Chronological
คำพยากรณ์กล่าวโทษบาบิโลน
13 พระดำรัสเกี่ยวกับบาบิโลนซึ่งอิสยาห์บุตรอาโมศได้รับ
2 จงชูธงขึ้นเหนือยอดเขาหัวโล้น
จงร้องเรียกพวกเขา
จงส่งสัญญาณให้พวกเขา
เข้ามาทางประตูของบรรดาเจ้านาย
3 เราได้ออกคำสั่งแก่วิสุทธิชนของเรา
เราเรียกชุมนุมเหล่านักรบผู้ปีติยินดีในชัยชนะของเรา
ให้เป็นผู้ลบล้างโทสะของเรา
4 ฟังสิ เสียงอึกทึกบนภูเขา
ดั่งเสียงมหาชนล้นหลาม!
ฟังสิ เสียงครึกโครมในหมู่อาณาจักร
ดั่งเสียงชุมนุมประชาชาติ!
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
ทรงกรีธาทัพมาเพื่อทำศึก
5 พวกเขามาจากดินแดนไกลโพ้น จากสุดขอบฟ้า
คือองค์พระผู้เป็นเจ้าและอาวุธแห่งพระพิโรธของพระองค์
เพื่อทำลายดินแดนทั้งหมด
6 จงร้องไห้เถิด เพราะวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว
วันนั้นจะมาถึงดั่งหายนะจากองค์ทรงฤทธิ์
7 ด้วยเหตุนี้แขนทุกแขนจะอ่อนปวกเปียก
หัวใจทุกดวงจะระทดท้อ
8 ความหวาดกลัวจะจู่โจมพวกเขา
ความปวดร้าวและทุกข์ทรมานจะเกาะกุมพวกเขา
พวกเขาจะทุรนทุรายดั่งผู้หญิงเจ็บท้องใกล้คลอด
พวกเขาจะมองตากัน
ใบหน้าแดงก่ำ
9 ดูเถิด วันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามา
เป็นวันหฤโหด มาพร้อมกับความกริ้วและพระพิโรธอันรุนแรง
เพื่อทำให้ดินแดนนั้นเริศร้าง
และทำลายคนบาปทั้งปวงซึ่งอยู่ที่นั่น
10 เหล่าดวงดาวบนท้องฟ้าและหมู่ดาว
จะไม่ฉายแสง
ดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นจะถูกดับ
และดวงจันทร์จะไม่ทอแสง
11 เราจะลงโทษโลกเพราะความชั่วร้าย
ลงโทษคนชั่วเพราะบาปของพวกเขา
เราจะยุติความเย่อหยิ่งของคนทะนง
และจะทำให้ความอหังการของคนอำมหิตต่ำลง
12 เราจะทำให้มนุษย์หายากยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์
หายากยิ่งกว่าทองคำของเมืองโอฟีร์
13 ดังนั้นเราจะทำให้ฟ้าสวรรค์สั่นสะท้าน
และโลกจะกระเด็นจากที่ตั้งของมัน
โดยพระพิโรธของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
ในวันแห่งพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์
14 แต่ละคนจะหันกลับไปหาพี่น้องร่วมชาติ
จะหนีกลับไปบ้านเกิดเมืองนอน
ดั่งละมั่งที่ถูกล่า
ดั่งแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง
15 ใครที่ถูกจับเป็นเชลยจะถูกแทงทะลุ
ทุกคนที่ถูกจับได้จะล้มตายด้วยดาบ
16 ลูกเล็กเด็กแดงของพวกเขาจะถูกจับฟาดจนแหลกเป็นชิ้นๆ ต่อหน้าต่อตา
บ้านของพวกเขาจะถูกปล้น และภรรยาจะถูกข่มขืน
17 ดูเถิด เราจะเร่งเร้าชาวมีเดีย
ผู้ไม่แยแสเงินและไม่ใส่ใจทอง
มาต่อสู้กับพวกเขา
18 ธนูของเขาจะสังหารพวกคนหนุ่ม
เขาจะไม่ปรานีเด็กอ่อน
หรือเวทนาสงสารผู้เยาว์
19 บาบิโลน มณีแห่งอาณาจักรทั้งหลาย
ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของชาวบาบิโลน[a]
จะถูกพระเจ้าล้มล้าง
เหมือนเมืองโสโดมและโกโมราห์
20 ตลอดทุกชั่วอายุจะไม่มีใครมาตั้งรกรากอีกต่อไป
ไม่มีใครมาอาศัยตลอดทุกชั่วอายุ
ไม่มีชาวอาหรับมาตั้งเต็นท์
ไม่มีคนเลี้ยงแกะพาฝูงแกะมาพักอีก
21 แต่สัตว์ป่าแห่งถิ่นทะเลทรายจะนอนอยู่ที่นั่น
บ้านเรือนทั้งหลายจะเต็มไปด้วยหมาใน
นกเค้าแมวจะอาศัยอยู่ที่นั่น
ที่นั่นแพะป่าจะโลดเต้นไปมา
22 บรรดาหมาป่าไฮยีน่าจะเห่าหอนอยู่ในป้อมปราการ
เหล่าหมาในอยู่ในปราสาทราชวังอันโอ่อ่าของเมืองนั้น
กำหนดเวลาของมันใกล้เข้ามาแล้ว
และไม่มีการยืดเวลาออกไปอีก
14 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเอ็นดูสงสารยาโคบ
พระองค์จะทรงเลือกสรรอิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง
และจะนำพวกเขากลับมาตั้งถิ่นฐานในแผ่นดินของพวกเขา
ชนต่างชาติจะมาสมทบ
และเข้าร่วมกับวงศ์วานของยาโคบ
2 ประชาชาติต่างๆ จะรับ
และนำพวกเขากลับคืนถิ่น
วงศ์วานอิสราเอลจะครอบครองประชาชาติต่างๆ
ซึ่งจะเป็นผู้รับใช้ชายหญิงในแผ่นดินขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ที่จับอิสราเอลเป็นเชลยจะตกเป็นเชลยของอิสราเอล
และอิสราเอลจะปกครองผู้ที่เคยกดขี่ข่มเหงพวกเขา
3 ในวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้เจ้าพ้นจากความทุกข์ทรมาน ความชุลมุนวุ่นวาย และพันธนาการอันโหดร้าย 4 เจ้าจะเย้ยหยันกษัตริย์บาบิโลนดังนี้ว่า
ผู้กดขี่ข่มเหงมาถึงจุดจบได้อย่างไรหนอ!
ความเกรี้ยวกราดของเขาสิ้นสุดลงได้อย่างไร!
5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหักไม้เรียวของคนชั่วร้าย
ทรงหักคทาของผู้ครอบครอง
6 ซึ่งกระหน่ำตีชาติต่างๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
ด้วยแรงโทสะ
และปราบนานาประเทศ
ด้วยการจู่โจมอย่างอำมหิต
7 ดินแดนทั้งปวงก็หยุดพักและสงบสุข
พวกเขาเปล่งเสียงร้องเพลง
8 แม้แต่ต้นสนต่างๆ และสนซีดาร์แห่งเลบานอน
ก็เปรมปรีดิ์และกล่าวว่า
“เดี๋ยวนี้เจ้าตกต่ำแล้ว
ก็ไม่มีคนตัดไม้มาโค่นเรา”
9 แดนมรณะเบื้องล่าง
ลุกขึ้นต้อนรับเจ้า
มันปลุกวิญญาณของบรรดาผู้ที่จากไปให้มาทักทายเจ้า
คือผู้ที่เคยเป็นผู้นำของโลก
มันทำให้เหล่ากษัตริย์ผู้เคยปกครองเหนือบรรดาประชาชาติ
ลุกขึ้นมาจากบัลลังก์ของพวกเขา
10 พวกเขาจะร้องออกมา
เป็นเสียงเดียวกันว่า
“บัดนี้ท่านก็อ่อนแอเหมือนพวกเรา
ท่านกลับกลายเป็นเหมือนเรา”
11 ความลำพองของเจ้าลงไปในหลุม
พร้อมกับเสียงพิณของเจ้า
หนอนยั้วเยี้ยอยู่ใต้ร่างของเจ้า
และไส้เดือนปกคลุมตัวเจ้า
12 โอ ดาวประจำรุ่ง โอรสแห่งรุ่งอรุณ!
เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วสิหนา
ครั้งหนึ่งเจ้าเคยปราบประชาชาติต่างๆ ให้ตกต่ำ
แต่บัดนี้เจ้าถูกเหวี่ยงทิ้งลงมายังโลกเสียแล้ว!
13 เจ้ารำพึงว่า
“เราจะขึ้นไปสวรรค์
เราจะยกบัลลังก์ของเราขึ้น
เหนือดวงดาราทั้งปวงของพระเจ้า
เราจะครอบครองเหนือภูเขาแห่งการชุมนุม
บนยอดสูงสุดของภูเขาศักดิ์สิทธิ์[b]
14 เราจะขึ้นไปเหนือเมฆ
เราจะตีเสมอองค์ผู้สูงสุด”
15 แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่หลุมฝังศพ
มาสู่ห้วงเหวลึก
16 บรรดาผู้ที่เห็นเจ้าก็จ้องมอง
และใคร่ครวญชะตาของเจ้าว่า
“นี่หรือผู้เขย่าโลก
และทำให้อาณาจักรต่างๆ สั่นสะท้าน?
17 นี่หรือผู้ที่ทำให้โลกเป็นถิ่นกันดาร
ผู้ล้มล้างนครต่างๆ
และไม่ยอมปล่อยเชลยกลับคืนถิ่น?”
18 บรรดากษัตริย์ชาติต่างๆ
นอนอยู่ในหลุมฝังศพของตนอย่างสมเกียรติ
19 แต่ร่างของเจ้าถูกเหวี่ยงทิ้งออกมา
เหมือนกิ่งไม้หัก
ถูกทับถมด้วยร่างของคนที่ถูกฆ่า
ผู้ตายด้วยคมดาบ
ผู้ลงไปสู่พื้นหินของเหว
ดั่งศพที่ถูกเหยียบย่ำ
20 เจ้าจะไม่ได้รับการฝังศพอย่างพวกเขา
เพราะเจ้าได้ทำลายล้างดินแดนของเจ้า
และเข่นฆ่าประชากรของเจ้า
ลูกหลานของคนชั่วร้าย
จะไม่ถูกเอ่ยถึงอีกเลย
21 จงเตรียมที่สำหรับประหารลูกๆ ของเขา
เพราะบาปของบรรพบุรุษ
พวกเขาไม่ได้ขึ้นมาครอบครองดินแดนนั้น
ไม่ได้สร้างเมืองบนแผ่นดินโลก
22 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศว่า
“เราจะลุกขึ้นมาต่อสู้พวกเขา
เราจะตัดชื่อคนที่เหลืออยู่
ทั้งเชื้อสายและวงศ์วานออกจากบาบิโลน”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
23 “เราจะทำให้บาบิโลนกลับกลายเป็นถิ่นนกเค้าแมว
เต็มไปด้วยหนองบึงและปลักโคลน
เราจะกวาดดินแดนนี้ด้วยไม้กวาดแห่งหายนะ”
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น
คำพยากรณ์กล่าวโทษอัสซีเรีย
24 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ทรงปฏิญาณไว้ว่า
“เราวางแผนไว้อย่างไร มันจะเป็นอย่างนั้นแน่นอน
และเราประสงค์อย่างไร มันจะเกิดขึ้นตามนั้น
25 เราจะขยี้ทัพอัสซีเรียในดินแดนของเรา
เราจะเหยียบเขาลงที่ภูเขาของเรา
เราจะกำจัดแอกจากประชากรของเรา
และขจัดภาระจากบ่าของพวกเขา”
26 นี่เป็นแผนการที่กำหนดไว้สำหรับโลกทั้งโลก
นี่คือพระหัตถ์ซึ่งเงื้อขึ้นเหนือประชาชาติทั้งปวง
27 เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ได้ทรงกำหนดไว้ ใครเล่าจะพลิกผันได้?
พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ออกมา ใครเล่าจะทำให้พระองค์ทรงหดพระหัตถ์กลับไป?
คำพยากรณ์กล่าวโทษฟีลิสเตีย
28 ในปีที่กษัตริย์อาหัสสิ้นพระชนม์ มีพระดำรัสจากพระเจ้าดังนี้ว่า
29 ชาวฟีลิสเตียทั้งปวงเอ๋ย อย่ากระหยิ่มยิ้มย่อง
ว่าไม้เรียวที่ฟาดเจ้านั้นหักแล้ว
จากรากเหง้าของงูตัวนั้นจะเกิดงูพิษ
เป็นงูเห่าพิษร้ายซึ่งแว้งกัด
30 ผู้ยากไร้ที่สุดจะพบทุ่งหญ้า
และคนขัดสนจะเอนกายลงอย่างปลอดภัย
แต่เราจะทำลายล้างรากเหง้าของเจ้าด้วยการกันดารอาหาร
ซึ่งจะผลาญชีวิตพวกเจ้าที่เหลือรอด
31 ประตูเมืองเอ๋ย จงร้องไห้เถิด! นครเอ๋ย จงคร่ำครวญเถิด!
ชาวฟีลิสเตียทั้งปวง จงกลัวจนหัวหดไป!
ควันโขมงขึ้นจากทิศเหนือ
และแถวต่างๆ ที่ดาหน้าเข้ามาไม่มีล้าหลังสักคนเดียว
32 จะตอบทูตของประชาชาตินั้นว่าอย่างไร?
ก็ว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสถาปนาศิโยนไว้
และคนที่ทุกข์ลำเค็ญในเมืองนั้นจะพบที่พักพิง”
คำพยากรณ์กล่าวโทษโมอับ(A)
15 พระดำรัสเกี่ยวกับโมอับมีดังนี้
นครอาร์ในโมอับถูกทำลาย
ย่อยยับในคืนเดียว!
นครคีร์ในโมอับถูกทำลาย
ย่อยยับในคืนเดียว!
2 ดีโบนขึ้นไปยังวิหาร
ขึ้นไปบนที่สูงทั้งหลายเพื่อร่ำไห้
โมอับไว้อาลัยให้เนโบและเมเดบา
ทุกคนโกนศีรษะเลี่ยน
ทุกคนโกนหนวดเคราเกลี้ยง
3 ตามท้องถนน ผู้คนสวมผ้ากระสอบ
บนหลังคาและตามลานเมือง
ทุกคนร้องคร่ำครวญ
และหมอบร่ำไห้
4 เฮชโบนและเอเลอาเลห์ส่งเสียงร้อง
ได้ยินไปไกลถึงยาฮาส
ฉะนั้นพลรบของโมอับร้องออกมา
และหัวใจก็ระทดท้อ
5 ดวงใจของเราร่ำไห้ให้กับโมอับ
ผู้ลี้ภัยของเขาเตลิดหนีไปไกลถึงโศอาร์
ไกลถึงเอกลัทเชลีชิยาห์
พวกเขาขึ้นไปตามทางสู่ลูฮีท
ไปพลางร้องไห้พลาง
พวกเขาคร่ำครวญเกี่ยวกับความย่อยยับของตน
ไปตลอดทางสู่โฮโรนาอิม
6 ลำน้ำนิมริมแห้งเหือด
และหญ้าก็เหี่ยวเฉา
พืชพันธุ์หมดสิ้น
และไม่มีความเขียวขจีเหลืออยู่
7 ดังนั้นทรัพย์สินที่พวกเขาหามาได้และเก็บสะสมไว้
พวกเขาก็แบกข้ามลำห้วยของหมู่ต้นปอปลาร์ไป
8 เสียงร้องของพวกเขาดังก้องไปตลอดชายแดนโมอับ
เสียงโอดครวญของพวกเขาไปไกลถึงเอกลาอิม
เสียงคร่ำครวญหวนไห้ดังไปถึงเบเออร์เอลิม
9 ห้วงน้ำของดีโมน[c]จะแดงฉานไปด้วยเลือด
แต่เรายังจะลงมือกับดีโมนต่อไปอีก
สิงโตตัวหนึ่งจะตามล่าทั้งผู้ลี้ภัยชาวโมอับ
และไล่ล่าผู้ที่ยังอยู่ในดินแดน
16 จงส่งลูกแกะมาเป็นเครื่องบรรณาการ
แด่ผู้ครอบครองดินแดน
ส่งมาจากเสลา ข้ามถิ่นกันดาร
มายังภูเขาของธิดาแห่งศิโยน[d]
2 บรรดาผู้หญิงของโมอับ
ถูกปล่อยไว้ริมตลิ่งของแม่น้ำอารโนน
เหมือนนกกระพือปีก
ซึ่งถูกผลักจากรัง
3 “โปรดให้คำปรึกษา
และช่วยตัดสินใจ
ในยามเที่ยงวันโปรดให้ร่มเงา
ดั่งยามค่ำคืน
โปรดให้ที่ซ่อนแก่ผู้หนีภัย
อย่าทรยศหักหลังผู้ลี้ภัย
4 ขอให้ผู้ลี้ภัยชาวโมอับพักอยู่กับท่าน
ขอเป็นที่พักพิงให้พวกเขาพ้นจากผู้ทำลาย”
ผู้กดขี่จะถึงจุดจบ
และความพินาศย่อยยับจะยุติลง
ผู้กดขี่ข่มเหงจะหมดสิ้นไปจากดินแดน
5 ราชบัลลังก์หนึ่งจะได้รับการสถาปนาขึ้นด้วยความรัก
ผู้หนึ่งจากวงศ์วานของดาวิด
จะนั่งบนบัลลังก์นั้นด้วยความซื่อสัตย์
เป็นผู้ตัดสินอย่างยุติธรรม
และส่งเสริมความชอบธรรม
6 เราได้ยินถึงความหยิ่งทะนงของโมอับ
ความอวดดี ความจองหอง
ความเย่อหยิ่ง และความโอหัง
แต่คำโอ้อวดของโมอับก็ว่างเปล่า
7 ฉะนั้นชาวโมอับจึงพากันร่ำไห้ให้กับแผ่นดินโมอับ
และร้องไห้คร่ำครวญให้แก่ผู้คน[e]ของคีร์หะเรเสท
8 ท้องทุ่งแห่งเฮชโบนก็เหี่ยวเฉา
เช่นเดียวกับเถาองุ่นของสิบมาห์
บรรดาผู้ครอบครองชาติต่างๆ
ได้เหยียบย่ำเถาองุ่นที่ดีที่สุด
ซึ่งครั้งหนึ่งเคยงอกงามไปถึงยาเซอร์
แพร่ขยายไปถึงถิ่นกันดาร
แตกหน่อผลิผล
ไปไกลถึงทะเล
9 ฉะนั้นเราจึงร่ำไห้เหมือนที่ยาเซอร์ร่ำไห้
ให้กับเถาองุ่นแห่งสิบมาห์
เฮชโบนเอ๋ย เอเลอาเลห์เอ๋ย
เราหลั่งน้ำตาให้เจ้าจนเปียกชุ่ม!
เสียงโห่ร้องยินดีเมื่อรวบรวมผลไม้สุกงอม
และเมื่อเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหารของเจ้านั้นก็เงียบไปแล้ว
10 ความรื่นเริงยินดีสูญสิ้นไปจากสวนผลไม้
ไม่มีใครร้องเพลงหรือโห่ร้องในไร่องุ่น
ไม่มีใครย่ำองุ่นที่บ่อย่ำเหล้าองุ่นอีกต่อไป
เพราะเราได้ยุติเสียงโห่ร้องนั้นแล้ว
11 ดวงใจของเราคร่ำครวญเพื่อโมอับดั่งเสียงพิณ
ส่วนลึกของจิตใจอาลัยคีร์หะเรเสท
12 เมื่อโมอับขึ้นไปยังสถานบูชาบนที่สูง
ก็เหนื่อยเปล่า
เมื่อขึ้นไปสวดวิงวอนที่เทวสถาน
ก็เปล่าประโยชน์
13 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสเกี่ยวกับโมอับไว้เช่นนี้แหละ 14 บัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ภายในสามปี ตามปีของสัญญาว่าจ้างแรงงาน ความโอ่อ่าตระการและประชากรทั้งปวงของโมอับจะถูกเหยียดลง และผู้ที่รอดชีวิตอยู่ก็มีน้อยคนและอ่อนระโหยโรยแรง”
พระดำรัสกล่าวโทษดามัสกัส
17 พระดำรัสเกี่ยวกับดามัสกัสมีดังนี้ว่า
“ดูเถิด ดามัสกัสจะไม่เป็นนครอีกต่อไป
แต่จะกลายเป็นซากปรักหักพัง
2 นครต่างๆ ของอาโรเออร์จะถูกทิ้งร้าง
ทิ้งไว้ให้ฝูงแพะแกะซึ่งจะนอนลงที่นั่น
และไม่มีใครทำให้พวกมันตกใจกลัว
3 เมืองป้อมปราการจะสาบสูญไปจากเอฟราอิม
และอำนาจของดามัสกัสจะสิ้นสุดลง
ชนที่เหลืออยู่ของอารัมจะเป็นเหมือนศักดิ์ศรีของอิสราเอล”
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น
4 “ในวันนั้นศักดิ์ศรีของยาโคบจะโรยรา
ความอ้วนพีแห่งเรือนร่างของเขาจะหายไป
5 จะเป็นเหมือนเวลาที่มีคนมาเกี่ยวข้าวที่ชูรวง
และแขนของเขาโอบฟ่อนข้าวไว้
เหมือนเวลาที่คนเก็บเศษรวงข้าวที่ตกอยู่
ในหุบเขาเรฟาอิม
6 ถึงกระนั้นก็ยังมีบางส่วนเหลืออยู่
เหมือนเมื่อใช้ไม้ฟาดต้นมะกอก
ก็ยังมีเหลืออยู่สองสามผลบนยอดสูง
หรือสี่ห้าผลบนกิ่งผลดก”
พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ประกาศดังนั้น
7 ในวันนั้นคนทั้งหลายจะมุ่งมององค์พระผู้สร้างของตน
และหันมาจับตามองที่องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
8 พวกเขาจะไม่มุ่งมองแท่นบูชาต่างๆ
อันเป็นฝีมือสร้างของตน
พวกเขาจะไม่เคารพนับถือเสาเจ้าแม่อาเชราห์[f]
และแท่นเผาเครื่องหอมซึ่งตนสร้างขึ้นกับมือ
9 ในวันนั้นนครต่างๆ ที่เข้มแข็งซึ่งพวกเขาทิ้งไว้เพราะชาวอิสราเอลจะเป็นเหมือนที่ร้าง และมีพุ่มไม้น้อยใหญ่ขึ้นรกไปหมด และทุกสิ่งจะถูกทิ้งร้าง
10 เจ้าได้หลงลืมพระเจ้าองค์พระผู้ช่วยให้รอดของเจ้า
เจ้าไม่ได้ระลึกถึงพระศิลาผู้เป็นป้อมปราการของเจ้า
ฉะนั้นถึงแม้ว่าพวกเจ้าปลูกพืชพันธุ์ที่ดีที่สุด
และปลูกเถาองุ่นจากต่างแดน
11 แม้เจ้าทำให้มันงอกในวันเดียวกับที่เจ้าปลูกได้
และทำให้มันผลิตาในเช้าวันที่เจ้าลงต้นได้
ถึงอย่างนั้นก็จะไม่ได้เก็บเกี่ยวสิ่งใด
ในวันแห่งโรคภัยและความเจ็บปวดที่เกินเยียวยาได้
12 แน่ะ เสียงกระหึ่มของประชาชาติทั้งหลาย
กึกก้องดั่งทะเลคึกคะนอง!
เสียงคำรามของชนชาติต่างๆ ดังสนั่น
คล้ายกับทะเลคำราม!
13 แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาคำรามลั่นเหมือนเสียงน้ำบ่า
เมื่อพระเจ้าตรัสกำราบ พวกเขาก็หนีกระเจิดกระเจิง
เหมือนแกลบต้องลมบนเนินเขา
เหมือนหญ้าที่ถูกพายุพัดกระหน่ำ
14 ในยามเย็นมีความสยดสยองฉับพลัน!
ก่อนรุ่งสางพวกเขาก็จากไปแล้ว!
นี่คือส่วนของผู้ที่ปล้น
และแย่งชิงของของเราไป
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.