Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Read the Gospels in 40 Days

Read through the four Gospels--Matthew, Mark, Luke, and John--in 40 days.
Duration: 40 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
มัทธิว 13-14

พระเยซูเล่าเรื่องการหว่านเมล็ดพืช

(มก. 4:1-9; ลก. 8:4-8)

13 ในวันเดียวกันนั้นเอง พระเยซูออกจากบ้านมานั่งอยู่ที่ริมทะเลสาบ คนจำนวนมากมาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์จึงลงไปนั่งอยู่ในเรือโดยมีคนพวกนั้นยืนอยู่ริมฝั่ง แล้วพระองค์ใช้เรื่องเปรียบเทียบต่างๆสอนพวกเขาหลายอย่าง พระองค์เล่าว่า “มีชาวนาคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช ในขณะที่กำลังหว่านอยู่นั้น พืชบางเมล็ดตกบนทางเดิน นกก็มาจิกกินหมด บางเมล็ดตกลงบนดินที่ชั้นล่างเป็นหิน มีดินไม่มากนัก เมล็ดพวกนั้นก็งอกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากดินไม่ลึก เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น พืชพวกนั้นก็ถูกแดดแผดเผา พวกมันมีรากตื้นๆก็เลยเหี่ยวแห้งตายไป บางเมล็ดตกลงกลางพงหนาม หนามก็งอกขึ้นมาปกคลุมพืชนั้นหมด บางเมล็ดตกลงบนดินดี จึงงอกงามเกิดดอกออกผลมากมาย ร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง และสามสิบเท่าบ้าง ใครมีหู ก็ฟังไว้ให้ดี”

สาเหตุที่พระเยซูใช้เรื่องเปรียบเทียบ

(มก. 4:10-12; ลก. 8:9-10)

10 พวกศิษย์ต่างถามพระเยซูว่า “ทำไมอาจารย์ถึงใช้แต่เรื่องเปรียบเทียบเล่าให้คนฟัง”

11 พระเยซูตอบว่า “มีแต่พวกคุณเท่านั้นที่เราจะบอกให้รู้ถึงเรื่องความลับของอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่คนอื่นๆเราจะไม่บอก 12 คนที่เข้าใจอยู่แล้วก็จะเข้าใจมากยิ่งขึ้นจนเหลือเฟือ ส่วนคนที่ไม่เข้าใจ แล้วยังไม่สนใจฟังอีก แม้สิ่งที่เขาเข้าใจก็จะหายไปด้วย[a] 13 นี่เป็นเหตุที่เราใช้เรื่องเปรียบเทียบเล่าให้พวกเขาฟัง เพราะถึงเขาจะเห็น ก็เหมือนกับไม่เห็น ถึงจะได้ยิน ก็เหมือนกับไม่ได้ยิน และไม่เข้าใจด้วย 14 ซึ่งก็เป็นจริงตามที่อิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าได้บอกไว้ว่า

‘คุณจะฟังแล้วฟังอีก แต่จะไม่เข้าใจ
    คุณจะดูแล้วดูอีก แต่จะไม่เห็น
15 เพราะจิตใจของคนพวกนี้ดื้อด้านไปเสียแล้ว
    พวกเขาปิดหูปิดตา จึงทำให้ตามองไม่เห็น
หูก็ไม่ได้ยิน และจิตใจก็ไม่เข้าใจ
    พวกเขาจึงไม่ได้หันกลับมาหาเราเพื่อให้เรารักษา’[b]

16 พวกคุณที่มีตามองเห็นและมีหูได้ยินนั้น ได้รับเกียรติจริงๆ 17 เราจะบอกให้รู้ว่า มีพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และพวกคนทั้งหลายที่ทำตามใจพระเจ้า ใฝ่ฝันอยากเห็น อยากได้ยินสิ่งที่พวกคุณเห็นและได้ยินนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เห็นและก็ไม่ได้ยินด้วย

พระเยซูอธิบายเรื่องเมล็ดพืช

(มก. 4:13-20; ลก. 8:11-15)

18 ฟังให้ดี นี่คือความหมายของเรื่องชาวนาที่หว่านเมล็ดพืช 19 เมล็ดพืชที่ตกตามถนนหนทาง คือคนที่ฟังเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉกฉวยเอาพืชที่หว่านอยู่ในใจของเขาไป 20 เมล็ดพืชที่ตกบนดินตื้นๆที่มีหินอยู่ข้างล่าง คือคนที่เมื่อได้ยินถ้อยคำแล้ว ก็รีบรับไว้ทันทีและมีความสุขทีเดียว 21 แต่ถ้อยคำไม่ได้ฝังลึกเข้าไปในจิตใจ จึงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเกิดเรื่องทุกข์ร้อนหรือถูกข่มเหงรังแกเพราะถ้อยคำนั้น ก็รีบทิ้งถ้อยคำนั้นทันที 22 เมล็ดพืชที่ตกลงในพงหนามนั้น คือคนที่ฟังถ้อยคำ แต่ยังเป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับชีวิตในโลกนี้ และหลงไหลในทรัพย์สมบัติ สิ่งเหล่านี้มาคลุมถ้อยคำไว้ เลยไม่เกิดผล 23 ส่วนเมล็ดพืชที่ตกลงในดินดีนั้น คือคนที่ได้ฟังถ้อยคำแล้วเข้าใจ จึงเกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง”

เรื่องข้าวสาลีและต้นวัชพืช

24 พระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเทียบอีกเรื่องหนึ่งให้ฟังว่า “อาณาจักรแห่งสวรรค์ เปรียบเหมือนกับคนที่หว่านเมล็ดพันธุ์ดีในนาของเขา 25 แต่ในคืนนั้น เมื่อทุกคนหลับหมด ศัตรูของเขาได้เข้ามาหว่านเมล็ดวัชพืชลงไปในนาข้าวสาลี แล้วก็ไป 26 เมื่อต้นข้าวสาลีออกรวง ต้นวัชพืชก็งอกงามขึ้นมาด้วย 27 พวกคนใช้มาถามเขาว่า ‘นายครับ นายหว่านเมล็ดพันธุ์ดีลงไปในนานี่ครับ แล้วต้นวัชพืชโผล่มาได้อย่างไรครับ’

28 เขาตอบไปว่า ‘เป็นฝีมือของศัตรู’ คนใช้ถามต่อว่า ‘นายจะให้พวกเราไปถอนต้นวัชพืชทิ้งไหมครับ’

29 เขาตอบว่า ‘ไม่ต้องหรอก เพราะกลัวว่าจะถอนข้าวสาลีติดไปกับต้นวัชพืชด้วย 30 ปล่อยให้มันเติบโตไปด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว แล้วข้าจะสั่งให้คนงานเก็บต้นวัชพืชก่อน แล้วมัดเข้าด้วยกัน เอาไปเผาไฟ แล้วจึงค่อยมาเก็บข้าวสาลีไปไว้ในยุ้งฉางของข้า’”

เรื่องเปรียบเทียบเกี่ยวกับเมล็ดพืชและเชื้อฟู

(มก. 4:30-34; ลก. 13:18-21)

31 พระเยซูยังเล่าเรื่องเปรียบเทียบอีกเรื่องหนึ่งให้ฟังว่า “อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง ที่ชาวนาเอาไปปลูกไว้ในไร่ของเขา 32 มันเป็นเมล็ดที่เล็กที่สุดในจำนวนเมล็ดทั้งหมด แต่เมื่อมันโตขึ้นมา มันกลับสูงใหญ่กว่าพืชสวนครัวทั้งหมดและกลายเป็นต้นที่นกมาทำรังตามกิ่งก้านของมันได้”

33 แล้วพระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเทียบอีกเรื่องหนึ่งให้ฟังว่า “อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนกับเชื้อฟู ที่ผู้หญิงคนหนึ่งผสมลงไปในแป้งสามถัง แล้วมันก็ทำให้แป้งทั้งก้อนฟูขึ้นมา”

34 พระเยซูเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟัง และใช้เรื่องเปรียบเทียบทั้งหมด ไม่มีสักเรื่องเลย ที่ไม่ได้ใช้เรื่องเปรียบเทียบเล่า 35 ซึ่งก็เป็นจริงตามที่ผู้พูดแทนพระเจ้าพูดไว้ว่า

“เราจะพูดออกมาเป็นเรื่องเปรียบเทียบ
    เราจะพูดถึงความลับที่ถูกปกปิดไว้ตั้งแต่สร้างโลกมา”[c]

ความหมายของเรื่องข้าวสาลีและต้นวัชพืช

36 พระเยซูจากฝูงชนมา แล้วเข้าไปในบ้าน พวกศิษย์เข้ามาบอกพระองค์ว่า “ช่วยอธิบายเรื่องต้นวัชพืชในนานั้นให้หน่อยครับ” 37 พระองค์ตอบว่า “คนที่หว่านเมล็ดพืชพันธุ์ดีคือ บุตรมนุษย์ 38 ไร่นาคือโลกนี้ เมล็ดพืชพันธุ์ดีคือคนของอาณาจักรของพระเจ้า ต้นวัชพืชคือคนของมารร้าย 39 ศัตรูที่เข้ามาหว่านวัชพืชคือมารร้าย ฤดูเก็บเกี่ยวคือวันสิ้นยุค และพวกคนงานที่เก็บเกี่ยวก็คือพวกทูตสวรรค์

40 ต้นวัชพืชถูกถอนไปเผาไฟอย่างไร เมื่อวันสิ้นยุคมาถึงก็จะเป็นอย่างนั้น 41 บุตรมนุษย์จะส่งทูตสวรรค์ของพระองค์ออกไปรวบรวมทุกอย่างที่ทำให้คนทำบาปและคนที่ทำชั่ว ให้ออกไปจากอาณาจักรของพระองค์ 42 ทูตสวรรค์จะเอาคนพวกนี้ ไปโยนลงในเตาไฟที่ร้อนแรง ที่มีแต่เสียงร้องไห้โหยหวนอย่างเจ็บปวด 43 แล้วคนที่ทำตามใจพระเจ้าก็จะส่องสว่างเหมือนกับดวงอาทิตย์ในอาณาจักรของพระบิดาของพวกเขา ใครมีหู ก็ฟังไว้ให้ดี”

เรื่องทรัพย์สมบัติและไข่มุก

44 “อาณาจักรแห่งสวรรค์เหมือนกับทรัพย์สมบัติที่ซ่อนไว้ในทุ่งนา เมื่อมีคนมาพบเข้าก็เอาไปซ่อนไว้เหมือนเดิม และด้วยความดีใจจึงไปขายทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี แล้วไปซื้อที่นานั้น”

45 “อาณาจักรแห่งสวรรค์เหมือนพ่อค้าที่ไปหาไข่มุกเม็ดงาม 46 เมื่อได้พบไข่มุกที่มีค่ามหาศาลเม็ดหนึ่ง จึงไปขายทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี และไปซื้อไข่มุกเม็ดนั้น”

เรื่องอวนจับปลา

47 “อาณาจักรแห่งสวรรค์เหมือนอวนที่ทอดอยู่ในทะเลสาบและจับปลาได้หลายชนิด 48 เมื่ออวนเต็ม ก็ลากอวนขึ้นฝั่ง นั่งเลือกแต่ปลาที่ดีๆใส่เข่ง และโยนปลาที่ไม่ดีทิ้งไป 49 ในวันสิ้นยุคก็จะเป็นอย่างนั้น เหล่าทูตสวรรค์จะออกมาแยกพวกคนชั่วออกจากพวกคนดี 50 แล้วจะโยนพวกคนชั่วลงในเตาไฟที่ร้อนแรงที่มีแต่เสียงร้องไห้โหยหวนอย่างเจ็บปวด”

51 “ทั้งหมดที่เราพูดมานี้ พวกคุณเข้าใจแล้วหรือยัง” พวกศิษย์ตอบว่า “เข้าใจแล้วครับ”

52 พระเยซูจึงพูดกับพวกศิษย์ว่า “พวกครูสอนกฎปฏิบัติทุกคน ที่ได้เรียนรู้ถึงอาณาจักรแห่งสวรรค์แล้ว ก็เหมือนเจ้าของบ้านคนหนึ่ง ที่ได้เอาสมบัติทั้งเก่าและใหม่ออกมาจากห้องเก็บของ”

พระเยซูกลับบ้าน

(มก. 6:1-6; ลก. 4:16-30)

53 เมื่อพระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเทียบพวกนี้เสร็จแล้ว พระองค์ได้ไปจากที่นั่น 54 กลับไปที่บ้านเมืองของพระองค์ แล้วเริ่มสอนคนในที่ประชุมชาวยิว พวกเขาก็ทึ่งและถามกันว่า “ไอ้หมอนี่ไปได้สติปัญญาและฤทธิ์อำนาจในการทำเรื่องอัศจรรย์นี้มาจากไหนกัน 55 นี่มันลูกช่างไม้ไม่ใช่หรือ มีแม่ชื่อมารีย์ มีน้องชายชื่อยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาส ไม่ใช่หรือ 56 น้องสาวทุกคนของมันก็อยู่เมืองเดียวกับพวกเราด้วยไม่ใช่หรือ แล้วมันไปได้สติปัญญาและฤทธิ์อำนาจอย่างนี้มาจากที่ไหน” 57 พวกเขาจึงขุ่นเคืองพระองค์มาก แต่พระองค์พูดกับพวกเขาว่า “ผู้พูดแทนพระเจ้า ได้รับเกียรติในทุกที่ ยกเว้นในบ้านเมือง และในครอบครัวของตนเองเท่านั้น” 58 พระเยซูจึงไม่ได้ทำการอัศจรรย์ที่นั่นมากนัก เพราะพวกนั้นไม่มีความเชื่อในพระองค์

เฮโรดได้ยินเรื่องของพระเยซู

(มก. 6:14-29; ลก. 9:7-9)

14 เมื่อกษัตริย์เฮโรด[d] ผู้ปกครองแคว้นกาลิลีได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซู ก็พูดกับที่ปรึกษาของเขาว่า “ต้องเป็นยอห์นคนที่ทำพิธีจุ่มน้ำ ฟื้นขึ้นจากความตายแน่ๆ เขาถึงทำการอัศจรรย์พวกนี้ได้”

ยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำตายอย่างไร

ก่อนหน้านี้ เฮโรดได้จับยอห์นล่ามโซ่และขังคุกไว้ เพราะเห็นแก่นางเฮโรเดียสภรรยาของฟีลิปน้องชายของเฮโรดเอง เพราะยอห์นบอกเขาเสมอว่า “มันผิดที่ท่านเอาเฮโรเดียสมาเป็นภรรยา” เฮโรดจึงอยากจะฆ่ายอห์น แต่เขาก็กลัวประชาชน เพราะประชาชนถือว่ายอห์นเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า

ในงานวันเกิดของเฮโรด ลูกสาวของเฮโรเดียสได้ออกมาเต้นรำให้เฮโรดและแขกของเขาดู เธอทำให้เฮโรดถูกอกถูกใจมาก เฮโรดสาบานที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอขอ เธอขอเฮโรดตามที่แม่ของเธอบอกให้ขอ คือ “ดิฉันขอหัวของยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำใส่ถาดมาให้ที่นี่ค่ะ” กษัตริย์เฮโรดเสียใจมาก แต่เพราะเขาได้สาบานไว้แล้วต่อหน้าแขกของเขา เฮโรดจึงสั่งให้ทำตามที่เธอต้องการ 10 เฮโรดใช้ให้คนไปตัดหัวยอห์นในคุก 11 แล้วเอาใส่ถาดมาให้เธอ แล้วเธอก็เอาไปให้แม่ของเธอ 12 พวกศิษย์ของยอห์นมาเอาร่างของยอห์นไปฝัง และไปเล่าเรื่องนี้ให้พระเยซูฟัง

พระเยซูเลี้ยงคนมากกว่าห้าพันคน

(มก. 6:30-44; ลก. 9:10-17; ยน. 6:1-14)

13 เมื่อพระเยซูได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับยอห์น พระองค์ได้ลงเรือไปยังที่เปลี่ยวเพียงคนเดียว เมื่อผู้คนจากหมู่บ้านต่างๆได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็เดินเท้าติดตามพระองค์ 14 เมื่อพระองค์มาถึงฝั่งก็เห็นฝูงชนเป็นจำนวนมากรออยู่ก่อนแล้ว พระองค์รู้สึกสงสารและได้รักษาโรคให้กับคนป่วย

15 เมื่อถึงตอนเย็น พวกศิษย์มาบอกพระเยซูว่า “ที่นี่ก็เปลี่ยวมากและนี่ก็เย็นมากแล้ว ส่งฝูงชนพวกนี้กลับไปเถอะ พวกเขาจะได้เข้าไปตามหมู่บ้านต่างๆหาซื้ออาหารกินกัน”

16 แต่พระเยซูตอบว่า “พวกเขาไม่ต้องไปไหนหรอก อยู่นี่แหละ พวกคุณไปหาอาหารมาเลี้ยงพวกเขาสิ”

17 พวกศิษย์ตอบว่า “พวกเราไม่มีอะไรเลยนอกจากขนมปังห้าก้อน กับปลาสองตัวเท่านั้น”

18 พระเยซูบอกว่า “เอามานี่สิ” 19 พระเยซูสั่งให้ฝูงชนนั่งลงบนหญ้า แล้วพระองค์หยิบขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวมา พระเยซูมองขึ้นไปบนสวรรค์ ขอบคุณพระเจ้าแล้วพระองค์แบ่งขนมปังให้กับพวกศิษย์ แล้วพวกศิษย์ก็แจกขนมปังให้ประชาชน 20 ทุกคนกินกันจนอิ่ม และพวกศิษย์ยังเก็บเศษอาหารที่เหลือได้จนเต็มสิบสองเข่ง 21 คนที่กินอาหารอยู่ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน ไม่นับผู้หญิงและเด็ก

พระเยซูเดินบนน้ำ

(มก. 6:45-52; ยน. 6:16-21)

22 ทันทีที่กินกันเสร็จแล้ว พระเยซูให้พวกศิษย์ลงเรือข้ามฟากไปก่อนล่วงหน้า ส่วนพระองค์รอส่งประชาชนอยู่ที่นั่น 23 เมื่อพระองค์ส่งประชาชนเสร็จแล้ว พระองค์ขึ้นไปบนภูเขาตามลำพังเพื่ออธิษฐาน เมื่อถึงตอนค่ำ พระองค์ก็ยังอยู่ที่นั่นคนเดียว 24 ส่วนเรือได้ออกไปไกลจากฝั่งมากแล้ว และถูกคลื่นซัดเพราะแล่นทวนลมอยู่

25 ช่วงตีสามถึงหกโมงเช้า พระเยซูเดินบนน้ำไปหาพวกเขา 26 เมื่อพวกศิษย์เห็นพระองค์เดินอยู่บนน้ำ ก็ตกใจกลัว ร้องกันเสียงหลงว่า “ผี”

27 พระองค์ก็รีบบอกกับพวกเขาว่า “อย่าตกใจ เราเอง ไม่ต้องกลัว”

28 เปโตรก็เลยพูดว่า “อาจารย์ ถ้าเป็นอาจารย์จริงๆเรียกให้ผมเดินบนน้ำไปหาหน่อยสิครับ”

29 พระเยซูจึงพูดว่า “มาสิ” เปโตรก็ออกมาจากเรือ เดินบนน้ำไปหาพระองค์ 30 แต่เมื่อเปโตรเห็นคลื่นลมพัดแรงก็กลัว และเริ่มจมลงไปในน้ำ เขาร้องตะโกนว่า “อาจารย์ ช่วยด้วย”

31 พระเยซูยื่นมือจับตัวเขาไว้ทันที แล้วพูดว่า “ความเชื่อน้อยจริงๆ จะไปสงสัยทำไม”

32 เมื่อเปโตรและพระเยซูขึ้นมาอยู่บนเรือแล้ว ลมก็สงบลง 33 พวกศิษย์ที่อยู่ในเรือต่างมากราบไหว้พระองค์ และพูดว่า “อาจารย์เป็นพระบุตรของพระเจ้าจริงๆ”

พระเยซูรักษาคนป่วยเป็นจำนวนมาก

(มก. 6:53-56)

34 เมื่อข้ามฟากมาถึงฝั่งเยนเนซาเรท 35 ประชาชนที่นั่นจำพระเยซูได้ ก็เลยส่งข่าวกันไปทั่วบริเวณที่อยู่ใกล้ๆนั้นว่าพระเยซูมา พวกเขาพาพวกคนป่วยทั้งหมดมาหาพระองค์ 36 พวกคนป่วยต่างอ้อนวอนขอแค่แตะพู่ที่ชายเสื้อคลุมของพระองค์ และทุกคนที่ได้แตะก็หายป่วยกันหมด

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International