Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the GW. Switch to the GW to read along with the audio.

Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 18-20

ส่วนแบ่งของปุโรหิตและคนเลวี

18 ปุโรหิตชาวเลวีรวมทั้งคนในเผ่าเลวีทั้งหมดจะไม่ได้รับส่วนแบ่งหรือมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับอิสราเอล พวกเขาจะยังชีพด้วยเครื่องบูชาซึ่งเผาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะนั่นเป็นส่วนกรรมสิทธิ์ของพวกเขา พวกเขาจะไม่ครอบครองทรัพย์สมบัติใดในหมู่พี่น้อง เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาตามที่ทรงสัญญาไว้กับพวกเขา

เมื่อประชาชนถวายวัวผู้หรือแกะเป็นเครื่องบูชา บรรดาปุโรหิตจะได้โคนขาหน้า เนื้อแก้ม และเนื้อท้องเป็นส่วนแบ่ง จงมอบผลิตผลรุ่นแรก คือเมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมัน และขนแกะที่ตัดครั้งแรกให้แก่พวกเขา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกสรรพวกเขาและวงศ์วานของพวกเขาจากทุกเผ่าให้มาปฏิบัติหน้าที่รับใช้ในพระนามของพระยาห์เวห์เสมอไป

หากชนเลวีคนใดปรารถนาจะย้ายถิ่นฐานจากเมืองใดในอิสราเอลมายังสถานที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเลือก เขาก็ทำได้ และให้เขาปฏิบัติหน้าที่ในพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาได้เช่นเดียวกับญาติพี่น้องเลวีทั้งปวงซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า เขามีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งจากเครื่องบูชาและของถวายอย่างเท่าเทียมกัน แม้จะได้รับเงินจากการขายทรัพย์สินของครอบครัวแล้วก็ตาม

การกระทำอันน่ารังเกียจ

เมื่อท่านเข้าสู่ดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทาน อย่าเลียนแบบการกระทำอันน่าชิงชังของชนชาติทั้งหลายที่นั่น 10 อย่าให้ผู้ใดในพวกท่านยกบุตรชายบุตรสาวเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ[a] เป็นหมอดูหรือนักคาถาอาคม แปลความหมายลางบอกเหตุต่างๆ เป็นพ่อมดแม่มด 11 หรือทำเวทมนตร์ หรือเป็นคนทรง หรือเป็นหมอผี หรือไปปรึกษาคนที่ตายแล้ว 12 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรังเกียจคนที่ทำสิ่งเหล่านี้ และที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงขับไล่ชนชาติเหล่านั้นออกไปต่อหน้าท่านก็เพราะธรรมเนียมปฏิบัติอันน่าชิงชังเหล่านี้ 13 ท่านจะต้องไม่มีที่ติต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

ผู้เผยพระวจนะ

14 ชนชาติต่างๆ ซึ่งท่านจะขับไล่ออกไปจากดินแดนนั้นฟังคำของนักคาถาอาคมและหมอดู แต่ส่วนท่านพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านไม่ทรงอนุญาตให้ท่านทำเช่นนั้น 15 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงตั้งผู้เผยพระวจนะเหมือนข้าพเจ้าขึ้นมาคนหนึ่งสำหรับท่าน จากท่ามกลางพี่น้องของท่านเอง ท่านต้องรับฟังเขา 16 เพราะท่านเองได้ทูลขอจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่ภูเขาโฮเรบในวันชุมนุมนั้น เมื่อท่านกล่าวว่า “ขออย่าให้เราได้ยินพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา หรืออย่าให้เราเห็นเปลวไฟใหญ่นั้นอีกเลย มิฉะนั้นเราจะต้องตาย”

17 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ที่พวกเขากล่าวมาก็ดี 18 เราจะตั้งผู้เผยพระวจนะขึ้นมาคนหนึ่งเหมือนเจ้าในหมู่พี่น้องของเขา เราจะใส่ถ้อยคำของเราไว้ในปากของเขา เขาจะแจ้งทุกสิ่งที่เราสั่งเขาแก่เหล่าประชากร 19 ถ้าผู้ใดไม่ยอมฟังคำพูดของเราซึ่งผู้เผยพระวจนะนั้นกล่าวในนามของเรา เราเองจะจัดการกับผู้นั้น 20 แต่ผู้เผยพระวจนะคนใดซึ่งแอบอ้างนามของเราทั้งๆ ที่เราไม่ได้สั่งให้เขาพูด หรือผู้เผยพระวจนะที่กล่าวในนามพระอื่นๆ จะต้องมีโทษถึงตาย”

21 ท่านอาจจะกล่าวกับตนเองว่า “แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าถ้อยคำนี้ไม่ได้มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า?” 22 หากสิ่งที่ผู้เผยพระวจนะประกาศในพระนามของพระยาห์เวห์ไม่เกิดขึ้นหรือเป็นจริง แสดงว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ตรัสถ้อยคำนั้น ผู้เผยพระวจนะนั้นกุขึ้นมาเอง ท่านอย่าไปเกรงกลัวเขา

เมืองลี้ภัย(A)

19 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงทำลายชนชาติต่างๆ ในดินแดนซึ่งพระองค์กำลังจะประทานแก่ท่าน เมื่อท่านขับไล่พวกเขาออกไปและตั้งถิ่นฐานในบ้านเมืองของเขาแล้ว จงเลือกเมืองสามแห่งในดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังประทานแก่ท่าน จงสร้างทางไปยังเมืองเหล่านี้และแบ่งดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานเป็นกรรมสิทธิ์นั้นออกเป็นสามส่วนเพื่อผู้ที่ฆ่าคนจะหนีไปลี้ภัยที่นั่น

ต่อไปนี้คือกฎเกี่ยวกับผู้ที่ทำให้คนตายแล้วหนีไปเมืองลี้ภัยเพื่อเอาชีวิตรอด คือผู้ที่ทำให้คนตายโดยไม่เจตนา ไม่ได้วางแผนการร้ายมาก่อน ยกตัวอย่างเช่นชายคนหนึ่งเข้าไปตัดไม้ในป่ากับเพื่อนบ้าน ขณะที่เหวี่ยงขวาน หัวขวานกระเด็นออกมาถูกเพื่อนบ้านถึงแก่ความตาย เขาสามารถหนีไปยังเมืองลี้ภัยแห่งใดแห่งหนึ่งในสามเมืองนี้และได้รับการคุ้มครอง ถ้ามีเพียงเมืองเดียวอาจจะไกลเกินไป ทำให้ญาติของผู้ตายตามล้างแค้นเขาได้ทัน เขาจะถูกฆ่าทั้งๆ ที่ไม่น่าจะต้องตาย ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอุบัติเหตุ ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงสั่งให้ท่านตั้งเมืองสามแห่งนี้ขึ้น

หากพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงขยายอาณาเขตของท่านตามที่ทรงสัญญาด้วยคำปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่าน และประทานดินแดนทั้งหมดที่ทรงสัญญาไว้ เนื่องจากท่านเชื่อฟังบทบัญญัติทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ คือรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและดำเนินในทางของพระองค์เสมอ เมื่อนั้นจงกำหนดเมืองลี้ภัยขึ้นอีกสามแห่ง 10 จงทำอย่างนี้เพื่อเลือดของผู้บริสุทธิ์จะไม่ต้องหลั่งลงบนดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานให้ท่านเป็นกรรมสิทธิ์ และเพื่อท่านจะไม่มีความผิดฐานทำให้เลือดตกยางออก

11 แต่หากผู้ใดเกลียดชังเพื่อนบ้าน และซุ่มดักคอยเล่นงาน และฆ่าเขา แล้วหนีเข้าไปในเมืองลี้ภัยไม่ว่าแห่งใด 12 บรรดาผู้อาวุโสประจำเมืองของเขาจะส่งคนมาจับกุมตัวเขาและนำเขากลับมามอบให้แก่ผู้แก้แค้นแทนผู้ตายเพื่อประหาร 13 อย่าสงสารเขาเลย จงขจัดความผิดจากการหลั่งโลหิตของผู้ที่ไม่มีความผิดออกไปจากอิสราเอล เพื่อท่านจะอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข

14 อย่าโยกย้ายหลักเขตของเพื่อนบ้านซึ่งบรรพบุรุษปักไว้ในดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานเป็นกรรมสิทธิ์

พยาน

15 อย่าตัดสินคดีผู้ใดเมื่อมีพยานเพียงปากเดียว แต่ละคดีจะต้องมีพยานยืนยันสองสามปาก

16 ถ้าผู้ใดเป็นพยานมุ่งร้ายกล่าวโทษอีกผู้หนึ่งว่าประกอบอาชญากรรม 17 ทั้งคู่ต้องมายืนอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าปุโรหิตและตุลาการซึ่งประจำหน้าที่ขณะนั้น 18 ตุลาการจะต้องไต่สวนอย่างถี่ถ้วน หากพิสูจน์ได้ว่าพยานโกหก เป็นพยานเท็จกล่าวร้ายพี่น้องของเขา 19 โทษทัณฑ์ซึ่งเขาตั้งใจจะให้ตกแก่พี่น้องจะตกที่เขาเอง ท่านจะต้องขจัดความชั่วร้ายออกไปจากหมู่พวกท่าน 20 แล้วประชาชนอื่นๆ ที่ได้ยินเรื่องนี้จะขยาดกลัว และจะไม่มีใครกล้าทำชั่วอย่างนี้ในหมู่พวกท่านอีก 21 อย่าสงสารเขาเลย ชีวิตแทนชีวิต ตาแทนตา ฟันแทนฟัน มือแทนมือ และเท้าแทนเท้า

การออกศึก

20 เมื่อท่านออกรบและเห็นศัตรูมีม้า รถม้าศึก และกองทัพยิ่งใหญ่เหนือกว่าท่าน อย่ากลัวพวกเขาเลย เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้นำท่านออกมาจากอียิปต์นั้นจะสถิตกับท่าน ก่อนจะออกรบ ปุโรหิตจะเดินมาข้างหน้าและกล่าวแก่กองทัพว่า “อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด วันนี้ท่านกำลังจะไปรบกับศัตรู ไม่ต้องขวัญหนีดีฝ่อหรือหวาดกลัว อย่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงหรือตื่นตระหนกตกใจ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเสด็จไปกับท่าน พระองค์ทรงต่อสู้กับศัตรูเพื่อท่านและจะประทานชัยชนะแก่ท่าน”

แล้วแม่ทัพนายกองจะกล่าวแก่กองทัพว่า “มีใครบ้างที่เพิ่งสร้างบ้านใหม่ แต่ยังไม่ได้ทำพิธีถวาย? ถ้ามีจงกลับไปบ้าน เพราะท่านอาจจะตายในสงคราม แล้วคนอื่นจะมาทำพิธีถวายแทน มีใครบ้างเพิ่งปลูกสวนองุ่น แต่ยังไม่ได้กินผลเลย? ถ้ามีจงกลับบ้าน ท่านอาจจะตายในสงครามแล้ว คนอื่นมากินแทน มีใครบ้างที่เพิ่งหมั้นและยังไม่ได้แต่งงาน? ถ้ามีจงกลับบ้านแต่งงานเสียเถิด มิฉะนั้นท่านอาจจะตายในสงครามและคนอื่นมาแต่งงานกับคู่หมั้นของท่านแทน” แล้วแม่ทัพนายกองกล่าวเสริมว่า “มีใครใจเสาะหรือหวาดหวั่นบ้าง? ถ้ามีจงกลับบ้านไปก่อนที่จะทำให้คนอื่นเสียขวัญไปด้วย” เมื่อแม่ทัพนายกองกล่าวจบแล้ว ก็จะประกาศรายชื่อผู้นำทัพ

10 เมื่อท่านประชิดเมืองใด ก่อนอื่นจงยื่นข้อเสนอให้เขายอมเจรจา 11 หากเมืองนั้นยอมรับข้อเสนอและเปิดประตูเมืองให้ ชาวเมืองทั้งหมดจะถูกเกณฑ์แรงงานเป็นคนรับใช้ของท่าน 12 หากเขาไม่ยอมเจรจาอย่างสันติและต่อสู้กับท่าน ท่านจงล้อมเมืองนั้น 13 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านมอบเมืองนั้นไว้ในมือของท่าน จงลงดาบฆ่าชายทุกคนในเมืองนั้น 14 แต่ท่านอาจจะยึดผู้หญิง เด็ก ฝูงสัตว์ และทรัพย์สินต่างๆ ในเมืองนั้นเป็นของท่าน ท่านนำของที่ยึดได้จากศัตรูซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานให้ไปใช้ได้ 15 ข้อปฏิบัติเหล่านี้ใช้เฉพาะเมืองไกลๆ ไม่ใช่เมืองที่เป็นของประเทศใกล้เคียง

16 ส่วนเมืองต่างๆ ในประเทศที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ อย่าไว้ชีวิต จงทำลายทุกสิ่งที่มีลมหายใจ 17 จงทำลายล้าง[b]ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุสให้หมดสิ้นตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงบัญชาไว้ 18 มิฉะนั้นพวกเขาจะสอนให้ท่านทำสิ่งที่น่าชิงชังโดยการกราบไหว้พระต่างๆ ตามเขา และท่านจะทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

19 เมื่อท่านบุกล้อมเมืองอยู่นานเพื่อยึดเมือง อย่าโค่นต้นไม้ทิ้งเพราะท่านจะได้รับประทานผลของมัน ไม่ต้องโค่นต้นไม้ ต้นไม้ในท้องทุ่งเป็นมนุษย์หรือท่านจึงต้องล้อมทำลาย? 20 แต่ท่านอาจจะโค่นต้นไม้ซึ่งไม่ได้ใช้เป็นอาหารเพื่อใช้ทำเครื่องล้อมเมืองของศัตรูจนกว่าเมืองจะแตก

ลูกา 9:28-50

ทรงจำแลงพระกาย(A)

28 ราวแปดวันหลังจากที่พระเยซูตรัสดังนั้น พระองค์ทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์น ขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐาน 29 ขณะพระองค์ทรงกำลังอธิษฐาน พระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไปและฉลองพระองค์สว่างสุกใสดังแสงฟ้าแลบ 30 มีชายสองคนคือโมเสสกับเอลียาห์ 31 มาปรากฏกายอย่างเปี่ยมด้วยสง่าราศีและสนทนากับพระเยซู พวกเขาพูดถึงการจากไปของพระองค์ซึ่งพระองค์กำลังจะทำให้สำเร็จที่กรุงเยรูซาเล็ม 32 เปโตรกับเพื่อนๆ ง่วงมาก แต่เมื่อตาสว่างเต็มที่พวกเขาก็เห็นพระเกียรติสิริของพระองค์และเห็นชายสองคนยืนอยู่กับพระองค์ 33 ขณะคนทั้งสองกำลังจะจากไป เปโตรทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์ ดีจริงที่พวกข้าพระองค์ได้มาอยู่ที่นี่ ให้เราสร้างเพิงขึ้นสามหลังสำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง และสำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง” (เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังพูดอะไรอยู่)

34 ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เมฆก็ปรากฏขึ้นปกคลุมพวกเขา เมื่ออยู่ในเมฆพวกเขากลัวมาก 35 มีพระสุรเสียงดังจากเมฆว่า “คนนี้คือลูกของเราซึ่งเราได้เลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังเขาเถิด” 36 เมื่อสิ้นเสียงนั้น พวกเขาเห็นว่ามีพระเยซูอยู่เพียงผู้เดียว สาวกทั้งสามเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว และในเวลานั้นพวกเขาไม่เล่าสิ่งที่ตนเห็นให้ใครฟัง

ทรงรักษาเด็กผู้ชายที่ถูกวิญญาณชั่วสิง(B)

37 วันรุ่งขึ้น เมื่อพวกเขาลงมาจากภูเขาแล้ว มีฝูงชนกลุ่มใหญ่มาพบพระเยซู 38 ชายคนหนึ่งในฝูงชนร้องทูลว่า “พระอาจารย์ ขอพระองค์โปรดมาทอดพระเนตรลูกชายของข้าพระองค์ด้วยเถิด เพราะเขาเป็นลูกคนเดียวของข้าพระองค์ 39 มีวิญญาณเข้าสิงเขาและเขาจะกรีดร้องทันที มันทำให้เขาชักทุรนทุราย น้ำลายฟูมปาก มันแทบจะไม่เคยออกจากตัวเขาเลย และมันกำลังทำลายเขา 40 ข้าพระองค์ขอร้องสาวกของพระองค์ให้ขับมันออก แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้”

41 พระเยซูตรัสว่า “คนในยุคที่ขาดความเชื่อและวิปริต เราจะอยู่กับพวกท่านและต้องทนพวกท่านไปนานเท่าใด? พาลูกของท่านมาที่นี่เถิด”

42 แม้ขณะที่เด็กกำลังมา ผีก็ยังทำให้เขาล้มชักบนพื้น แต่พระเยซูทรงกำราบวิญญาณชั่ว[a] และรักษาเด็กคนนั้นแล้วส่งคืนให้บิดา 43 เขาทั้งหลายล้วนศรัทธาในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

ขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจในการทั้งปวงที่พระเยซูได้ทรงกระทำ พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า 44 “จงตั้งใจฟังสิ่งที่เราจะบอกท่านให้ดี คือบุตรมนุษย์จะถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือมนุษย์” 45 แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าทรงหมายความว่าอะไร เพราะความข้อนี้ถูกเก็บงำจากเขาเพื่อเขาจะไม่เข้าใจ และเขาก็ไม่กล้าทูลถามพระองค์เรื่องนี้

ผู้ใดจะเป็นใหญ่ที่สุด(C)

46 เกิดการโต้เถียงกันในหมู่สาวกว่าใครจะเป็นใหญ่ที่สุด 47 พระเยซูทรงทราบความคิดของพวกเขา จึงทรงนำเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมายืนอยู่ข้างพระองค์ 48 แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ผู้ใดต้อนรับเด็กน้อยนี้ในนามของเรา ก็ต้อนรับเรา และผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา เพราะผู้เล็กน้อยที่สุดในหมู่พวกท่านทั้งปวง ก็คือผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

49 ยอห์นทูลว่า “พระอาจารย์ พวกข้าพระองค์เห็นชายคนหนึ่งขับผีออกในพระนามของพระองค์และพวกเราพยายามห้ามเขา เพราะเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มของเรา”

50 พระเยซูตรัสว่า “อย่าห้ามเขาเลย เพราะผู้ใดก็ตามที่ไม่ได้ต่อต้านท่าน ก็อยู่ฝ่ายท่าน”

สดุดี 73

บรรพ 3(A)

(บทสดุดีของอาสาฟ)

73 แน่ทีเดียว พระเจ้าทรงดีต่ออิสราเอล
ต่อบรรดาผู้มีใจบริสุทธิ์

แต่สำหรับข้าพเจ้า เท้าของข้าพเจ้าเกือบจะลื่นพลาด
ข้าพเจ้าจวนเจียนจะเสียหลัก
เพราะข้าพเจ้าอิจฉาคนหยิ่งผยอง
เมื่อข้าพเจ้าเห็นความเจริญรุ่งเรืองของคนชั่ว

พวกเขาไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้
ร่างกายของเขาแข็งแรงและสุขภาพดี[a]
เขาไม่ต้องแบกรับภาระเหมือนคนอื่นๆ
เขาไม่ต้องเป็นทุกข์ด้วยโรคภัยไข้เจ็บ
ฉะนั้นเขาจึงคล้องความเย่อหยิ่งเป็นสร้อยคอ
เขาสวมความรุนแรงเป็นอาภรณ์คลุมกาย
ความชั่วช้าออกมาจากใจที่ตายด้านของเขา[b]
ความคิดชั่วในจิตใจของเขาไร้ขีดจำกัด
เขาเย้ยหยัน พูดอย่างมุ่งร้าย
และข่มขู่คุกคามอย่างโอหัง
ริมฝีปากของเขาอ้างสิทธิ์เหนือฟ้าสวรรค์
ลิ้นของเขาอวดอ้างกรรมสิทธิ์เหนือแผ่นดินโลก
10 ฉะนั้นคนของเขาจึงหันไปหาพวกเขา
และดื่มห้วงน้ำหมดไปอย่างมากมาย[c]
11 พวกเขาพูดว่า “พระเจ้าจะรู้ได้อย่างไร?
องค์ผู้สูงสุดจะรู้หรือ?”

12 คนชั่วเป็นเช่นนี้แหละ สุขสบายอยู่ร่ำไป
พวกเขาร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ

13 แน่ทีเดียว ข้าพเจ้ารักษาใจให้บริสุทธิ์
และชำระมือให้ปราศจากมลทินโดยเปล่าประโยชน์
14 ข้าพเจ้าถูกรุมเล่นงานวันยังค่ำ
และถูกลงโทษอยู่ทุกเช้า

15 หากข้าพเจ้าได้กล่าวว่า “เราจะพูดเช่นนั้น”
ข้าพเจ้าก็คงจะได้ทรยศต่อลูกๆ ของพระองค์
16 เมื่อข้าพเจ้าพยายามที่จะเข้าใจทั้งหมดนี้
ก็ทำให้ลำบากใจยิ่งนัก
17 จนกระทั่งข้าพเจ้าเข้าไปยังสถานนมัสการของพระเจ้า
ข้าพเจ้าจึงเข้าใจถึงจุดหมายปลายทางสุดท้ายของพวกเขา

18 แน่ทีเดียว พระองค์ทรงให้เขายืนอยู่บนที่ลื่น
พระองค์ทรงเหวี่ยงเขาลงสู่หายนะ
19 เขาถูกทำลายไปทันที
ถูกกวาดล้างหมดสิ้นไปด้วยความสยดสยอง!
20 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นก็เหมือนคนที่ตื่นจากฝัน
พระองค์จะทรงเหยียดหยามเขาว่าเป็นเพียงภาพเพ้อฝัน

21 เมื่อจิตใจของข้าพระองค์ทุกข์โศก
เมื่อดวงวิญญาณของข้าพระองค์ขมขื่น
22 ข้าพระองค์ก็ไม่รู้จักคิดและโง่เขลา
ข้าพระองค์เป็นเหมือนสัตว์เดียรัจฉานต่อพระองค์

23 แต่ถึงกระนั้น ข้าพระองค์ยังอยู่กับพระองค์เสมอ
พระองค์ทรงยึดมือขวาของข้าพระองค์ไว้
24 พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ด้วยคำปรึกษาของพระองค์
และภายหลังพระองค์จะทรงรับข้าพระองค์เข้าสู่เกียรติสิริ
25 นอกจากพระองค์แล้วข้าพระองค์มีผู้ใดอื่นในฟ้าสวรรค์หรือ?
และในโลกนี้ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาสิ่งใดนอกจากพระองค์
26 กายใจของข้าพระองค์อาจจะเสื่อมถอย
แต่พระเจ้าทรงเป็นพลังใจและเป็นส่วนมรดกของข้าพระองค์ตลอดไป

27 บรรดาผู้ที่ห่างไกลพระองค์จะพินาศ
พระองค์ทรงทำลายล้างคนทั้งปวงที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
28 แต่ส่วนข้าพระองค์ ดีเหลือเกินที่ได้เข้ามาใกล้พระเจ้า
ข้าพระองค์ได้ให้พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะเล่าถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์

สุภาษิต 12:10

10 คนชอบธรรมห่วงใยแม้แต่ความเป็นอยู่ของสัตว์ที่เขาเลี้ยง
ส่วนความกรุณาของคนอธรรมก็ยังโหดเหี้ยม

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.