Previous Prev Day Next DayNext

Read the Gospels in 40 Days

Read through the four Gospels--Matthew, Mark, Luke, and John--in 40 days.
Duration: 40 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
มาระโก 13-14

หมายสำคัญแห่งวาระสิ้นยุค(A)

13 ขณะพระเยซูเสด็จออกจากพระวิหาร สาวกคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า “ดูสิ พระอาจารย์! หินก้อนมหึมาทั้งนั้น! ช่างเป็นอาคารที่งามตระการตายิ่งนัก!”

พระเยซูตรัสตอบว่า “พวกท่านเห็นอาคารใหญ่โตมโหฬารเหล่านี้ใช่ไหม? ศิลาที่นี่จะไม่เหลือซ้อนทับกันสักก้อนเดียว ทุกก้อนจะถูกโยนทิ้งลงมาหมด”

ขณะพระเยซูประทับอยู่บนภูเขามะกอกเทศตรงข้ามกับพระวิหาร เปโตร ยากอบ ยอห์น และอันดรูว์มาทูลถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “ขอทรงบอกพวกข้าพระองค์เถิด สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด? และอะไรเป็นหมายสำคัญว่าสิ่งทั้งปวงนั้นกำลังจะสำเร็จ?”

พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “จงระวัง อย่าให้ใครมาล่อลวงท่าน หลายคนจะมาในนามของเราและอ้างตัวว่า ‘เราคือผู้นั้น’ แล้วล่อลวงคนเป็นอันมาก เมื่อท่านได้ยินข่าวสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม อย่าตื่นตกใจ เพราะสิ่งเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นแต่ยังไม่ถึงจุดจบ ประชาชาติต่อประชาชาติและอาณาจักรต่ออาณาจักรจะสู้รบกัน จะเกิดแผ่นดินไหวและการกันดารอาหารในที่ต่างๆ เหตุการณ์เหล่านี้คือขั้นเริ่มต้นของความเจ็บปวดก่อนคลอดบุตร

“ท่านต้องเฝ้าระวัง ท่านจะถูกคุมตัวไปยังที่ว่าการในท้องที่และถูกโบยตีในธรรมศาลา ท่านต้องไปยืนอยู่ต่อหน้าผู้ว่าการและกษัตริย์แล้วเป็นพยานแก่พวกเขาเพื่อเรา 10 ข่าวประเสริฐต้องประกาศแก่มวลประชาชาติก่อน 11 เมื่อใดก็ตามที่ท่านถูกจับกุมและส่งตัวขึ้นศาล อย่าวิตกกังวลไปก่อนว่าจะพูดอะไรดี จงพูดไปตามถ้อยคำที่ประทานแก่ท่านในเวลานั้นเพราะไม่ใช่ตัวท่านเองที่เป็นผู้พูดแต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์

12 “พี่น้องจะทรยศกันเองถึงตายและพ่อจะทรยศลูก ลูกจะกบฏต่อพ่อแม่และเป็นเหตุให้พวกเขาถึงตาย 13 คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะเรา แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงที่สุดจะรอด

14 “เมื่อใดที่ท่านเห็น ‘สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนอันเป็นต้นเหตุของวิบัติ’[a] ตั้งอยู่ในที่ซึ่งไม่ใช่ที่ของมัน[b] (ให้ผู้อ่านทำความเข้าใจเอาเถิด) เมื่อนั้นให้ผู้ที่อยู่ในยูเดียหนีไปที่ภูเขา 15 ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาบ้านอย่าลงมาหรือเข้าบ้านมาหยิบสิ่งใดออกไป 16 ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนาก็อย่ากลับไปเอาเสื้อคลุมของท่าน 17 วันเหล่านั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนักสำหรับหญิงมีครรภ์หรือแม่ลูกอ่อน 18 จงอธิษฐานให้เหตุการณ์นี้ไม่เกิดในฤดูหนาว 19 เพราะเวลานั้นจะเป็นวาระแห่งความทุกข์ลำเค็ญอย่างที่ไม่มีครั้งใดเทียบเท่าตั้งแต่เริ่มแรกเมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกจนถึงบัดนี้ และจะไม่มีครั้งใดเทียบเท่าอีก 20 หากองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงร่นวันเหล่านั้นให้สั้นเข้าก็จะไม่มีใครเหลือรอดเลย แต่เพราะเห็นแก่ผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้พระองค์จึงทรงทำให้วันเหล่านั้นสั้นลง 21 เมื่อเวลานั้นมาถึงหากมีใครมาบอกท่านว่า ‘ดูเถิด พระคริสต์[c]อยู่ที่นี่!’ หรือ ‘ดูเถิด พระองค์อยู่ที่นั่น!’ อย่าไปเชื่อเลย 22 เพราะจะมีพระคริสต์ปลอมและผู้เผยพระวจนะเท็จปรากฏขึ้น พวกเขาจะแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ เพื่อลวงผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้หากเป็นไปได้ 23 ฉะนั้นจงระวัง เราบอกทุกอย่างแก่ท่านไว้ล่วงหน้าแล้ว

24 “แต่ในวาระนั้นหลังจากความทุกข์เข็ญ

“ ‘ดวงอาทิตย์จะถูกดับ
ดวงจันทร์จะไม่ทอแสง
25 ดวงดาวทั้งหลายจะร่วงจากท้องฟ้า
และฟ้าสวรรค์จะถูกเขย่า’[d]

26 “เมื่อนั้นคนทั้งหลายจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในหมู่เมฆด้วยเดชานุภาพและพระเกียรติสิริอันยิ่งใหญ่ 27 พระองค์จะทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มารวบรวมผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้จากทั้งสี่ทิศ จากปลายแผ่นดินโลกถึงสุดขอบฟ้าสวรรค์

28 “จงเรียนรู้บทเรียนนี้จากต้นมะเดื่อ คือทันทีที่มันแตกกิ่งและผลิใบท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้ว 29 เช่นเดียวกันเมื่อท่านเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ท่านก็รู้ว่าสิ่งนี้[e]ใกล้เข้ามาแล้ว อยู่ที่ประตูนี่เอง 30 เราบอกความจริงแก่ท่านว่าคนในยุคนี้[f]ยังไม่ทันล่วงลับไป สิ่งทั้งปวงเหล่านี้ก็เกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน 31 ฟ้าและดินจะสูญสิ้นไปแต่ถ้อยคำของเราจะไม่มีวันสูญสิ้น

วันเวลาที่ไม่มีใครรู้

32 “ไม่มีใครรู้วันเวลาที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น แม้แต่ทูตสวรรค์หรือพระบุตรก็ไม่รู้ พระบิดาเท่านั้นที่ทรงทราบ 33 จงระวัง! จงตื่นตัว![g] ท่านไม่รู้ว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อใด 34 ก็เหมือนชายคนหนึ่งออกจากบ้านไป เขาตั้งคนรับใช้ให้รับผิดชอบหน้าที่ต่างๆ ตามที่แต่ละคนได้รับมอบหมายและบอกคนเฝ้าประตูให้เฝ้าระวังไว้

35 “ฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่เพราะท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะกลับมาเมื่อใด อาจจะกลับมาเวลาค่ำหรือเวลาเที่ยงคืน เวลาไก่ขัน หรือเวลารุ่งสาง 36 ถ้าเขากลับมากระทันหันก็อย่าให้เขาพบว่าท่านกำลังหลับอยู่ 37 สิ่งที่เราบอกกับท่านเราก็บอกกับทุกๆ คนว่า ‘จงเฝ้าระวัง!’”

พระเยซูทรงรับการชโลมที่เบธานี(B)

14 อีกสองวันจะถึงเทศกาลปัสกาและเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อ พวกหัวหน้าปุโรหิตกับธรรมาจารย์กำลังหาอุบายที่จะจับพระเยซูมาฆ่า เขาพูดกันว่า “แต่อย่าลงมือช่วงเทศกาลเลยมิฉะนั้นประชาชนจะก่อการจลาจล”

ที่หมู่บ้านเบธานีขณะพระเยซูทรงนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะอาหารในบ้านของซีโมนคนโรคเรื้อน หญิงคนหนึ่งถือขวดน้ำมันหอมราคาแพงมากมา น้ำมันหอมนั้นทำจากเครื่องหอมบริสุทธิ์ นางเปิดขวดและรินน้ำมันหอมลงบนพระเศียรของพระองค์

บางคนที่นั่นไม่พอใจ ต่างพูดกันว่า “ทำให้น้ำมันหอมเสียไปเปล่าๆ ทำไม? ถ้านำไปขายคงจะได้เงินมากกว่าค่าจ้างคนงานทั้งปี[h] จะได้เอาเงินไปให้คนยากจน” และพวกเขาตำหนินางอย่างรุนแรง

พระเยซูตรัสว่า “อย่ายุ่งกับนาง ไปกวนใจนางทำไม? หญิงคนนี้ได้ทำสิ่งดีงามให้เรา ท่านจะมีคนยากจนอยู่กับท่านเสมอและท่านสามารถช่วยพวกเขาได้ทุกเวลาตามที่ท่านต้องการ แต่เราจะไม่ได้อยู่กับท่านเสมอไป หญิงคนนี้ทำเท่าที่นางทำได้ นางรินน้ำหอมลงบนกายของเราเป็นการเตรียมสำหรับพิธีศพของเราไว้ล่วงหน้า เราบอกความจริงแก่ท่านว่าไม่ว่าข่าวประเสริฐจะเผยแผ่ไปที่ใดๆ ทั่วโลก สิ่งที่นางได้ทำก็จะถูกเล่าขานไปเป็นการระลึกถึงนาง”

10 แล้วยูดาสอิสคาริโอทหนึ่งในสาวกสิบสองคนก็ไปพบพวกหัวหน้าปุโรหิตเพื่อจะมอบพระเยซูให้คนเหล่านั้น 11 พวกหัวหน้าปุโรหิตฟังแล้วก็ดีใจ และสัญญาจะให้เงินแก่ยูดาส เขาจึงจ้องหาโอกาสที่จะมอบพระองค์แก่พวกนั้น

พระเยซูเสวยปัสกากับเหล่าสาวก(C)

12 วันแรกของเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อซึ่งตามธรรมเนียมจะถวายแกะปัสกา เหล่าสาวกของพระเยซูมาทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์ทรงประสงค์ให้จัดเตรียมปัสกาสำหรับเสวยที่ไหน?”

13 พระองค์จึงทรงส่งสาวกสองคนไปพร้อมทั้งตรัสว่า “จงเข้าไปในเมือง จะมีชายคนหนึ่งทูนหม้อน้ำมาพบท่าน จงตามคนนั้นไป 14 จงบอกเจ้าของบ้านที่ชายคนนั้นเดินเข้าไปว่า ‘พระอาจารย์ตรัสถามว่าห้องรับรองแขกที่พระองค์จะเสวยปัสการ่วมกับเหล่าสาวกอยู่ที่ไหน?’ 15 เขาจะพาไปดูห้องใหญ่ชั้นบนซึ่งตกแต่งเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว จงเตรียมปัสกาให้เราที่นั่น”

16 สาวกทั้งสองก็เข้าไปในเมืองและได้พบสิ่งต่างๆ ตามที่พระเยซูตรัส เขาจึงเตรียมปัสกา

17 พอพลบค่ำพระเยซูเสด็จมาพร้อมกับสาวกทั้งสิบสองคน 18 ขณะที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะอาหารพระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าคนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา คือผู้ที่กำลังรับประทานอาหารกับเรา”

19 เหล่าสาวกก็เสียใจและทูลพระองค์ทีละคนว่า “ไม่ใช่ข้าพระองค์แน่ใช่ไหม?”

20 พระเยซูตรัสว่า “เขาเป็นหนึ่งในสาวกสิบสองคน เป็นคนที่หยิบอาหารจุ่มในชามเดียวกับเรา 21 บุตรมนุษย์จะต้องไปตามที่มีเขียนไว้แต่วิบัติแก่ผู้นั้นที่ทรยศบุตรมนุษย์! ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาก็ยังจะดีกับตัวเขาเองมากกว่า”

พิธีมหาสนิท(D)

22 ขณะรับประทานอาหารพระเยซูทรงหยิบขนมปัง ทรงขอบพระคุณพระเจ้าแล้วหักส่งให้เหล่าสาวกพร้อมทั้งตรัสว่า “จงรับไปรับประทานเถิด นี่เป็นกายของเรา”

23 แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย ทรงขอบพระคุณพระเจ้าและยื่นให้กับพวกเขา และพวกเขาทุกคนก็ดื่ม

24 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “นี่คือโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา[i]ซึ่งหลั่งรินเพื่อคนเป็นอันมาก 25 เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเราจะไม่ดื่มน้ำจากผลองุ่นนี้อีกจนกว่าจะถึงวันนั้นที่เราดื่มใหม่ในอาณาจักรของพระเจ้า”

26 เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้วพวกเขาก็ออกไปยังภูเขามะกอกเทศ

พระเยซูทรงทำนายว่าเปโตรจะปฏิเสธพระองค์(E)

27 พระเยซูตรัสแก่เหล่าสาวกว่า “พวกท่านจะทิ้งเราไปกันหมด เพราะมีเขียนไว้ว่า

“ ‘เราจะฟาดฟันคนเลี้ยงแกะ
และแกะจะกระจัดกระจายไป’[j]

28 แต่หลังจากที่เราเป็นขึ้นเราจะไปยังกาลิลีก่อนหน้าท่าน”

29 เปโตรประกาศว่า “ถึงใครๆ ทิ้งพระองค์ไปหมดแต่ข้าพระองค์จะไม่ทิ้งพระองค์”

30 พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าวันนี้คืนนี้ก่อนไก่ขันสองหน[k]ท่านเองจะปฏิเสธเราสามครั้ง”

31 แต่เปโตรยังยืนยันแข็งขันว่า “ถึงแม้ข้าพระองค์ต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์จะไม่มีวันปฏิเสธพระองค์” แล้วสาวกที่เหลือก็พูดแบบเดียวกัน

เกทเสมนี(F)

32 พวกเขามายังที่แห่งหนึ่งเรียกว่าเกทเสมนี พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะที่เราไปอธิษฐาน” 33 พระองค์ทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปกับพระองค์ด้วย ทรงเศร้าโศกและเป็นทุกข์ยิ่งนัก 34 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จิตวิญญาณของเราท่วมท้นด้วยความเศร้าโศกทุกข์หนักแทบจะตาย จงเฝ้าระวังอยู่ที่นี่”

35 พระองค์ทรงดำเนินเลยไปอีกหน่อยหนึ่งแล้วซบลงที่พื้นและทรงอธิษฐานว่าหากเป็นไปได้ขอให้ชั่วโมงนั้นผ่านพ้นไปจากพระองค์ 36 พระองค์ทรงทูลว่า “อับบา[l] พระบิดาเจ้าข้า ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับพระองค์ ขอทรงเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพระองค์ อย่างไรก็ตามอย่าให้เป็นไปตามใจของข้าพระองค์แต่ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์”

37 แล้วพระองค์ทรงกลับมาหาสาวกเหล่านั้นและพบว่าพวกเขานอนหลับอยู่จึงตรัสกับเปโตรว่า “ซีโมน ท่านหลับอยู่หรือ? จะคอยเฝ้าระวังอยู่สักชั่วโมงเดียวไม่ได้เชียวหรือ? 38 จงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อท่านจะไม่ตกเข้าไปอยู่ในการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริงแต่กายยังอ่อนกำลัง”

39 แล้วพระองค์เสด็จไปอธิษฐานอย่างเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง 40 เมื่อเสด็จกลับมาก็พบว่าพวกเขายังคงหลับอยู่เพราะเขาง่วงมากจนลืมตาไม่ขึ้น พวกเขาไม่รู้จะทูลพระองค์ว่าอย่างไร

41 เมื่อทรงกลับมาเป็นครั้งที่สามพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านยังนอนหลับพักผ่อนอยู่อีกหรือ? พอเถอะ! ถึงเวลาแล้ว ดูเถิด บุตรมนุษย์กำลังจะถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือของคนบาปแล้ว 42 ลุกขึ้น! ไปกันเถิด! ผู้ทรยศเรามาแล้ว!”

พระเยซูถูกจับกุม(G)

43 พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ยูดาสหนึ่งในสาวกสิบสองคนก็ปรากฏตัวขึ้น มีคนกลุ่มใหญ่ถือดาบถือกระบองมากับเขาด้วย พวกหัวหน้าปุโรหิต ธรรมาจารย์ และเหล่าผู้อาวุโสเป็นผู้ส่งคนเหล่านี้มา

44 ผู้ทรยศได้ตกลงเรื่องอาณัติสัญญาณกับพวกเขาว่า “ผู้ที่เราจูบคือผู้นั้น ให้จับกุมและคุมตัวเขาไป” 45 ยูดาสตรงเข้ามาหาพระเยซูทันทีและทูลว่า “รับบี!” แล้วจูบพระองค์ 46 พวกนั้นจึงจับกุมพระเยซู 47 แล้วคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ชักดาบออกมาฟันหูบ่าวของมหาปุโรหิตขาด

48 พระเยซูตรัสว่า “เราก่อการกบฏหรือ? ท่านจึงได้ถือดาบถือกระบองมาจับเรา 49 ทุกวันเราอยู่กับพวกท่าน สั่งสอนอยู่ในลานพระวิหารท่านก็ไม่มาจับกุมเรา แต่จะต้องเป็นจริงตามพระคัมภีร์” 50 แล้วทุกคนก็ทิ้งพระองค์และหนีกันไปหมด

51 ชายหนุ่มคนหนึ่งมีแต่ผ้าลินินห่มกายได้ติดตามพระเยซูไป เมื่อคนเหล่านั้นจับกุมเขา 52 เขาก็สลัดผ้าทิ้งแล้วหนีไปทั้งๆ ที่เปลือยกาย

ต่อหน้าสภาแซนเฮดริน(H)

53 พวกเขานำพระเยซูมาพบมหาปุโรหิต ขณะนั้นพวกหัวหน้าปุโรหิต ธรรมาจารย์ และเหล่าผู้อาวุโสมาชุมนุมกันอยู่ 54 เปโตรตามพระเยซูมาห่างๆ จนถึงลานบ้านของมหาปุโรหิต เขาก็เข้าไปนั่งผิงไฟกับพวกยามพระวิหาร

55 พวกหัวหน้าปุโรหิตและทั้งสภาแซนเฮดรินพยายามค้นหาหลักฐานมามัดตัวพระเยซูเพื่อจะได้ประหารพระองค์ แต่พวกเขาไม่พบเลย 56 มีหลายคนเป็นพยานเท็จปรักปรำพระองค์ แต่คำให้การของพวกเขาไม่สอดคล้องกัน

57 แล้วมีบางคนยืนขึ้นเป็นพยานเท็จกล่าวหาพระองค์ว่า 58 “พวกเราได้ยินเขากล่าวว่า ‘เราจะทำลายวิหารนี้ซึ่งสร้างขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ แล้วในสามวันจะสร้างอีกวิหารหนึ่งขึ้นซึ่งไม่ได้สร้างด้วยมือมนุษย์’ ” 59 ถึงกระนั้นคำพยานของพวกเขาก็ขัดกันเอง

60 มหาปุโรหิตจึงยืนขึ้นต่อหน้าที่ประชุมและถามพระเยซูว่า “ท่านจะไม่ตอบอะไรหรือ? ท่านจะว่าอย่างไรกับข้อกล่าวหาของพยานเหล่านี้?” 61 แต่พระเยซูทรงนิ่งอยู่ ไม่ได้ตรัสตอบ

มหาปุโรหิตจึงถามพระองค์อีกครั้งว่า “ท่านคือพระคริสต์[m] พระบุตรขององค์ผู้ทรงเป็นที่สรรเสริญหรือ?”

62 พระเยซูตรัสว่า “เราเป็น และท่านจะเห็นบุตรมนุษย์นั่งอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ขององค์ผู้ทรงฤทธิ์และเสด็จมาบนหมู่เมฆแห่งฟ้าสวรรค์”

63 มหาปุโรหิตจึงฉีกเสื้อของตนและพูดว่า “เราจะต้องหาพยานอีกทำไม? 64 ท่านทั้งหลายได้ยินเขาพูดหมิ่นประมาทแล้ว ท่านคิดเห็นอย่างไร?”

พวกเขาทั้งหมดเห็นพ้องกันว่าพระองค์ควรรับโทษถึงตาย 65 แล้วบางคนก็ถ่มน้ำลายรดพระองค์ พวกเขาเอาผ้าปิดพระเนตร ต่อยพระองค์ แล้วพูดว่า “ทายมาสิ!” พวกยามก็นำพระองค์ไปและทุบตีพระองค์

เปโตรปฏิเสธพระเยซู(I)

66 ขณะเปโตรอยู่ข้างล่างที่ลานบ้าน มีสาวใช้คนหนึ่งของมหาปุโรหิตผ่านมา 67 เมื่อนางเห็นเปโตรผิงไฟอยู่ก็จ้องมองและพูดว่า

“เจ้าก็อยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธด้วย”

68 แต่เปโตรปฏิเสธว่า “เจ้าพูดอะไรข้าไม่รู้เรื่อง” แล้วออกไปที่ทางเข้า[n]

69 สาวใช้คนนั้นเห็นเขาที่นั่นก็พูดกับคนที่ยืนอยู่แถวนั้นอีกว่า “คนนี้ก็เป็นคนหนึ่งในพวกนั้น” 70 เปโตรปฏิเสธอีก

ครู่หนึ่งต่อมาคนที่ยืนใกล้ๆ พูดกับเปโตรว่า “ใช่แน่ๆ เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้นเพราะเจ้าเป็นชาวกาลิลี”

71 เปโตรจึงเริ่มสบถสาบานเป็นการใหญ่ว่า “ข้าไม่รู้จักคนที่พวกเจ้าพูดถึง”

72 ทันใดนั้นไก่ก็ขันเป็นครั้งที่สอง[o] เปโตรจึงนึกขึ้นได้ที่พระเยซูตรัสกับเขาไว้ว่า “ก่อนไก่ขันสองหน[p]ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” เปโตรก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.