Chronological
41 ในเดือนที่เจ็ด อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์บุตรของเอลิชามา ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งและเคยเป็นขุนนางมาก่อน กับคนอีกสิบคนมาพบเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมที่มิสปาห์ ขณะที่กำลังรับประทานอาหารด้วยกัน 2 อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์และคนทั้งสิบที่อยู่กับเขาก็ลุกขึ้นชักดาบออกมาฆ่าเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมบุตรชาฟานซึ่งกษัตริย์บาบิโลนแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการ 3 อิชมาเอลยังได้ฆ่าชาวยิวทั้งปวงที่อยู่กับเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ และทหารบาบิโลน[a]ซึ่งอยู่ที่นั่นด้วย
4 วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เกดาลิยาห์ถูกฆ่าและยังไม่มีใครทราบเรื่อง 5 ก็มีชายแปดสิบคนจากเชเคม ชิโลห์ และสะมาเรีย โกนหนวดเครา ฉีกเสื้อผ้า และกรีดเนื้อตัวเอง นำธัญบูชาและเครื่องหอมมายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 6 อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ออกจากเมืองมิสปาห์ไปพบพวกเขา เดินพลางร้องไห้พลางและเมื่อเขาพบคนเหล่านั้นก็กล่าวว่า “เชิญมาพบเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมเถิด” 7 เมื่อคนเหล่านั้นเข้ามาในเมืองแล้วอิชมาเอลกับพวกก็ฆ่าพวกเขาและโยนศพลงในที่ขังน้ำ 8 แต่มีสิบคนในพวกนั้นกล่าวกับอิชมาเอลว่า “อย่าฆ่าเราเลย เรามีข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ น้ำมัน และน้ำผึ้งซ่อนไว้ในทุ่งนา” อิชมาเอลจึงปล่อยเขาไป ไม่ฆ่าทิ้งเหมือนคนอื่นๆ 9 ที่ขังน้ำซึ่งอิชมาเอลโยนศพคนที่เขาสังหารพร้อมกับเกดาลิยาห์นั้น เป็นที่ซึ่งกษัตริย์อาสาสร้างขึ้นเป็นปราการส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันการโจมตีของกษัตริย์บาอาชาแห่งอิสราเอล อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ได้โยนศพลงไปจนเต็มที่ขังน้ำนั้น
10 บรรดาธิดาของกษัตริย์พร้อมทั้งประชาชนอื่นๆ ซึ่งเนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้ให้อยู่ภายใต้การปกครองของเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมที่เมืองมิสปาห์ ถูกอิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์จับเป็นเชลย คุมตัวมุ่งหน้าจะไปยังดินแดนของชาวอัมโมน
11 เมื่อโยฮานันบุตรคาเรอาห์และแม่ทัพนายกองทั้งปวงที่อยู่ด้วยได้ยินข่าวอิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ก่อการร้าย 12 ก็นำกำลังคนทั้งหมดไปสู้รบกับอิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ พวกเขาตามมาทันอิชมาเอลที่สระน้ำใหญ่ในกิเบโอน 13 เมื่อประชาชนทั้งปวงที่อิชมาเอลพามาเห็นโยฮานันบุตรคาเรอาห์และแม่ทัพนายกองที่อยู่กับเขา พวกเขาก็ยินดี 14 คนทั้งปวงที่อิชมาเอลจับเป็นเชลยที่มิสปาห์ได้หันไปหาโยฮานันบุตรคาเรอาห์ 15 แต่อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์และคนของเขาอีกแปดคนหลบหนีจากโยฮานันไปหาชาวอัมโมนได้
หนีไปยังอียิปต์
16 แล้วโยฮานันบุตรคาเรอาห์และเหล่าแม่ทัพนายกองก็นำบรรดาคนเหลือรอดจากมิสปาห์ ซึ่งพวกตนกอบกู้มาจากมืออิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ผู้สังหารเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมกลับมาจากกิเบโอน ผู้ที่เหลือรอดนั้นมีทั้งทหาร ผู้หญิง เด็ก และข้าราชสำนัก 17 พวกเขาเดินทางต่อไป และแวะพักที่เกรูธคิมฮัมใกล้เบธเลเฮมบนเส้นทางที่จะไปยังอียิปต์ 18 เพื่อหลบหนีจากชาวบาบิโลน[b]ซึ่งพวกเขากลัว เพราะอิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ได้สังหารเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมซึ่งกษัตริย์บาบิโลนแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการปกครองดินแดน
42 แล้วบรรดาแม่ทัพนายกองรวมทั้งโยฮานันบุตรคาเรอาห์ เยซันยาห์[c]บุตรโฮชายาห์ และประชากรทั้งปวงไม่ว่าผู้ใหญ่หรือผู้น้อยพากันมาหาผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ 2 และกล่าวกับเขาว่า “โปรดฟังคำอ้อนวอนของเราและอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเพื่อชนที่เหลืออยู่ทั้งหมดนี้ เพราะท่านก็เห็นแล้วว่า แม้แต่ก่อนเรามีกันมากมาย บัดนี้ก็เหลือเพียงหยิบมือเดียว 3 โปรดอธิษฐานขอให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านบอกเราด้วยว่าควรไปที่ไหนและควรทำอะไร”
4 ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ตอบว่า “ข้าพเจ้าได้ยินแล้ว ข้าพเจ้าจะอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตามที่ท่านขอร้องอย่างแน่นอน ข้าพเจ้าจะบอกท่านทุกอย่างตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส จะไม่ปิดบังสิ่งใดจากพวกท่านเลย”
5 แล้วพวกเขากล่าวกับเยเรมีย์ว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพยานที่ซื่อตรงเที่ยงแท้ลงโทษเราเถิด หากเราไม่ยอมประพฤติตามทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงใช้ท่านมาบอกเรา 6 ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เราก็จะเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราผู้ซึ่งเราขอให้ท่านไปเข้าเฝ้าเพื่อจะเป็นประโยชน์สุขแก่เราเพราะเราจะเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา”
7 สิบวันหลังจากนั้น มีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ 8 ดังนั้นเขาจึงเรียกโยฮานันบุตรคาเรอาห์ บรรดาแม่ทัพนายกอง และประชาชนทั้งปวงไม่ว่าผู้ใหญ่หรือผู้น้อยมาชุมนุมกัน 9 แล้วเขากล่าวแก่คนทั้งหลายว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลซึ่งพวกท่านใช้ให้ข้าพเจ้าไปทูลอ้อนวอนนั้นตรัสว่า 10 ‘หากพวกเจ้าคงอยู่ในดินแดนนี้ เราจะสร้างเจ้าขึ้นไม่ใช่รื้อลง จะปลูกเจ้าไว้ ไม่ใช่ถอนราก เพราะเราเศร้าใจกับภัยพิบัติซึ่งเราบันดาลให้เกิดแก่เจ้า 11 อย่ากลัวกษัตริย์บาบิโลนที่พวกเจ้ากลัวอยู่ในขณะนี้ อย่ากลัวเขาเลย องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ อย่ากลัวเขาเลยเพราะเราอยู่กับเจ้า เราจะช่วยเจ้าและกอบกู้เจ้าจากมือของเขา 12 เราจะสำแดงความเมตตาแก่เจ้า เพื่อเขาจะเอ็นดูสงสารเจ้าและให้เจ้ากลับคืนสู่ดินแดนของเจ้า’
13 “แต่หากพวกท่านกล่าวว่า ‘เราจะไม่ยอมอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้’ ซึ่งเป็นการไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 14 และถ้าท่านกล่าวว่า ‘เราจะไปอาศัยอยู่ในอียิปต์ จะได้ไม่ต้องเห็นสงคราม หรือได้ยินเสียงแตรศึก หรือหิวโหย’ 15 ก็จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ชนหยิบมือที่เหลือแห่งยูดาห์เอ๋ย พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘หากพวกเจ้าตั้งใจไปอียิปต์และตั้งรกรากอยู่ที่นั่น 16 เมื่อนั้นสงครามและการกันดารอาหารที่เจ้ากลัวจะตามติดประชิดเจ้าไปถึงอียิปต์ และเจ้าจะตายที่นั่น 17 คนทั้งปวงที่ตั้งใจไปตั้งรกรากที่อียิปต์จะตายเพราะสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาด จะไม่มีสักคนที่รอดพ้นภัยพิบัติซึ่งเราจะนำมายังพวกเขา’ 18 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เช่นเดียวกับที่ความโกรธและโทสะของเราโหมกระหน่ำลงเหนือประชากรเยรูซาเล็ม เราก็จะระบายความโกรธลงเหนือเจ้าเมื่อเจ้าไปยังอียิปต์ เจ้าจะตกเป็นเป้าของการแช่งด่าและความสยดสยอง เป้าของคำสาปแช่งและตำหนิติเตียน เจ้าจะไม่มีวันได้เห็นสถานที่นี้อีก’
19 “ชนหยิบมือที่เหลือของยูดาห์เอ๋ย องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสสั่งพวกท่านแล้วว่า ‘อย่าไปที่อียิปต์’ จงมั่นใจในข้อนี้ คือข้าพเจ้าขอเตือนท่านในวันนี้ 20 ท่านทำผิดอย่างร้ายแรงถึงตาย[d]เมื่อให้ข้าพเจ้าไปหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและกล่าวว่า ‘จงอธิษฐานเผื่อเราต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา จงบอกทุกสิ่งที่พระองค์ตรัส แล้วเราจะทำตาม’ 21 ในวันนี้ข้าพเจ้าก็ได้แจ้งท่านแล้ว แต่ท่านกลับไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ไม่ทำตามทุกสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาแจ้งท่าน 22 ฉะนั้นขอให้มั่นใจได้เลยว่าท่านจะตายเพราะสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาดในสถานที่ซึ่งท่านตั้งใจจะไปตั้งรกรากอยู่”
43 เมื่อเยเรมีย์แจ้งให้ประชากรทราบเนื้อความทั้งหมดที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาทรงใช้ให้มากล่าวกับคนเหล่านั้นแล้ว 2 อาซาริยาห์บุตรโฮชายาห์และโยฮานันบุตรคาเรอาห์กับคนที่หยิ่งยโสทั้งปวงก็กล่าวกับเยเรมีย์ว่า “เจ้ากำลังโกหก พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราไม่ได้ทรงใช้เจ้ามากล่าวว่า ‘ห้ามพวกเจ้าไปตั้งรกรากที่อียิปต์’ 3 แต่บารุคบุตรเนริยาห์ต่างหากที่ยุเจ้าให้มาเล่นงานพวกเรา เพื่อมอบเราให้ชาวบาบิโลน[e] พวกเขาจะได้ฆ่าเราหรือไม่ก็จับเราไปเป็นเชลยที่บาบิโลน”
4 ดังนั้นโยฮานันบุตรคาเรอาห์ บรรดาแม่ทัพนายกอง และประชากรทั้งปวง จึงไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ยังให้อยู่ในดินแดนยูดาห์ 5 แต่โยฮานันบุตรคาเรอาห์ แม่ทัพนายกองทั้งปวงได้นำชนหยิบมือที่เหลืออยู่ทั้งหมดของยูดาห์ไปยังอียิปต์ คนหยิบมือเหล่านี้เป็นพวกที่กระจัดกระจายไปตามชาติต่างๆ และกลับมาอาศัยในดินแดนยูดาห์ 6 ในกลุ่มนั้นมีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ราชธิดาของกษัตริย์และหมู่คนที่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์เหลือไว้ให้อยู่กับเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมบุตรชาฟาน รวมทั้งผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์และบารุคบุตรเนริยาห์ด้วย 7 พวกเขาขัดขืนคำสั่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า และมาถึงทาห์ปานเหสในดินแดนอียิปต์
8 ที่ทาห์ปานเหสมีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ว่า 9 “ต่อหน้าชาวยิวทั้งปวง จงเอาหินก้อนใหญ่ๆ มาฝังไว้ในดินใต้ทางเดินที่ปูด้วยอิฐตรงทางเข้าวังของฟาโรห์ในทาห์ปานเหส 10 แล้วจงแจ้งพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราจะส่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนผู้รับใช้ของเรามา เราจะตั้งบัลลังก์ของเขาเหนือก้อนหินเหล่านี้ ซึ่งเราได้ฝังไว้ที่นี่ เขาจะแผ่บารมีเหนือที่แห่งนี้ 11 เขาจะมาโจมตีแผ่นดินอียิปต์ นำความตายมาสู่ผู้ที่ถูกกำหนดให้ตาย ผู้ที่ถูกกำหนดให้เป็นเชลยก็จะตกเป็นเชลย ผู้ที่ถูกกำหนดให้ตายด้วยดาบก็จะตายด้วยดาบ 12 เขา[f]จะจุดไฟเผาวิหารต่างๆ ของเทพเจ้าอียิปต์ ริบเทวรูปทั้งหลายไป เขาจะสวมอียิปต์เป็นอาภรณ์เหมือนคนเลี้ยงแกะสวมเสื้อคลุม แล้วจากอียิปต์ไปโดยสวัสดิภาพ 13 และเขาจะโค่นรื้อเสาศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในวิหารของสุริยเทพ[g] และเผาบรรดาวิหารของทวยเทพแห่งอียิปต์’”
ภัยพิบัติเนื่องจากการกราบไหว้รูปเคารพ
44 พระดำรัสซึ่งมีมาถึงเยเรมีย์เกี่ยวกับชาวยิวทั้งปวงที่อาศัยอยู่ในอียิปต์ล่าง ที่มิกดล ทาห์ปานเหส เมมฟิส[h] และอียิปต์ตอนบน[i]ความว่า 2 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เจ้าได้เห็นภัยพิบัติใหญ่หลวงซึ่งเราได้นำมายังเยรูซาเล็มและหัวเมืองทั้งปวงของยูดาห์แล้ว ทุกวันนี้ต้องตกอยู่ในสภาพถูกทิ้งร้างและปรักหักพัง 3 เพราะความชั่วที่พวกเขาได้ทำ เขายั่วให้เราโกรธโดยเผาเครื่องหอมและนมัสการพระอื่นๆ ซึ่งเขาก็ดี เจ้าก็ดี หรือบรรพบุรุษของเจ้าทั้งหลายก็ดีล้วนไม่เคยรู้จักมาก่อน 4 เราส่งผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรามาเตือนเขาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ‘อย่าทำสิ่งที่น่าชิงชังที่เราเกลียดนี้!’ 5 แต่เขาก็ไม่ฟังหรือใส่ใจ ไม่ยอมหันกลับจากความชั่วร้าย หรือหยุดเผาเครื่องหอมให้พระต่างๆ 6 ฉะนั้นเราจึงเทโทสะเกรี้ยวกราดของเราให้มันโหมกระหน่ำลงมาเหนือหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และถนนหนทางในเยรูซาเล็ม และทำให้เมืองเหล่านี้กลายเป็นซากปรักหักพัง ถูกทิ้งร้างเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”
7 “บัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เหตุใดพวกเจ้าจึงนำหายนะมาสู่ตนเองโดยพรากผู้คนทั้งหญิงและชาย ลูกเล็กเด็กแดงมาจากยูดาห์ ทำให้พวกเจ้าไม่เหลือสักหยิบมือเดียว? 8 เหตุใดจึงยั่วเราให้โกรธด้วยรูปเคารพที่เจ้าสร้างขึ้น โดยการเผาเครื่องหอมแก่พระอื่นๆ ในแผ่นดินอียิปต์ซึ่งเจ้าได้มาอาศัยอยู่? เจ้าจะทำลายตัวเองและทำตัวให้ตกเป็นเป้าของคำสาปแช่งและเป็นคำเปรียบเปรยในหมู่ประชาชาติทั้งหลายในโลก 9 เจ้าลืมความชั่วซึ่งเหล่าบรรพบุรุษและบรรดากษัตริย์กับราชินีแห่งยูดาห์ได้ทำแล้วหรือ? ตลอดจนความชั่วของเจ้าเองกับภรรยาในดินแดนยูดาห์และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็ม 10 จวบจนทุกวันนี้พวกเจ้าไม่ได้ถ่อมกายถ่อมใจ หรือยำเกรง หรือปฏิบัติตามบทบัญญัติและคำบัญชาซึ่งเราตั้งไว้ต่อหน้าเจ้ากับบรรพบุรุษของเจ้า
11 “ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่าเราตั้งใจจะนำภัยพิบัติมาเหนือเจ้าและทำลายล้างยูดาห์ให้หมดสิ้น 12 เราจะลงโทษชนหยิบมือที่เหลือของยูดาห์ซึ่งตั้งใจจะมาตั้งรกรากในอียิปต์นี้ พวกเขาจะพินาศสิ้นในแผ่นดินอียิปต์เพราะสงครามหรือการกันดารอาหาร ตั้งแต่ผู้ต่ำต้อยที่สุดจนถึงผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดจะตายเพราะสงครามหรือการกันดารอาหาร เขาจะกลายเป็นเป้าของการสาปแช่งและความสยดสยอง การดูหมิ่นเหยียดหยามและการตำหนิติเตียน 13 เราจะลงโทษพวกที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ด้วยสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาดเหมือนที่เราได้ลงโทษเยรูซาเล็ม 14 ไม่มีสักคนในคนหยิบมือที่เหลือของยูดาห์ซึ่งไปอยู่ที่แผ่นดินอียิปต์นั้นจะหนีรอดหรือรอดชีวิตกลับไปยังดินแดนยูดาห์ซึ่งเขาอยากกลับไปอยู่ จะไม่มีใครได้กลับไป เว้นแต่ผู้ลี้ภัยไม่กี่คน”
15 แล้วผู้ชายทุกคนที่รู้ว่าภรรยาของตนได้เผาเครื่องหอมถวายเทพเจ้าต่างๆ พร้อมกับผู้หญิงทุกคนที่นั่นซึ่งมารวมตัวกันเป็นชนกลุ่มใหญ่ รวมทั้งบรรดาผู้อาศัยอยู่ในอียิปต์ตอนบนและตอนล่าง[j] จึงตอบเยเรมีย์ว่า 16 “เราจะไม่ฟังถ้อยคำซึ่งท่านอ้างพระนามพระยาห์เวห์มาพูดกับเรา! 17 เราจะทำทุกอย่างตามที่เราได้พูดไว้อย่างแน่นอน คือเผาเครื่องหอมถวายเทวีแห่งสวรรค์และรินเครื่องดื่มบูชาถวายพระนาง เหมือนที่เรากับบรรพบุรุษ ตลอดจนเหล่ากษัตริย์ของเราและบรรดาข้าราชการได้ทำในหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็ม ครั้งนั้นเรามีอาหารกินเหลือเฟือและสุขสบายดี ไม่มีภัยอันตรายใดๆ 18 แต่เมื่อเราเลิกเผาเครื่องหอมถวายองค์เทวีแห่งสวรรค์ เลิกถวายเครื่องดื่มบูชาแด่พระนาง เราก็ไม่เหลืออะไรและต้องพินาศเพราะสงครามและการกันดารอาหาร”
19 พวกผู้หญิงพูดด้วยว่า “เมื่อเราเผาเครื่องหอมถวายเทวีแห่งสวรรค์ รินเครื่องดื่มบูชาถวายพระนาง และทำขนมรูปพระนางถวายนั้น สามีของเราไม่รู้ไม่เห็นหรือ?”
20 เยเรมีย์จึงกล่าวแก่พวกผู้ชายผู้หญิงที่ตอบเขานั้นว่า 21 “องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงจดจำและคิดถึงเครื่องหอมต่างๆ ที่ท่านกับบรรพบุรุษ ตลอดจนกษัตริย์และข้าราชการกับประชาชนถวายในเมืองต่างๆ ของยูดาห์และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็มหรือ? 22 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่อาจอดกลั้นพระทัยต่อการกระทำชั่วร้ายและสิ่งน่าชิงชังซึ่งท่านทำนั้นต่อไปได้ ดินแดนของท่านจึงตกเป็นเป้าของการสาปแช่ง เป็นดินแดนร้างไร้ผู้อยู่อาศัยดังเช่นทุกวันนี้ 23 ก็เพราะท่านได้เผาเครื่องหอมและได้ทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ได้เชื่อฟังพระองค์หรือปฏิบัติตามบทบัญญัติ กฎหมาย และพระบัญชาของพระองค์ ภัยพิบัตินี้จึงเกิดแก่ท่านตามที่ท่านเห็นอยู่ในขณะนี้”
24 แล้วเยเรมีย์กล่าวกับประชาชนทั้งปวงรวมทั้งพวกผู้หญิงว่า “ชาวยูดาห์ทั้งปวงที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า 25 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่าเจ้าทั้งหลายกับภรรยาได้พิสูจน์ด้วยการทำตามสิ่งที่เจ้าสัญญาไว้ เมื่อเจ้ากล่าวว่า ‘เราจะทำตามที่สาบานไว้ว่าจะเผาเครื่องหอมและถวายเครื่องดื่มบูชาแก่เทวีแห่งสวรรค์อย่างแน่นอน’
“ถ้าอย่างนั้นก็จงทำต่อไป ทำตามที่เจ้าสัญญาไว้! ทำตามที่เจ้าสาบานไว้! 26 แต่ชาวยิวทั้งปวงที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์นี้ จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราปฏิญาณไว้ด้วยนามอันยิ่งใหญ่ของเราว่า ชาวยูดาห์ซึ่งมาอาศัยอยู่ในอียิปต์นี้จะไม่มีสักคนได้เอ่ยนามของเราหรือปฏิญาณว่า “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด” 27 เพราะเรากำลังจับตาดูพวกเจ้าเพื่อลงโทษ ไม่ใช่เพื่อให้มีความสุข ชาวยิวในแผ่นดินอียิปต์จะพินาศเพราะสงครามและการกันดารอาหารจนกว่าจะถูกทำลายหมดสิ้น 28 ผู้ที่รอดจากสงครามและได้กลับจากแผ่นดินอียิปต์ไปยังยูดาห์จะมีอยู่น้อยนัก แล้วเมื่อนั้นชนหยิบมือที่เหลือทั้งหมดจากยูดาห์ซึ่งมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์นี้จะรู้ว่าถ้อยคำของเราหรือของเขากันแน่ที่เป็นจริง’
29 “องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ‘นี่คือหมายสำคัญที่ทำให้เจ้ารู้ว่าเราจะลงโทษเจ้าที่นี่แน่นอน เพื่อเจ้าจะรู้ว่าถ้อยคำที่เราได้ลั่นวาจาไว้ว่าจะนำภัยพิบัติมายังเจ้านั้นจะเป็นจริง’ 30 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะมอบฟาโรห์โฮฟรากษัตริย์แห่งอียิปต์ไว้ในมือของศัตรูผู้หมายเอาชีวิตของเขา เหมือนที่เราได้มอบกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์แก่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนศัตรูผู้หมายเอาชีวิตของเขา’ ”
พระเจ้าทรงสัญญากับบารุค
45 ในปีที่สี่แห่งรัชกาลเยโฮยาคิมโอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ หลังจากที่บารุคบุตรเนริยาห์ได้บันทึกพระดำรัสลงในม้วนหนังสือตามคำบอกของเยเรมีย์แล้ว ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์กล่าวกับบารุคบุตรเนริยาห์ว่า 2 “บารุคเอ๋ย พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสกับท่านว่า 3 เจ้าพูดว่า ‘วิบัติแก่ข้าพเจ้า! ข้าพเจ้าเจ็บปวดอยู่แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้ายังทรงเพิ่มความทุกข์โศกให้ข้าพเจ้าอีก ข้าพเจ้าอ่อนระโหยไปเพราะการครวญครางและไม่ได้พักผ่อน’ ”
4 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงบอกบารุคว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่าเราจะทลายสิ่งที่เราสร้างและถอนรากสิ่งที่เราปลูกทั่วดินแดนนี้ 5 เช่นนี้แล้วเจ้าควรเสาะหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อตัวเองหรือ? อย่าเลย เพราะเราจะนำภัยพิบัติมายังประชากรทั้งปวง แต่ไม่ว่าเจ้าจะไปไหน เราจะให้เจ้ารอดชีวิต องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น’ ”
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.