Chronological
กษัตริย์อาหัสแห่งยูดาห์(A)
28 เมื่ออาหัสขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุยี่สิบพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี พระองค์ไม่ได้ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่ดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษเคยทำ 2 แต่ทรงทำตามอย่างกษัตริย์ทั้งหลายของอิสราเอล ทั้งยังทรงหล่อรูปเคารพต่างๆ สำหรับบูชาพระบาอัล 3 อาหัสเผาเครื่องบูชาในหุบเขาเบนฮินโนม และนำโอรสของพระองค์มาเผาบูชายัญตามแบบอย่างอันน่าชิงชังของชนชาติต่างๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าชาวอิสราเอล 4 อาหัสถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมตามสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย บนเนินเขาต่างๆ และใต้ต้นไม้ใหญ่ทุกต้น
5 ฉะนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ทรงมอบอาหัสไว้ในมือของกษัตริย์แห่งอารัม ชาวอารัมเข้ามาพิชิตและจับประชาชนจำนวนมากไปเป็นเชลยที่ดามัสกัส
พระเจ้ายังทรงมอบอาหัสไว้ในมือของกษัตริย์อิสราเอลด้วย ทำให้ต้องสูญเสียกำลังพลมากมาย 6 ภายในวันเดียวเปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ฆ่าทหารยูดาห์ถึง 120,000 คน เพราะยูดาห์ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา 7 ศิครีนักรบจากเอฟราอิมสังหารมาอาเสอาห์โอรสของอาหัส อัสรีคัมเจ้ากรมวัง และอุปราชเอลคานาห์ 8 กองทัพอิสราเอลจับภรรยา บุตรชาย และบุตรสาวของญาติพี่น้องชาวยูดาห์สองแสนคนไปเป็นเชลย และยึดข้าวของจำนวนมากกลับไปสะมาเรีย
9 แต่โอเดดผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่นั่น และออกมาต้อนรับกองทัพซึ่งกลับมายังสะมาเรีย เขากล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านทรงพระพิโรธยูดาห์ จึงทรงมอบพวกเขาไว้ในมือพวกท่าน แต่ท่านได้สังหารพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมจนสะเทือนไปถึงฟ้าสวรรค์ 10 และบัดนี้ท่านตั้งใจจะจับตัวชายหญิงชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มเหล่านี้มาเป็นทาส พวกท่านไม่ได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านด้วยหรือ? 11 จงฟังข้าพเจ้า! จงส่งพี่น้องร่วมชาติที่ท่านจับมาเป็นเชลยกลับไป เพราะพระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตกอยู่แก่ท่านแล้ว”
12 ผู้นำบางคนของเอฟราอิมได้แก่ อาซาริยาห์บุตรเยโฮฮานัน เบเรคิยาห์บุตรเมชิลเลโมท เยฮิสคียาห์บุตรชัลลูม และอามาสาบุตรหัดลัย เผชิญหน้ากับพวกที่กลับมาจากการรบ 13 และกล่าวว่า “อย่านำพวกเชลยมาที่นี่ มิฉะนั้นเราจะมีความผิดต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจงใจจะเพิ่มบาปผิดของเราให้หนักขึ้นไปอีกหรือ? เพราะความผิดของเราก็หนักหนาอยู่แล้ว และพระพิโรธอันรุนแรงของพระเจ้าก็ตกแก่อิสราเอลแล้ว”
14 ดังนั้นพวกทหารจึงปล่อยเชลยและคืนข้าวของที่ริบมาต่อหน้าบรรดาเจ้าหน้าที่และประชากรทั้งปวง 15 คนทั้งสี่ที่เอ่ยนามมาแล้วนั้นก็แจกจ่ายเสื้อผ้าที่ยึดมาได้ให้แก่เชลยทุกคนที่เปลือยกายอยู่ ให้เสื้อผ้า รองเท้า อาหาร เครื่องดื่ม และยาสมานแผล คนที่อ่อนแอก็ให้นั่งบนหลังลา จากนั้นพวกเขานำเหล่าเชลยกลับไปหาพี่น้องร่วมชาติที่เยรีโคเมืองแห่งต้นอินทผลัม แล้วพวกเขากลับมายังสะมาเรีย
16 ครั้งนั้นกษัตริย์อาหัสส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์[a]อัสซีเรีย 17 ชาวเอโดมมารุกรานยูดาห์อีก และกวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลย 18 ขณะเดียวกันชาวฟีลิสเตียก็ปล้นเมืองต่างๆ แถบเชิงเขากับในเนเกบแห่งยูดาห์และยึดครองเมืองเบธเชเมช อัยยาโลน เกเดโรท โสโค ทิมนาห์ และกิมโซกับหมู่บ้านโดยรอบของเมืองเหล่านี้ 19 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้ยูดาห์ตกต่ำเนื่องจากกษัตริย์อาหัสแห่งอิสราเอล[b] เพราะอาหัสส่งเสริมความชั่วร้ายในยูดาห์ และไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างมากที่สุด 20 กษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์[c]แห่งอัสซีเรียมาหาพระองค์ก็จริง แต่มาสร้างความเดือดร้อนแทนที่จะช่วย 21 อาหัสทรงนำทรัพย์สิ่งของจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากพระราชวัง และจากเจ้านายองค์ต่างๆ มามอบให้แก่กษัตริย์อัสซีเรีย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
22 ในยามเดือดร้อนลำเค็ญเช่นนี้ กษัตริย์อาหัสยิ่งไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า 23 พระองค์ทรงถวายเครื่องบูชาแก่บรรดาเทพเจ้าแห่งดามัสกัสซึ่งรบชนะพระองค์ เพราะคิดว่า “พระเหล่านี้ได้ช่วยเหลือเหล่ากษัตริย์อารัม เราก็จะถวายเครื่องบูชาให้ด้วยเพื่อพระจะได้ช่วยเหลือเราบ้าง” แต่พระเหล่านี้คือหายนะของพระองค์กับอิสราเอลทั้งปวง
24 อาหัสทรงรวบรวมภาชนะต่างๆ จากพระวิหารของพระเจ้าและนำออกไป[d] ทรงปิดประตูพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า และตั้งแท่นบูชาไว้ทุกหัวมุมถนนในกรุงเยรูซาเล็ม 25 ทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงในทุกเมืองของยูดาห์ เพื่อเผาเครื่องบูชาแด่พระต่างๆ เป็นการยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพระองค์
26 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลและพระราชกิจทั้งปวงตั้งแต่ต้นจนจบมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล 27 อาหัสทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ พระศพถูกฝังไว้ในกรุงเยรูซาเล็ม แต่ไม่ใช่ในสุสานหลวงของกษัตริย์แห่งอิสราเอล แล้วเฮเซคียาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน
กษัตริย์อาหัสแห่งยูดาห์(A)
16 อาหัสโอรสกษัตริย์โยธามแห่งยูดาห์ขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่สิบเจ็ดของรัชกาลกษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ 2 ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุยี่สิบพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี อาหัสไม่ได้ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์เหมือนที่ดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษเคยทำ 3 แต่ทรงทำตามอย่างกษัตริย์ทั้งหลายของอิสราเอล ถึงกับนำโอรสของพระองค์มาเผาบูชายัญ[a]ตามแบบอย่างอันน่าชิงชังของชนชาติต่างๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าชาวอิสราเอล 4 อาหัสถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมตามสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย บนเนินเขาต่างๆ และใต้ต้นไม้ใหญ่ทุกต้น
5 ต่อมากษัตริย์เรซีนแห่งอารัมและกษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์แห่งอิสราเอลกรีธาทัพมารบกับอาหัสและล้อมกรุงเยรูซาเล็ม แต่พิชิตไม่ได้ 6 ครั้งนั้นกษัตริย์เรซีนแห่งอารัมทรงยึดเอลัทคืนให้อารัม โดยขับไล่ชาวยูดาห์ออกไป แล้วชาวเอโดมจึงเข้าไปอาศัยอยู่ที่เอลัทตราบจนทุกวันนี้
7 อาหัสทรงส่งทูตไปแจ้งกษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของท่านและผู้สวามิภักดิ์ต่อท่าน ขอโปรดมาช่วยรบกับทัพอารัมและอิสราเอลซึ่งยกมาโจมตีข้าพเจ้าด้วยเถิด” 8 อาหัสได้นำทองคำและเงินที่มีในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและคลังหลวงส่งไปบรรณาการแด่กษัตริย์อัสซีเรีย 9 กษัตริย์อัสซีเรียจึงโจมตีและยึดเมืองดามัสกัส ประหารเรซีน แล้วกวาดต้อนชาวเมืองไปเป็นเชลยที่เมืองคีร์
10 กษัตริย์อาหัสเสด็จไปที่เมืองดามัสกัสเพื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรีย พระองค์ทรงเห็นแท่นบูชาที่เมืองดามัสกัส จึงส่งแบบร่างและรายละเอียดในการสร้างแท่นบูชามาให้ปุโรหิตอุรียาห์ 11 ดังนั้นปุโรหิตอุรียาห์จึงสร้างแท่นบูชาขึ้นมาอีกแท่นหนึ่งตามแบบที่กษัตริย์อาหัสส่งมาจากเมืองดามัสกัสทุกประการ และสร้างเสร็จก่อนที่กษัตริย์อาหัสจะเสด็จกลับมา 12 เมื่อกษัตริย์เสด็จกลับมาจากเมืองดามัสกัสและเห็นแท่น ก็ถวายเครื่องบูชาบนแท่นนั้น 13 ทรงถวายเครื่องเผาบูชา ธัญบูชา เครื่องดื่มบูชา และประพรมเลือดจากเครื่องสันติบูชาบนแท่นนั้น 14 ส่วนแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแท่นเดิมนั้น พระองค์ทรงย้ายจากด้านหน้าของพระวิหาร คือระหว่างแท่นบูชาใหม่กับพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ไปตั้งไว้ด้านทิศเหนือของแท่นบูชาใหม่
15 กษัตริย์อาหัสทรงบัญชาปุโรหิตอุรียาห์ว่า “จงใช้แท่นบูชาใหม่นี้สำหรับถวายเครื่องเผาบูชายามเช้า ธัญบูชายามเย็น เครื่องเผาบูชากับธัญบูชาของกษัตริย์ และเครื่องเผาบูชากับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาของประชากร และประพรมเลือดจากเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาต่างๆ ที่แท่นใหม่นี้ด้วย ส่วนแท่นทองสัมฤทธิ์นั้น เราจะใช้สำหรับขอคำแนะนำ” 16 ปุโรหิตอุรียาห์ก็ทำตามพระบัญชาของกษัตริย์อาหัส
17 กษัตริย์อาหัสทรงรื้อแผงด้านข้างของแท่นเคลื่อนที่ทองสัมฤทธิ์ และย้ายขันบรรจุน้ำที่วางบนแท่นออกไป พระองค์ทรงย้ายขันสาครจากหลังของวัวทองสัมฤทธิ์ไปตั้งไว้บนฐานหิน 18 และเพื่อเอาใจกษัตริย์อัสซีเรีย อาหัสทรงย้ายศาลาสะบาโตไปจากพระวิหาร แล้วปิดทางพระราชดำเนินส่วนพระองค์ด้านนอกที่มายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
19 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของอาหัสมีบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? 20 อาหัสทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ร่วมกันในเมืองดาวิด แล้วเฮเซคียาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน
โฮเชยากษัตริย์องค์สุดท้ายของอิสราเอล(B)
17 โฮเชยาบุตรเอลาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรียตรงกับปีที่สิบสองของรัชกาลกษัตริย์อาหัสแห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่เก้าปี 2 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ไม่มากเท่ากษัตริย์อิสราเอลองค์ก่อนๆ
3 กษัตริย์ชัลมาเนเสอร์แห่งอัสซีเรียมาโจมตีโฮเชยาซึ่งเคยสวามิภักดิ์และถวายบรรณาการ 4 แต่กษัตริย์อัสซีเรียพบว่าโฮเชยาคิดกบฏ งดส่งเครื่องบรรณาการประจำปี และส่งทูตไปเข้าเฝ้ากษัตริย์โส[b]แห่งอียิปต์ พระองค์จึงทรงให้จับโฮเชยาล่ามโซ่ตรวนและจำไว้ในคุก 5 กษัตริย์อัสซีเรียทรงยกทัพมาตีทั่วแผ่นดินอิสราเอลและล้อมเมืองสะมาเรียอยู่สามปี 6 ในปีที่เก้าแห่งรัชกาลโฮเชยา กษัตริย์อัสซีเรียก็เข้ายึดเมืองสะมาเรียและกวาดต้อนชนอิสราเอลไปเป็นเชลยที่อัสซีเรีย ทรงให้ตั้งหลักแหล่งในเมืองฮาลาห์ในโกซานบริเวณริมฝั่งแม่น้ำฮาโบร์ และตามเมืองต่างๆ ของมีเดีย
อิสราเอลตกเป็นเชลยเพราะบาป
7 ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะอิสราเอลทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ผู้ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ พวกเขาหันไปนมัสการพระอื่นๆ 8 ดำเนินตามแบบอย่างของบรรดาชนชาติซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าพวกเขา และตามแบบอย่างที่กษัตริย์อิสราเอลชักนำ 9 ชนอิสราเอลยังได้ลอบทำบาปหลายอย่างต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และสร้างสถานบูชาบนที่สูงไว้ทั่วแผ่นดิน จากหอคอยจดป้อมปราการ 10 พวกเขาได้ตั้งหินศักดิ์สิทธิ์และเสาเจ้าแม่อาเชราห์บนเนินเขาสูงทุกยอดและโคนต้นไม้ใหญ่ทุกต้น 11 พวกเขาเผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนที่สูงทุกแห่ง เหมือนอย่างชนชาติต่างๆ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ขับไล่ออกไปจากดินแดนเมื่ออิสราเอลเข้ามา อิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายยั่วยุพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า 12 เขานมัสการรูปเคารพต่างๆ ทั้งๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสห้ามว่า “เจ้าอย่าทำสิ่งนี้”[c] 13 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ผู้เผยพระวจนะและผู้ทำนายมาเตือนทั้งอิสราเอลและยูดาห์ว่า “จงหันจากวิถีชั่วร้ายของเจ้า จงปฏิบัติตามคำบัญชาและกฎหมายของเรา ตามบทบัญญัติทั้งสิ้นที่เราได้บัญชาให้บรรพบุรุษของเจ้าเชื่อฟัง และที่เราได้แจ้งแก่เจ้าผ่านทางผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรา”
14 แต่อิสราเอลไม่ยอมฟัง เขามีใจดื้อดึงเช่นเดียวกับบรรพบุรุษผู้ที่ไม่ได้วางใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา 15 พวกเขาทิ้งกฎหมายและพันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงให้ไว้แก่บรรพบุรุษ ไม่ยอมฟังคำเตือนของพระองค์ หันไปติดตามรูปเคารพอันไร้ค่า ตนเองจึงเป็นคนไร้ค่า พวกเขาทำตามอย่างชนชาติต่างๆ ที่อยู่แวดล้อม ทั้งๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสห้ามว่า “จงอย่าทำตามพวกเขา” แต่เขากลับทำในสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามไว้
16 เขาลบหลู่พระดำรัสสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา สร้างรูปเคารพเป็นลูกวัวสองตัว และเสาเจ้าแม่อาเชราห์ เขานมัสการพระบาอัล กราบไหว้ดวงดาวต่างๆ ในฟากฟ้า 17 เขาถึงกับเอาลูกชายลูกสาวของตนเผาบูชายัญ[d] เขาใช้ไสยศาสตร์และเวทมนตร์คาถา ปล่อยตัวทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและยั่วยุพระพิโรธของพระองค์
18 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอิสราเอลยิ่งนักและขับไล่เขาออกไปให้พ้นพระพักตร์ เหลืออยู่แต่เพียงเผ่ายูดาห์ 19 แม้แต่ยูดาห์เองก็ไม่ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา แต่ทำตามอิสราเอล 20 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงละทิ้งชนชาติอิสราเอลทั้งหมด พระองค์ทรงลงโทษเขาและมอบเขาไว้ในมือของผู้ปล้นชิง ตราบจนทรงขจัดเขาออกไปให้พ้นพระพักตร์
21 เมื่อพระเจ้าทรงฉีกอิสราเอลออกไปจากวงศ์วานของดาวิด พวกเขาเลือกเยโรโบอัมบุตรเนบัทเป็นกษัตริย์ เยโรโบอัมชักนำอิสราเอลออกจากการติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้า ไปทำบาปอันใหญ่หลวง 22 ชาวอิสราเอลจมอยู่ในบาปของเยโรโบอัมไม่ยอมเลิกรา 23 จนกระทั่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขจัดเขาออกไปให้พ้นพระพักตร์ตามที่พระองค์ได้ทรงเตือนไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ ฉะนั้นอิสราเอลจึงถูกกวาดต้อนจากบ้านเกิดเมืองนอนไปเป็นเชลยอยู่ในอัสซีเรียตราบจนทุกวันนี้
คนต่างชาติมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในสะมาเรีย
24 กษัตริย์อัสซีเรียทรงนำคนจากบาบิโลน คูธาห์ อัฟวา ฮามัท และเสฟารวาอิมเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองต่างๆ ของสะมาเรียแทนที่ชาวอิสราเอล พวกเขามายึดครองสะมาเรียและอาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ 25 เมื่อพวกเขามาถึงเป็นครั้งแรก เขาไม่ได้นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จึงทรงส่งสิงโตมาอยู่ท่ามกลางพวกเขาและฆ่าบางคนไป 26 กษัตริย์อัสซีเรียทรงได้รับรายงานว่า “ประชาชนที่พระองค์ให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองสะมาเรียไม่ทราบบทบัญญัติของพระแห่งดินแดนนี้ พระองค์จึงทรงส่งสิงโตเข้ามาฆ่าเสียหลายคนเพราะไม่รู้สิ่งที่ควรปฏิบัติ”
27 กษัตริย์อัสซีเรียจึงมีพระบัญชาว่า “ให้ส่งปุโรหิตคนหนึ่งที่ถูกกวาดต้อนมาจากสะมาเรียกลับไปอยู่ที่นั่น เพื่อสอนประชาชนให้ทราบสิ่งที่พระแห่งดินแดนนั้นประสงค์” 28 ดังนั้นปุโรหิตคนหนึ่งซึ่งเป็นเชลยมาจากสะมาเรียจึงมาอยู่ที่เบธเอลและสอนประชาชนให้นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า
29 แต่ชนชาติเหล่านี้ได้สร้างพระของตนในเมืองต่างๆ ที่มาตั้งถิ่นฐานด้วย และตั้งพระไว้ตามสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายซึ่งชาวสะมาเรียได้สร้างไว้ 30 คนที่มาจากบาบิโลนก็สร้างพระสุคคทเบโนท คนจากคูธาห์สร้างพระเนอร์กัล ส่วนคนจากฮามัทสร้างพระอาชิมา 31 ชาวอัฟวิมสร้างพระนิบหัสและพระทารทัก และชาวเสฟารวาอิมเผาลูกของตนสังเวยแด่พระอัดรัมเมเลคและพระอานัมเมเลค ซึ่งเป็นพระของเมืองเสฟารวาอิม 32 พวกเขานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ตั้งคนของพวกเขาเองจากทุกประเภทให้เป็นปุโรหิตประจำสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย 33 พวกเขานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ก็นมัสการเทพเจ้าของตนที่นำมาด้วยตามประเพณีดั้งเดิม
34 พวกเขายังคงยึดถือขนบธรรมเนียมเดิมจวบจนทุกวันนี้ พวกเขาไม่ได้นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริงหรือยึดมั่นในกฎหมายและกฎเกณฑ์ บทบัญญัติและพระบัญชาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ไว้แก่วงศ์วานของยาโคบซึ่งพระองค์ประทานนามว่าอิสราเอล 35 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำพันธสัญญากับชนอิสราเอล พระองค์ทรงบัญชาไว้ว่า “อย่านมัสการพระอื่นใด อย่ากราบไหว้ปรนนิบัติหรือถวายเครื่องบูชาแก่พระเหล่านั้น 36 แต่เจ้าจงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงผู้เดียว ผู้นำเจ้าทั้งหลายออกจากอียิปต์ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และด้วยพระกรที่เหยียดออก เจ้าจะกราบลงและถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์ 37 เจ้าทั้งหลายจะต้องใส่ใจปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ บทบัญญัติ และพระบัญชาที่พระองค์เขียนไว้ให้เจ้า อย่าไปนมัสการพระอื่นๆ 38 อย่าลืมพันธสัญญาที่เราทำกับเจ้า อย่านมัสการพระอื่นใด 39 แต่จงนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ซึ่งจะกอบกู้เจ้าให้พ้นจากมือของศัตรูทั้งปวง”
40 แต่คนเหล่านั้นไม่ฟัง พวกเขายังคงทำตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิม 41 พวกเขานมัสการทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและรูปเคารพต่างๆ ของตน ลูกหลานของเขาก็ทำตามอย่างบรรพบุรุษเช่นนี้เรื่อยมา
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.