Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
อิสยาห์ 44-48

อิสราเอลที่ทรงเลือกสรรไว้

44 “แต่บัดนี้ จงฟังเถิด ยาโคบ ผู้รับใช้ของเราเอ๋ย
อิสราเอลผู้ซึ่งเราได้เลือกสรรไว้
นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงปั้นเจ้า ผู้ทรงสร้างเจ้าไว้ในครรภ์
ผู้จะทรงช่วยเหลือเจ้า ตรัสดังนี้ว่า
อย่ากลัวเลย ยาโคบผู้รับใช้ของเรา
เยชูรูนซึ่งเราได้เลือกสรรไว้
เพราะเราจะเทน้ำลงบนดินที่แตกระแหง
ให้มีธารน้ำบนพื้นดินที่แห้งผาก
เราจะเทวิญญาณของเราลงเหนือวงศ์วานของเจ้า
และเทพรของเราให้ลูกหลานของเจ้า
พวกเขาจะงอกงามเหมือนหญ้าในทุ่งกว้าง
เหมือนต้นปอปลาร์ริมธารน้ำ
คนหนึ่งจะพูดขึ้นว่า ‘ฉันเป็นกรรมสิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า’
อีกคนหนึ่งจะเรียกตัวเองตามชื่อของยาโคบ
ส่วนอีกคนจะเขียนที่มือของตนว่า ‘เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า’
และจะใช้ชื่ออิสราเอล

องค์พระผู้เป็นเจ้า

“พระยาห์เวห์ผู้ทรงเป็นองค์กษัตริย์และพระผู้ไถ่ของอิสราเอล
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนี้ว่า
เราเป็นปฐมและอวสาน
นอกเหนือจากเราแล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใด
ใครเล่าเสมอเหมือนเรา? ให้เขาประกาศออกมา
ให้เขาประกาศและแจกแจงต่อหน้าเรา
ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างนับตั้งแต่เราสถาปนาประชากรเก่าแก่ของเรา
และจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ให้เขาพยากรณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
อย่ากลัวเลย อย่าสั่นสะท้าน
เราไม่ได้ประกาศเรื่องนี้และทำนายไว้เมื่อนานมาแล้วหรอกหรือ?
เจ้าเป็นพยานของเรา มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเราหรือ?
ไม่มีเลย ไม่มีพระศิลาอื่นใดอีก เราไม่รู้จักสักองค์เดียว”

บรรดาผู้ที่ทำรูปเคารพก็ไร้ค่า
สิ่งต่างๆ ที่เขาเทิดทูนก็เปล่าประโยชน์
บรรดาผู้ออกรับแทนพวกเขาก็ตาบอด
พวกเขาโง่เง่าและต้องอับอาย
10 ใครปั้นเทวรูป ใครหล่อรูปเคารพ
ซึ่งไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่ตน?
11 เขากับพรรคพวกจะต้องอัปยศอดสู
ช่างฝีมือก็เป็นแค่มนุษย์
ให้พวกเขามาชุมนุมกัน ยืนอยู่ในที่ของตน
พวกเขาจะถูกทำให้ตกลงไปในความสยดสยองและความเสื่อมเสีย

12 ช่างเหล็กหยิบเครื่องมือ
ง่วนอยู่กับรูปเคารพในเตาเผา
เขาใช้ค้อนแต่งเทวรูป
ทุบสุดกำลังแขน
เขาหิวและหมดกำลัง
เขาไม่ได้ดื่มน้ำและหมดแรง
13 ช่างไม้ขึงเชือกวัด
ทำโครงสร้างหยาบๆ
ใช้กบไส
เอาวงเวียนขีด
แต่งให้เป็นรูปคน
มีลักษณะงามครบถ้วนอย่างมนุษย์
ให้อยู่ในสถานบูชา
14 เขาโค่นสนซีดาร์ลง
บางทีก็ใช้สนไซเปรสหรือต้นโอ๊ก
เขาปล่อยให้มันโตขึ้นท่ามกลางต้นไม้ในป่า
บางทีก็ปลูกสน และฝนทำให้มันเติบโตขึ้น
15 มันเป็นฟืนให้คนเผา
บางส่วนเขานำมาใช้ผิงกาย
เขาจุดไฟปิ้งขนมปัง
แต่ที่เหลือจากนั้นก็เอามาตกแต่งเป็นเทพเจ้าและนมัสการมัน
เขาสร้างให้เป็นรูปเคารพและก้มกราบมัน
16 เขาใช้ไม้ครึ่งหนึ่งก่อไฟ
เตรียมอาหารย่างเนื้อกินจนอิ่ม
ทั้งใช้ผิงกายและพูดว่า
“เออ! อุ่นดี ข้าเห็นไฟแล้ว”
17 ส่วนที่เหลือเขาใช้ทำเทวรูป เป็นรูปเคารพของเขา
แล้วเขาก็หมอบกราบนมัสการมัน
เขาอธิษฐานต่อมันว่า
“ช่วยลูกด้วย เทพเจ้าของลูก”
18 พวกเขาไม่รู้ประสีประสา ไม่เข้าใจอะไร
ตาของเขาถูกปิดจึงมองไม่เห็น
ใจของเขาก็ถูกบังจึงไม่อาจเข้าใจ
19 ไม่มีใครหยุดเพื่อคิด
ไม่มีใครรู้หรือเข้าใจที่จะพิเคราะห์ว่า
“เราใช้ไม้ครึ่งหนึ่งทำฟืน
เราปิ้งขนมปังบนถ่านไม้
เราย่างเนื้อกิน
ควรหรือที่เราจะเอาไม้ส่วนที่เหลือมาทำสิ่งที่น่าเกลียดชัง?
ควรหรือที่เราจะหมอบกราบลงตรงหน้าท่อนไม้?”
20 เขายังชีพด้วยขี้เถ้า จิตใจที่ลุ่มหลงนำเขาหลงเจิ่นไป
เขาไม่อาจช่วยเหลือตัวเองหรือพูดว่า
“สิ่งที่อยู่ในมือขวาของเรานี้เป็นสิ่งหลอกลวงไม่ใช่หรือ?”

21 “ยาโคบเอ๋ย จงจดจำสิ่งเหล่านี้
อิสราเอลเอ๋ย เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
เราได้สร้างเจ้ามา เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่ลืมเจ้า
22 เราได้กวาดล้างการละเมิดของเจ้าออกไปเหมือนเมฆ
ได้ลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอกยามเช้า
จงกลับมาหาเรา
เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว”

23 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลงด้วยความยินดีเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทำการนี้
โลกเอ๋ย จงโห่ร้องให้กึกก้อง
จงร้องเพลงเถิด ภูเขาทั้งหลาย
ทั้งป่าไม้และพฤกษ์ไพรทั้งปวง
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ยาโคบแล้ว
พระองค์ทรงสำแดงพระเกียรติสิริในอิสราเอล

เยรูซาเล็มจะมีผู้อยู่อาศัย

24 “พระยาห์เวห์พระผู้ไถ่ของเจ้า
ผู้ได้ทรงปั้นเจ้าในครรภ์มารดาตรัสดังนี้ว่า

“เราคือพระยาห์เวห์
ผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง
เราแต่ผู้เดียวคลี่ฟ้าสวรรค์ออกมา
เราเองเป็นผู้กางแผ่นดินโลกออก
25 ผู้ทรงทำลายหมายสำคัญของผู้เผยพระวจนะเท็จ
และทำให้นักทำนายกลายเป็นคนโง่เง่า
ผู้ทรงคว่ำความรอบรู้ของคนฉลาด
และทรงเปลี่ยนมันเป็นสิ่งไร้สาระ
26 ผู้ประทานถ้อยคำแก่ผู้รับใช้ของพระองค์
และให้การคาดคะเนต่างๆ ของทูตของพระองค์กลายเป็นจริง

“ผู้ทรงกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะมีผู้อยู่อาศัย’
ทรงกล่าวถึงเมืองต่างๆ ของยูดาห์ว่า ‘จะถูกสร้างขึ้น’
และทรงกล่าวถึงความหายนะของพวกเขาว่า ‘เราจะฟื้นฟูขึ้นใหม่’
27 ผู้ทรงกล่าวกับห้วงน้ำลึกว่า ‘จงแห้งไป
และเราจะทำให้สายธารทั้งหลายของเจ้าแห้งเหือด’
28 ผู้ทรงกล่าวถึงไซรัสว่า ‘เขาเป็นคนเลี้ยงแกะของเรา
และจะทำทุกสิ่งให้สำเร็จตามที่เราพอใจ
เขาจะกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า “ให้สร้างมันขึ้นใหม่”
และกล่าวถึงพระวิหารว่า “ให้วางฐานรากของมัน” ’

45 “พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าถึงไซรัสผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้
ผู้ซึ่งทรงยึดไว้ด้วยพระหัตถ์ขวา
ให้พิชิตชนชาติต่างๆ ตรงหน้า
และทำลายแสนยานุภาพของเหล่ากษัตริย์
เป็นผู้เปิดประตูซึ่งอยู่ตรงหน้า
เพื่อไม่ให้มีประตูใดถูกปิดไว้
เราจะนำหน้าเจ้าไป
และปราบภูเขา[a]ทั้งหลายให้ราบ
เราจะทลายประตูทองสัมฤทธิ์
และตัดลูกกรงเหล็ก
เราจะยกสมบัติที่ซ่อนไว้ในความมืด
ขุมทรัพย์ในที่เร้นลับให้แก่เจ้า
เพื่อเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์
พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้เรียกเจ้ามาตามชื่อของเจ้า
เพื่อเห็นแก่ยาโคบผู้รับใช้ของเรา
อิสราเอลซึ่งเราเลือกสรรไว้
เราจึงเรียกเจ้ามาตามชื่อของเจ้า
และมอบตำแหน่งอันทรงเกียรติแก่เจ้า
แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้จักเรา
เราคือพระยาห์เวห์ ไม่มีใครอื่น
นอกจากเราแล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นใด
เราจะทำให้เจ้าเข้มแข็งขึ้น
แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้จักเรา
เพื่อจากที่ดวงอาทิตย์ขึ้น
จดที่ดวงอาทิตย์ตก
มนุษย์จะรู้ว่าไม่มีใครอื่นนอกจากเรา
เราคือพระยาห์เวห์ ไม่มีใครอื่น
เรากำหนดความสว่างและสร้างความมืด
เรานำความเจริญและบันดาลภัยพิบัติ
เรา พระยาห์เวห์ทำสิ่งทั้งปวงนี้

“ฟ้าสวรรค์เบื้องบนจงหลั่งรินความชอบธรรมลงมา
หมู่เมฆต่างๆ จงโปรยปรายความชอบธรรมลงมา
โลกจงเปิดกว้าง
ให้ความรอดผุดขึ้นมา
และให้ความชอบธรรมงอกงามไปด้วยกัน
เรา พระยาห์เวห์ได้สร้างสิ่งเหล่านี้

“วิบัติแก่ผู้ที่โต้เถียงกับพระผู้สร้างของเขา
เขาเป็นเพียงเศษหม้อดินชิ้นหนึ่งที่กองอยู่บนพื้น
ดินเหนียวจะพูดกับช่างปั้นได้หรือว่า
‘ท่านกำลังทำอะไร?’
หม้อดินจะกล่าวได้หรือว่า
‘ใบนั้นไม่มีหูหิ้ว’?
10 วิบัติแก่ผู้ที่กล่าวกับบิดาของตนว่า
‘ท่านให้กำเนิดอะไร?’
หรือกล่าวกับมารดาว่า
‘ท่านได้คลอดอะไรมา?’

11 “พระยาห์เวห์ องค์บริสุทธิ์
และพระผู้สร้างของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า
เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
เจ้ามาถามเราเรื่องลูกหลานของเรา
หรือสั่งเราเกี่ยวกับการงานแห่งน้ำมือของเราหรือ?
12 เรานี่แหละสร้างโลก
และสร้างมนุษยชาติบนโลก
มือของเรานี่แหละคลี่ฟ้าสวรรค์ออก
และบัญชาดวงดาวทั้งปวง
13 เราจะชูไซรัส[b]ขึ้นในความชอบธรรมของเรา
เราจะทำให้ทางทั้งสิ้นของเขาตรงไป
เขาจะสร้างนครของเราขึ้นใหม่
และปลดปล่อยประชากรของเราผู้ตกเป็นเชลย
ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อสินจ้างรางวัล
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนั้น”

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“ผลผลิตของอียิปต์ สินค้าของคูช[c]และของคนเสบาร่างสูง
จะเป็นของเจ้า
คนเหล่านี้จะมาติดสอยห้อยตามเจ้า
ทั้งๆ ที่ยังติดโซ่ตรวน
พวกเขาจะมาหมอบกราบตรงหน้าเจ้า
และอ้อนวอนเจ้าว่า
‘แน่ทีเดียว พระเจ้าทรงอยู่กับท่าน ไม่มีใครอื่น
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก’ ”

15 ข้าแต่พระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของอิสราเอล
แน่ทีเดียว พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ซ่อนพระองค์เองไว้
16 ทุกคนที่ทำรูปเคารพจะอัปยศอดสู
พวกเขาจะอับอายขายหน้าไปด้วยกัน
17 ส่วนอิสราเอลนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยกู้
ด้วยความรอดนิรันดร์
เจ้าจะไม่ต้องอับอายขายหน้าเลย
ตลอดไปทุกชั่วอายุ

18 องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า
พระองค์ผู้ทรงปั้นแต่งและสร้างโลก
ทรงสถาปนามันไว้
พระองค์ไม่ได้ทรงสร้างให้เป็นที่เวิ้งว้างว่างเปล่า
แต่ทรงสร้างโลกให้เป็นที่อยู่อาศัย
พระองค์ตรัสว่า
“เราคือพระยาห์เวห์
และไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก
19 เราไม่ได้พูดแบบลับๆ
จากที่หนึ่งที่ใดในดินแดนแห่งความมืด
เราไม่ได้พูดกับลูกหลานของยาโคบว่า ‘จงแสวงหาเราในที่ยุ่งเหยิง’
เรา พระยาห์เวห์พูดความจริง
เราประกาศสิ่งที่ถูกต้อง

20 “จงมาชุมนุมกันเถิด จงรวบรวมกันมา
บรรดาผู้หนีภัยจากชาติต่างๆ
ผู้แห่รูปเคารพไม้ก็โง่เขลา
ผู้สวดอ้อนวอนต่อพระซึ่งช่วยอะไรเขาไม่ได้
21 จงแจ้งสิ่งที่เกิดขึ้น เสนอมาสิ
ให้พวกเขาปรึกษาหารือกัน
ใครเล่าแจ้งเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้านานแล้ว?
ใครเล่าลั่นวาจาไว้ตั้งแต่อดีตกาลนานนม?
ไม่ใช่เราผู้เป็นพระยาห์เวห์หรอกหรือ?
นอกจากเราแล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใด
พระเจ้าผู้ชอบธรรมและผู้ช่วยให้รอด
ไม่มีใครอื่นนอกจากเรา

22 “มวลมนุษย์ทั่วโลก
จงหันมาหาเราและรับการช่วยให้รอด
เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก
23 เราปฏิญาณไว้แล้วด้วยตัวของเราเอง
เราเองลั่นวาจาไว้ด้วยความชอบธรรม
ไม่มีวันคืนคำ
คือทุกคนจะคุกเข่ากราบลงต่อหน้าเรา
ทุกลิ้นจะปฏิญาณโดยอ้างถึงเรา
24 เขาทั้งปวงจะกล่าวถึงเราว่า
‘ในองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่มีความชอบธรรมและพลานุภาพ’ ”
ทุกคนที่โกรธแค้นพระองค์
จะมาเข้าเฝ้าพระองค์และอัปยศอดสูใจ
25 แต่ในองค์พระผู้เป็นเจ้าลูกหลานทั้งหมดของอิสราเอล
จะได้เป็นผู้ชอบธรรมและจะเทิดทูนสดุดี

เทพเจ้าของบาบิโลน

46 พระเบลหมอบลง พระเนโบก็ค้อมลง
เทวรูปของเขาบรรทุกมาบนหลังสัตว์[d]
เทวรูปที่ถูกแบกมานั้นหนักอึ้ง
เป็นภาระแก่ผู้อ่อนระโหย
พระเหล่านั้นค้อมลงและหมอบลงด้วยกัน
ช่วยแบ่งเบาภาระอะไรไม่ได้เลย
เพราะมันเองก็ตกเป็นเชลยด้วยเหมือนกัน

“วงศ์วานยาโคบเอ๋ย จงฟังเรา
วงศ์วานอิสราเอลทั้งปวงที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่
ผู้ซึ่งเราได้อุ้มชูไว้ตั้งแต่ปฏิสนธิ
และฟูมฟักมาตั้งแต่เจ้าเกิด
จนกระทั่งเจ้าเข้าสู่วัยชราผมหงอก
เราคือผู้นั้น ผู้ซึ่งจะค้ำจุนเจ้า
เราได้สร้างเจ้าและจะฟูมฟักเจ้า
เราจะอุ้มชูและช่วยเจ้าให้รอด

“เจ้าจะเปรียบเราและถือว่าเราเท่าเทียมกับผู้ใด?
เจ้าจะหาผู้ใดมาเทียบเราได้?
มีคนเททองคำออกมาจากถุง
และชั่งเงินบนตาชั่ง
เขาจ้างช่างทองให้ทำเทพเจ้าขึ้นมา
แล้วเขาก็หมอบกราบนมัสการเทวรูปนั้น
เขายกมันขึ้นบนบ่าแบกไป
เขาตั้งมันไว้ประจำที่ รูปนั้นก็อยู่ที่นั่น
เพราะมันขยับเขยื้อนไม่ได้
แม้มีคนสวดอ้อนวอน มันก็ไม่ตอบ
มันไม่สามารถช่วยให้เขาพ้นทุกข์ได้

“จงจำข้อนี้ไว้ จำฝังใจไม่ลืมเลือน
จงจำใส่ใจ เจ้ากบฏทั้งหลาย
จงจดจำสิ่งต่างๆ แต่เดิมเมื่อนานมาแล้ว
เราเป็นพระเจ้า ไม่มีพระอื่นใด
เราเป็นพระเจ้า ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน
10 เราแจ้งอวสานตั้งแต่ตอนต้น
แจ้งสิ่งที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งโบราณ
เราลั่นวาจาไว้ว่าความมุ่งหมายของเราจะคงอยู่
เราจะทำทุกสิ่งตามที่เห็นชอบ
11 เราจะเรียกนกล่าเหยื่อมาจากตะวันออก
ชายคนหนึ่งผู้ทำให้ลุล่วงตามความมุ่งหมายของเราจะมาจากแดนไกลลิบ
เราพูดอะไรไว้ เราจะทำให้เกิดขึ้น
เราวางแผนอะไรไว้ เราจะทำตามแผนนั้น
12 จงฟังเรา เจ้าคนดื้อด้าน
ผู้ห่างไกลความชอบธรรม
13 เรานำความชอบธรรมของเราเข้ามาใกล้แล้ว
มันอยู่ไม่ไกลเลย
ความรอดของเราจะมาถึงโดยไม่ล่าช้า
เราจะให้ความรอดของเราแก่ศิโยน
และความรุ่งเรืองของเราแก่อิสราเอล

บาบิโลนล่มสลาย

47 “ธิดาพรหมจารีแห่งบาบิโลน[e]
จงนั่งลงคลุกฝุ่นเถิด
จงนั่งลงกับพื้นโดยปราศจากบัลลังก์
ธิดาแห่งชาวบาบิโลน[f][g]
เจ้าจะไม่ได้รับการขนานนาม
ว่าบอบบางน่าทะนุถนอมอีกต่อไป
จงเอาโม่หินมาโม่แป้งเถิด
ปลดผ้าคลุมหน้าของเจ้าออก
จงถลกกระโปรงเผยให้เห็นขา
และเดินลุยน้ำไป
เจ้าจะเปลือยเปล่า
และอัปยศอดสู
เราจะแก้แค้นเจ้า
จะไม่ละเว้นผู้ใดเลย”

พระผู้ไถ่ของเราผู้ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
เป็นองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

“ธิดาแห่งชาวบาบิโลนเอ๋ย
ไปนั่งเงียบๆ ในความมืดมนเถิด
เจ้าจะไม่ได้ชื่อว่า
นางพญาแห่งราชอาณาจักรทั้งหลายอีกต่อไป
เราโกรธเคืองประชากรของเรา
และเหวี่ยงมรดกของเราทิ้ง
เรามอบเขาไว้ในมือเจ้า
และเจ้าก็ไม่ได้เมตตาปรานีเขา
แม้แต่คนเฒ่าคนแก่
เจ้าก็บังคับให้แบกแอกหนักอึ้ง
เจ้ากล่าวว่า ‘ข้าจะเป็นนางพญา
ตลอดไปเป็นนิตย์!’
แต่เจ้าไม่ได้พิจารณาสิ่งเหล่านี้
ไม่ได้ใคร่ครวญสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น

“ฉะนั้นจงฟังเถิด เจ้าคนเสเพล
ผู้เอกเขนกอยู่อย่างปลอดภัย
และบอกตัวเองว่า
‘ข้านี่แหละ ไม่มีใครอื่นนอกจากข้า
ข้าจะไม่มีวันเป็นม่าย
หรือต้องสูญเสียลูก’
ทั้งสองสิ่งนี้จะจู่โจมเจ้า
ในชั่วพริบตา ภายในวันเดียว
ทั้งความเป็นม่ายและการสูญเสียลูก
มันจะมาถึงเจ้าเต็มขนาด
ทั้งๆ ที่เจ้ามีเวทมนตร์
และคาถาอาคมขลัง
10 เจ้าวางใจในความชั่วร้ายของเจ้า
และพูดว่า ‘ไม่มีใครเห็นเราหรอก’
สติปัญญาและความรู้ของเจ้าพาเจ้าหลงเจิ่น
เมื่อเจ้าบอกตัวเองว่า
‘ข้านี่แหละ ไม่มีใครอื่นนอกจากข้า’
11 ภัยพิบัติจะมาถึงเจ้า
และเจ้าจะไม่รู้ว่าต้องขจัดปัดเป่ามันไปอย่างไร
ภัยพิบัติจะตกแก่เจ้า
ซึ่งเจ้าไม่อาจไถ่ถอน
หายนะซึ่งเจ้าไม่อาจเล็งเห็นล่วงหน้า
จะมาถึงเจ้าโดยฉับพลัน

12 “จงเล่นคาถาอาคมของเจ้า
และร่ายเวทมนตร์ทั้งหลายต่อไปเถิด
อย่างที่เจ้าทำมาตั้งแต่เด็ก
บางทีเจ้าอาจจะทำสำเร็จ
บางทีเจ้าอาจจะบันดาลความน่าสะพรึงกลัว
13 คำปรึกษาทั้งสิ้นที่เจ้าได้รับ มีแต่จะทำให้เจ้าทรุดโทรมไป!
ให้นักโหราศาสตร์ทั้งหลายของเจ้าออกมา
ให้นักดูดาวทั้งหลายซึ่งทำนายโชคชะตาราศีแต่ละเดือน
มาช่วยเจ้าให้พ้นจากสิ่งที่จะเกิดขึ้น
14 แน่นอน พวกเขาเป็นเหมือนตอข้าว
ไฟจะเผาผลาญเขาสิ้น
เขาไม่อาจจะช่วยแม้แต่ตัวเอง
ให้พ้นจากฤทธิ์ของเปลวไฟ
นี่ไม่ใช่ถ่านไฟให้ผิงกาย
ไม่ใช่ไฟซึ่งทำให้อุ่นสบาย
15 คนเหล่านี้ที่เจ้าร่วมงาน
และติดต่อมาตั้งแต่เยาว์วัย
ก็ทำให้เจ้าได้แค่นี้เอง
พวกเขาแต่ละคนหลงไปตามความผิดพลาดของตน
ไม่มีสักคนเดียวที่สามารถช่วยเจ้าได้

อิสราเอลผู้ดื้อดึง

48 “จงฟังเถิด วงศ์วานของยาโคบเอ๋ย
เจ้าซึ่งได้ชื่อตามอิสราเอล
และสืบเชื้อสายจากยูดาห์
เจ้าผู้ปฏิญาณในพระนามของพระยาห์เวห์
และอ้างพระเจ้าแห่งอิสราเอล
แต่ไม่ใช่ด้วยความจริงหรือความชอบธรรม
เจ้าผู้อ้างตนเป็นพลเมืองของนครศักดิ์สิทธิ์
และพึ่งในพระเจ้าแห่งอิสราเอล
ผู้ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
เราได้กล่าวถึงสิ่งเก่าก่อนไว้ล่วงหน้านานมาแล้ว
เราเองได้พูดไว้และบอกให้รู้ทั่วกัน
แล้วเราก็ทำตามนั้นทันที มันก็เป็นไป
เพราะเรารู้ว่าเจ้าดื้อด้านหัวแข็งเพียงไร
เอ็นคอของเจ้าเป็นเหล็ก
หน้าผากของเจ้าคือทองสัมฤทธิ์
ฉะนั้นเราจึงบอกสิ่งเหล่านี้แก่เจ้าไว้ล่วงหน้านานแล้ว
ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น เราก็ได้แจ้งเจ้าแล้ว
เพื่อเจ้าจะไม่อาจพูดได้ว่า
‘รูปเคารพของข้าพเจ้าทำสิ่งเหล่านี้
เทวรูปไม้และพระโลหะของข้าพเจ้าบัญชาให้เกิดขึ้น’
เจ้าได้ยินถึงสิ่งเหล่านี้มาแล้ว จงพิเคราะห์ดูให้ถี่ถ้วน
เจ้าจะไม่ยอมรับหรือ?

“นับแต่นี้ไปเราจะแจ้งสิ่งใหม่ๆ
แจ้งสิ่งเร้นลับที่เจ้าไม่รู้นั้นแก่เจ้า
เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นใหม่ ไม่ใช่นานมาแล้ว
ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อน
เจ้าจึงไม่อาจพูดได้ว่า
‘เรารู้แล้ว’
เจ้าไม่เคยได้ยินหรือเข้าใจมาก่อน
แต่เดิมมาหูของเจ้าไม่ได้เปิดออก
เรารู้ดีว่าเจ้าคิดคดทรยศเพียงไร
เจ้าได้ชื่อว่ากบฏมาตั้งแต่เกิด
เพราะเห็นแก่นามของเรา เราจึงกลั้นโทสะไว้
เพราะเห็นแก่เราซึ่งเป็นที่สรรเสริญ เราจึงยับยั้งไว้
ไม่ตัดเจ้าออกไป
10 ดูเถิด เราได้ถลุงเจ้า แม้ไม่ใช่อย่างถลุงเงิน
เราทดสอบเจ้าในเตาหลอมแห่งความทุกข์ระทม
11 เพราะเห็นแก่เราเอง เราทำการนี้เพราะเห็นแก่เราเอง
เราจะปล่อยให้ตัวเองเสียชื่อได้อย่างไร?
เกียรติสิริของเรา เราไม่ยกให้ใครอื่น

อิสราเอลเป็นอิสระ

12 “ยาโคบเอ๋ย จงฟังเรา
อิสราเอลซึ่งเราเรียกมา
เราคือผู้นั้น
เราคือปฐมและอวสาน
13 มือของเราเองนี่แหละที่วางฐานรากของโลก
มือขวาของเราคลี่ฟ้าสวรรค์ออกมา
เมื่อเราเรียก
มันก็มาชุมนุมกัน

14 “เจ้าทุกคนจงมาชุมนุมกันและฟังเถิด
รูปเคารพไหนเล่าได้ทำนายสิ่งเหล่านี้ไว้?
พันธมิตรที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสรรไว้
จะทำให้ความมุ่งหมายของพระองค์ต่อบาบิโลนสำเร็จ
พระกรของพระองค์จะลงโทษชาวบาบิโลน[h]
15 เราเองเป็นผู้ลั่นวาจาไว้
เราได้เรียกบุคคลผู้นั้น
เราจะนำเขามา
และเขาจะทำพันธกิจของเขาสำเร็จ

16 “จงเข้ามาใกล้เราและฟังเถิด

“นับตั้งแต่แรกที่เราลั่นวาจาไว้ เราไม่ได้พูดแบบลับๆ
เราอยู่ที่นั่นแล้วตั้งแต่มันเกิดขึ้น”

และบัดนี้พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต
ทรงใช้ข้าพเจ้ามาด้วยพระวิญญาณของพระองค์

17 องค์พระผู้เป็นเจ้าพระผู้ไถ่ของท่าน
องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลตรัสว่า
“เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
ผู้สอนเจ้าว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเจ้า
ผู้นำเจ้าไปตามทางที่เจ้าควรไป
18 ถ้าเพียงแต่เจ้าใส่ใจในคำบัญชาของเรา
ป่านนี้เจ้าก็มีสันติสุขหลั่งไหลดั่งแม่น้ำ
มีความชอบธรรมเหมือนคลื่นในทะเล
19 ลูกหลานของเจ้าจะเป็นเหมือนเม็ดทราย
เหมือนเมล็ดข้าวนับไม่ถ้วน
ชื่อของพวกเขาจะไม่ถูกตัดออก
หรือถูกทำลายไปต่อหน้าเรา”

20 จงออกจากบาบิโลน
หนีให้พ้นจากชาวบาบิโลน!
จงประกาศเช่นนี้ด้วยเสียงโห่ร้องยินดี
จงป่าวร้องเถิด
จงแจ้งไปถึงสุดปลายแผ่นดินโลกว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ยาโคบผู้รับใช้ของพระองค์แล้ว”
21 พวกเขาไม่กระหายเมื่อพระองค์ทรงนำพวกเขาผ่านทะเลทราย
พระองค์ทรงทำให้น้ำไหลออกจากศิลาเพื่อพวกเขา
พระองค์ทรงแยกศิลา
และน้ำก็พุ่งขึ้นมา

22 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ไม่มีสันติสุขสำหรับคนชั่ว”

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.