Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
อิสยาห์ 23-27

คำพยากรณ์กล่าวโทษไทระ

23 พระดำรัสเกี่ยวกับเมืองไทระมีดังนี้ว่า

จงร่ำไห้เถิด เหล่านาวาแห่งทารชิช!
เพราะไทระล่มจมแล้ว
ไม่เหลือบ้านเรือนและท่าเรืออีก
มีข่าวจากดินแดนไซปรัส[a]
มาถึงพวกเขา

จงนิ่งเถิด ชาวเกาะ
และพวกพ่อค้าแห่งไซดอน
ผู้มั่งคั่งจากเรือเดินทะเล
เมล็ดข้าวจากชิโหร์
เดินทางข้ามมหาสมุทรมา
ผลผลิตแห่งแม่น้ำไนล์[b]เป็นรายได้ของไทระ
ซึ่งกลายเป็นตลาดของประชาชาติ

จงอับอายเถิด ไซดอนเอ๋ย และเจ้าผู้เป็นที่มั่นแห่งท้องทะเล
เพราะทะเลกล่าวว่า
“เราไม่เคยเจ็บท้องและไม่เคยคลอด
อีกทั้งไม่เคยเลี้ยงดูลูกชายลูกสาว”
เมื่ออียิปต์ได้ยินข่าวจากไทระ
พวกเขาจะทุกข์โศกยิ่งนัก

จงข้ามไปทารชิชเถิด
ชาวเกาะเอ๋ย จงร่ำไห้
นี่หรือนครแห่งความสนุกสนานบันเทิง?
นครเก่าแก่
ซึ่งเท้าพามันไป
ตั้งรกรากยังแดนไกล
ใครหนอวางแผนเล่นงานไทระ
ผู้ซึ่งให้มงกุฎ
ผู้ซึ่งพ่อค้าได้เป็นเจ้านาย
ผู้ซึ่งนายวาณิชเลื่องชื่อในโลก?
คือพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์นั่นเอง
ทรงดำริไว้ที่จะทำให้ความภาคภูมิแห่งศักดิ์ศรีทั้งปวงตกต่ำลง
และทำให้บรรดาผู้ที่มีชื่อเสียงของโลกเจียมเนื้อเจียมตัว

10 จงพรวน[c]ที่ดินของเจ้าเหมือนอย่างที่ดินริมแม่น้ำไนล์
ธิดาแห่งทารชิช[d]เอ๋ย
เพราะเจ้าไม่มีท่าเรืออีกแล้ว
11 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์ออกเหนือท้องทะเล
ทรงเขย่าอาณาจักรทั้งหลาย
พระองค์ทรงมีประกาศิต
ให้ทลายป้อมปราการต่างๆ ของฟีนิเซีย[e]
12 พระองค์ตรัสว่า “ไม่มีความสนุกสนานบันเทิงอีกต่อไปแล้ว
โอ ธิดาพรหมจารีแห่งไซดอน[f]ซึ่งบัดนี้แหลกลาญ!

“ขึ้นไปสิ ข้ามไปไซปรัส[g]สิ
แม้แต่ที่นั่นเจ้าก็ไม่ได้พักสงบ”
13 จงมองดูดินแดนของชาวบาบิโลน[h]
ชนชาติซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่มีใครสนใจแล้ว!
ชาวอัสซีเรียได้ทำ
ให้มันกลายเป็นที่สิงสถิตของสัตว์ป่า
พวกเขาก่อเชิงเทิน
ทลายป้อมปราการ
และทำให้มันกลายเป็นซากปรักหักพัง

14 จงคร่ำครวญเถิด เหล่านาวาแห่งทารชิชเอ๋ย
ป้อมปราการของเจ้าถูกทำลายแล้ว!

15 ครั้งนั้นผู้คนจะลืมไทระไปเจ็ดสิบปี อันเป็นช่วงพระชนม์ชีพของกษัตริย์องค์หนึ่ง แต่ในตอนปลายของช่วงเจ็ดสิบปีนั้น ไทระจะเป็นเหมือนในเนื้อเพลงของหญิงโสเภณีที่ว่า

16 “โอ หญิงโสเภณีที่ถูกลืม
หยิบพิณขึ้นเถิด แล้วเดินไปทั่วเมือง
เล่นพิณให้ไพเราะ ร้องเพลงหลายๆ เที่ยว
เพื่อคนจะจำเจ้าได้”

17 ปลายช่วงเจ็ดสิบปี องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงจัดการกับไทระ จะกลับมีคนว่าจ้างไทระราวกับเป็นโสเภณี และจะติดต่อค้าขายกับอาณาจักรทั้งปวงของโลก 18 แต่ผลกำไรและรายได้ของไทระจะถูกกันไว้เพื่อถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า จะไม่เก็บหรือสะสมไว้เอง แต่จะมอบผลกำไรแก่ผู้ที่ใช้ชีวิตต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า คนเหล่านั้นจะมีอาหารอุดมสมบูรณ์และมีเสื้อผ้าดีๆ

องค์พระผู้เป็นเจ้า

24 ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะทรงทิ้งโลกให้ร้าง
และทำให้มันย่อยยับ
พระองค์จะทรงทำลายพื้นผิวของโลก
ทำให้ผู้อยู่อาศัยกระจัดกระจายไป
ทุกคนจะเหมือนกันหมด
ไม่ว่าประชาชนหรือปุโรหิต
ไม่ว่านายหรือบ่าว
ไม่ว่านายหญิงหรือสาวใช้
ไม่ว่าผู้ซื้อหรือผู้ขาย
ไม่ว่าเจ้าหนี้หรือลูกหนี้
ไม่ว่าผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม
โลกจะว่างเปล่า
และยับเยินอย่างสิ้นเชิง
            องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสถ้อยคำเหล่านี้

โลกก็เหือดแห้งและโรยรา
พิภพก็ซบเซาและเหี่ยวเฉา
ผู้สูงศักดิ์ของโลกก็อ่อนระโหย
โลกนี้สกปรกโสมมเพราะผู้คนที่อยู่ในโลก
พวกเขาไม่เชื่อฟังบทบัญญัติ
ละเมิดกฎเกณฑ์
และฝ่าฝืนพันธสัญญานิรันดร์
ฉะนั้นคำสาปแช่งจึงล้างผลาญโลก
ชาวพิภพต้องรับโทษความผิดของตน
ฉะนั้นผู้อาศัยอยู่ในโลกจึงถูกเผาผลาญ
และรอดชีวิตอยู่ไม่กี่คน
เหล้าองุ่นใหม่ก็เหือดแห้ง และเถาองุ่นก็เหี่ยวเฉา
บรรดาผู้ให้ความบันเทิงได้แต่โอดครวญ
เสียงสนุกสนานร่าเริงของรำมะนาเงียบไป
เสียงบันเทิงยุติลง
เสียงพิณไพเราะก็เงียบไป
ไม่มีการจิบเหล้าเคล้าเสียงเพลงอีกแล้ว
สุราก็ขมแก่ผู้ดื่ม
10 นครอันล่มจมก็เริศร้าง
ทางเข้าบ้านทุกหลังถูกปิดไม่ให้ใครเข้า
11 ตามท้องถนน ผู้คนร้องหาเหล้าองุ่น
ความยินดีกลายเป็นความหม่นหมอง
ความรื่นเริงบันเทิงใจถูกกำจัดไปจากโลก
12 นครนั้นตกอยู่ในสภาพปรักหักพัง
ประตูเมืองถูกทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
13 โลกและชนชาติต่างๆ
จะเป็นเช่นนั้น
เหมือนต้นมะกอกที่ถูกฟาด
หรือเหมือนเศษเล็กเศษน้อยที่ยังเหลืออยู่หลังเก็บองุ่น

14 คนหยิบมือที่เหลือจะโห่ร้องอย่างชื่นบาน
และจะประกาศพระบารมีขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากแถบตะวันตก
15 ดังนั้นคนทางตะวันออกจงถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
จงเทิดทูนพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
บนเกาะต่างๆ ในทะเล
16 จากสุดโลกเราได้ยินเพลงขับร้องว่า
“พระเกียรติสิริจงมีแด่องค์ทรงธรรม”

แต่ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าหมดแรง ข้าพเจ้าหมดแรง!
วิบัติแก่ข้าพเจ้า!
มีคนคิดคดทรยศ
และก่อการกบฏ!”
17 ชาวโลกเอ๋ย
ความสยดสยอง หลุมพราง และกับดักคอยท่านอยู่
18 ใครก็ตามที่เตลิดหนีเมื่อได้ยินเสียงสยดสยอง
จะตกลงในหลุมพราง
ใครก็ตามที่ปีนออกมาจากหลุมพราง
จะติดบ่วงแร้ว

ประตูน้ำของสวรรค์ก็เปิดออก
รากฐานของโลกถูกเขย่า
19 โลกทลายล่มจม
แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ถูกเขย่าสั่นคลอน
20 โลกโซซัดโซเซเหมือนคนเมา
มันพะเยิบพะยาบเหมือนเพิงกลางพายุ
โทษกบฏของโลกหนักหนาสาหัส
จนทำให้มันล้มลงและไม่อาจลุกขึ้นได้อีกเลย

21 ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลงโทษ
บรรดาอำนาจในฟ้าสวรรค์เบื้องบน
และบรรดากษัตริย์ในโลกเบื้องล่าง
22 พวกเขาจะถูกคุมตัวรวมกัน
เหมือนนักโทษที่ถูกขังไว้ในคุกใต้ดิน
พวกเขาจะถูกจองจำไว้
และหลังจากนั้นหลายวันก็ถูกลงโทษ[i]
23 ดวงจันทร์จะอับแสง ดวงอาทิตย์จะอดสู
เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะทรงครอบครอง
เหนือภูเขาศิโยนและในเยรูซาเล็ม
และทรงครอบครองด้วยพระเกียรติสิริต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโส

สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

25 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะยกย่องเทิดทูนพระองค์และสรรเสริญพระนามของพระองค์
เพราะพระองค์ทรงทำการมหัศจรรย์
ตามที่ทรงดำริไว้นานมาแล้ว
ด้วยความซื่อสัตย์อันบริบูรณ์
พระองค์ทรงทำให้นครนั้นกลายเป็นซากปรักหักพัง
เมืองป้อมปราการพังพินาศ
ที่มั่นของชนต่างชาติล่มจมแล้ว
ไม่อาจสร้างขึ้นมาใหม่ได้เลย
ดังนั้นชนชาติที่เข้มแข็งจะเทิดพระเกียรติพระองค์
ประชาชาติที่อำมหิตจะยำเกรงพระองค์
พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของผู้ยากไร้
เป็นที่พักพิงสำหรับคนขัดสนซึ่งอยู่ในความทุกข์
เป็นป้อมกำบังจากพายุ
เป็นร่มเงาหลบความร้อน
เพราะลมหายใจเข้าออกของคนอำมหิต
เหมือนพายุที่พัดกระหน่ำกำแพง
และเหมือนความร้อนระอุของถิ่นกันดาร
พระองค์ทรงสยบการขู่คำรามของคนต่างชาติ
เหมือนเงาเมฆบรรเทาความร้อนระอุ
แล้วบทเพลงของคนอำมหิตก็เงียบลง

พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะจัดเตรียมงานเลี้ยงใหญ่บนภูเขาแห่งนี้
สำหรับชนชาติทั้งปวง
งานเลี้ยงซึ่งมีเหล้าองุ่น
และเนื้อชั้นเยี่ยม
บนภูเขาแห่งนี้พระองค์จะทรงขจัดผ้าคลุมหน้า
ซึ่งห่อหุ้มชนชาติทั้งปวง
และขจัดม่านซึ่งคลุมมวลประชาชาติ
พระองค์จะทรงกลืนความตายไปชั่วนิรันดร์
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงซับหยาดน้ำตาจากทุกใบหน้า
และจะทรงขจัดความอัปยศอดสูของประชากรของพระองค์
ออกไปจากแผ่นดินโลก
            องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

ในวันนั้นพวกเขาจะกล่าวว่า

“แน่นอน นี่คือพระเจ้าของเรา
เราวางใจพระองค์ และพระองค์ทรงช่วยเรา
นี่คือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราวางใจในพระองค์
ให้เรามาชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์ในความรอดที่พระองค์ประทานเถิด”

10 พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะวางลงบนภูเขาแห่งนี้
ส่วนโมอับจะถูกเหยียบย่ำ
เหมือนฟางถูกเหยียบลงในหลุมมูลสัตว์
11 พวกเขาจะกางมือออกในหลุมนั้น
เหมือนคนว่ายน้ำที่เหยียดแขนออกว่าย
พระเจ้าจะทรงสยบความเย่อหยิ่งของเขา
ไม่ว่าเขาจะทำการอย่างชาญฉลาด[j]เพียงใดก็ตาม
12 พระองค์จะทรงทลายกำแพงสูงตระหง่านของเจ้าลงมา
ทรงทำให้มันตกต่ำ
พระองค์จะทรงทำให้มันราบลงกับพื้น
คลุกธุลีดิน

บทเพลงสรรเสริญ

26 ในวันนั้นทั่วแดนยูดาห์จะร้องเพลงบทนี้ว่า

เรามีเมืองแข็งแกร่งเมืองหนึ่ง
พระเจ้าทรงทำให้ความรอด
เป็นกำแพงและเชิงเทินของมัน
เปิดประตูเถิด
เพื่อชนชาติที่ชอบธรรม
ซึ่งรักษาความเชื่อไว้จะได้เข้ามา
จิตใจที่แน่วแน่นั้น
พระองค์จะทรงปกป้องไว้ในสันติภาพอันสมบูรณ์
เพราะเขาไว้วางใจในพระองค์
จงวางใจองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป
เพราะพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระศิลานิรันดร์
พระองค์ทรงทำให้คนที่อยู่สูงตกต่ำลง
ทรงดึงนครที่ยโสโอหังลงมา
พระองค์ทรงปราบมันให้ราบคาบ
และทรงเหวี่ยงมันลงมาคลุกฝุ่น
เท้าของผู้ยากไร้
และผู้ถูกข่มเหง
ก็เหยียบย่ำมัน

หนทางของคนชอบธรรมราบเรียบ
ข้าแต่องค์ผู้เที่ยงธรรม พระองค์ทรงทำให้วิถีของคนชอบธรรมราบรื่น
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายรอคอยพระองค์
โดยดำเนินอยู่ในทางแห่งบทบัญญัติของพระองค์[k]
พระนามและกิตติศัพท์ของพระองค์
เป็นความปรารถนาในใจของข้าพระองค์ทั้งหลาย
ยามค่ำคืนจิตวิญญาณของข้าพระองค์โหยหาพระองค์
ยามเช้าจิตวิญญาณของข้าพระองค์ใฝ่หาพระองค์
เมื่อคำพิพากษาของพระองค์มายังโลก
ชาวโลกจึงได้เรียนรู้ความชอบธรรม
10 แม้ทรงแสดงพระคุณแก่คนชั่วร้าย
พวกเขาก็ไม่ได้เรียนรู้ความชอบธรรม
แม้ในดินแดนแห่งความเที่ยงธรรม พวกเขาก็ยังคงทำชั่วต่อไป
และไม่คำนึงถึงพระบารมีขององค์พระผู้เป็นเจ้า
11 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเงื้อพระหัตถ์ของพระองค์ขึ้นสูง
แต่พวกเขาไม่เห็น
ขอทรงให้พวกเขาเห็นพระทัยอันกระตือรือร้นที่ทรงมีต่อประชากรของพระองค์ แล้วเขาจะได้ละอายอดสู
ขอให้ไฟที่ทรงสงวนไว้สำหรับเหล่าศัตรูเผาผลาญพวกเขา

12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานสันติสุขแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย
สิ่งสารพัดที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำสำเร็จ พระองค์ทรงเป็นผู้กระทำเพื่อข้าพระองค์ทั้งหลาย
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย แม้เคยมีเจ้านายอื่นๆ ปกครองข้าพระองค์ทั้งหลาย
แต่ข้าพระองค์ทั้งหลายเทิดทูนพระนามของพระองค์เท่านั้น
14 บัดนี้เขาเหล่านั้นตายแล้ว ไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป
วิญญาณที่จากไปไม่ได้กลับมาอีก
พระองค์ทรงลงโทษและนำพวกเขาไปสู่หายนะ
ทรงกวาดล้างทุกอย่างที่เป็นอนุสรณ์ของพวกเขา
15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเพิ่มพูนประชากร
พระองค์ทรงขยายประเทศชาติ
พระองค์ทรงได้รับพระเกียรติสิริของพระองค์
พระองค์ได้ทรงขยายพรมแดนของแผ่นดิน

16 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขามาหาพระองค์ยามทุกข์ลำเค็ญ
เมื่อทรงตีสั่งสอนพวกเขา พวกเขาก็ทุกข์จนแทบอธิษฐานไม่ออก[l]
17 ดั่งหญิงมีครรภ์ใกล้คลอด
บิดกาย กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้นต่อหน้าพระองค์
18 เหล่าข้าพระองค์เจ็บท้อง ทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด
แต่ก็เบ่งออกมาได้แต่ลม
ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้นำความรอดมาสู่โลก
และไม่ได้ให้กำเนิดมวลมนุษย์

19 แต่ผู้ที่เป็นของพระองค์ แม้ตายแล้วจะยังมีชีวิตอยู่
ร่างกายของเขาจะลุกขึ้นมา
ท่านผู้นอนอยู่ในฝุ่นธุลี
จงลุกขึ้นและโห่ร้องยินดี
น้ำค้างสำหรับท่านเหมือนน้ำค้างยามเช้า
โลกจะให้ชีวิตแก่ผู้ที่ตายแล้ว

20 ประชากรของข้าเอ๋ย จงเข้าไปในห้องของพวกท่านเถิด
แล้วปิดประตู
ซ่อนตัวอยู่สักระยะหนึ่ง
จนกว่าพระพิโรธของพระองค์ผ่านพ้นไป
21 ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังเสด็จออกมาจากที่ประทับของพระองค์
เพื่อลงโทษชาวโลกเพราะบาปของพวกเขา
โลกจะเผยโลหิตซึ่งหลั่งนอง
และจะไม่ซ่อนผู้ที่ถูกเข่นฆ่าไว้อีกต่อไป

การกอบกู้อิสราเอล

27 ในวันนั้น

องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้พระแสงดาบ อันยิ่งใหญ่และทรงอานุภาพลงโทษเลวีอาธาน
เจ้าพญานาคที่เลื้อยปราดอย่างรวดเร็ว
เจ้างูใหญ่ที่ขดตัวอยู่
พระองค์จะทรงสังหารเจ้าสัตว์ร้ายมหึมาแห่งท้องทะเล

ในวันนั้น

“จงร้องเพลงเกี่ยวกับสวนองุ่นที่มีผลดกดังนี้ว่า
เราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าดูแลสวนนั้น
เรารดน้ำให้ตลอดเวลา
เฝ้าดูทั้งวันทั้งคืน
ไม่ยอมให้ใครมาทำอันตราย
เราไม่โกรธ
แต่ถ้ามีหนามใหญ่น้อยออกมาให้เห็น!
เราจะไปรบรากับมัน
และเผามันทิ้ง
หรือไม่ก็ให้มันมาพักพิงเรา
ให้มาเจรจาสันติภาพกับเรา
ให้มาเจรจาสันติภาพกับเรา”

ในภายภาคหน้ายาโคบจะหยั่งราก
อิสราเอลจะผลิตาและผลิดอกบาน
และออกผลทั่วโลก

พระองค์ทรงลงโทษอิสราเอล
เหมือนที่ทรงลงโทษศัตรูของเขาหรือ?
อิสราเอลถูกฆ่า
เหมือนคนที่ฆ่าอิสราเอลถูกฆ่าหรือ?
พระองค์ทรงลงโทษอิสราเอลด้วยสงคราม[m]และการเนรเทศ
ทรงขับไล่เขาออกไปด้วยความเกรี้ยวกราด
เหมือนวันที่ลมตะวันออกพัด
โดยการนี้ ความผิดของยาโคบจะได้รับการลบล้างไป
และนี่จะเป็นการกำจัดบาปของเขาอย่างสิ้นเชิง
พระองค์ทรงทำให้หินแท่นบูชา
เป็นเหมือนหินชอล์กที่ถูกบดละเอียด
ไม่มีเสาเจ้าแม่อาเชราห์[n]หรือแท่นเครื่องหอม
เหลืออยู่อีกเลย
10 เมืองป้อมปราการก็ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ถูกทิ้งร้างว่างเปล่าเหมือนถิ่นกันดาร
วัวกินหญ้าอยู่ที่นั่น
มันเอนตัวลง
เคี้ยวกิ่งไม้จนโล่งเตียน
11 เมื่อง่ามไม้แห้ง มันก็หัก
พวกผู้หญิงก็มาเก็บไปทำฟืน
เพราะชนชาตินี้ไม่มีความเข้าใจ
ฉะนั้นพระผู้สร้างของพวกเขาจึงไม่เอ็นดูสงสารเขา
พระองค์ผู้ทรงสร้างพวกเขาไม่แสดงความโปรดปรานต่อพวกเขา

12 ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนวดเอาข้าวตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติสถึงลำน้ำแห่งอียิปต์ และชนชาติอิสราเอลเอ๋ย ท่านจะถูกรวบรวมมาทีละคนๆ 13 ในวันนั้นจะมีการเป่าแตรใหญ่ หลายคนที่กำลังจะพินาศในอัสซีเรียและผู้ที่ถูกเนรเทศไปอียิปต์จะกลับมานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในเยรูซาเล็ม

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.