Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
อิสยาห์ 40-43

พระเจ้าทรงปลอบโยน

40 พระเจ้าของท่านตรัสว่า
จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของเรา
จงกล่าวแก่เยรูซาเล็มอย่างอ่อนโยน
และแจ้งให้เธอทราบว่า
เธอได้ผ่านความทุกข์ลำเค็ญแล้ว
บาปของเธอได้รับการชดใช้แล้ว
ซึ่งเธอได้รับโทษจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าครบถ้วน[a]แล้ว
ตามบาปทั้งสิ้นที่เธอทำไป

เสียงของผู้หนึ่งร้องว่า
“จงเตรียมทางในถิ่นกันดาร
สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า[b]
จงทำทางหลวงของพระเจ้า[c]
ในถิ่นกันดารให้ตรงไป
หุบเขาทุกแห่งจะถูกยกขึ้น
ภูเขาและเนินเขาทุกแห่งจะถูกทำให้ต่ำลง
พื้นดินขรุขระจะถูกทำให้เรียบ
ที่ลุ่มๆ ดอนๆ จะถูกทำให้เป็นที่ราบ
แล้วพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับการเปิดเผย
และมวลมนุษยชาติจะได้เห็นร่วมกัน
เพราะพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว”

เสียงหนึ่งกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “จงร้องเถิด”
และข้าพเจ้าถามว่า “ข้าพเจ้าควรจะร้องว่าอะไร?”

เสียงนั้นกล่าวว่า “มวลมนุษยชาตินั้นเหมือนหญ้า
และเกียรติทั้งปวงของพวกเขาก็เหมือนดอกไม้ในท้องทุ่ง
ต้นหญ้าเหี่ยวเฉาและดอกไม้ร่วงโรยไป
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหายใจรดใส่มัน
แน่ทีเดียว มนุษย์เราก็เหมือนหญ้า
ต้นหญ้าเหี่ยวเฉาและดอกไม้ร่วงโรยไป
แต่พระวจนะของพระเจ้าของเรายืนยงนิรันดร์”

ท่านผู้นำข่าวดีมายังศิโยน
จงขึ้นไปบนภูเขาสูง
ท่านผู้นำข่าวดีมายังเยรูซาเล็ม[d]
จงป่าวร้องสุดเสียง
จงป่าวร้องให้สุดเสียง อย่ากลัวเลย
จงร้องบอกเมืองต่างๆ ของยูดาห์ว่า
“นี่คือพระเจ้าของท่าน!”
10 ดูเถิด พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตเสด็จมาด้วยฤทธิ์อำนาจ
พระกรของพระองค์ครอบครองเพื่อพระองค์
ดูเถิด บำเหน็จรางวัลของพระองค์ก็อยู่ที่พระองค์
และพระองค์ทรงนำค่าตอบแทนของพระองค์มาด้วย
11 พระองค์ทรงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์ดั่งคนเลี้ยงแกะ
พระองค์ทรงรวบรวมบรรดาลูกแกะไว้ในอ้อมพระกร
โอบอุ้มไว้แนบพระทรวง
พระองค์ทรงนำแม่แกะที่มีลูกอย่างอ่อนสุภาพ

12 ใครเล่าที่ตวงห้วงน้ำไว้ในอุ้งมือ
และวัดขนาดฟ้าสวรรค์ด้วยฝ่ามือ?
ใครหนอบรรจุผงคลีของโลกไว้ในภาชนะ
และชั่งน้ำหนักของภูเขาบนตาชั่ง
และชั่งเนินเขาด้วยตราชู?
13 ใครเล่าจะเข้าใจพระทัย[e]ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
หรือเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำแก่พระองค์ได้?
14 ใครหนอที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรึกษาเพื่อพระองค์จะทรงรู้แจ้ง?
และใครหนอสอนหนทางที่ถูกต้องแก่พระองค์?
ใครหนอที่ให้ความรู้
และชี้แนะทางแห่งความเข้าใจให้แก่พระองค์ได้?

15 แน่ทีเดียว ประชาชาติทั้งสิ้นเหมือนน้ำหยดหนึ่งในถัง
เทียบได้กับผงคลีบนตาชั่ง
พระเจ้าทรงชั่งเกาะต่างๆ เหมือนมันเป็นเพียงผงคลีดิน
16 เลบานอนไม่พอเป็นฟืนสำหรับแท่นบูชา
สัตว์ทั้งปวงของมันไม่พอเป็นเครื่องเผาบูชา
17 ในสายพระเนตรของพระองค์ ประชาชาติทั้งปวงก็ไร้ค่า
พวกเขามีค่าอะไรสำหรับพระองค์
พวกเขาไร้ค่ายิ่งกว่าศูนย์

18 เช่นนี้แล้วท่านจะเอาพระเจ้าเปรียบกับใคร?
ท่านจะเอาพระองค์ไปเทียบกับเทวรูปองค์ไหน?
19 ส่วนรูปเคารพนั้น ช่างก็หล่อขึ้น
แล้วช่างทองจึงหุ้มด้วยทอง
และทำสร้อยเงินให้มัน
20 คนที่ยากจนเกินกว่าจะหาของถวายเช่นนั้น
ก็จะหาไม้ที่ไม่ผุ
เขาหาช่างฝีมือผู้ชำนาญ
เพื่อทำรูปเคารพตั้งไว้ไม่ให้ล้มลง

21 ท่านไม่รู้หรือ?
ท่านไม่เคยได้ยินเลยหรือ?
ไม่มีผู้ใดบอกท่านตั้งแต่ต้นหรือ?
ท่านไม่เข้าใจตั้งแต่ครั้งวางฐานรากของโลกหรือ?
22 พระองค์ประทับบนบัลลังก์เหนือเส้นรอบวงของโลก
และประชากรโลกก็เหมือนตั๊กแตน
พระองค์ทรงคลี่ฟ้าสวรรค์ออกเหมือนคลี่ผ้าม่าน
ทรงขึงมันเหมือนเต็นท์สำหรับพักอาศัย
23 พระองค์ทรงนำบรรดาเจ้านายมาถึงความสูญสิ้น
และลดค่าเหล่าผู้ปกครองของโลกให้เป็นศูนย์
24 พวกเขาถูกหว่าน
และปลูกขึ้นไม่ทันไร
แม้รากก็ยังไม่ทันหยั่งลึกในดิน
พระองค์ก็ทรงเป่าลมใส่และพวกเขาก็เหี่ยวเฉาไป
เหมือนแกลบถูกกวาดไปในพายุหมุน

25 องค์บริสุทธิ์สูงส่งตรัสว่า “เจ้าจะเปรียบเรากับใคร?
ผู้ใดจะเทียบเทียมเราได้?”
26 จงเงยหน้าขึ้นมองฟ้าสวรรค์เถิด
ใครสร้างสิ่งทั้งปวงเหล่านี้?
ผู้ทรงนำดวงดาวออกมาทีละดวง
และขานชื่อของมัน
โดยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่และพละกำลังอันเกรียงไกรของพระองค์
จึงไม่มีดาวขาดหายไปสักดวง

27 ยาโคบเอ๋ย เหตุใดท่านจึงพูด
อิสราเอลเอ๋ย เหตุใดท่านจึงบ่นว่า
“ทางของเราถูกซ่อนไว้จากองค์พระผู้เป็นเจ้า
นั่นคือพระเจ้าของเราไม่ทรงแยแสเรื่องของเรา”?
28 ท่านไม่เคยรู้หรือ?
ท่านไม่เคยได้ยินหรอกหรือ?
พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้านิรันดร์
พระผู้สร้างทุกสิ่งในโลก
พระองค์จะไม่ทรงอ่อนล้าหรือเหน็ดเหนื่อย
ความเข้าใจของพระองค์ไม่มีผู้ใดหยั่งถึงได้
29 พระองค์ทรงประทานกำลังแก่ผู้อ่อนล้า
และทรงเพิ่มพละกำลังแก่ผู้อ่อนแอ
30 แม้คนหนุ่มสาวยังเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้า
และชายหนุ่มก็ยังสะดุดล้ม
31 แต่บรรดาผู้ที่รอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความหวัง
จะฟื้นกำลังขึ้นใหม่
พวกเขาจะกางปีกทะยานขึ้นเหมือนนกอินทรี
พวกเขาจะวิ่งไปโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
พวกเขาจะเดินไปโดยไม่อ่อนระโหยโรยแรง

องค์พระผู้ช่วยแห่งอิสราเอล

41 “เกาะทั้งหลายเอ๋ย จงเงียบและฟังเรา!
ให้ประชาชาติต่างๆ ฟื้นกำลังขึ้นใหม่!
ให้พวกเขาก้าวออกมาพูดข้างหน้านี้
ให้เรามาพบกันในสถานพิพากษา

“ใครหนอดลใจบุคคลผู้นี้จากตะวันออก
ให้มาทำหน้าที่ของตนอย่างชอบธรรม[f]?
พระองค์ทรงมอบประชาชาติต่างๆ แก่เขา
และสยบบรรดากษัตริย์ต่อหน้าเขา
พระองค์ทรงใช้ดาบของเขาฟาดฟันกษัตริย์เหล่านั้นเป็นธุลี
คันธนูของเขาทำให้กษัตริย์เหล่านั้นเหมือนแกลบปลิวฟุ้งไป
เขาตามล่าคนเหล่านั้นไปโดยไม่ได้รับอันตราย
ตามเส้นทางซึ่งเขาไม่เคยเหยียบย่างมาก่อน
ใครหนอกระทำเช่นนี้จนสำเร็จ
ที่เป็นผู้เรียกคนในชั่วอายุต่างๆ มาตั้งแต่ต้น?
เรา พระยาห์เวห์เป็นปฐมและอวสาน
เราคือผู้นั้น”

เกาะทั้งหลายเห็นแล้วก็หวาดกลัว
สุดปลายแผ่นดินโลกสั่นสะท้าน
พวกเขาเข้ามาใกล้และออกมาข้างหน้า
ต่างช่วยเหลือกัน
และกล่าวแก่พี่น้องของตนว่า “เข้มแข็งเข้าไว้!”
ช่างฝีมือให้กำลังใจช่างทอง
ผู้ใช้ค้อนก็ให้กำลังใจผู้ตีทั่ง
เขากล่าวถึงงานบัดกรีว่า “ดี”
เขาเอาตะปูตอกรูปเคารพ มันจะได้ไม่ล้มคว่ำลง

“ส่วนเจ้า อิสราเอลผู้รับใช้ของเรา
ยาโคบผู้ซึ่งเราได้เลือกสรรไว้
เจ้าผู้เป็นลูกหลานของอับราฮัมสหายของเรา
เราพาเจ้ามาจากสุดปลายแผ่นดินโลก
เราเรียกเจ้ามาจากมุมไกลโพ้นที่สุด
เราบอกเจ้าว่า ‘เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา’
เราได้เลือกสรรเจ้า และไม่เคยทอดทิ้งเจ้า
10 ดังนั้น อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า
อย่าท้อแท้ เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า
เราจะทำให้เจ้าเข้มแข็งขึ้นและจะช่วยเจ้า
เราจะชูเจ้าไว้ด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา

11 “บรรดาผู้ที่เกรี้ยวกราดต่อเจ้า
จะอับอายขายหน้าและอัปยศอดสูอย่างแน่นอน
ผู้ที่ต่อต้านเจ้า
จะสิ้นค่าและพินาศไป
12 ถึงแม้เจ้าจะมองหาศัตรู
เจ้าก็จะไม่พบ
บรรดาผู้ที่รบกับเจ้า
จะหมดค่าอย่างสิ้นเชิง
13 เพราะเราคือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า
ผู้จับมือขวาของเจ้าไว้
และบอกกับเจ้าว่า อย่ากลัวเลย
เราจะช่วยเจ้า
14 อย่ากลัวเลย เจ้าหนอนยาโคบเอ๋ย
อิสราเอลน้อยๆ เอ๋ย
เพราะเราเองจะช่วยเจ้า” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
พระองค์ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลผู้ไถ่เจ้า
15 “ดูเถิด เราจะทำให้เจ้าเป็นดั่งเลื่อนนวดข้าว
ที่ใหม่และคม มีฟันหลายซี่
เจ้าจะนวดและบดขยี้ภูเขาต่างๆ
ทำให้เนินเขาทั้งหลายเป็นเหมือนแกลบ
16 เจ้าจะซัดมัน ลมจะหอบมันขึ้น
และพายุจะพัดมันกระจายไป
ส่วนเจ้าจะปีติยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า
และภาคภูมิใจในองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

17 “คนยากไร้และขัดสนเสาะหาน้ำดื่ม แต่ไม่มีเลย
ลิ้นของเขาแห้งผากด้วยความกระหาย
แต่เรา พระยาห์เวห์จะตอบเขา
เรา พระเจ้าแห่งอิสราเอลจะไม่ทอดทิ้งพวกเขาเลย
18 เราจะทำให้แม่น้ำไหลบนที่สูงซึ่งแห้งแล้ง
และให้มีธารน้ำพุในหุบเขา
เราจะเปลี่ยนถิ่นกันดารเป็นสระน้ำ
และเปลี่ยนผืนดินแตกระแหงให้กลายเป็นธารน้ำพุ
19 เราจะปลูกต้นสนซีดาร์และต้นกระถินเทศ
ต้นน้ำมันเขียวและต้นมะกอกในทะเลทราย
และเราจะปลูกต้นสนชนิดต่างๆ ไว้ในถิ่นกันดาร
ทั้งสนเฟอร์และสนไซเปรสด้วย
20 เพื่อคนทั้งปวงจะเห็นและรู้
จะพิเคราะห์และเข้าใจ
ว่าพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำการนี้
องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลทรงสร้างมันขึ้น”

21 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงเสนอคดีความของเจ้า”
องค์กษัตริย์ของยาโคบตรัสว่า “จงแสดงข้อพิสูจน์ของเจ้ามาเถิด”
22 “จงนำบรรดารูปเคารพของเจ้าเข้ามาบอกพวกเรา
ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
จงเล่าความเป็นไปแต่เดิม
เพื่อเราจะพิจารณาและรับรู้จุดจบ
หรือจะเล่าให้พวกเราฟังถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
23 จงบอกพวกเรามาเถิดว่าอนาคตจะมีอะไรบ้าง
เพื่อเราจะรู้ว่าพวกเจ้าเป็นเทพเจ้า
ทำอะไรสักอย่างสิ จะดีหรือชั่วก็ได้
เพื่อเราจะได้ท้อแท้และหวาดหวั่น
24 แต่พวกเจ้าต่ำต้อยด้อยค่ายิ่งกว่าศูนย์
และผลงานของเจ้าล้วนไร้ค่า
ผู้ที่เลือกเจ้าก็น่าชิงชัง

25 “เราได้เรียกบุคคลผู้หนึ่งจากทางเหนือ และเขาก็มา
เขามาจากที่ดวงอาทิตย์ขึ้น เขาร้องเรียกนามของเรา
เขาเหยียบย่ำบรรดาผู้ปกครองเหมือนย่ำปูน
ราวกับช่างปั้นย่ำดินเหนียว
26 ใครเล่าบอกถึงสิ่งนี้ให้เรารู้มาตั้งแต่ต้น
หรือบอกไว้ตั้งแต่แรก เราจึงพูดได้ว่า ‘ถูกอย่างที่เขาบอก’?
ไม่มีใครพูดไว้
ไม่มีใครแจ้งไว้ก่อน
ไม่มีใครได้ยินอะไรจากเจ้าเลย
27 เราเป็นคนแรกที่บอกศิโยนว่า ‘ดูเถิด พวกเขามาแล้ว!’
เรามอบทูตแห่งข่าวดีให้เยรูซาเล็ม
28 เรามองดูแต่ไม่มีใครสักคน
ไม่มีแม้สักคนเดียวในพวกเขาที่จะให้คำปรึกษาแนะนำ
ไม่มีใครตอบเมื่อเราถาม
29 ดูเถิด พวกเขาล้วนแต่จอมปลอม!
การกระทำของเขาล้วนไร้ค่า
เทวรูปต่างๆ ของเขาเป็นเพียงลมและความสับสน

ผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

42 “นี่คือผู้รับใช้ของเรา ซึ่งเราเชิดชู
ผู้ที่เราเลือกสรรไว้ ซึ่งเราชื่นชม
เราจะส่งวิญญาณของเราลงมาเหนือเขา
และเขาจะนำความยุติธรรมไปถึงบรรดาประชาชาติ
เขาจะไม่ตะโกนหรือส่งเสียงร้อง
ไม่ส่งเสียงดังกลางถนน
ไม้อ้อช้ำแล้ว เขาจะไม่หัก
ไส้ตะเกียงที่ริบหรี่ เขาจะไม่ดับ
เขาจะนำความยุติธรรมมาอย่างซื่อสัตย์
เขาจะไม่สะดุดหรือท้อถอย
จนกว่าจะได้สถาปนาความยุติธรรมขึ้นในโลก
หมู่เกาะจะฝากความหวังไว้ที่บทบัญญัติของเขา”

นี่คือพระดำรัสของพระเจ้าพระยาห์เวห์
พระองค์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และคลี่มันออก
ผู้ทรงแผ่แผ่นดินโลกและสรรพสิ่งที่บังเกิดจากโลก
ผู้ประทานลมปราณแก่มนุษย์
และประทานชีวิตแก่ทุกคนในโลก
“เรา พระยาห์เวห์ ได้เรียกเจ้ามาด้วยความชอบธรรม
เราจะจับมือเจ้าไว้
เราจะคุ้มครองเจ้า
และทำให้เจ้าเป็นพันธสัญญาสำหรับเหล่าประชากร
และเป็นแสงสว่างแก่บรรดาชนต่างชาติ
ให้เบิกตาของคนตาบอด
ปลดปล่อยเชลยจากคุก
และช่วยนำผู้ที่นั่งอยู่ในความมืดออกจากที่คุมขัง

“เราคือพระยาห์เวห์ นี่เป็นนามของเรา!
เกียรติสิริของเรา เราจะไม่ยกให้ใครอื่น
และคำสรรเสริญยกย่องของเรา เราจะไม่ให้แก่รูปเคารพต่างๆ
ดูเถิด สิ่งที่เราลั่นวาจาไว้ตั้งแต่แรกได้เกิดขึ้นแล้ว
และเราประกาศสิ่งใหม่ๆ
ตั้งแต่สิ่งเหล่านั้นยังไม่เกิดขึ้น
เราก็ประกาศแก่พวกเจ้าทั้งหลายแล้ว”

เพลงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

10 จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
จงสรรเสริญพระองค์จากสุดปลายแผ่นดินโลก
ท่านผู้ไปยังทะเล และสรรพสิ่งในทะเล
เกาะแก่งทั้งหลาย และคนทั้งปวงผู้อาศัยอยู่ที่นั่น
11 ถิ่นกันดารและเมืองต่างๆ จงเปล่งเสียง
ถิ่นฐานทั้งหลายที่ชาวเคดาร์อาศัยอยู่จงชื่นบาน
ชาวเสลาจงร้องเพลงเบิกบาน
ให้พวกเขาโห่ร้องจากยอดเขา
12 ให้พวกเขาถวายพระเกียรติสิริแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
และเปล่งเสียงสรรเสริญพระองค์ในเกาะแก่งทั้งหลาย
13 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาเยี่ยงบุรุษผู้เกรียงไกร
พระองค์ทรงกระตือรือร้นเฉกเช่นนักรบ
ทรงโห่ร้องเอาชัย
และพิชิตเหล่าศัตรูของพระองค์

14 “เรานิ่งอั้นไว้นานแล้ว
เราเงียบอยู่และสะกดใจไว้
แต่บัดนี้ เราร้องออกมาดั่งหญิงคลอดลูก
เราหายใจถี่และหอบ
15 เราจะทำลายภูเขาและเนินเขาต่างๆ
ให้พืชพันธุ์ทั้งหลายในที่เหล่านั้นเหี่ยวแห้ง
เราจะทำให้แม่น้ำกลายเป็นเกาะ
และให้สระทั้งหลายแห้งเหือด
16 เราจะนำคนตาบอดไปตามทางที่พวกเขาไม่รู้จัก
เราจะพาพวกเขาไปตามเส้นทางที่พวกเขาไม่คุ้นเคย
เราจะเปลี่ยนความมืดให้เป็นความสว่างต่อหน้าพวกเขา
และทำที่ขรุขระให้ราบเรียบ
เราจะทำสิ่งเหล่านี้
เราจะไม่ทอดทิ้งเขาเลย
17 ส่วนบรรดาผู้ที่วางใจในรูปเคารพ
ผู้ที่พูดกับเทวรูปว่า ‘ท่านเป็นเทพเจ้าของเรา’
เราจะทำให้เขาหันกลับไปอย่างน่าอัปยศอดสูที่สุด

อิสราเอลตาบอดหูหนวก

18 “ฟังเถิด คนหูหนวกเอ๋ย
มองเถิด คนตาบอดเอ๋ย และจงเห็น!
19 ใครเล่าตาบอดนอกจากผู้รับใช้ของเรา?
ใครเล่าหูหนวกเหมือนผู้สื่อสารที่เราส่งไป?
ใครเล่าตาบอดเหมือนผู้ที่ถวายตัวต่อเรา?
ใครเล่าตาบอดเหมือนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า?
20 เจ้าได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ไม่ใส่ใจ
หูเจ้าเปิดกว้าง แต่ไม่ได้ยินอะไร”
21 องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย
ที่จะทำให้บทบัญญัติของพระองค์ยิ่งใหญ่และมีเกียรติ
เพื่อเห็นแก่ความชอบธรรมของพระองค์
22 แต่นี่เป็นชนชาติที่ถูกปล้นและตกเป็นเชลย
พวกเขาล้วนตกอยู่ในหลุมพราง
หรือหลบซ่อนอยู่ในคุก
พวกเขาถูกปล้น
โดยไม่มีใครช่วย
พวกเขาตกเป็นเชลย
โดยไม่มีใครพูดว่า “ปล่อยพวกเขากลับไป”

23 ใครบ้างในพวกท่านจะรับฟังเรื่องนี้
หรือใส่ใจกับอนาคตที่จะมาถึง?
24 ใครเล่ายอมให้ยาโคบตกเป็นเชลย
และให้อิสราเอลถูกปล้น?
ไม่ใช่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ซึ่งพวกเราทำบาปต่อพระองค์หรอกหรือ?
เพราะพวกเขาไม่ทำตามวิถีทางของพระองค์
ไม่เชื่อฟังบทบัญญัติของพระองค์
25 ดังนั้นพระองค์จึงทรงระบายพระพิโรธอันรุนแรง
คือสงครามอันดุเดือดให้ตกแก่เขา
ให้เขาตกอยู่ในเปลวไฟ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ
ไฟเผาผลาญเขา แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ

พระผู้ช่วยให้รอดองค์เดียวของอิสราเอล

43 แต่บัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
ยาโคบเอ๋ย พระองค์ผู้ทรงสร้างท่าน
อิสราเอลเอ๋ย พระองค์ผู้ทรงปั้นท่าน
“อย่ากลัวเลย เพราะเราได้ไถ่เจ้าไว้แล้ว
เราได้เรียกชื่อเจ้า เจ้าเป็นของเรา
เมื่อเจ้าลุยน้ำ
เราจะอยู่กับเจ้า
เมื่อเจ้าลุยข้ามแม่น้ำ
น้ำจะไม่ซัดท่วมเจ้า
เมื่อเจ้าลุยไฟ
ไฟจะไม่เผาไหม้
เปลวไฟจะไม่เผาผลาญเจ้า
เพราะเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
เป็นองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล พระผู้ช่วยให้รอดของเจ้า
เราให้อียิปต์เป็นค่าไถ่ของเจ้า
เอาคูช[g]และเสบาแลกกับเจ้า
เพราะเจ้าล้ำค่าและมีเกียรติในสายตาของเรา
และเพราะเรารักเจ้า
เราจึงยอมเอาผู้คนแลกกับเจ้า
เอาประชากรแลกกับชีวิตของเจ้า
อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า
เราจะนำลูกหลานของเจ้ามาจากตะวันออก
และรวบรวมเจ้ามาจากตะวันตก
เราจะบอกกับทางเหนือว่า ‘ปล่อยพวกเขามา!’
บอกกับทางใต้ว่า ‘อย่ารั้งพวกเขาไว้’
จงพาลูกชายของเรามาจากที่ไกลโพ้น
และพาลูกสาวของเรามาจากสุดปลายแผ่นดินโลก
คือทุกคนที่ได้ชื่อตามชื่อของเรา
ผู้ที่เราได้สร้างขึ้นเพื่อเกียรติสิริของเรา
ผู้ที่เราได้ปั้นและสร้างขึ้นมา”

จงนำบรรดาผู้ที่มีตาแต่ตาบอด
ผู้ที่มีหูแต่หูหนวกมา
มวลประชาชาติประชุมกัน
ชนชาติทั้งหลายชุมนุมกัน
มีใครบ้างทำนายสิ่งนี้
และประกาศสิ่งที่ผ่านมาแล้วแก่พวกเรา?
ให้เขาเบิกพยานมายืนยันว่าเขาถูก
เพื่อคนอื่นจะได้ยินแล้วบอกว่า “เป็นความจริง”
10 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เจ้าเป็นพยานของเรา
เป็นผู้รับใช้ซึ่งเราได้เลือกสรรไว้แล้ว
เพื่อเจ้าจะรู้จักเราและเชื่อเรา
และเข้าใจว่าเราคือผู้นั้น
ก่อนหน้าเราไม่มีพระเจ้าอื่นใดถูกปั้นขึ้น
และหลังจากเราก็ไม่มีพระใดอีก
11 เรานี่แหละคือพระยาห์เวห์
นอกเหนือจากเราแล้ว ไม่มีพระผู้ช่วยให้รอดอื่นใดอีก
12 เราได้สำแดงแก่เจ้าแล้ว ช่วยเจ้าให้รอดแล้วและประกาศแก่เจ้าแล้ว
เราเอง ไม่ใช่พระต่างด้าวอื่นใดท่ามกลางพวกเจ้า”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เจ้าเป็นพยานของเราว่า เราเป็นพระเจ้า
13 เราคือพระเจ้าองค์นั้นตั้งแต่อดีตกาล
ไม่มีผู้ใดช่วยกู้จากมือของเราได้
เมื่อเราลงมือทำ ใครจะขัดขวางได้?”

พระเมตตาของพระเจ้า

และความไม่ซื่อสัตย์ของอิสราเอล

14 องค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ไถ่ของเจ้า
องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลตรัสว่า
“เพื่อเห็นแก่เจ้า เราจะส่งกองทัพไปยังบาบิโลน
ทำให้ชาวบาบิโลน[h]ทั้งหลายกลายเป็นเชลย
ในเรือซึ่งพวกเขาเคยภาคภูมิใจ
15 เราคือพระยาห์เวห์องค์บริสุทธิ์ของเจ้า
พระผู้สร้างของอิสราเอลและกษัตริย์ของเจ้า”

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างทางผ่านทะเล
ทำทางผ่านห้วงน้ำอันทรงพลัง
17 ผู้ทรงนำรถม้าศึกและม้า
นำกองทัพและแสนยานุภาพต่างๆ มาด้วยกัน
ทำให้พวกเขานอนจมอยู่ที่นั่น ไม่ได้ลุกขึ้นมาอีก
สูญสิ้นดับไปเหมือนไส้ตะเกียง
18 ตรัสว่า “จงลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้ว
อย่าฝังใจกับอดีต
19 ดูเถิด เรากำลังทำสิ่งใหม่!
มันเริ่มขึ้นแล้ว เจ้าไม่เห็นหรอกหรือ?
เรากำลังสร้างทางในถิ่นกันดาร
และสายธารต่างๆ ในที่แห้งแล้ง
20 สัตว์ป่าทั้งหลายเช่นหมาใน นกเค้าแมว
ต่างยกย่องเรา
เพราะเราให้น้ำในถิ่นกันดาร
ให้สายธารในที่แห้งแล้ง
เพื่อจะให้น้ำดื่มแก่ประชากรที่เราเลือกสรรไว้
21 ประชากรที่เราได้ปั้นไว้สำหรับเรา
เพื่อพวกเขาจะประกาศเกียรติภูมิของเรา

22 “ถึงกระนั้นยาโคบเอ๋ย เจ้าก็ไม่ได้เรียกหาเรา
อิสราเอลเอ๋ย เจ้าไม่ยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อเรา
23 เจ้าไม่ได้ถวายแกะเป็นเครื่องเผาบูชาแก่เรา
เจ้าไม่ได้ให้เกียรติเราด้วยเครื่องบูชาของเจ้า
เราไม่ได้วางภาระเรื่องธัญบูชาแก่เจ้า
หรือให้เจ้าเหน็ดเหนื่อยเพราะเรื่องเครื่องหอม
24 เจ้าไม่ได้ซื้อเครื่องหอมมาให้เรา
ทั้งไม่ได้ทำให้เราพอใจด้วยไขมันเผาบูชา
แต่เจ้าได้วางภาระเรื่องบาปของเจ้าแก่เรา
และทำให้เราเอือมระอาด้วยการละเมิดทั้งหลายของเจ้า

25 “เรานี่แหละ
คือผู้ที่ลบล้างการล่วงละเมิดของเจ้าเพื่อเห็นแก่เราเอง
และจะไม่จดจำบาปของเจ้าอีกต่อไป
26 จงรื้อฟื้นอดีตเพื่อเรา ให้เรามาโต้กันเถิด
จงแถลงความมา เพื่อจะพิสูจน์ว่าเจ้าพ้นข้อกล่าวหา
27 ต้นตระกูลของเจ้าทำบาป
ผู้นำของเจ้าทรยศเรา
28 ฉะนั้นเราจะหยามผู้สูงศักดิ์ประจำวิหารของเจ้า
เราจะมอบยาโคบให้ถูกทำลายย่อยยับ[i]
และปล่อยอิสราเอลให้เป็นที่ดูหมิ่น

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.