The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.
23 ขณะที่กษัตริย์และผู้ตามเสด็จเดินทางผ่านไป ผู้คนก็โศกสลดทั่วทั้งเมือง ดาวิดและผู้ติดตามทั้งหมดก็ข้ามหุบเขาขิดโรนและมุ่งหน้าไปยังถิ่นกันดาร
24 ศาโดกอยู่ที่นั่นด้วย และคนเลวีทั้งหมดที่อยู่ด้วยกับเขาก็ช่วยกันหามหีบพันธสัญญาของพระเจ้า พวกเขาวางหีบพันธสัญญาลงและอาบียาธาร์ถวายเครื่องบูชา[a]จนกระทั่งทุกคนออกจากเมือง
25 ดาวิดจึงตรัสกับศาโดกว่า “ขอให้นำหีบพันธสัญญาของพระเจ้ากลับเข้าเมืองเถิด หากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดปรานเรา พระองค์จะทรงนำเราให้กลับมาเห็นหีบพันธสัญญาและพระนิเวศของพระองค์อีก 26 แต่หากพระองค์ตรัสว่า ‘เราไม่พอใจเจ้า’ ตัวเราก็พร้อมแล้ว ขอพระองค์ทรงกระทำแก่เราตามแต่ทรงเห็นชอบ”
27 กษัตริย์ตรัสกับปุโรหิตศาโดกอีกว่า “ท่านเป็นผู้ทำนายไม่ใช่หรือ? จงกลับเข้าไปในเมืองโดยสวัสดิภาพพร้อมกับอาหิมาอัสลูกชายของท่านและโยนาธานลูกชายของอาบียาธาร์ ท่านกับอาบียาธาร์พาลูกชายทั้งสองกลับไปเถิด 28 เราจะหยุดอยู่ที่สันดอนในถิ่นกันดาร คอยฟังข่าวจากท่าน” 29 ศาโดกกับอาบียาธาร์จึงอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้ากลับเข้ากรุงเยรูซาเล็มและพักอยู่ที่นั่น
30 ส่วนดาวิดเสด็จโดยพระบาทเปล่าต่อไปถึงภูเขามะกอกเทศ ทรงกันแสงไปตลอดทาง มีผ้าคลุมพระเศียร ประชากรที่ตามเสด็จก็เอาผ้าคลุมศีรษะและร้องไห้ไปด้วย 31 เมื่อมีผู้กราบทูลดาวิดว่าอาหิโธเฟลร่วมอยู่ในกลุ่มผู้คบคิดกับอับซาโลมด้วย ดาวิดก็อธิษฐานว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอ ทรงทำให้คำแนะนำของอาหิโธเฟลกลายเป็นคำแนะนำที่โง่เขลาเถิด”
32 เมื่อดาวิดมาถึงยอดเขาซึ่งเคยเป็นที่นมัสการพระเจ้า ก็พบหุชัยชาวอารคีรอรับเสด็จอยู่ สวมเสื้อผ้าขาดวิ่นและมีฝุ่นธุลีเต็มศีรษะ 33 ดาวิดก็ตรัสกับหุชัยว่า “ถ้าเจ้าไปกับเราก็เป็นภาระเปล่าๆ 34 จงกลับเข้าเมืองเถิด และบอกอับซาโลมว่า ‘ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพระบาทเป็นผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท ข้าพระบาทเป็นผู้รับใช้ของราชบิดาของฝ่าพระบาทในอดีต แต่บัดนี้ข้าพระบาทจะเป็นผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท’ เพื่อเจ้าจะได้ช่วยเราหักล้างคำแนะนำของอาหิโธเฟล 35 ปุโรหิตศาโดกกับอาบียาธาร์อยู่ที่นั่นกับเจ้าไม่ใช่หรือ? มีอะไรที่เจ้าได้ยินจากวังก็จงบอกเขา 36 อาหิมาอัสลูกชายของศาโดกกับโยนาธานลูกชายของอาบียาธาร์ก็อยู่ด้วย เจ้าได้ยินอะไรมาก็ใช้สองคนนี้มาบอกเราเถิด”
37 ฉะนั้นหุชัยสหายของดาวิดจึงกลับไปยังเยรูซาเล็ม พอดีกับที่อับซาโลมกำลังจะเข้ากรุง
ดาวิดและศิบา
16 ดาวิดเพิ่งจะเสด็จผ่านยอดเขาก็ทรงพบศิบาหัวหน้าคนรับใช้ของเมฟีโบเชทมาคอยเฝ้า เขานำลาคู่หนึ่งผูกอานพร้อมบรรทุกขนมปังสองร้อยก้อน ขนมลูกเกดหนึ่งร้อยก้อน มะเดื่ออัดหนึ่งร้อยก้อน และเหล้าองุ่นหนึ่งถุงหนังมาด้วย
2 ดาวิดตรัสถามเขาว่า “เอาของพวกนี้มาทำไม?”
ศิบาทูลว่า “ลานี้สำหรับให้คนในครัวเรือนของฝ่าพระบาทขี่ไป ขนมปังและผลไม้ไว้ให้คนของฝ่าพระบาทรับประทาน ส่วนเหล้าองุ่นไว้สำหรับฟื้นกำลังคนที่อ่อนระโหยในถิ่นกันดาร”
3 กษัตริย์ตรัสถามว่า “หลานของนายเจ้าอยู่ที่ไหน?”
ศิบากราบทูลว่า “พักอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มพระเจ้าข้า เพราะเขาคิดว่า ‘ในวันนี้วงศ์วานอิสราเอลจะคืนอาณาจักรของเสด็จปู่ซาอูลให้แล้ว’ ”
4 ดาวิดจึงตรัสกับศิบาว่า “บัดนี้ทุกอย่างในกรรมสิทธิ์ของเมฟีโบเชทเป็นของเจ้าแล้ว”
ศิบากราบทูลว่า “ขอถวายบังคม ขอให้ข้าพระบาทเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของฝ่าพระบาท”
ชิเมอีสาปแช่งดาวิด
5 ขณะที่ดาวิดเสด็จใกล้จะถึงบาฮูริม ชายคนหนึ่งออกมาแช่งด่าดาวิด เขาคือชิเมอีบุตรเกรา เป็นคนหนึ่งในตระกูลของซาอูล 6 เขาเอาก้อนหินขว้างดาวิดกับเหล่าข้าราชบริพาร ทั้งๆ ที่กองทหารและราชองครักษ์ขนาบข้างดาวิดทั้งซ้ายขวา 7 ชิเมอีแช่งด่าว่า “ไปให้พ้นนะเจ้าฆาตกร เจ้าคนถ่อย! 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงคืนสนองสำหรับเลือดทุกหยดที่เจ้าทำให้หลั่งรินในราชวงศ์ซาอูลซึ่งเจ้าครองราชย์แทน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยกอาณาจักรให้อับซาโลมลูกของเจ้า ที่เจ้าต้องย่อยยับก็เพราะเจ้าเป็นคนกระหายเลือด!”
9 อาบีชัยบุตรนางเศรุยาห์ทูลกษัตริย์ดาวิดว่า “ควรหรือที่สุนัขตายตัวนี้จะมาแช่งด่าฝ่าพระบาท ให้ข้าพระบาทออกไปตัดหัวมันเถิด”
10 กษัตริย์ตรัสห้ามว่า “บุตรนางเศรุยาห์เอ๋ย เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘จงแช่งด่าดาวิด’ ใครเล่าจะไปถามว่า ‘ทำไมเจ้าจึงทำอย่างนี้?’ ”
11 ดาวิดตรัสกับอาบีชัย และเหล่าข้าราชบริพารว่า “แม้แต่ลูกในไส้ของเราเองยังพยายามจะเอาชีวิตของเรา แล้วคนเบนยามินคนนี้จะไม่ยิ่งอยากเอาชีวิตของเราหรือ ปล่อยเขาไปเถิด ให้เขาแช่งด่าไป เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าคงใช้เขามา 12 บางทีองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ลำเค็ญของเรา และทรงอวยพรเราเพราะคำแช่งด่าที่เราได้รับในวันนี้”
13 ดาวิดกับพวกจึงเดินทางต่อไปในขณะที่ชิเมอีเดินไปตามแนวเขาฝั่งตรงข้ามและแช่งด่าไป เอาก้อนหินขว้างปาและซัดฝุ่นธุลีเข้าใส่ดาวิดด้วย 14 ทั้งกษัตริย์และข้าราชบริพารที่ตามเสด็จต่างก็อ่อนระโหยเมื่อมาถึงที่หมาย และหยุดพักอยู่ที่นั่น
คำแนะนำของหุชัยและอาหิโธเฟล
15 ขณะเดียวกันอับซาโลมและชาวอิสราเอลทั้งปวงมาถึงกรุงเยรูซาเล็มพร้อมด้วยอาหิโธเฟล 16 เมื่อหุชัยชาวอารคีสหายของดาวิดมาถึงก็เข้าเฝ้าอับซาโลมและทูลว่า “ขอกษัตริย์จงทรงพระเจริญ! ขอจงทรงพระเจริญ!”
17 อับซาโลมถามหุชัยว่า “นี่หรือความรักที่ท่านมีให้เพื่อน? ทำไมท่านไม่ตามเพื่อนของท่านไป?”
18 หุชัยทูลว่า “ข้าพระบาทจะอยู่ทำงานให้แต่กับคนที่องค์พระผู้เป็นเจ้ากับผู้นำเหล่านี้และชนอิสราเอลทั้งปวงได้เลือกไว้ 19 ยิ่งกว่านั้นไม่ควรหรือที่ข้าพระบาทจะรับใช้พระราชโอรส? ข้าพระบาทเคยรับใช้ราชบิดามาแล้วอย่างไร บัดนี้ขอรับใช้ฝ่าพระบาทอย่างนั้น”
20 อับซาโลมกล่าวกับอาหิโธเฟลว่า “ช่วยแนะนำว่าเราควรทำอย่างไรต่อไป?”
21 อาหิโธเฟลจึงทูลว่า “ขอทรงไปหลับนอนกับบรรดาสนมของราชบิดาซึ่งเฝ้าวังอยู่ แล้วอิสราเอลทั้งปวงจะได้ทราบว่าฝ่าพระบาททรงเป็นที่เกลียดชังของราชบิดายิ่งนัก เพื่อคนของฝ่าพระบาทจะได้มีใจฮึกเหิมยิ่งขึ้น” 22 ฉะนั้นพวกเขาจึงตั้งเต็นท์ขึ้นบนดาดฟ้าของวัง ให้อับซาโลมเข้าไปนอนกับบรรดาสนมของราชบิดาต่อหน้าต่อตาอิสราเอลทั้งปวง
23 ครั้งนั้นทั้งดาวิดและอับซาโลมล้วนยึดถือคำแนะนำทุกอย่างของอาหิโธเฟล เสมือนกับทูลถามจากพระเจ้า
เปโตรปฏิเสธพระเยซูอีก(A)
25 ขณะซีโมนเปโตรยืนผิงไฟอยู่ มีคนถามว่า “เจ้าเป็นสาวกคนหนึ่งของเขามิใช่หรือ?” เปโตรปฏิเสธว่า “ข้าไม่ได้เป็น”
26 คนรับใช้คนหนึ่งของมหาปุโรหิต ซึ่งเป็นญาติกับคนที่ถูกเปโตรฟันหูขาดก็ยืนยันว่า “ข้าเห็นเจ้าอยู่กับเขาในสวนมะกอกเทศมิใช่หรือ?” 27 เปโตรปฏิเสธอีกและทันใดนั้นไก่ก็เริ่มขัน
พระเยซูต่อหน้าปีลาต(B)
28 จากนั้นพวกยิวนำพระเยซูจากบ้านคายาฟาสไปยังวังของผู้ว่าการชาวโรมัน เมื่อถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเช้าตรู่พวกยิวจึงไม่เข้าไปในวังเพื่อจะได้ไม่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี พวกเขาต้องการให้ตนเองเข้าร่วมรับประทานปัสกาได้ 29 ดังนั้นปีลาตจึงออกมาพบพวกเขาและถามว่า “พวกท่านฟ้องร้องชายผู้นี้ด้วยข้อหาอะไร?”
30 พวกนั้นตอบว่า “ถ้าเขาไม่ใช่อาชญากร เราคงไม่นำตัวเขามามอบให้แก่ท่าน”
31 ปีลาตกล่าวว่า “พวกท่านนำตัวเขาไปตัดสินตามกฎหมายของท่านเองเถิด”
พวกยิวคัดค้านว่า “แต่เราไม่มีสิทธิ์ประหารใคร” 32 สิ่งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะเป็นจริงตามที่พระเยซูตรัสไว้ว่าพระองค์จะทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร
33 ปีลาตจึงกลับเข้าไปในวังแล้วสั่งให้นำตัวพระเยซูมา และถามว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ?”
34 พระเยซูตรัสถามว่า “นั่นเป็นความคิดของท่านเองหรือคนอื่นมาบอกท่านเกี่ยวกับเรา?”
35 ปีลาตตอบว่า “เราเป็นยิวหรือ? คนร่วมชาติของท่านกับพวกหัวหน้าปุโรหิตของท่านนำตัวท่านมามอบให้แก่เรา ท่านไปทำอะไรมา?”
36 พระเยซูตรัสว่า “อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้ มิฉะนั้นคนของเราย่อมต่อสู้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกยิวจับกุมเรา แต่นี่อาณาจักรของเรามาจากที่อื่น”
37 ปีลาตกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านก็เป็นกษัตริย์น่ะสิ!”
พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านพูดถูกที่ว่าเราเป็นกษัตริย์ อันที่จริงเพราะเหตุนี้เราจึงเกิดมาและเราเข้ามาในโลกเพื่อเป็นพยานถึงความจริง ทุกคนที่อยู่ฝ่ายความจริงย่อมฟังเรา”
38 ปีลาตถามว่า “อะไรคือความจริง?” แล้วก็กลับออกมาหาพวกยิวอีกครั้งและกล่าวว่า “เราพบว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดตามข้อกล่าวหา 39 แต่ธรรมเนียมของพวกท่านกำหนดให้เราปล่อยตัวนักโทษหนึ่งคนให้แก่พวกท่านในเทศกาลปัสกา ท่านต้องการให้เราปล่อยตัว ‘กษัตริย์ของชาวยิว’ หรือ?”
40 พวกเขาตะโกนกลับไปว่า “ไม่ ไม่ใช่คนนี้! ปล่อยบารับบัสให้เรา!” บารับบัสนั้นได้มีส่วนร่วมในการกบฏ
ตัดสินให้ตรึงพระเยซูบนไม้กางเขน(C)
19 จากนั้นปีลาตจึงให้เอาตัวพระเยซูไปโบยตี 2 พวกทหารเอาหนามสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียรของพระเยซู และให้ทรงเสื้อคลุมสีม่วง 3 แล้วเขาเข้ามาหาพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่าและกล่าวว่า “ข้าแต่กษัตริย์ของชาวยิว ขอจงทรงพระเจริญ!” และพวกเขาตบพระพักตร์ของพระองค์
4 ปีลาตออกมาอีกครั้งหนึ่งและกล่าวกับพวกยิวว่า “ดูเถิด เรากำลังนำตัวเขาออกมาให้ท่าน ท่านจะได้รู้ว่าเราไม่พบว่าเขาทำอะไรผิดตามข้อกล่าวหา” 5 เมื่อพระเยซูออกมา พระองค์ทรงสวมมงกุฎหนามและเสื้อคลุมสีม่วง ปีลาตกล่าวกับพวกเขาว่า “เขาอยู่ที่นี่แล้ว!”
6 ทันทีที่พวกหัวหน้าปุโรหิตและเจ้าหน้าที่เห็นพระองค์ก็ร้องตะโกนว่า “ตรึงกางเขน! ตรึงกางเขน!”
แต่ปีลาตตอบว่า “พวกท่านรับตัวเขาไปตรึงที่ไม้กางเขนเถิด สำหรับเรา เราไม่พบว่าเขาทำอะไรผิด”
7 พวกยิวยืนกรานว่า “เรามีบทบัญญัติและตามบทบัญญัตินั้นเขาต้องตายเพราะเขาอ้างตัวเป็นพระบุตรของพระเจ้า”
8 เมื่อปีลาตได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งตกใจกลัว 9 จึงกลับเข้ามาในวังและทูลถามพระเยซูว่า “ท่านมาจากไหน?” แต่พระเยซูไม่ได้ตรัสตอบ 10 ปีลาตกล่าวว่า “ท่านไม่ยอมพูดกับเราหรือ? ท่านไม่รู้หรือว่าเรามีอำนาจที่จะปล่อยตัวท่านหรือตรึงท่านให้ตายที่ไม้กางเขนก็ได้?”
11 พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านไม่อาจมีอำนาจเหนือเราหากเบื้องบนไม่ประทานลงมา ฉะนั้นผู้ที่นำตัวเรามามอบให้ท่านก็มีความผิดบาปร้ายแรงกว่า”
12 นับแต่นั้นปีลาตก็หาทางปล่อยพระเยซูแต่พวกยิวตะโกนไม่หยุดว่า “ถ้าท่านปล่อยชายคนนี้ท่านก็ไม่ใช่มิตรของซีซาร์ ใครที่อ้างตัวเป็นกษัตริย์ก็เป็นปฏิปักษ์กับซีซาร์”
13 เมื่อปีลาตได้ยินเช่นนั้นก็นำตัวพระเยซูออกมาและนั่งบนบัลลังก์พิพากษาในบริเวณที่เรียกกันว่า ลานศิลา (ภาษาอารเมคเรียกว่า กับบาธา) 14 วันนั้นเป็นวันเตรียมของสัปดาห์ปัสกา เป็นเวลาราวเที่ยงวัน
ปีลาตกล่าวกับพวกยิวว่า “นี่คือกษัตริย์ของพวกท่าน”
15 แต่พวกเขาร้องตะโกนว่า “เอาตัวเขาไป! เอาตัวเขาไป! ตรึงเขาที่ไม้กางเขน!”
ปีลาตถามว่า “จะให้เราตรึงกษัตริย์ของท่านที่ไม้กางเขนหรือ?”
พวกหัวหน้าปุโรหิตตอบว่า “นอกจากซีซาร์แล้วเราไม่มีกษัตริย์”
16 ในที่สุดปีลาตก็มอบพระเยซูให้พวกเขาไปตรึงที่ไม้กางเขน
การตรึงที่ไม้กางเขน(D)
ดังนั้นพวกทหารจึงคุมตัวพระเยซูไป 17 พระองค์ทรงแบกกางเขนของพระองค์ไปยังสถานแห่งหัวกระโหลก (ซึ่งในภาษาอารเมคเรียกว่า กลโกธา) 18 ที่นั่นเขาตรึงพระองค์บนไม้กางเขนกับอีกสองคนขนาบข้างและพระเยซูทรงอยู่ตรงกลาง
19 ปีลาตให้เขียนป้ายติดไว้บนกางเขนว่า เยซูชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของชาวยิว 20 พวกยิวหลายคนได้อ่านป้ายนี้เพราะที่ซึ่งพระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนนั้นอยู่ใกล้กรุงและป้ายนั้นเขียนไว้เป็นภาษาอารเมค ลาติน และกรีก 21 พวกหัวหน้าปุโรหิตของชาวยิวจึงคัดค้านปีลาตว่า “อย่าเขียนว่า ‘กษัตริย์ของชาวยิว’ แต่เขียนว่าชายคนนี้อ้างตัวเป็นกษัตริย์ของชาวยิว”
22 ปีลาตตอบว่า “สิ่งที่เราได้เขียนแล้ว ก็ให้เป็นไปตามนั้น”
ซาเมคห์
113 ข้าพระองค์เกลียดชังคนสองจิตสองใจ
แต่ข้าพระองค์รักบทบัญญัติของพระองค์
114 พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นโล่ของข้าพระองค์
ข้าพระองค์ฝากความหวังไว้ที่พระวจนะของพระองค์
115 เจ้าผู้ทำการชั่วทั้งหลาย จงไปให้พ้น
เพื่อเราจะได้ทำตามพระบัญชาพระเจ้าของเรา!
116 ขอทรงค้ำจุนข้าพระองค์ตามที่ทรงสัญญาไว้ และข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่
ขออย่าให้ความหวังของข้าพระองค์สิ้นสลาย
117 ขอทรงค้ำชูข้าพระองค์ไว้และข้าพระองค์จะปลอดภัย
ข้าพระองค์จะเคารพกฎหมายของพระองค์เสมอไป
118 พระองค์ทรงปฏิเสธทุกคนที่หลงเตลิดจากกฎหมายของพระองค์
เพราะการหลอกลวงของพวกเขาก็สูญเปล่า
119 พระองค์ทรงทิ้งบรรดาคนชั่วของโลกเหมือนเศษขยะ
ฉะนั้นข้าพระองค์จึงรักกฎเกณฑ์ของพระองค์
120 เลือดเนื้อของข้าพระองค์สั่นสะท้านด้วยความเกรงกลัวพระองค์
ข้าพระองค์ยำเกรงบทบัญญัติของพระองค์
อายิน
121 ข้าพระองค์ทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม
ขออย่าทรงทิ้งข้าพระองค์ไว้กับผู้กดขี่ข่มเหง
122 ขอทรงค้ำประกันความผาสุกร่มเย็นแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด
อย่าให้คนเย่อหยิ่งข่มเหงข้าพระองค์ได้
123 ดวงตาของข้าพระองค์อ่อนล้าเพราะรอคอยความรอดจากพระองค์
ใฝ่หาคำมั่นสัญญาอันชอบธรรมของพระองค์
124 ขอทรงปฏิบัติต่อผู้รับใช้ตามความรักมั่นคงของพระองค์
และสอนกฎหมายของพระองค์แก่ข้าพระองค์
125 ข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ขอโปรดประทานความฉลาดหลักแหลม
เพื่อข้าพระองค์จะได้เข้าใจกฎเกณฑ์ของพระองค์
126 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะทรงจัดการ
เพราะบทบัญญัติของพระองค์ถูกละเมิดฝ่าฝืน
127 เพราะว่าข้าพระองค์รักพระบัญชาของพระองค์
ยิ่งกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์
128 และเพราะข้าพระองค์เห็นว่าข้อบังคับของพระองค์ล้วนแต่ถูกต้อง
ข้าพระองค์จึงเกลียดทางที่ผิดทุกทาง
10 คำชี้ขาดอันศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ริมฝีปากของกษัตริย์
และปากของกษัตริย์จะไม่ตัดสินอย่างอยุติธรรม
11 ตราชูและตาชั่งเที่ยงตรงมาจาก[a]องค์พระผู้เป็นเจ้า
ลูกตุ้มทั้งสิ้นในถุงเป็นพระราชกิจของพระองค์
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.