Chronological
กิ่งอันชอบธรรม
23 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “วิบัติแก่บรรดาคนเลี้ยงแกะซึ่งผลาญทำลายและทำให้ลูกแกะในท้องทุ่งของเรากระจัดกระจายไป!” 2 ฉะนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลจึงตรัสกับบรรดาคนเลี้ยงแกะซึ่งดูแลพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าว่า “เนื่องจากเจ้าทำให้ฝูงแกะของเรากระจัดกระจายไป เจ้าขับไล่ไสส่งและไม่ได้ดูแลเอาใจใส่พวกเขา ฉะนั้นเราจะลงโทษพวกเจ้าเพราะความชั่วที่เจ้าได้ทำ” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 3 “เราเองจะรวบรวมฝูงแกะที่เหลือออกจากประเทศต่างๆ ที่เราขับไล่พวกเขาไป และจะนำพวกเขากลับมายังท้องทุ่งเดิม ที่ซึ่งพวกเขาจะมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง 4 เราจะตั้งคนเลี้ยงแกะซึ่งรับผิดชอบดูแลเขา เขาจะไม่ต้องหวาดกลัวอกสั่นขวัญแขวนอีกต่อไป และจะไม่มีคนใดขาดหายไป” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
5 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “วันนั้นจะมาถึง
เมื่อเราจะสถาปนากิ่งอันชอบธรรมให้แก่ดาวิด[a]
ผู้นั้นเป็นกษัตริย์ซึ่งจะปกครองอย่างชาญฉลาด
และทำสิ่งที่ถูกต้องเที่ยงธรรมในแผ่นดิน
6 ในยุคสมัยของเขา ยูดาห์จะได้รับการช่วยกู้
และอิสราเอลจะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย
เขาผู้นั้นจะได้รับการขนานนามว่า
‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงเป็นความชอบธรรมของเรา’”
7 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ฉะนั้นเมื่อเวลานั้นมาถึง ประชากรจะไม่พูดอีกต่อไปว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำชนอิสราเอลออกมาจากอียิปต์นั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ 8 แต่จะพูดว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำวงศ์วานอิสราเอลออกมาจากดินแดนทางเหนือและจากทุกประเทศที่พระองค์ทรงเนรเทศเขาไปนั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ และพวกเขาจะอาศัยอยู่ในดินแดนของตนเอง”
ผู้เผยพระวจนะเท็จ
9 พระวจนะของพระเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้เผยพระวจนะความว่า
ดวงใจข้าพเจ้าแหลกสลายอยู่ภายใน
กระดูกทุกซี่สั่นสะท้าน
ข้าพเจ้าเหมือนคนเมา
เหมือนคนที่ถูกครอบงำด้วยฤทธิ์เมรัย
เนื่องด้วยองค์พระผู้เป็นเจ้า
และพระวจนะอันบริสุทธิ์ของพระองค์
10 แผ่นดินเต็มไปด้วยคนล่วงประเวณี
เพราะคำสาปแช่ง[b] ผืนแผ่นดินก็แตกระแหง[c]
ทุ่งหญ้าในถิ่นกันดารก็เหี่ยวเฉาไป
เหล่าผู้เผยพระวจนะทำชั่ว
และใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม
11 “ทั้งปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะล้วนแต่อธรรม
แม้แต่ในวิหารของเรา เราก็ยังเห็นความชั่วช้าเลวทรามของพวกเขา”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
12 “ฉะนั้นหนทางของเขาจึงลื่น
เขาจะถูกขับไล่ไสส่งไปสู่ความมืดมน
และจะล้มตายที่นั่น
เราจะนำภัยพิบัติมาสู่พวกเขา
ในปีที่พวกเขาถูกลงโทษ”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
13 “ในหมู่ผู้เผยพระวจนะของสะมาเรีย
เราเห็นสิ่งน่ารังเกียจคือ
พวกเขาพยากรณ์ในนามพระบาอัล
และนำประชากรอิสราเอลของเราหลงผิดไป
14 และเราก็เห็นสิ่งน่าขยะแขยง
ในหมู่ผู้เผยพระวจนะของเยรูซาเล็มคือ
พวกเขาล่วงประเวณีและดำเนินชีวิตอยู่ในความหลอกลวง
พวกเขาสนับสนุนคนทำชั่ว
เพื่อจะไม่มีใครหันกลับจากความชั่วร้ายของตน
สำหรับเรา พวกเขาเป็นเหมือนโสโดม
ชาวเยรูซาเล็มเป็นเหมือนโกโมราห์”
15 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสเกี่ยวกับบรรดาผู้เผยพระวจนะว่า
“เราจะทำให้พวกเขากินอาหารขม
และดื่มน้ำมีพิษ
เพราะความอธรรมก็ระบาดไปทั่วดินแดน
จากบรรดาผู้เผยพระวจนะของเยรูซาเล็ม”
16 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า
“อย่าฟังสิ่งที่ผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นพยากรณ์แก่เจ้า
พวกเขาให้แต่ความหวังลมๆ แล้งๆ
แจ้งนิมิตต่างๆ จากความคิดของตน
ไม่ใช่ถ้อยคำจากพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
17 เขาพร่ำบอกคนที่หมิ่นประมาทเราว่า
‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า พวกท่านจะอยู่เย็นเป็นสุข’
บอกกับคนที่ทำตามใจดื้อดึงว่า
‘จะไม่มีภัยอันตรายใดๆ เกิดแก่ท่าน’
18 แต่มีคนไหนบ้างในพวกเขาซึ่งยืนอยู่ในที่ชุมนุมขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เพื่อจะเห็นหรือได้ยินพระวจนะของพระองค์?
มีใครบ้างที่ฟังและได้ยินถ้อยคำของพระองค์?
19 ดูเถิด พายุขององค์พระผู้เป็นเจ้า
จะปะทุขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด
เป็นพายุหมุนลงมา
เหนือศีรษะของบรรดาคนชั่วร้าย
20 พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่หันกลับ
จนกว่าจะสำเร็จตามเป้าหมายในพระทัยของพระองค์ทุกประการ
ในภายภาคหน้า
เจ้าจะเข้าใจสิ่งนี้แจ่มแจ้ง
21 เราไม่ได้ใช้ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้มา
แต่พวกเขาก็กล่าวถ้อยคำของตนออกมา
เราไม่ได้ตรัสอะไรกับเขา
แต่พวกเขาก็พยากรณ์
22 แต่หากเขายืนอยู่ในที่ประชุมของเรา
ก็คงจะประกาศถ้อยคำของเราแก่เหล่าประชากร
และชักจูงให้เหล่าประชากรหันจากวิถี
และการกระทำอันชั่วร้ายของตน”
23 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
“เราเป็นพระเจ้าผู้อยู่แต่เพียงใกล้ๆ แค่นั้นหรือ?
ไม่ได้เป็นพระเจ้าผู้อยู่ห่างไกลด้วยหรือ?”
24 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
“มีใครสามารถหลบซ่อนในที่ลับจนเรามองไม่เห็นหรือ?”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
“เราอยู่ทั่วฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกไม่ใช่หรือ?”
25 “เราได้ยินคำพูดของผู้เผยพระวจนะซึ่งพยากรณ์เท็จโดยอ้างนามของเรา พวกเขาพูดว่า ‘ข้าพเจ้าฝันเห็น! ข้าพเจ้าฝันเห็น!’ 26 อีกนานสักเท่าไรที่สิ่งนี้จะคงอยู่ในใจของผู้เผยพระวจนะเท็จผู้ซึ่งพยากรณ์ภาพหลอนในใจของตนเอง? 27 พวกเขาคิดว่าความฝันที่ตนเล่าสู่กันฟังจะทำให้ประชากรของเราลืมนามของเรา เหมือนที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้ลืมนามของเราไปกราบไหว้พระบาอัล 28 ให้ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้เล่าความฝันของเขาไปเถิด แต่ผู้ที่มีถ้อยคำของเราก็จงประกาศไปอย่างซื่อสัตย์ เพราะฟางข้าวก็ต่างจากเมล็ดข้าวไม่ใช่หรือ?” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 29 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ถ้อยคำของเราเหมือนไฟ และเหมือนค้อนที่ทุบหินแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ใช่หรือ?”
30 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ฉะนั้นเราเป็นศัตรูกับผู้เผยพระวจนะที่พยากรณ์แล้วอ้างว่าเป็นถ้อยคำของเรา และพวกเขาขโมยถ้อยคำเหล่านั้นจากกันและกัน” 31 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ถูกแล้ว เราเป็นศัตรูกับผู้เผยพระวจนะซึ่งกระดกลิ้นตัวเอง แต่ก็ยังอ้างว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า’ ” 32 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “แน่ละ เราเป็นศัตรูกับผู้พยากรณ์เท็จที่เล่าฝันซึ่งกุขึ้นมาเอง พวกเขาชักนำประชากรของเราให้หลงผิดโดยคำโกหกคล่องปาก ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ใช้เขาหรือแต่งตั้งเขา เขาไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ประชากรเหล่านี้แม้แต่น้อย” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
คำพยากรณ์และผู้เผยพระวจนะเท็จ
33 “เมื่อใครในหมู่ประชากร ผู้เผยพระวจนะหรือปุโรหิตมาถามเจ้าว่า ‘วันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระดำรัส[d]อะไรบ้าง?’ เจ้าจงตอบว่า ‘พระดำรัสน่ะหรือ? องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เราจะเหวี่ยงเจ้าทิ้ง’ 34 ถ้าปุโรหิตหรือผู้เผยพระวจนะหรือผู้หนึ่งผู้ใดแอบอ้างว่า ‘นี่คือพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้า’ เราจะลงโทษผู้นั้นกับครอบครัวของเขา 35 ที่พวกเจ้าแต่ละคนเฝ้าถามกับญาติมิตรของตนว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระดำรัสตอบว่าอย่างไร?’ หรือ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสอะไร?’ 36 แต่เจ้าอย่าพูดว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ อีกเลย เพราะเมื่อเจ้าเอาคำพูดของตัวเองมาแอบอ้างเป็นพระดำรัสของพระองค์ เจ้าก็บิดเบือนพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าของเรา 37 เจ้าทั้งหลายมักพูดกับผู้เผยพระวจนะว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระดำรัสตอบท่านว่าอย่างไร?’ หรือ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสอะไร?’ 38 ถึงแม้เจ้าอ้างว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าใช้คำพูดว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ ทั้งๆ ที่เราห้ามไม่ให้เจ้าอ้างว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ 39 ฉะนั้นเราจะลืมเจ้าและเหวี่ยงเจ้าออกไปให้พ้นหน้าเราอย่างแน่นอน พร้อมทั้งกรุงนี้ซึ่งเราได้ยกให้เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า 40 เราจะนำความอัปยศอดสูตลอดกาลมาสู่เจ้า ความอับอายเนืองนิตย์ซึ่งไม่มีวันลืม”
บทเรียนจากมะเดื่อสองกระจาด
24 หลังจากที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนได้คุมตัวเยโฮยาคีน[e]โอรสกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ และกวาดต้อนบรรดาข้าราชการ ช่างฝีมือ และช่างเหล็กไปเป็นเชลยที่บาบิโลน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นมะเดื่อสองกระจาดวางอยู่ที่หน้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 2 กระจาดหนึ่งมีมะเดื่อที่ดีมากเหมือนมะเดื่อสุกต้นฤดู ส่วนอีกกระจาดหนึ่งมีมะเดื่อที่เน่ามาก เน่าจนกินไม่ได้
3 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามข้าพเจ้าว่า “เยเรมีย์ เจ้าเห็นอะไรบ้าง?”
ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “มะเดื่อพระเจ้าข้า ที่ดีก็ดีมาก ที่เน่าก็เน่าจนกินไม่ได้”
4 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 5 “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เราถือว่าเชลยจากยูดาห์ซึ่งเราส่งไปยังดินแดนของชาวบาบิโลน[f]นั้นเป็นเหมือนมะเดื่อที่ดี 6 เราจะจับตาดูเขาเพื่อประโยชน์สุขของเขา และนำเขากลับมายังดินแดนแห่งนี้อีก เราจะสร้างพวกเขาขึ้นและไม่รื้อลง เราจะปลูกเขาไว้และไม่ถอนทิ้ง 7 เราจะให้จิตใจแก่เขาที่จะรู้จักว่าเราคือพระยาห์เวห์ เขาจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเขา เพราะเขาจะหันกลับมาหาเราอย่างสุดใจ’
8 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘แต่เหมือนมะเดื่อเน่า ซึ่งเน่าจนกินไม่ได้ เราจะจัดการเช่นนั้นกับกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ข้าราชการของเขา และผู้ที่เหลือรอดจากเยรูซาเล็ม ไม่ว่าจะยังอยู่ในแผ่นดินนี้ หรืออาศัยอยู่ที่อียิปต์ 9 เราจะทำให้พวกเขาเป็นที่ขยะแขยงน่ารังเกียจแก่มวลอาณาจักรในโลกนี้ เป็นคำตำหนิติเตียน คำเปรียบเปรย เป็นคำเยาะเย้ย และคำสาปแช่ง ไม่ว่าเราจะเนรเทศเขาไปที่ใด 10 เราจะส่งสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาดไปเล่นงานพวกเขา จนกระทั่งเขาถูกทำลายล้างจากดินแดนซึ่งเราได้ยกให้แก่เขาและบรรพบุรุษของเขา’ ”
เจ็ดสิบปีแห่งการตกเป็นเชลย
25 พระดำรัสของพระเจ้าเกี่ยวกับประชากรทั้งปวงของยูดาห์มาถึงเยเรมีย์ในปีที่สี่แห่งรัชกาลเยโฮยาคิมโอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ ซึ่งเป็นปีแรกที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนขึ้นครองราชย์ 2 ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์จึงกล่าวแก่ชาวยูดาห์ทั้งปวงและชาวเยรูซาเล็มว่า 3 ตลอด 23 ปีตั้งแต่ปีที่สิบสามแห่งรัชกาลโยสิยาห์โอรสของกษัตริย์อาโมนแห่งยูดาห์จนถึงวันนี้ ได้มีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าเรื่อยๆ และข้าพเจ้าก็ถ่ายทอดให้พวกท่านฟังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ท่านก็ไม่ยอมฟัง
4 และถึงแม้องค์พระผู้เป็นเจ้าส่งบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์มาหาพวกท่านครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกท่านก็ไม่ยอมฟัง ไม่ยอมใส่ใจ 5 พวกเขากล่าวว่า “พวกเจ้าแต่ละคน จงหันกลับจากวิถีและความประพฤติชั่วร้ายเถิด แล้วเจ้าจะอยู่ในดินแดนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้ายกให้เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้าตลอดไปได้ 6 อย่าไปติดตาม ปรนนิบัติ นมัสการพระอื่นๆ อย่ายั่วให้เราโกรธด้วยสิ่งที่มือของเจ้าเองสร้างขึ้น แล้วเราก็จะไม่ทำอันตรายเจ้า”
7 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “แต่เจ้าก็ไม่ยอมฟังเรา และยั่วให้เราโกรธโดยสิ่งที่มือของเจ้าสร้างขึ้น เจ้ารนหาทุกข์ภัยมาใส่ตัว”
8 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “เนื่องจากเจ้าไม่ฟังถ้อยคำของเรา” 9 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เราก็จะเรียกชนชาติทั้งปวงจากทางเหนือ และกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนผู้รับใช้ของเรามาชุมนุมกัน เราจะนำพวกเขามาต่อสู้ดินแดนและชาวถิ่นนี้ ตลอดจนชนชาติต่างๆ ที่รายรอบอยู่ ทั้งหมดนี้ เราจะทำลายล้าง[g]พวกเจ้าให้หมดสิ้น ทำให้เจ้าเป็นเป้าของความสยดสยองและการดูหมิ่นและเป็นความหายนะตลอดกาล 10 เราจะกำจัดเสียงสรวลเสเฮฮา เสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาว เสียงโม่แป้ง และแสงตะเกียงไปจากเจ้า 11 ดินแดนทั้งหมดนี้จะกลายเป็นซากทิ้งร้างว่างเปล่า และชนชาติเหล่านี้จะรับใช้กษัตริย์บาบิโลนเป็นเวลาเจ็ดสิบปี”
12 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “แต่เมื่อครบเจ็ดสิบปีแล้ว เราจะลงโทษกษัตริย์บาบิโลนและชนชาติของเขา ซึ่งก็คือแผ่นดินของชาวบาบิโลน[h] เพราะความผิดของพวกเขา เราจะทำให้ดินแดนของเขาถูกทิ้งร้างตลอดไป 13 เราจะทำกับดินแดนนั้นตามที่เราได้ลั่นวาจาไว้ทุกประการ ตามที่เขียนไว้ในหนังสือนี้และที่เยเรมีย์ได้พยากรณ์ไว้เกี่ยวกับประชาชาติทั้งปวง 14 พวกเขาจะตกเป็นทาสของกษัตริย์ยิ่งใหญ่จากชาติต่างๆ และเราจะลงโทษพวกเขาให้สาสมกับความประพฤติและการกระทำของพวกเขา”
ถ้วยแห่งพระพิโรธ
15 พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงรับถ้วยที่เต็มด้วยเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธนี้จากมือของเรา และให้ประชาชาติทั้งปวงที่เราใช้เจ้าไปหาดื่มจากถ้วยนี้ 16 เมื่อดื่มแล้ว พวกเขาจะโซซัดโซเซและคลุ้มคลั่งไป เพราะดาบที่เราจะส่งมาท่ามกลางพวกเขา”
17 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงรับถ้วยจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และให้มวลประชาชาติที่พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้าไปหานั้นดื่มจากถ้วยนี้ 18 เยรูซาเล็มและเมืองต่างๆ ของยูดาห์ พร้อมทั้งกษัตริย์และขุนนาง จะถูกทำให้เป็นซากรกร้าง เป็นเป้าของความสยดสยอง เป็นที่ดูหมิ่นและเป็นที่สาปแช่งเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 19 ทั้งฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ ขุนนาง ข้าราชบริพาร และราษฎรทั้งปวง 20 ตลอดจนคนต่างด้าวทั้งปวงซึ่งอยู่ที่นั่น รวมทั้งกษัตริย์ทั้งปวงแห่งดินแดนอูสและแห่งฟีลิสเตีย (ผู้ครองอัชเคโลน กาซา เอโครน และประชาชนซึ่งเหลืออยู่ที่อัชโดด) 21 ทั้งเอโดม โมอับ และอัมโมน 22 กษัตริย์ทั้งปวงแห่งไทระและไซดอน บรรดากษัตริย์แห่งภูมิภาคซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของทะเล 23 เดดาน เทมา บูส และคนทั้งปวงในที่ไกลโพ้น[i] 24 กษัตริย์อาระเบียทั้งปวงและของชนเร่ร่อนเผ่าต่างๆ ในทะเลทราย 25 กษัตริย์ทั้งปวงแห่งศิมรี เอลาม และมีเดีย 26 เหล่ากษัตริย์ของดินแดนทางเหนือทั้งใกล้และไกล จากแดนหนึ่งไปสู่อีกแดนหนึ่งและทั่วอาณาจักรทั้งปวงของโลก และในที่สุดกษัตริย์เชชัก[j]เองก็จะดื่มจากถ้วยนี้ด้วย
27 “จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า จงดื่ม จงเมามายและอาเจียน และล้มลงจนลุกขึ้นมาอีกไม่ได้เพราะดาบซึ่งเราจะส่งมาในหมู่พวกเจ้า’ 28 แต่หากพวกเขาไม่ยอมรับถ้วยนี้จากมือของเจ้ามาดื่ม จงบอกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนี้ว่า เจ้าต้องดื่ม! 29 ดูเถิด เรากำลังเริ่มต้นนำหายนะมาสู่เมืองซึ่งใช้ชื่อของเรา ส่วนเจ้าจะลอยนวลพ้นโทษไปได้หรือ? ไม่เลย เจ้าจะไม่พ้นโทษเพราะเราจะสั่งให้ลงดาบเหนือชาวโลกทั้งปวง’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น
30 “บัดนี้จงพยากรณ์ถ้อยคำเหล่านี้แก่พวกเขา จงบอกพวกเขาว่า
“ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเปล่งเสียงกัมปนาทจากเบื้องบน
พระองค์จะทรงเปล่งพระสุรเสียงจากที่ประทับอันบริสุทธิ์
และส่งเสียงดังสนั่นต่อสู้ดินแดนของพระองค์
พระองค์จะทรงเปล่งเสียงเหมือนเสียงคนย่ำองุ่น
จะเปล่งเสียงดังต่อชาวพิภพทั้งปวง
31 ความโกลาหลอลหม่านจะดังก้องไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงดำเนินคดีกับประชาชาติทั้งหลาย
จะทรงพิพากษาลงโทษมวลมนุษยชาติ
จะทรงประหารคนชั่วด้วยดาบ’ ”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
32 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า
“ดูเถิด! ภัยพิบัติกำลังแพร่ไป
จากชาติหนึ่งไปยังอีกชาติหนึ่ง
พายุใหญ่กำลังปั่นป่วนขึ้น
จากทุกมุมโลก”
33 ในครั้งนั้นบรรดาคนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประหารจะเกลื่อนกลาดอยู่ทุกหนทุกแห่ง จากสุดโลกด้านหนึ่งถึงสุดโลกอีกด้านหนึ่ง จะไม่มีใครร้องไห้ให้เขาหรือรวบรวมซากศพไปฝัง มีแต่ทิ้งไว้บนพื้นเหมือนขยะ
34 จงร่ำไห้และคร่ำครวญเถิด บรรดาคนเลี้ยงแกะ
พวกผู้นำฝูงแกะ จงเกลือกกลิ้งในธุลี
เพราะถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าจะถูกประหาร
เจ้าจะล้มตายและถูกขยี้แหลกลาญเหมือนเครื่องปั้นดินเผาชั้นดี
35 บรรดาคนเลี้ยงแกะไม่รู้จะหนีไปที่ไหน
พวกผู้นำฝูงแกะไม่รู้จะหลบไปที่ใด
36 จงฟังเสียงร้องของเหล่าคนเลี้ยงแกะ
เสียงร่ำไห้ของบรรดาผู้นำฝูงแกะ
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำลังทำลายทุ่งหญ้าของพวกเขา
37 ท้องทุ่งอันสงบสุขจะถูกทิ้งร้าง
เพราะพระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้า
38 พระองค์จะเสด็จมาจากที่ประทับเหมือนราชสีห์
และดินแดนของพวกเขาจะถูกทิ้งร้าง
เพราะดาบ[k]ของผู้กดขี่ข่มเหง
และเพราะพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.