Chronological
พระเกียรติสิริที่จะมาถึงของศิโยน
54 “จงร้องเพลงเถิด หญิงหมันเอ๋ย
เจ้าผู้ไม่เคยมีลูก
จงเปล่งเสียงร้องเพลงและจงโห่ร้องยินดีเถิด
เจ้าผู้ไม่เคยเจ็บครรภ์
เพราะลูกของหญิงที่โดดเดี่ยว
ก็ยังมีมากกว่าลูกของหญิงผู้มีสามี”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น
2 “จงขยายที่ตั้งเต็นท์ของเจ้า
ขึงผ้าเต็นท์ออกกว้าง
อย่ารั้งไว้
ต่อเชือกเต็นท์
และตอกหลักหมุดให้มั่นคง
3 เพราะเจ้าจะขยายออกไปทั้งซ้ายและขวา
ลูกหลานของเจ้าจะยึดกรรมสิทธิ์ของประชาชาติต่างๆ
และตั้งถิ่นฐานในนครต่างๆ ที่เริศร้างของพวกเขา
4 “อย่ากลัวเลย เจ้าจะไม่ต้องทนอับอาย
อย่ากลัวเลย เจ้าจะไม่ต้องขายหน้า
เจ้าจะลืมความอัปยศในวัยสาว
และไม่จดจำคำถากถางเรื่องความเป็นม่ายของเจ้าอีก
5 เพราะพระผู้สร้างของเจ้าเป็นสามีของเจ้า
พระองค์ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลคือพระผู้ไถ่ของเจ้า
เขาจะเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าเหนือสากลโลก
6 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเรียกเจ้ากลับมา
เสมือนหนึ่งเจ้าเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งและชอกช้ำระกำใจ
เป็นภรรยาที่แต่งงานไปตั้งแต่ยังสาว
เพียงเพื่อจะถูกทอดทิ้ง” พระเจ้าของเจ้าตรัสดังนั้น
7 “เราทอดทิ้งเจ้าชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง
แต่ด้วยความเมตตาอย่างลึกซึ้ง เราจะพาเจ้ากลับมา
8 ในชั่วขณะหนึ่งของความโกรธ
เราเบือนหน้าหนีไปจากเจ้า
แต่ด้วยความกรุณานิรันดร์
เราจะเมตตาเจ้า”
พระยาห์เวห์พระผู้ไถ่ของเจ้าตรัสไว้ดังนั้น
9 “สำหรับเราแล้วเรื่องนี้เป็นเหมือนในสมัยโนอาห์
เราปฏิญาณไว้ว่าจะไม่ให้น้ำของโนอาห์ท่วมโลกอีกฉันใด
บัดนี้เราก็ปฏิญาณว่าจะไม่โกรธ
และไม่ตำหนิเจ้าอีกฉันนั้น
10 แม้ภูเขาจะถูกเขย่า
และเนินเขาถูกเขยื้อนไป
แต่ความรักมั่นคงที่เรามีต่อเจ้าจะไม่คลอนแคลน
และพันธสัญญาแห่งสันติภาพของเราจะไม่สูญสิ้นไป”
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเมตตาเจ้าตรัสไว้ดังนั้น
11 “โอ นครซึ่งถูกทรมาน ถูกพายุพัดกระหน่ำ และไม่ได้รับการปลอบโยน
เราจะสร้างเจ้าด้วยไพฑูรย์[a]
ฐานรากของเจ้าคือพลอยสีน้ำเงิน
12 เราจะสร้างหอรบของเจ้าด้วยทับทิม
ประตูของเจ้าทำจากพลอยอันวาววับ
และกำแพงทั้งหมดทำจากอัญมณีล้ำค่า
13 ลูกทุกคนของเจ้าจะรับการสอนจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
พวกเขาจะมีสันติสุขยิ่งใหญ่
14 เจ้าจะได้รับการสถาปนาขึ้นในความชอบธรรม
การกดขี่ข่มเหงจะห่างไกลจากเจ้า
ไม่มีอะไรที่เจ้าต้องกลัว
ความอกสั่นขวัญแขวนจะถูกกำจัดไปไกล
มันจะไม่เฉียดกรายเจ้า
15 หากมีใครโจมตีเจ้า ก็ไม่ใช่ฝีมือของเรา
ผู้ที่โจมตีเจ้าจะยอมแพ้เจ้า
16 “ดูเถิด เราเองเป็นผู้สร้างช่างเหล็ก
ผู้พัดถ่านให้ลุกเป็นไฟ
และผลิตอาวุธที่เหมาะกับงานของมัน
และเราเองที่สร้างผู้ทำลายล้างเพื่อสร้างความย่อยยับ
17 ไม่มีอาวุธชิ้นใดที่ต่อสู้เจ้าแล้วเอาชนะเจ้าได้
เจ้าจะหักล้างทุกลิ้นที่ปรักปรำเจ้า
นี่เป็นมรดกของบรรดาผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และเป็นการพิสูจน์ยืนยันจากเราว่าเขาไม่ผิด”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
คำเชื้อเชิญบรรดาผู้กระหาย
55 “เชิญทุกคนที่กระหาย
มาดื่มน้ำเถิด
และผู้ที่ไม่มีเงิน
จงมาซื้อกินเถิด!
มาเถิด มาซื้อเหล้าองุ่นและน้ำนม
โดยไม่คิดเงินและไม่คิดมูลค่า
2 ทำไมเจ้าจึงใช้จ่ายเงินซื้อสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร
และลงแรงทำสิ่งที่ไม่ช่วยให้อิ่มใจ?
จงฟังเถิด จงฟังเราและรับประทานสิ่งที่ดี
แล้วจิตวิญญาณของเจ้าจะปีติยินดีในอาหารอันอุดมสมบูรณ์ที่สุด
3 จงเงี่ยหูและมาหาเรา
มาฟังเราเพื่อจิตวิญญาณของเจ้าจะมีชีวิตอยู่
เราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับเจ้า
ว่าด้วยความรักอันซื่อสัตย์ซึ่งเราสัญญาไว้กับดาวิด
4 ดูเถิด เราได้ทำให้เขาเป็นพยานแก่ประชาชาติต่างๆ
เป็นผู้นำและผู้บังคับบัญชาประชาชาติทั้งหลาย
5 แน่ทีเดียวเจ้าจะเรียกประชาชาติซึ่งเจ้าไม่รู้จักมาชุมนุม
และประชาชาติซึ่งไม่รู้จักเจ้าจะรีบรุดมาหาเจ้า
เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลประทานความรุ่งโรจน์แก่เจ้า”
6 จงแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าขณะที่จะพบพระองค์ได้
จงร้องทูลพระองค์ขณะที่พระองค์ยังทรงอยู่ใกล้
7 ให้คนชั่วร้ายละทิ้งวิถีทางของตน
และให้คนชั่วละทิ้งความคิดของตน
ให้เขาหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะทรงเมตตาเขา
ให้เขาหันกลับมาหาพระเจ้าของเรา เพราะพระองค์จะทรงให้อภัยโดยไม่คิดมูลค่า
8 “เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า
ทั้งวิถีทางของเจ้าไม่เป็นวิถีทางของเรา”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
9 “ฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด
วิถีของเราก็สูงกว่าทางของเจ้า
และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น
10 เฉกเช่นฝนและหิมะ
โปรยลงมาจากฟ้าสวรรค์
และไม่กลับไปที่นั่น
จนกว่าจะทำให้แผ่นดินโลกชุ่มฉ่ำ
และทำให้พืชพันธุ์แตกหน่องอกงาม
เพื่อให้มันเกิดเมล็ดสำหรับผู้หว่านและอาหารสำหรับผู้บริโภค
11 ถ้อยคำที่ออกจากปากของเราก็เป็นเช่นนั้น
มันจะไม่กลับคืนมายังเราโดยเปล่าประโยชน์
แต่จะสัมฤทธิ์ผลตามที่เราปรารถนา
และสำเร็จตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้
12 เจ้าจะออกไปด้วยความชื่นชมยินดี
และถูกนำออกไปด้วยสันติสุข
ภูเขาและเนินเขาจะเปล่งเสียงร้องเพลงต่อหน้าเจ้า
บรรดาต้นไม้ในทุ่งนาจะปรบมือ
13 ต้นสนจะงอกขึ้นแทนที่พุ่มหนาม
พันธุ์ไม้หอมจะงอกขึ้นแทนที่ต้นหนาม
การนี้จะเป็นที่เชิดชูองค์พระผู้เป็นเจ้า
เป็นหมายสำคัญนิรันดร์ซึ่งจะไม่ถูกทำลายเลย”
ความรอดสำหรับคนอื่นๆ
56 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
“จงผดุงความยุติธรรม
และทำสิ่งที่ถูกต้อง
เพราะความรอดของเราใกล้เข้ามาแล้ว
และความชอบธรรมของเราจะปรากฏในไม่ช้า
2 ความสุขมีแก่ผู้ที่ทำเช่นนี้
คือผู้ที่ยึดถือไว้อย่างเหนียวแน่น
ผู้ถือรักษาวันสะบาโตโดยไม่ลบหลู่ดูหมิ่น
และยับยั้งมือของตนจากการทำชั่วใดๆ”
3 อย่าให้คนต่างชาติผู้อุทิศตนแด่องค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแยกข้าพเจ้าจากประชากรของพระองค์เป็นแน่”
และอย่าให้ขันทีบ่นว่า
“ข้าพเจ้าเป็นเพียงต้นไม้แห้ง”
4 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เหล่าขันทีซึ่งรักษาวันสะบาโตของเรา
ผู้เลือกทำสิ่งที่เราพอใจ
และยึดมั่นในพันธสัญญาของเรา
5 เราจะมอบอนุสรณ์และชื่อ
ที่อยู่ภายในวิหารและภายในกำแพงวิหารของเราแก่พวกเขา
ซึ่งดีกว่าบุตรชายบุตรสาวเสียอีก
เราจะให้นามนิรันดร์แก่พวกเขา
เป็นนามที่จะไม่ถูกตัดออก
6 และคนต่างชาติที่ผูกพันตนกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพื่อปรนนิบัติพระองค์
เพื่อรักพระนามพระยาห์เวห์
และเพื่อนมัสการพระองค์
ทุกคนที่รักษาวันสะบาโตโดยไม่ลบหลู่ดูหมิ่น
ผู้ที่ยึดมั่นในพันธสัญญาของเรา
7 เราจะพาพวกเขามายังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา
และให้พวกเขาชื่นชมยินดีในนิเวศแห่งการอธิษฐานของเรา
เราจะรับเครื่องเผาบูชาและเครื่องถวายบูชาของเขา
บนแท่นบูชาของเรา
เพราะนิเวศของเราจะได้ชื่อว่า
นิเวศแห่งการอธิษฐานสำหรับมวลประชาชาติ”
8 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตผู้รวบรวมเชลยอิสราเอลประกาศว่า
“เราจะรวบรวมคนอื่นมารวมกับพวกเขา
นอกเหนือจากคนที่รวมกันอยู่แล้ว”
พระเจ้าทรงกล่าวโทษคนชั่วร้าย
9 มาสิ มวลสัตว์ป่าแห่งท้องทุ่งเอ๋ย
มาขย้ำกินสิ บรรดาสัตว์ป่าแห่งพงไพร!
10 คนยามของอิสราเอลตาบอด
พวกเขาล้วนขาดความรู้
พวกเขาเป็นสุนัขใบ้
เห่าไม่ได้
พวกเขาเอาแต่นอนฝัน
พวกเขารักการหลับใหล
11 พวกเขาเป็นสุนัขตะกละ
เป็นคนเลี้ยงแกะที่ขาดความเข้าใจ
ทุกคนหันไปตามทางของตน
แต่ละคนล้วนมุ่งหาผลประโยชน์ใส่ตัว
12 ต่างก็ว่า “มาเถิด เอาเหล้าองุ่นมาให้เรา!
เอาสุรามาให้เราดื่มเต็มที่!
และพรุ่งนี้ก็จะเป็นเหมือนวันนี้
หรือดียิ่งขึ้นไปอีก”
57 คนชอบธรรมพินาศไป และไม่มีใครใส่ใจ
คนที่ดำเนินในทางของพระเจ้าถูกคร่าไป
และไม่มีใครเข้าใจ
ว่าคนชอบธรรมถูกรับไป
เพื่อให้พ้นจากความเลวร้าย
2 บรรดาผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างเที่ยงธรรมเข้าสู่สันติสุข
พวกเขาได้พักสงบเมื่อพวกเขาตาย
3 “ส่วนเจ้า จงมาที่นี่ เจ้าลูกแม่มดหมอผี
เจ้าผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคนล่วงประเวณีและหญิงโสเภณี!
4 เจ้าเย้ยหยันใคร?
เจ้าหัวเราะเยาะใคร?
เจ้าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ใคร?
เจ้าเป็นเทือกเถาเหล่ากอของคนทรยศ
และเป็นวงศ์วานของคนโกหกไม่ใช่หรือ?
5 เจ้าเร่าร้อนด้วยราคะในหมู่ต้นโอ๊ก
และใต้ต้นไม้ใบดกทุกต้น
เจ้าสังเวยลูกของเจ้าในหุบเขาลึก
และใต้ชะง่อนผา
6 รูปเคารพท่ามกลางหินเรียบในหุบเขาลึกเป็นส่วนของเจ้า
พระเหล่านั้นเป็นส่วนของเจ้า
ใช่ เจ้าได้ถวายเครื่องดื่มบูชา
และเครื่องธัญบูชาแก่พวกมัน
เพราะสิ่งเหล่านี้ เราควรจะยกโทษให้เจ้าหรือ?
7 เจ้าได้ตั้งเตียงไว้บนภูเขาสูงเด่น
เจ้าขึ้นไปถวายเครื่องบูชาของเจ้าที่นั่น
8 ข้างหลังประตูและเสาประตูของเจ้า
เจ้าได้ตั้งสัญลักษณ์นอกศาสนาไว้
เจ้าละทิ้งเรา เจ้าเปิดผ้าคลุมเตียง
เจ้าขึ้นไปบนเตียงและเปิดกว้าง
เจ้าทำสัญญากับบรรดาเจ้าของเตียงที่เจ้ารัก
และมองดูความเปลือยเปล่าของเขา
9 เจ้าไปหาพระโมเลค[b]พร้อมกับน้ำมันมะกอก
และเพิ่มน้ำหอมของเจ้า
เจ้าส่งคณะทูต[c]ของเจ้าไปไกล
ถึงขนาดลงไปยังแดนผู้ตาย!
10 เจ้าอ่อนระโหยไปเพราะวิถีทางของเจ้า
แต่เจ้าก็ไม่เคยพูดว่า ‘หมดหวัง’
เจ้าฟื้นกำลังตัวเอง
เจ้าจึงไม่อ่อนเปลี้ยไป
11 “เจ้าเกรงกลัวใครหนักหนา?
จึงได้ไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา
ไม่นึกถึงเรา
และไม่ใคร่ครวญสิ่งนี้ในใจ
เป็นเพราะเรานิ่งเงียบอยู่นานอย่างนั้นหรือ
เจ้าจึงไม่ยำเกรงเรา?
12 เราจะเปิดเผยความชอบธรรมและการกระทำทั้งหลายของเจ้า
แต่มันจะไม่เป็นประโยชน์อันใดแก่เจ้า
13 เมื่อเจ้าร้องขอความช่วยเหลือ
ก็ให้รูปเคารพทั้งหลายของเจ้าช่วยเจ้าสิ!
ลมจะหอบเอาพวกมันไป
แค่ลมหายใจวูบเดียวก็พัดพวกมันปลิวไปได้
แต่ส่วนผู้ที่ลี้ภัยในเรา
จะได้รับดินแดนนั้นเป็นกรรมสิทธิ์
และมีสิทธิ์ครอบครองภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา”
การปลอบโยนผู้สำนึกผิด
14 และจะมีเสียงกล่าวว่า
“จงสร้างขึ้น จงสร้างขึ้นเถิด จงเตรียมทางไว้!
จงขจัดอุปสรรคต่างๆ ออกจากวิถีทางของประชากรของเรา”
15 เพราะพระองค์ผู้สูงเด่นซึ่งดำรงอยู่นิรันดร์
ผู้ทรงพระนามว่าบริสุทธิ์ ตรัสว่า
“เราอาศัยอยู่ในที่สูงส่งและบริสุทธิ์
แต่ก็สถิตกับคนที่สำนึกผิดและถ่อมใจลง
เพื่อฟื้นจิตวิญญาณของคนที่ถ่อมใจ
และฟื้นใจคนที่สำนึกผิด
16 เราจะไม่กล่าวโทษเนืองนิตย์หรือโกรธเคืองอยู่ร่ำไป
มิฉะนั้นแล้วจิตวิญญาณของมนุษย์จะสิ้นแรงต่อหน้าเรา
ลมหายใจของมนุษย์ที่เราสร้างขึ้นจะขาดรอน
17 เราโกรธเพราะความโลภที่เป็นบาปหนาของเขา
เราลงโทษเขาและหันหน้าหนีด้วยความโกรธ
แต่เขาก็ยังคงทำตามใจชอบของตน
18 เราได้เห็นวิถีทางของเขาแล้ว แต่เราจะรักษาเขาให้หาย
เราจะนำเขาและปลอบโยนเขาอีกครั้งหนึ่ง
19 ให้ริมฝีปากของบรรดาผู้ไว้ทุกข์ในอิสราเอลกล่าวคำสรรเสริญ
สันติสุข สันติสุขแก่ทั้งคนที่อยู่ไกลและอยู่ใกล้
เพราะเราจะรักษาพวกเขา” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น
20 แต่คนชั่วร้ายเหมือนทะเลปั่นป่วน
ซึ่งไม่อาจสงบนิ่ง
คลื่นของเขากวนเลนและโคลนขึ้นมา
21 พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสว่า
“ไม่มีสันติสุขสำหรับคนชั่ว”
การถืออดอาหารที่แท้จริง
58 “จงตะโกนดังๆ ไม่ต้องออมเสียงไว้
จงเปล่งเสียงให้ดังเหมือนเสียงแตรเขาสัตว์
จงแจ้งประชากรของเราถึงการทรยศของพวกเขา
และแจ้งวงศ์วานของยาโคบถึงบาปทั้งหลายของเขา
2 พวกเขาแสวงหาเราวันแล้ววันเล่า
ทำทีกระตือรือร้นอยากรู้จักทางของเรา
ราวกับว่าพวกเขาเป็นชนชาติที่ทำสิ่งที่ถูกต้อง
และไม่ได้ละทิ้งคำบัญชาของพระเจ้า
พวกเขาทูลขอการตัดสินอย่างเที่ยงธรรมจากเรา
และทำเหมือนว่าอยากให้พระเจ้าเข้ามาใกล้
3 พวกเขากล่าวว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ถืออดอาหาร
แต่ทำไมพระองค์ไม่เห็นบ้าง?
ข้าพระองค์ทั้งหลายถ่อมกายถ่อมใจลงแล้ว
แต่ทำไมพระองค์ยังไม่สังเกตบ้างเลย?’
“ถึงกระนั้นในวันที่เจ้าถืออดอาหาร เจ้าก็ยังทำตามใจชอบ
และขูดรีดคนงานทุกคนของเจ้า
4 การถืออดอาหารของเจ้าจบลงด้วยการทะเลาะวิวาทและการต่อสู้
พวกเจ้าชกต่อยกันเองด้วยหมัดอันโหดร้าย
อย่าหวังว่าการถืออดอาหารของเจ้าอย่างที่ทำในวันนี้
จะทำให้เสียงอ้อนวอนของเจ้าขึ้นไปถึงเบื้องบนได้
5 นี่หรือคือการถืออดอาหารที่เราเลือก? แค่เป็นวันที่ให้มนุษย์มาถ่อมลง
แค่เป็นวันให้เขาก้มหัวลงเหมือนต้นอ้อ
และสวมผ้ากระสอบนอนลงในกองขี้เถ้าหรือ?
นี่หรือที่เจ้าเรียกว่าการถืออดอาหาร?
นี่หรือวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยอมรับ?
6 “อย่างนี้ไม่ใช่หรือคือการถืออดอาหารที่เราเลือกไว้?
คือการปลดโซ่ตรวนแห่งความอยุติธรรม
แก้สายรัดแอก
ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ข่มเหงให้เป็นอิสระ
และหักแอกทุกอัน
7 ไม่ใช่เป็นการแบ่งปันอาหารของเจ้าแก่ผู้หิวโหย
และให้ที่พักพิงแก่คนยากจนเร่ร่อนหรือ?
ไม่ใช่การให้เสื้อผ้าแก่ผู้เปลือยกายที่เจ้าพบ
และช่วยเหลือเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าเองหรือ?
8 เมื่อนั้นความสว่างของเจ้าจะเจิดจ้าดั่งรุ่งอรุณ
เจ้าจะรับการบำบัดรักษาอย่างรวดเร็ว
เมื่อนั้นความชอบธรรมของเจ้า[d]จะนำหน้าเจ้า
และพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะระวังหลังให้เจ้า
9 เมื่อนั้นเจ้าจะร้องทูล และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงตอบ
เจ้าจะร้องขอความช่วยเหลือ และพระองค์จะตรัสว่าเราอยู่ที่นี่
“หากเจ้ากำจัดแอกของการกดขี่ข่มเหง
ขจัดการชี้นิ้วและคำพูดมุ่งร้าย
10 และหากเจ้าอุทิศตนเพื่อผู้หิวโหย
ให้ผู้ถูกกดขี่ข่มเหงที่ขัดสนอิ่มเอมใจ
เมื่อนั้นความสว่างของเจ้าจะส่องขึ้นมาในความมืด
และค่ำคืนของเจ้าจะกลับกลายเป็นเหมือนเที่ยงวัน
11 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำเจ้าตลอดไป
จะทรงให้เจ้าอิ่มเอมใจในดินแดนที่ดวงตะวันแผดเผา
พระองค์จะทรงทำให้ร่างกายของเจ้าแข็งแรงขึ้น
เจ้าจะเป็นเหมือนสวนที่ได้รับการรดน้ำอย่างดี
เหมือนน้ำพุที่มีน้ำไหลอยู่ตลอด
12 ประชากรของเจ้าจะสร้างซากปรักหักพังโบราณขึ้นใหม่
และจะฟื้นฟูฐานรากสมัยเก่าก่อน
เจ้าจะได้รับการขนานนามว่าผู้ซ่อมกำแพงที่หักพัง
ผู้ซ่อมถนนหนทางและบ้านเรือน
13 “หากเจ้าหยุดเหยียบย่ำวันสะบาโต
ไม่ทำอะไรตามใจชอบในวันบริสุทธิ์ของเรา
หากเจ้าเรียกวันสะบาโตว่าวันปีติยินดี
เรียกวันบริสุทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่าวันอันทรงเกียรติ
และหากเจ้าให้เกียรติวันนี้โดยไม่ทำอะไรตามใจชอบ
ไม่ทำตามความพอใจของตนเองหรือพูดแต่เรื่องไร้สาระ
14 เมื่อนั้นเจ้าจะพบความยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า
และเราจะให้เจ้าทะยานขึ้นเบื้องสูงของดินแดน
และเราจะเลี้ยงเจ้าด้วยมรดกของยาโคบบิดาของเจ้า”
พระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสดังนั้น
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.