Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the MEV. Switch to the MEV to read along with the audio.

Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
นางรูธ 2-4

รูธพบโบอาส

นาโอมีนั้นมีญาติฝ่ายสามีผู้หนึ่งซึ่งมีฐานะดีอยู่ในตระกูลเดียวกับเอลีเมเลค เขาชื่อโบอาส

ฝ่ายรูธหญิงสาวชาวโมอับกล่าวกับนาโอมีว่า “ให้ลูกเข้าไปคอยเก็บรวงข้าวตกในนาเถิด คงจะมีคนยอมให้ลูกเก็บบ้าง”

นาโอมีตอบว่า “ไปเถิดลูก” รูธก็ออกไปเก็บรวงข้าวที่ตกเรี่ยรายหลังคนเกี่ยว ปรากฏว่าที่นาซึ่งรูธเข้าไปนั้นเป็นของโบอาสซึ่งเป็นคนตระกูลเดียวกับเอลีเมเลค

ขณะนั้นโบอาสกลับมาจากเบธเลเฮมและกล่าวทักทายคนเกี่ยวข้าวว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกเจ้าเถิด!”

พวกเขาตอบว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรท่านเถิด!”

โบอาสถามหัวหน้าคนงานเกี่ยวข้าวว่า “หญิงสาวคนนั้นเป็นใคร?”

หัวหน้าคนงานตอบว่า “นางคือหญิงชาวโมอับที่มาจากโมอับพร้อมนาโอมี นางกล่าวว่า ‘โปรดอนุญาตให้ฉันเก็บรวงข้าวตกที่หลงเหลือจากคนเกี่ยวด้วยเถิด’ แล้วนางก็เก็บมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เช้าและหยุดพักใต้ร่มเงาบ้างเพียงครู่เดียว”

โบอาสจึงกล่าวกับรูธว่า “ลูกเอ๋ย ฟังเถิด ไม่ต้องไปเก็บข้าวในนาอื่นหรอก อยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องไปไหน อยู่กับคนงานหญิงของฉัน ดูที่นาซึ่งคนเก็บเกี่ยวอยู่ คอยตามหลังพวกผู้หญิง ฉันสั่งพวกหนุ่มๆ ไว้แล้วไม่ให้มายุ่มย่ามกับเธอ ถ้าหิวน้ำก็เชิญตามสบาย มาดื่มจากหม้อน้ำที่คนงานของฉันตักไว้เถิด”

10 รูธจึงหมอบลงซบหน้ากับพื้น และกล่าวว่า “ทำไมท่านจึงเมตตากรุณาต่อดิฉันเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ดิฉันเป็นเพียงคนต่างชาติ?”

11 โบอาสตอบว่า “ฉันได้ยินทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ ที่ได้แสดงความรักและน้ำใจต่อแม่สามีตั้งแต่สามีของเธอตายจากไป ทั้งรู้ถึงการที่เธอจากพ่อแม่ จากบ้านเกิดเมืองนอนมาอาศัยอยู่กับผู้คนซึ่งเธอไม่เคยรู้จักมาก่อน 12 ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบแทนเธอที่ได้ทำเช่นนั้น และขอพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ซึ่งเธอเข้ามาลี้ภัยอยู่ใต้ร่มบารมี[a]ประทานรางวัลอันอุดมแก่เธอ”

13 รูธจึงกล่าวว่า “เจ้านายของดิฉัน ขอให้ดิฉันเป็นที่โปรดปรานของท่านต่อไป ท่านได้ปลอบใจและพูดกับดิฉันซึ่งเป็นผู้รับใช้ของท่านอย่างกรุณา ทั้งๆ ที่ดิฉันก็ไม่ได้เป็นคนงานของท่าน”

14 เมื่อถึงเวลาอาหาร โบอาสกล่าวกับนางว่า “มาเถิด มากินขนมปังจิ้มเหล้าองุ่นกับเราเถิด”

ขณะที่นางนั่งร่วมวงกับคนเกี่ยวข้าว โบอาสยื่นข้าวคั่วให้ นางรับประทานจนอิ่มและเหลือไว้บ้าง 15 เมื่อนางกลับไปเก็บข้าวอีก โบอาสสั่งคนงานของเขาว่า “แม้นางจะเก็บข้าวจากฟ่อนข้าว ก็อย่าทำให้นางอึดอัดใจ 16 จงดึงรวงข้าวจากมัดทิ้งลงบ้างเพื่อให้นางเก็บ และอย่าตำหนินางเลย”

17 ฉะนั้นรูธจึงเก็บข้าวบาร์เลย์อยู่ในนาจนถึงเย็น จากนั้นนางนวดข้าวที่เก็บมาและได้ข้าวประมาณ 22 ลิตร[b] 18 นางนำข้าวกลับไปในเมืองและแม่สามีก็เห็นว่านางเก็บได้มากเพียงใด รูธยังได้นำอาหารมื้อกลางวันที่เหลือมาให้แม่สามีด้วย

19 นาโอมีถามว่า “ไปเก็บมาจากไหนกันวันนี้? เจ้าไปทำงานที่ไหน? ขอพระเจ้าทรงอวยพรคนนั้นที่ใจดีต่อลูก”

รูธจึงเล่าให้แม่สามีฟังโดยตลอด และบอกว่า “เจ้าของนาที่ฉันไปทำงานวันนี้ชื่อโบอาส”

20 นาโอมีพูดกับลูกสะใภ้ว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรเขาด้วยเถิด พระองค์ทรงเมตตากรุณา ทั้งต่อคนที่ยังมีชีวิตอยู่และคนที่ตายจากไปอย่างไม่หยุดยั้ง คนคนนี้เป็นญาติสนิทคนหนึ่งของเราซึ่งจะช่วยไถ่ได้”

21 รูธหญิงสาวชาวโมอับจึงกล่าวว่า “เขายังกล่าวกับลูกว่า ‘จงอยู่กับคนงานของฉันจนกว่าพวกเขาจะเก็บเกี่ยวข้าวของฉันเสร็จ’ ”

22 นาโอมีกล่าวกับรูธลูกสะใภ้ของเธอว่า “ลูกไปกับคนงานหญิงของเขานั่นแหละดีแล้ว เพราะถ้าไปอยู่ในนาของคนอื่น ลูกอาจได้รับอันตราย”

23 ดังนั้นรูธจึงเก็บข้าวอยู่กับคนงานหญิงของโบอาสจนสิ้นสุดการเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์และข้าวสาลี และนางอาศัยอยู่กับแม่สามี

รูธและโบอาสที่ลานนวดข้าว

วันหนึ่งนาโอมีกล่าวกับรูธว่า “ลูกเอ๋ย ไม่ควรหรือที่แม่จะหาเหย้าเรือนให้ลูกได้อยู่ดีมีสุข? โบอาสคนที่ลูกไปกับคนงานหญิงของเขาน่ะ เป็นญาติสนิทของเราไม่ใช่หรือ? คืนนี้เขาจะมาฝัดข้าวบาร์เลย์ที่ลานนวดข้าว จงอาบน้ำ พรมน้ำหอม สวมเสื้อผ้าชุดที่ดีที่สุด แล้วไปที่ลานนวดข้าว แต่อย่าให้เขารู้ว่าลูกอยู่ที่นั่นจนกว่าเขาจะกินและดื่มเสร็จแล้ว ลูกจงคอยสังเกตว่าเขานอนที่ไหน แล้วจงเปิดผ้าห่มที่เท้าของเขาขึ้น แล้วนอนที่นั่น เขาจะบอกลูกเองว่าให้ทำอะไรบ้าง”

รูธตอบว่า “ลูกจะทำทุกอย่างตามที่แม่บอก” นางจึงไปยังลานนวดข้าว และทำตามที่แม่สามีแนะนำทุกประการ

เมื่อโบอาสรับประทานอาหารอิ่มหนำสำราญแล้ว เขาก็นอนลงข้างกองเมล็ดข้าว รูธจึงย่องเข้ามาเปิดผ้าห่มที่เท้าของโบอาสขึ้นและนอนลงที่นั่น โบอาสตกใจตื่นขึ้นมากลางดึก พบว่ามีผู้หญิงนอนอยู่แทบเท้า

เขาถามว่า “เธอเป็นใครน่ะ?”

รูธตอบว่า “ดิฉันคือรูธผู้รับใช้ของท่าน โปรดคลี่ชายเสื้อของท่านคลุมตัวดิฉันด้วย เพราะท่านเป็นญาติสนิทซึ่งจะช่วยไถ่ได้”

10 โบอาสกล่าวว่า “ลูกเอ๋ย ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรเธอเถิด ครั้งนี้เธอได้แสดงน้ำใจต่อนาโอมียิ่งกว่าครั้งก่อนๆ เพราะเธอไม่ได้เลือกคนหนุ่มๆ ไม่ว่าจะรวยหรือจน 11 บัดนี้ลูกเอ๋ย อย่ากลัวเลย ฉันจะทำตามที่เธอขอทุกอย่าง พี่น้องชาวเมืองทุกคนต่างรู้ว่าเธอเป็นหญิงจิตใจงาม 12 ฉันเป็นญาติสนิทก็จริง แต่มีญาติสนิทซึ่งมีสิทธิ์ไถ่อีกคนหนึ่งที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าฉัน 13 คืนนี้ค้างเสียที่นี่ ตอนเช้าฉันจะไปพูดกับคนนั้น ถ้าเขาจะไถ่ก็ดีแล้ว ให้เขาทำหน้าที่ของเขา แต่ถ้าเขาไม่เต็มใจ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ฉันก็จะทำหน้าที่นี้ฉันนั้น นอนเสียที่นี่เถอะ จนกว่าจะถึงเช้า”

14 ดังนั้นนางจึงนอนอยู่แทบเท้าของเขาจนกระทั่งเช้า แต่ตื่นขึ้นตอนเช้ามืดก่อนที่จะมีใครสังเกตเห็น และโบอาสกล่าวว่า “อย่าให้ใครรู้ว่ามีผู้หญิงมาที่ลานนวดข้าวนี้เลย”

15 เขากล่าวด้วยว่า “เอาผ้าคลุมผมมากางออกเถิด” เมื่อนางทำตาม เขาก็ตวงข้าวบาร์เลย์ 6 ทะนานให้นางแบกไป แล้วเขา[c]ก็กลับเข้าไปในเมือง

16 เมื่อรูธกลับมาหาแม่สามี นาโอมีถามว่า “เป็นอย่างไรบ้างลูกของแม่?”

นางก็เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่โบอาสทำให้นาโอมีฟัง 17 แล้วกล่าวอีกว่า “เขาได้ให้ข้าวบาร์เลย์ 6 ทะนานแก่ฉันและพูดว่า ‘อย่ากลับไปหาแม่สามีมือเปล่าเลย’ ”

18 แล้วนาโอมีกล่าวกับนางว่า “ลูกเอ๋ย อดใจรอจนกว่าจะรู้ผลเถิด เพราะโบอาสจะไม่อยู่เฉยจนกว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยในวันนี้”

โบอาสแต่งงานกับรูธ

ฝ่ายโบอาสไปยังประตูเมืองและนั่งอยู่ที่นั่น เมื่อญาติสนิทคนที่มีสิทธิ์ไถ่ซึ่งโบอาสกล่าวถึงได้ผ่านมา โบอาสก็กล่าวว่า “เพื่อนเอ๋ย เชิญมานั่งที่นี่ก่อน” ทั้งสองจึงนั่งลงด้วยกัน

โบอาสก็เชิญผู้อาวุโสของเมืองนั้นมาสิบคนและกล่าวว่า “ขอเชิญนั่งที่นี่” พวกเขาก็นั่งลง แล้วโบอาสพูดกับญาติซึ่งมีสิทธิ์ไถ่ว่า “นาโอมีซึ่งกลับมาจากโมอับกำลังจะขายที่ดินของเอลีเมเลคญาติของเรา ข้าพเจ้าคิดว่าควรจะพูดเรื่องนี้กับท่าน และแนะให้ท่านซื้อที่ดินต่อหน้าทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ต่อหน้าบรรดาผู้อาวุโสของเรา หากท่านอยากจะไถ่ ขอให้ไถ่เถิด แต่หากไม่ไถ่ ขอให้บอก ข้าพเจ้าจะได้รู้ เพราะไม่มีใครมีสิทธิ์ไถ่ยกเว้นท่าน และข้าพเจ้ามีสิทธิ์รองลงมาจากท่าน”

ชายผู้นั้นตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไถ่”

โบอาสจึงบอกว่า “ในวันที่ท่านซื้อที่ดินจากนาโอมีและจากรูธชาวโมอับ ท่านจะได้[d]ภรรยาม่ายของผู้ตายด้วย เพื่อสืบนามของผู้ตายต่อไปบนที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา”

เขาตอบว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าไม่สามารถไถ่ได้ เพราะทรัพย์สินส่วนของข้าพเจ้าอาจเสียไป ขอท่านไถ่ไว้เองเถิดเพราะข้าพเจ้าไม่สามารถทำได้”

(ในครั้งนั้นเป็นธรรมเนียมในอิสราเอลสำหรับการไถ่และการตกลงโอนสิทธิ์ในทรัพย์สิน โดยฝ่ายหนึ่งถอดรองเท้าออกมามอบให้อีกฝ่ายหนึ่ง เป็นการยืนยันข้อตกลงตามกฎหมายในอิสราเอล)

ฉะนั้นขณะที่ชายผู้นั้นพูดกับโบอาสว่า “ท่านซื้อเองเถิด” เขาก็ถอดรองเท้าออกมา

โบอาสจึงประกาศกับบรรดาผู้อาวุโสและคนทั้งปวงว่า “ท่านทั้งหลายเป็นพยานว่าในวันนี้ข้าพเจ้าซื้อทรัพย์สินทั้งหมดของเอลีเมเลค คิลิโอน และมาห์โลนจากนาโอมี 10 พร้อมกันนี้ข้าพเจ้าได้ขอรับรูธหญิงชาวโมอับ ภรรยาม่ายของมาห์โลน มาเป็นภรรยาของข้าพเจ้าด้วย เพื่อนางจะได้มีบุตรสืบนามของผู้ตายกับกรรมสิทธิ์ของเขา เพื่อนามของเขาจะไม่ขาดหายไปจากวงศ์ตระกูลหรือทะเบียนราษฎร ท่านทั้งหลายเป็นพยานในวันนี้!”

11 บรรดาผู้อาวุโสและคนทั้งปวงซึ่งยืนอยู่ที่ประตูเมืองจึงกล่าวว่า “เราเป็นสักขีพยาน ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้หญิงผู้นี้ซึ่งก้าวเข้ามาสู่เหย้าเรือนของท่านจงเป็นเหมือนราเชลและเลอาห์ ผู้ซึ่งร่วมกันสร้างวงศ์ตระกูลอิสราเอล ขอให้ท่านยิ่งใหญ่ในเอฟราธาห์และมีชื่อเสียงดีในเบธเลเฮม 12 และขอให้ลูกหลานซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานแก่ท่านจากหญิงสาวผู้นี้ คือขอให้ครอบครัวของท่านเป็นเช่นครอบครัวของเปเรศซึ่งทามาร์คลอดให้กับยูดาห์”

ลำดับพงศ์พันธุ์ของดาวิด(A)

13 ดังนั้นโบอาสจึงรับรูธมาเป็นภรรยาและอยู่กินกับนาง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดให้นางตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง 14 พวกผู้หญิงกล่าวกับนาโอมีว่า “สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งในวันนี้ไม่ได้ทรงให้เธอปราศจากญาติซึ่งมีสิทธิ์ไถ่ ขอให้เขามีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วอิสราเอล! 15 เขาจะฟื้นฟูชีวิตของเธอและเลี้ยงดูเธอยามเธอแก่ชรา เพราะเขาเกิดจากลูกสะใภ้ซึ่งรักเธอ และดีกับเธอยิ่งกว่าลูกชายตั้งเจ็ดคน”

16 นาโอมีรับเด็กมาอุ้มใส่ตักและเลี้ยงดูเขา 17 หญิงเพื่อนบ้านกล่าวว่า “นาโอมีมีลูกชาย” เขาตั้งชื่อเด็กนั้นว่าโอเบด โอเบดเป็นบิดาของเจสซีซึ่งเป็นบิดาของดาวิด

18 ลำดับวงศ์วานของเปเรศมีดังนี้

เปเรศเป็นบิดาของเฮสโรน

19 เฮสโรนเป็นบิดาของราม

รามเป็นบิดาของอัมมีนาดับ

20 อัมมีนาดับเป็นบิดาของนาห์โชน

นาห์โชนเป็นบิดาของสัลโมน[e]

21 สัลโมนเป็นบิดาของโบอาส

โบอาสเป็นบิดาของโอเบด

22 โอเบดเป็นบิดาของเจสซี

และเจสซีเป็นบิดาของดาวิด

ยอห์น 4:43-54

พระเยซูทรงรักษาบุตรชายของข้าราชการ

43 หลังจากสองวันนั้น พระเยซูเสด็จจากที่นั่นไปยังแคว้นกาลิลี 44 (พระองค์เองทรงชี้ให้เห็นว่าผู้เผยพระวจนะไม่ได้รับเกียรติในบ้านเมืองของตนเอง) 45 เมื่อพระองค์มาถึงแคว้นกาลิลี ชาวกาลิลีก็ต้อนรับพระองค์ พวกเขาเคยเห็นสิ่งสารพัดที่ทรงกระทำในกรุงเยรูซาเล็มเมื่อเทศกาลปัสกาเพราะพวกเขาอยู่ที่นั่นด้วย

46 พระองค์เสด็จมายังหมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลีอีกครั้งหนึ่ง หมู่บ้านนี้คือที่ซึ่งพระองค์ได้ทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น และมีข้าราชการคนหนึ่งซึ่งบุตรชายของเขานอนป่วยอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม 47 เมื่อชายผู้นี้ได้ยินว่าพระเยซูเสด็จจากแคว้นยูเดียมาถึงแคว้นกาลิลีแล้ว จึงมาทูลอ้อนวอนพระเยซูให้ไปรักษาลูกชายของเขาซึ่งใกล้จะตายแล้ว

48 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ถ้าพวกท่านไม่เห็นหมายสำคัญและปาฏิหาริย์ พวกท่านก็ไม่มีวันเชื่อ”

49 ข้าราชการผู้นั้นทูลว่า “ท่านเจ้าข้า โปรดมาก่อนที่บุตรของข้าพเจ้าจะตาย”

50 พระเยซูตรัสตอบว่า “กลับไปเถิด บุตรของท่านจะรอดชีวิต”

ชายคนนั้นเชื่อคำที่พระเยซูตรัสและลากลับไป 51 ขณะที่พวกเขายังอยู่ระหว่างทาง ก็พบกับคนรับใช้ของเขาที่มาบอกข่าวว่าลูกชายของเขารอดชีวิต 52 เมื่อเขาถามถึงเวลาที่บุตรชายของเขาอาการดีขึ้น คนเหล่านั้นบอกว่า “เขาหายไข้เมื่อวานนี้ตอนบ่ายโมง”

53 แล้วบิดาจึงตระหนักว่าเป็นเวลาเดียวกันกับที่พระเยซูตรัสกับเขาว่า “บุตรของท่านจะรอดชีวิต” ดังนั้นเขาและคนในครัวเรือนของเขาทั้งหมดจึงเชื่อ

54 นี่คือหมายสำคัญครั้งที่สองซึ่งพระเยซูได้ทรงกระทำ เมื่อเสด็จจากแคว้นยูเดียมายังแคว้นกาลิลี

สดุดี 105:16-36

16 พระองค์ทรงบัญชาให้เกิดการกันดารอาหารในดินแดนนั้น
และทำลายเสบียงอาหารทั้งสิ้นของเขา
17 และพระองค์ทรงส่งชายคนหนึ่งไปล่วงหน้าพวกเขา
โยเซฟถูกขายไปเป็นทาส
18 เท้าของเขาฟกช้ำเพราะถูกตีตรวน
คอของเขาถูกค้ำอยู่ในคาเหล็ก
19 ตราบจนสิ่งที่เขาบอกไว้เป็นจริงขึ้นมา
ตราบจนพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าพิสูจน์ว่าเขาพูดจริง
20 ฟาโรห์ได้ส่งคนมาปล่อยตัวเขา
ประมุขของประชาชนปล่อยเขาเป็นอิสระ
21 ฟาโรห์ได้ตั้งเขาให้เป็นนายเหนือราชสำนัก
เป็นผู้ดูแลทุกสิ่งที่พระองค์ทรงครอบครอง
22 เพื่อชี้แนะเจ้านายทั้งหลายตามใจชอบ
และสั่งสอนปัญญาให้กับที่ปรึกษาของกษัตริย์

23 แล้วอิสราเอลเข้ามาอยู่ในอียิปต์
ยาโคบมาเป็นคนต่างด้าวในดินแดนของฮาม
24 พระองค์ทรงทำให้ประชากรของพระองค์มีลูกหลานมากมาย
พระองค์ทรงทำให้พวกเขามีจำนวนมากเกินไปสำหรับศัตรู
25 ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงเปลี่ยนจิตใจของพวกเขาให้เกลียดประชากรของพระองค์
ให้คบคิดกันต่อสู้กับผู้รับใช้ของพระองค์
26 พระองค์ทรงส่งโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์มา
พร้อมกับอาโรนผู้ซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรร
27 ทั้งสองแสดงหมายสำคัญของพระองค์ท่ามกลางพวกเขา
แสดงปาฏิหาริย์ของพระองค์ในดินแดนของฮาม
28 พระองค์ทรงส่งความมืดมากระทำให้มืดมิดทั่วแดน
ไม่ใช่เพราะพวกเขาดึงดันขัดขืนพระดำรัสของพระองค์หรือ?
29 พระองค์ทรงเปลี่ยนน้ำของพวกเขาให้กลายเป็นเลือด
ทำให้ปลาตายหมด
30 ดินแดนของพวกเขาเต็มไปด้วยกบ
ซึ่งเข้าไปถึงห้องนอนของบรรดาเจ้านาย
31 พระองค์ตรัส ฝูงเหลือบและริ้น
ก็มาทั่วดินแดนของพวกเขา
32 พระองค์ทรงเปลี่ยนฝนให้กลายเป็นลูกเห็บ
และฟ้าคำรนทั่วดินแดนนั้น
33 พระองค์ทรงล้มเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของพวกเขาลงราบคาบ
และโค่นต้นไม้ในดินแดนของพวกเขาระเนระนาด
34 พระองค์ตรัส ฝูงตั๊กแตนก็มา
มืดฟ้ามัวดิน
35 มันกัดกินทุกอย่างที่เขียวชอุ่มในแผ่นดิน
กัดกินผลิตผลทั้งหมดจากพื้นดิน
36 จากนั้นพระองค์ทรงประหารลูกหัวปีในดินแดนของเขา
ซึ่งเป็นผลแรกจากวัยหนุ่มของเขา

สุภาษิต 14:26-27

26 ผู้ที่ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้ามีป้อมปราการมั่นคง
ซึ่งจะเป็นที่ลี้ภัยให้แก่ลูกหลานของเขา

27 ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นน้ำพุแห่งชีวิต
ช่วยให้คนพ้นจากบ่วงความตาย

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.