Print Page Options Listen to Daniel 1-3
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
ดาเนียล 1-3

การฝึกฝนของดาเนียลในบาบิโลน

ในปีที่สามของรัชกาลกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนทรงกรีธาทัพมาล้อมกรุงเยรูซาเล็ม และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์พร้อมทั้งภาชนะบางอย่างในพระวิหารของพระเจ้าไว้ในมือเนบูคัดเนสซาร์ เนบูคัดเนสซาร์ทรงนำสิ่งเหล่านี้ไปเก็บไว้ที่คลังของวิหารเทพเจ้าของตนในบาบิโลน[a]

แล้วเนบูคัดเนสซาร์ตรัสบัญชาอัชเปนัสหัวหน้ากรมวังให้คัดเลือกชายหนุ่มอิสราเอลบางคนซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์และอยู่ในตระกูลขุนนาง คนหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาดี ไม่พิกลพิการ เฉลียวฉลาดพร้อมที่จะเรียนรู้ ได้รับการศึกษาอบรมมาอย่างดี มีไหวพริบปฏิภาณ และคุณสมบัติเหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ในพระราชวัง ให้อัชเปนัสสอนภาษาและวรรณคดีของชาวบาบิโลน[b]แก่ชายหนุ่มเหล่านี้ กษัตริย์ทรงประทานอาหารและเหล้าองุ่นจากโต๊ะเสวยแก่คนเหล่านี้ทุกวันและให้พวกเขารับการฝึกฝนตลอดสามปี หลังจากนั้นจึงเข้ารับราชการ

ในกลุ่มชายหนุ่มเหล่านี้ มีบางคนจากยูดาห์ได้แก่ดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ หัวหน้ากรมวังตั้งชื่อใหม่ให้พวกเขาดังนี้ ดาเนียลชื่อเบลเทชัสซาร์ ฮานันยาห์ชื่อชัดรัค มิชาเอลชื่อเมชาค และอาซาริยาห์ชื่ออาเบดเนโก

แต่ดาเนียลตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ยอมให้ตนเองเป็นมลทินเพราะเครื่องเสวย ทั้งอาหารและเหล้าองุ่น จึงขออนุญาตจากหัวหน้ากรมวังที่จะไม่ทำให้ตนเองเป็นมลทินอย่างนั้น พระเจ้าทรงบันดาลให้หัวหน้ากรมวังชอบพอและเห็นใจดาเนียล 10 แต่เขาบอกดาเนียลว่า “เรากลัวเจ้าเหนือหัวซึ่งทรงเป็นผู้ประทานอาหารและเครื่องดื่มให้พวกเจ้า หากเราปล่อยให้พระองค์เห็นพวกเจ้าซูบซีดกว่าชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน พระองค์คงตัดหัวเราเพราะพวกเจ้า”

11 ดาเนียลจึงบอกผู้ดูแลซึ่งหัวหน้ากรมวังแต่งตั้งให้รับผิดชอบดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ว่า 12 “โปรดลองให้ผู้รับใช้ของท่านกินแต่ผักและดื่มแต่น้ำสักสิบวัน 13 แล้วเปรียบเทียบหน้าตาของพวกเรากับชายหนุ่มซึ่งรับประทานเครื่องเสวย จากนั้นเชิญท่านปฏิบัติต่อผู้รับใช้ตามที่ท่านเห็นควรเถิด” 14 ผู้ดูแลก็ตกลงตามนี้และให้พวกเขาทดลองดูสิบวัน

15 เมื่อครบสิบวันแล้ว ปรากฏว่าพวกเขาดูแข็งแรงและมีพลานามัยดีกว่าชายหนุ่มอื่นๆ ที่รับประทานเครื่องเสวย 16 ฉะนั้นผู้ดูแลจึงงดให้เครื่องเสวยและเหล้าองุ่น แต่ให้เขาทั้งสี่รับประทานผัก

17 พระเจ้าโปรดให้ชายหนุ่มทั้งสี่มีความรู้ความเข้าใจในวรรณกรรมและวิทยาการทุกอย่าง ตัวดาเนียลนั้นสามารถเข้าใจนิมิตและความฝันทุกประเภท

18 เมื่อครบกำหนดที่กษัตริย์ทรงบัญชา หัวหน้ากรมวังนำชายหนุ่มทั้งปวงที่คัดเลือกไว้เข้าเฝ้ากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ 19 กษัตริย์ทรงสนทนากับพวกเขาและทรงพบว่าไม่มีชายหนุ่มคนใดเทียบเคียงดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ได้ ทั้งสี่คนนี้จึงเข้ารับราชการอยู่ในราชสำนัก 20 กษัตริย์ทรงซักถามพวกเขาทุกเรื่องในด้านสติปัญญาและความเข้าใจ และทรงพบว่าพวกเขาดีเด่นกว่าพวกนักเล่นอาคมและนักเวทมนตร์ทั่วราชอาณาจักรถึงสิบเท่า

21 ดาเนียลรับราชการเรื่อยมาจวบจนปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลกษัตริย์ไซรัส

เนบูคัดเนสซาร์ทรงฝัน

ในปีที่สองแห่งรัชกาล เนบูคัดเนสซาร์ทรงฝัน แล้วทุกข์พระทัยมากจนบรรทมไม่หลับ จึงรับสั่งให้นักเล่นอาคม นักเวทมนตร์ พ่อมดหมอผี และพวกโหราจารย์[c]มาทูลให้ทรงทราบว่าทรงฝันเรื่องอะไร เมื่อพวกเขามาเข้าเฝ้า กษัตริย์ตรัสกับเขาว่า “เราฝันไป ทำให้เราทุกข์ใจมาก เราอยากรู้ว่าฝันนั้นหมายถึงอะไร”

พวกโหราจารย์จึงกราบทูลเป็นภาษาอารเมค[d]ว่า “ขอฝ่าพระบาทจงทรงพระเจริญ! โปรดเล่าความฝันมาเถิด พวกข้าพระบาทจะทูลทำนายถวาย”

กษัตริย์ตรัสตอบเหล่าโหราจารย์ว่า “เราตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า หากพวกเจ้าบอกเราไม่ได้ว่าเราฝันอะไรและหมายความว่าอะไร เราจะสับพวกเจ้าเป็นชิ้นๆ และทำลายบ้านเรือนของเจ้าให้กลายเป็นกองขยะ แต่หากเจ้าเล่าความฝันและทำนายได้ เจ้าจะได้รับรางวัลและเกียรติยศยิ่งใหญ่ ฉะนั้นจงเล่าความฝันและแก้ฝันให้เราเถิด”

พวกเขาทูลอีกว่า “ขอฝ่าพระบาททรงเล่าความฝันให้ผู้รับใช้ฟังเถิด แล้วข้าพระบาททั้งหลายจะทำนายฝันถวาย”

กษัตริย์จึงตรัสว่า “เราแน่ใจว่าพวกเจ้าพยายามถ่วงเวลา เพราะพวกเจ้ารู้อยู่ว่าเราตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว หากพวกเจ้าไม่บอกว่าเราฝันอะไรก็มีโทษทัณฑ์สถานเดียว พวกเจ้าสมรู้ร่วมคิดกันพูดล่อหลอกเราเพราะหวังว่าเราจะเปลี่ยนใจ จงเล่าความฝันมาสิ เราจะได้รู้ว่าเจ้าแก้ฝันให้เราได้”

10 โหราจารย์ทั้งหลายทูลว่า “ไม่มีใครในโลกนี้สามารถทำอย่างที่ฝ่าพระบาทประสงค์ได้! ไม่มีกษัตริย์องค์ใดจะถามเช่นนี้จากผู้เล่นอาคม นักเวทมนตร์ หรือโหราจารย์ได้ ไม่ว่ากษัตริย์องค์นั้นจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรเพียงใด 11 สิ่งที่ฝ่าพระบาทให้ทำนี้ยากเกินวิสัยมนุษย์จะทำได้ มีแต่เทพเจ้าเท่านั้นจะบอกได้และเทพเจ้าก็ไม่ได้อยู่ในหมู่มนุษย์”

12 เมื่อได้ยินเช่นนี้ กษัตริย์ทรงพระพิโรธยิ่งนักและตรัสสั่งให้ประหารชีวิตปราชญ์ทั้งหมดในกรุงบาบิโลน 13 ดังนั้นจึงมีพระราชกฤษฎีกาออกมาให้ประหารชีวิตพวกนักปราชญ์ แล้วก็มีคนไปตามตัวดาเนียลกับเพื่อนเพื่อนำตัวไปประหาร

14 เมื่ออารีโอคผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ออกไปเพื่อประหารปราชญ์ของบาบิโลน ดาเนียลจึงเจรจากับเขาด้วยสติปัญญาและปฏิภาณ 15 ดาเนียลถามเขาว่า “เหตุใดกษัตริย์ทรงออกพระราชกฤษฎีการุนแรงถึงเพียงนี้?” อารีโอคก็อธิบายให้ฟัง 16 ดาเนียลจึงเข้าเฝ้ากษัตริย์เพื่อทูลขอเวลา เพื่อจะทูลความหมายของความฝันให้ทรงทราบ

17 จากนั้นดาเนียลกลับไปบ้านและเล่าเรื่องให้ฮานันยาห์ มิชาเอล กับอาซาริยาห์ผู้เป็นเพื่อนฟัง 18 แล้วเร่งเร้าให้พวกเขาอธิษฐานขอต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ที่จะทรงกรุณาในเรื่องล้ำลึกนี้ด้วย เพื่อดาเนียลกับเพื่อนๆ จะไม่ถูกประหารไปพร้อมกับปราชญ์คนอื่นๆ ในบาบิโลน 19 คืนนั้นพระเจ้าทรงสำแดงความล้ำลึกนี้แก่ดาเนียลในนิมิต ดาเนียลจึงสรรเสริญพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ 20 และกล่าวว่า

“สรรเสริญพระนามของพระเจ้าชั่วนิจนิรันดร์

สติปัญญาและฤทธิ์อำนาจเป็นของพระองค์

21 พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงวาระเวลาและฤดูกาล

ทรงแต่งตั้งและถอดถอนกษัตริย์

พระองค์ประทานสติปัญญาแก่ผู้เฉลียวฉลาด

และประทานความรู้แก่ผู้ที่ฉลาดหลักแหลม

22 พระองค์ทรงเผยสิ่งที่ลึกซึ้งและซ่อนเร้นอยู่

ทรงทราบสิ่งที่แฝงอยู่ในความมืด

และความสว่างอยู่กับพระองค์

23 ข้าแต่พระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอบพระคุณและสรรเสริญพระองค์

พระองค์ประทานสติปัญญาและฤทธิ์อำนาจแก่ข้าพระองค์

พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ทราบสิ่งที่ทูลขอจากพระองค์

ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบความฝันของกษัตริย์”

ดาเนียลทำนายฝัน

24 แล้วดาเนียลไปพบอารีโอคซึ่งกษัตริย์ทรงใช้ให้ไปประหารชีวิตเหล่านักปราชญ์ของบาบิโลน ดาเนียลกล่าวกับเขาว่า “อย่าประหารเหล่านักปราชญ์ของบาบิโลนเลย โปรดนำข้าพเจ้าไปเข้าเฝ้ากษัตริย์เพื่อทำนายฝันถวาย”

25 อารีโอคจึงพาดาเนียลไปเข้าเฝ้าทันทีและทูลว่า “ข้าพระบาทพบชายผู้หนึ่งในหมู่เชลยที่มาจากยูดาห์ซึ่งสามารถกราบทูลว่าความฝันนั้นหมายความว่าอะไร”

26 กษัตริย์ตรัสถามดาเนียล (หรือที่เรียกกันว่า เบลเทชัสซาร์) ว่า “เจ้าสามารถเล่าสิ่งที่เราฝันและแก้ฝันให้ได้หรือ?”

27 ดาเนียลทูลตอบว่า “ไม่มีปราชญ์ นักเวทมนตร์ นักเล่นคาถาอาคม และโหรคนใดสามารถทูลความล้ำลึกที่ฝ่าพระบาทตรัสถามนั้นได้ 28 แต่มีพระเจ้าองค์หนึ่งในฟ้าสวรรค์ผู้ทรงเปิดเผยสิ่งล้ำลึก และได้ทรงสำแดงให้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ความฝันและนิมิตซึ่งผ่านเข้ามาในพระดำริขณะฝ่าพระบาทบรรทมอยู่บนพระแท่นมีดังนี้

29 “ข้าแต่กษัตริย์ ขณะฝ่าพระบาทบรรทมอยู่และทรงดำริถึงสิ่งต่าง ๆที่จะเกิดขึ้น พระเจ้าผู้ทรงเปิดเผยความล้ำลึกก็ทรงแสดงให้ฝ่าพระบาททราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น 30 ที่พระเจ้าทรงโปรดให้ความล้ำลึกนี้ประจักษ์แจ้งแก่ข้าพระบาท ไม่ใช่เพราะข้าพระบาทมีสติปัญญามากกว่าคนอื่นๆ แต่เพื่อฝ่าพระบาทจะทรงทราบความหมายและเข้าใจสิ่งที่เข้ามาในพระดำริ

31 “ข้าแต่กษัตริย์ ฝ่าพระบาทได้ทอดพระเนตรเห็นรูปปั้นมหึมาตั้งอยู่ต่อหน้าเปล่งประกายเจิดจ้า มีลักษณะน่าครั่นคร้าม 32 ศีรษะของรูปปั้นนั้นทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ หน้าอกและแขนทำด้วยเงิน ท้องและต้นขาทำด้วยทองสัมฤทธิ์ 33 ขาทำด้วยเหล็ก เท้าเป็นเหล็กปนดินเหนียว 34 ขณะฝ่าพระบาททอดพระเนตรอยู่นั้น ก็มีหินก้อนหนึ่งถูกสกัดออกมา แต่ไม่ใช่ด้วยมือของมนุษย์ หินนั้นกระแทกเท้าของรูปปั้นซึ่งทำด้วยเหล็กปนดินเหนียวแตกกระจาย 35 แล้วเหล็ก ดินเหนียว ทองสัมฤทธิ์ เงิน และทองคำ ก็แหลกเป็นชิ้นๆ และกลายเป็นเหมือนแกลบที่ลานนวดข้าวในฤดูร้อน ซึ่งลมพัดปลิวหายไปไม่เหลือร่องรอยไว้เลย แต่หินที่กระแทกรูปปั้นกลับกลายเป็นภูเขามหึมาปกคลุมทั่วโลก

36 “นั่นคือความฝัน บัดนี้ข้าพระบาทขอทูลความหมายให้ทรงทราบ 37 ฝ่าพระบาททรงเป็นจอมกษัตริย์ พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ประทานบารมี อำนาจ ความเกรียงไกร และเกียรติแก่ฝ่าพระบาท 38 พระองค์ทรงมอบมนุษยชาติ สัตว์ป่าในท้องทุ่ง และนกในอากาศไว้ในพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท พระเจ้าทรงให้ฝ่าพระบาทครอบครองสิ่งเหล่านั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ฝ่าพระบาทคือศีรษะที่ทำด้วยทองคำนั้น

39 “หลังจากฝ่าพระบาทแล้ว จะมีอีกอาณาจักรหนึ่งรุ่งเรืองขึ้นมาแต่ด้อยกว่าของฝ่าพระบาท จากนั้นเป็นอาณาจักรที่สามคือทองสัมฤทธิ์ซึ่งจะปกครองทั่วโลก 40 ท้ายสุดคืออาณาจักรที่สี่ซึ่งแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก เหล็กฟาดฟันทุกสิ่งให้ย่อยยับ อาณาจักรนั้นจะบดขยี้อาณาจักรอื่นๆ ทั้งปวงให้ยับเยิน เหมือนเหล็กที่ทำให้สิ่งอื่นๆ แหลกลาญ 41 ตามที่ฝ่าพระบาทเห็นว่าเท้าและนิ้วเท้าเป็นดินเหนียวปนเหล็ก แสดงว่าอาณาจักรนี้แยกออกเป็นส่วนๆ แต่ก็จะมีกำลังแข็งแกร่งเหมือนเหล็กอยู่บ้าง ตามที่ฝ่าพระบาทเห็นเป็นเหล็กปนดินเหนียว 42 ดังที่นิ้วเท้าเป็นดินเหนียวปนเหล็ก อาณาจักรนี้ก็จะมีส่วนที่แข็งแกร่งและส่วนที่เปราะบาง 43 และตามที่ฝ่าพระบาททรงเห็นเหล็กปนกับดินเหนียว ประชาชนก็จะผสมผสานแต่ไม่รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งก็ไม่ต่างจากเหล็กผสมดินเหนียว

44 “ในยุคของกษัตริย์เหล่านั้น พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะทรงตั้งอาณาจักรหนึ่งซึ่งไม่มีใครทำลายล้างได้ ทั้งจะไม่ตกเป็นของชนชาติอื่น อาณาจักรนี้จะบดขยี้อาณาจักรอื่นๆ ทั้งปวงจนราบคาบ อาณาจักรนี้จะยั่งยืนมั่นคงตลอดกาล 45 นี่คือความหมายของนิมิตเรื่องหินที่ถูกสกัดจากภูเขา ซึ่งไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์ หินซึ่งกระแทกเหล็ก ทองสัมฤทธิ์ ดินเหนียว เงิน และทองคำให้แตกกระจาย

“พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทรงสำแดงให้ฝ่าพระบาททราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ความฝันนี้เป็นความจริงและการตีความนี้ก็เชื่อถือได้”

46 แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ทรงทรุดองค์ลงกราบดาเนียล และรับสั่งให้นำเครื่องบูชากับเครื่องหอมมาถวายดาเนียล 47 กษัตริย์ตรัสกับดาเนียลว่า “พระเจ้าของท่านทรงเป็นพระเจ้าเหนือพระทั้งหลายแน่นอน ทรงเป็นจอมราชันและทรงเป็นผู้เปิดเผยความล้ำลึกทั้งมวล เพราะท่านสามารถเปิดเผยความล้ำลึกนี้ได้”

48 แล้วกษัตริย์ทรงแต่งตั้งดาเนียลให้ดำรงตำแหน่งสูง และประทานบำเหน็จรางวัลมากมาย ทรงตั้งให้ปกครองบาบิโลนทั้งมณฑลและให้ดูแลปราชญ์ทั้งปวงของบาบิโลน 49 ยิ่งกว่านั้นกษัตริย์ทรงแต่งตั้งชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกให้เป็นผู้บริหารมณฑลบาบิโลนตามที่ดาเนียลทูลขอ ส่วนดาเนียลเองอยู่ที่ราชสำนัก

เทวรูปทองคำและเตาไฟร้อนแรง

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ทรงสร้างเทวรูปทองคำสูงถึง 60 ศอก กว้าง 6 ศอก[e]ตั้งไว้ในที่ราบดูราในมณฑลบาบิโลน แล้วทรงให้เรียกเสนาบดี ข้าหลวงภาค ผู้ว่าการ ราชมนตรี ขุนคลัง ผู้พิพากษา ตุลาการ และเจ้าหน้าที่ของทุกมณฑลมาชุมนุมเพื่อร่วมงานฉลองเทวรูปซึ่งสถาปนาขึ้นนั้น คนเหล่านั้นก็มาร่วมฉลองและยืนอยู่หน้าเทวรูปที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงสร้างขึ้น

แล้วมีเสียงป่าวประกาศว่า “บรรดาพลเมืองทุกชาติทุกภาษา มีพระราชโองการว่า ทันทีที่พวกเจ้าได้ยินเสียงเขาสัตว์ ขลุ่ย พิณ พิณเขาคู่ พิณใหญ่ ปี่ และเสียงดนตรีทุกชนิด จงหมอบกราบลงนมัสการเทวรูปทองคำที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์สร้างขึ้น ผู้ใดก็ตามที่ไม่ยอมหมอบกราบลงนมัสการ จะถูกโยนเข้าไปในเตาไฟลุกโชนทันที”

ฉะนั้นทันทีที่คนทั้งหลายได้ยินเสียงเขาสัตว์ ขลุ่ย พิณ พิณเขาคู่ พิณใหญ่ และเสียงดนตรีทุกชนิด พลเมืองทั้งปวงจากทุกชาติทุกภาษาก็หมอบกราบลงนมัสการเทวรูปทองคำที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงสร้างขึ้น

ในครั้งนั้นมีโหราจารย์[f]บางคนมาทูลฟ้องกษัตริย์เรื่องชาวยิว พวกเขามาทูลเนบูคัดเนสซาร์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอจงทรงพระเจริญ! 10 ฝ่าพระบาททรงประกาศพระราชกฤษฎีกาว่า ทุกคนที่ได้ยินเสียงเขาสัตว์ ขลุ่ย พิณ พิณเขาคู่ พิณใหญ่ ปี่ และเสียงดนตรีทุกชนิด ให้หมอบกราบลงนมัสการเทวรูปทองคำ 11 และผู้ใดที่ไม่ยอมหมอบกราบลงนมัสการจะถูกโยนเข้าไปในเตาไฟลุกโชนทันที 12 แต่มีชาวยิวบางคนคือ ชัดรัค เมชาคและอาเบดเนโกที่ฝ่าพระบาททรงแต่งตั้งให้ดูแลมณฑลบาบิโลนนั้นไม่ยอมทำตามพระบัญชา เขาเหล่านั้นไม่กราบไหว้เทพเจ้าต่างๆ ของฝ่าพระบาท และไม่ยอมนมัสการเทวรูปทองคำที่ฝ่าพระบาททรงสร้างขึ้น”

13 เนบูคัดเนสซาร์จึงทรงพระพิโรธยิ่งนัก และตรัสสั่งให้นำตัวชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกมาเข้าเฝ้า 14 แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ชัดรัค เมชาคและอาเบดเนโก จริงหรือที่พวกเจ้าไม่ยอมปรนนิบัติเทพเจ้าของเรา หรือนมัสการเทวรูปทองคำที่เราสร้างขึ้น 15 บัดนี้หากพวกเจ้าได้ยินเสียงเขาสัตว์ ขลุ่ย พิณ พิณเขาคู่ พิณใหญ่ ปี่ และเสียงดนตรีทุกชนิดประโคมขึ้นแล้ว ถ้าพวกเจ้าพร้อมที่จะหมอบกราบนมัสการเทวรูปที่เราสร้างขึ้นก็ดี แต่หากพวกเจ้าไม่นมัสการจะถูกโยนเข้าไปในเตาไฟลุกโชนทันที แล้วเทพเจ้าองค์ใดเล่าจะสามารถช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากมือเราไปได้?”

16 ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกทูลกษัตริย์ว่า “ข้าแต่เนบูคัดเนสซาร์ ข้าพระบาททั้งหลายไม่จำเป็นต้องทูลแก้ต่างให้ตนเองต่อฝ่าพระบาทในเรื่องนี้ 17 หากข้าพระบาทถูกโยนเข้าไปในเตาไฟลุกโชน ข้าแต่กษัตริย์ พระเจ้าที่ข้าพระบาททั้งหลายปรนนิบัตินั้นจะทรงกอบกู้และทรงช่วยข้าพระบาททั้งหลายให้พ้นจากเงื้อมพระหัตถ์ของฝ่าพระบาทได้ 18 แต่ถึงแม้พระองค์ไม่ทรงช่วย ข้าแต่กษัตริย์ ก็ขอฝ่าพระบาททรงทราบเถิดว่า ข้าพระบาทจะไม่ยอมปรนนิบัติเทพเจ้าของฝ่าพระบาทหรือนมัสการเทวรูปทองคำที่ทรงตั้งขึ้นเป็นอันขาด”

19 เนบูคัดเนสซาร์จึงทรงพระพิโรธชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกยิ่งนัก พระทัยที่เคยปรานีต่อพวกเขาก็เปลี่ยนไป และตรัสสั่งให้โหมไฟในเตาให้ร้อนแรงขึ้นอีกเจ็ดเท่า 20 แล้วสั่งให้ทหารที่กำยำที่สุดในกองทัพจับชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกมามัดและโยนเข้าไปในเตาไฟลุกโชน 21 พวกทหารจึงจับคนทั้งสามมัดและโยนเข้าไปในเตาไฟร้อนแรง ทั้งๆ ที่คนทั้งสามยังโพกผ้า สวมเสื้อ กางเกง และเครื่องแต่งกายอื่นๆ อยู่ 22 คำสั่งของกษัตริย์เร่งด่วนมาก และเตาไฟก็ร้อนแรงจนเปลวไฟแลบออกมา แผดเผาเหล่าทหารที่จับชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกโยนเข้าไปในเตานั้นสิ้นชีวิต 23 คนทั้งสามที่ถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาก็ถูกโยนเข้าไปในเตาไฟลุกโชน

24 แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ทรงลุกขึ้นทันทีด้วยความประหลาดพระทัย และตรัสถามบรรดาราชมนตรีว่า “เรามัดสามคนโยนเข้าไปในเตาไฟไม่ใช่หรือ?”

ราชมนตรีทูลว่า “ใช่แล้วพระเจ้าข้า”

25 กษัตริย์ตรัสว่า “แต่ดูสิ เราเห็นสี่คนเดินอยู่ในเตาไฟ ไม่ได้ถูกมัดหรือเป็นอันตรายแต่อย่างใด และคนที่สี่นั้นก็ดูเหมือนเทพบุตร”

26 เนบูคัดเนสซาร์จึงเสด็จไปที่ประตูของเตาไฟอันร้อนแรงนั้น และทรงร้องเรียกว่า “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกผู้รับใช้ของพระเจ้าสูงสุดเอ๋ย จงออกมาเถิด! จงออกมานี่!”

ดังนั้นชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกจึงออกมาจากไฟ 27 บรรดาเสนาบดี ข้าหลวงภาค ผู้ว่าการ และราชมนตรีต่างมาห้อมล้อมคนทั้งสาม เห็นว่าไฟไม่ได้ทำอันตรายร่างกายของเขาเลย ผมก็ไม่ได้ไหม้ไปแม้สักเส้น เสื้อผ้าก็ไม่ได้ถูกเผาไหม้ ไม่มีแม้แต่กลิ่นไหม้

28 เนบูคัดเนสซาร์จึงตรัสว่า “ขอสรรเสริญพระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ผู้ทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาช่วยผู้รับใช้ของพระองค์! พวกเขาไว้วางใจในพระเจ้า ละเมิดคำสั่งของกษัตริย์ และยอมตายเสียดีกว่ายอมปรนนิบัตินมัสการพระอื่นใดเว้นแต่พระเจ้าของตน 29 ฉะนั้นเราขอประกาศกฤษฎีกาว่า ไม่ว่าพลเมืองชาติใดภาษาใดกล่าววาจาล่วงเกินพระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกจะถูกฟันเป็นท่อนๆ และบ้านเรือนของเขาจะถูกพังทลายเป็นกองขยะ เพราะไม่มีเทพเจ้าอื่นใดสามารถช่วยได้ถึงเพียงนี้”

30 แล้วกษัตริย์ทรงเลื่อนตำแหน่งให้ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกให้สูงขึ้นในมณฑลบาบิโลน

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.