด เขาเป็นโรคลมบ้าหมู ต้องทนทุกข์ทรมานมาก ตกลงในไฟหรือตกน้ำอยู่บ่อยๆ 16 ผมพาเขามาหาพวกศิษย์ของอาจารย์ แต่พวกเขาก็รักษาไม่ได้”

17 พระเยซูตอบเขาว่า “พวกขาดความเชื่อ หัวดื้อ เราจะต้องอยู่กับพวกคุณไปอีกนานแค่ไหน เราจะต้องอดทนกับพวกคุณไปถึงไหน พาเด็กคนนั้นมาหาเราซิ” 18 แล้วพระเยซูตวาดไล่มารร้ายตนนั้นให้ออกไป มันก็ออกไปจากเด็กคนนั้นทันที แล้วเด็กคนนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง

19 พวกศิษย์เข้ามาหาพระองค์ตามลำพัง และถามว่า “ทำไมพวกเราถึงไล่ผีชั่วตนนั้นไม่ได้ล่ะครับ” 20 พระเยซูตอบว่า “เพราะพวกคุณมีความเชื่อน้อยเกินไป เราจะบอกให้รู้นะว่า แค่คุณมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด คุณสั่งภูเขาลูกนี้ให้เคลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่น มันก็เคลื่อนไปแล้ว จะไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้เลย” 21 [b]

พระเยซูพูดถึงความตายของพระองค์

(มก. 9:30-32; ลก. 9:43-45)

22 เมื่อพวกเขามาชุมนุมกันที่แคว้นกาลิลี พระเยซูบอกกับพวกเขาว่า “บุตรมนุษย์จะต้องถูกจับส่งไปอยู่ในมือของมนุษย์ 23 และเขาจะถูกฆ่า แต่เขาจะฟื้นขึ้นจากความตายในวันที่สาม” พวกศิษย์จึงเศร้าเสียใจมาก

พระเยซูสอนเรื่องการจ่ายภาษี

24 เมื่อพระเยซูกับพวกศิษย์มาถึงเมืองคาเปอรนาอุม คนเก็บภาษีวิหาร[c] มาถามเปโตรว่า “อาจารย์ของคุณไม่เสียภาษีวิหารหรืออย่างไร”

25 เปโตรตอบว่า “เสียสิ” เมื่อเปโตรเข้าไปหาพระเยซูในบ้าน พระเยซูก็พูดขึ้นก่อนว่า “ซีโมน คุณคิดอย่างไร กษัตริย์ในโลกนี้เก็บภาษีจากลูกๆของพระองค์ หรือจากคนอื่นๆ”

26 เปโตรตอบว่า “เก็บจากคนอื่นๆครับ” พระเยซูบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นลูกๆก็ไม่ต้องเสียภาษีนะสิ 27 แต่เพื่อไม่ให้คนเก็บภาษีโกรธ คุณไปตกเบ็ดที่ทะเลสาบ เมื่อจับได้ปลาตัวแรก ให้ง้างปากมัน แล้วคุณจะพบเหรียญหนึ่งเหรียญ[d] ให้เอาเงินนั้นไปเสียภาษีของเราสองคน”

ใครเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด

(มก. 9:33-37; ลก. 9:46-48)

18 ในเวลานั้นพวกศิษย์ได้มาถามพระเยซูว่า “ใครเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์ครับ”

พระเยซูเรียกเด็กเล็กๆคนหนึ่งให้มายืนอยู่ท่ามกลางพวกศิษย์ แล้วพระองค์พูดกับพวกเขาว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า ถ้าพวกคุณไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเหมือนเด็กเล็กๆ คุณจะไม่มีวันได้เข้าไปในอาณาจักรแห่งสวรรค์เลย ดังนั้นใครก็ตามที่ทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนเด็กเล็กๆคนนี้ ก็จะเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์

ใครก็ตามที่ต้อนรับเด็กเล็กๆอย่างนี้เพราะเห็นแก่เรา คนนั้นก็ได้ต้อนรับเราด้วย

พระเยซูเตือนเรื่องสิ่งต่างๆที่ยั่วยุให้คนทำบาป

(มก. 9:42-48; ลก. 17:1-2)

ระหว่างการทำให้คนที่ต่ำต้อยคนหนึ่งในพวกนี้ที่ไว้วางใจในเราหลงไปทำบาป กับการถูกถ่วงน้ำโดยมีหินโม่แป้ง[e] ผูกคอไว้ อย่างหลังนี้ก็ยังจะดีกว่า โลกนี้มันน่าละอายจริงๆเพราะสิ่งต่างๆที่มายั่วยุให้คนทำบาป เรื่องอย่างนี้หนีไม่พ้นหรอก ต้องเกิดขึ้นแน่ แต่คนที่ก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นมาน่าละอายจริงๆ ดังนั้นถ้ามือหรือเท้าของคุณเองทำให้คุณทำบาป ตัดมันทิ้งเลย เพราะมือด้วนหรือเท้าด้วน แล้วมีชีวิตแท้ตลอดไป ยังดีกว่ามีมือหรือเท้าครบทั้งสองข้าง แต่ถูกโยนลงในไฟที่ไม่มีวันดับ ถ้าตาของคุณทำให้คุณทำบาป ควักมันทิ้งเลย เพราะเหลือตาข้างเดียวแล้วมีชีวิตแท้ตลอดไป ก็ยังดีกว่ามีตาครบทั้งสองข้าง แต่ต้องถูกโยนลงในไฟนรก

เรื่องแกะที่หลงหาย

(ลก. 15:3-7)

10 ระวังให้ดี อย่าดูถูกคนที่ต่ำต้อยพวกนี้ของเราแม้แต่คนเดียว เราจะบอกให้รู้ว่า ที่บนสวรรค์นั้น ทูตประจำตัวของพวกเขาเฝ้าอยู่ต่อหน้าพระบิดาของเราเสมอ 11 [f]

12 พวกคุณคิดอย่างไร ถ้าชายคนหนึ่งมีแกะอยู่ร้อยตัว แล้วมีตัวหนึ่งหายไป เขาจะไม่ทิ้งแกะทั้งเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา และออกตามหาแกะที่หายไปหรือ 13 เมื่อเขาพบแกะตัวนั้นแล้ว เราจะบอกให้รู้ว่า เขาจะดีใจที่ได้พบแกะตัวนั้นมากกว่าที่มีแกะเก้าสิบเก้าตัวที่ไม่ได้หายไปไหน 14 พระบิดาของพวกคุณที่อยู่บนสวรรค์ก็เหมือนกัน ไม่อยากให้คนที่ต่ำต้อยพวกนี้ของเราสักคนหลงหายไป

เมื่อมีคนทำผิดต่อเรา

(ลก. 17:3)

15 ถ้าพี่น้องทำบาปต่อคุณ[g] ก็ให้ไปชี้แจงความผิดของเขาตัวต่อตัว ถ้าเขาฟัง คุณก็ได้เขากลับมาเป็นพี่น้องอีก 16 แต่ถ้าเขาไม่ยอมฟัง ก็ให้พาอีกคนหรือสองคนไปหาเขาด้วยกัน เพื่อจะได้มีพยานรู้เห็นสองหรือสามคน 17 ถ้าเขายังไม่ยอมฟังอีก ก็ให้เอาเรื่องนี้ไปบอกหมู่ประชุมของพระเจ้า และถ้าเขายังไม่ฟังแม้แต่หมู่ประชุมของพระเจ้า ก็ให้ทำกับเขาเหมือนกับเป็นคนนอกศาสนาหรือคนเก็บภาษี

18 เราจะบอกให้รู้ว่า อะไรก็ตามที่พวกคุณห้ามในโลกนี้ พระเจ้าที่อยู่บนสวรรค์ก็จะห้ามด้วย และอะไรก็ตามที่พวกคุณยอมในโลกนี้ พระเจ้าที่อยู่บนสวรรค์ก็จะยอมด้วย

19 เราจะบอกให้รู้อีกว่า ถ้าพวกคุณที่อยู่ในโลกนี้สองคนเห็นด้วยกันที่จะขอสิ่งใดสิ่งหนึ่ง พระบิดาของเราที่อยู่บนสวรรค์ก็จะทำให้ 20 เพราะที่ไหนก็ตาม ที่มีสองหรือสามคนมาอยู่รวมกันเพราะเป็นศิษย์ของเรา เราก็จะอยู่กับพวกเขาที่นั่น”

เรื่องการให้อภัย

21 เปโตรก็เข้ามาถามพระเยซูว่า “อาจารย์ครับ เมื่อพี่น้องทำบาปต่อผม ผมควรจะอภัยให้กี่ครั้งดีครับ ตั้งเจ็ดครั้งเลย จะดีไหมครับ”

22 พระเยซูตอบว่า “ใครบอกว่าแค่เจ็ดครั้ง ต้องเป็นเจ็ดสิบเจ็ดครั้ง”[h]

23 “ดังนั้นอาณาจักรแห่งสวรรค์ถึงเปรียบเหมือนกับกษัตริย์องค์หนึ่ง ที่ต้องการจะสะสางหนี้ที่พวกทาสติดค้างอยู่ 24 เมื่อเริ่มคิดบัญชี ทาสคนหนึ่งที่เป็นหนี้กษัตริย์อยู่ห้าสิบล้านเหรียญเงิน[i] ก็ถูกพาตัวเข้ามา 25 แต่เขาไม่มีเงินพอที่จะจ่ายหนี้ กษัตริย์จึงสั่งให้เอาตัวทาสคนนี้ รวมทั้งภรรยาและลูกๆตลอดจนข้าวของทุกอย่างของเขาไปขาย เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้

26 คนนั้นจึงคุกเข่าลงอ้อนวอนกษัตริย์ว่า ‘ขอเวลาผมหน่อยเถอะครับ แล้วจะใช้หนี้ให้ทั้งหมด’ 27 กษัตริย์เกิดความสงสารเขา ก็เลยยกหนี้ให้และปล่อยตัวไป

28 เมื่อทาสคนนี้ออกไป ก็ไปเจอเพื่อนทาสด้วยกันที่เป็นหนี้เขาอยู่หนึ่งร้อยเหรียญเงิน เขาก็เข้าไปบีบคอเพื่อนทาสคนนั้นและสั่งว่า ‘ใช้หนี้มาเดี๋ยวนี้’

29 เพื่อนทาสที่เป็นลูกหนี้ได้คุกเข่าลงอ้อนวอนว่า ‘ขอเวลาผมอีกสักหน่อยเถอะครับ แล้วจะใช้หนี้ให้’

30 แต่เขาไม่ยอม กลับสั่งให้จับเพื่อนทาสคนนั้นไปขังคุกจนกว่าจะใช้หนี้ให้ทั้งหมด 31 เมื่อทาสคนอื่นๆเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ก็รู้สึกสลดใจ จึงไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กษัตริย์ฟัง

32 กษัตริย์เรียกทาสคนนั้นมาหา และพูดว่า ‘ไอ้ทาสชาติชั่ว ข้าได้ยกหนี้ให้เอ็งทั้งหมดเพราะเอ็งอ้อนวอนข้า 33 เอ็งก็ควรจะสงสารเพื่อนทาสคนอื่นๆของเอ็ง เหมือนอย่างที่ข้าสงสารเอ็งด้วยไม่ใช่หรือ’ 34 กษัตริย์โกรธมาก ก็เลยส่งทาสคนนี้เข้าคุกและให้ลงโทษจนกว่าเขาจะใช้หนี้หมด 35 พระบิดาของเราที่อยู่บนสวรรค์จะทำอย่างนั้นกับคุณเหมือนกัน ถ้าคุณไม่ยอมยกโทษให้กับพี่น้องด้วยใจจริง”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International