Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
2 พงศาวดาร 27

กษัตริย์โยธามแห่งยูดาห์(A)

27 เมื่อโยธามขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา ทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี ราชมารดาคือเยรูชาธิดาของศาโดก โยธามทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับอุสซียาห์ราชบิดา แต่ไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนอุสซียาห์ ส่วนประชาชนยังคงประพฤติตัวเสื่อมทรามต่อไป โยธามทรงบูรณะประตูบนของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าขึ้นใหม่ ทั้งได้ต่อเติมกำแพงบนเนินเขาแห่งโอเฟล ทรงสร้างเมืองต่างๆ บนเนินเขาของยูดาห์ และตั้งป้อมกับหอคอยต่างๆ ในเขตป่าไม้

โยธามทรงรบชนะกษัตริย์ของชาวอัมโมน ในปีนั้นโยธามจึงได้รับเครื่องบรรณาการประจำปีจากชาวอัมโมนเป็นเงินหนักประมาณ 3.4 ตัน[a] ข้าวสาลีประมาณ 2,200 กิโลลิตร[b] และข้าวบาร์เลย์ประมาณ 2,200 กิโลลิตร และชาวอัมโมนได้ถวายเครื่องบรรณาการจำนวนเท่าเดิมในปีที่สองและสามด้วย

โยธามทรงเรืองอำนาจเพราะทรงดำเนินตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์อย่างแน่วแน่

เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของโยธาม รวมทั้งสงครามและพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์ เมื่อโยธามขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี โยธามทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในเมืองดาวิด จากนั้นอาหัสโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

อิสยาห์ 9-12

เด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา

อย่างไรก็ตามผู้ทุกข์ลำเค็ญจะไม่เศร้าหมองอีกต่อไป ในอดีตพระเจ้าทรงทำให้ดินแดนเศบูลุนและนัฟทาลีต่ำลง แต่ในอนาคตพระองค์จะทรงเชิดชูกาลิลีที่ชาวต่างชาติอาศัยอยู่ ซึ่งรวมทั้งเมืองริมทะเลเลียบแม่น้ำจอร์แดน

ประชากรผู้เดินอยู่ในความมืด
ได้เห็นแสงสว่างอันยิ่งใหญ่
บรรดาผู้อาศัยในดินแดนแห่งเงาของความตาย[a]
แสงสว่างเริ่มสาดต้องพวกเขาแล้ว
พระเจ้าทรงขยายชนชาตินั้น
และเพิ่มพูนความปีติยินดีของพวกเขา
พวกเขาชื่นชมยินดีต่อหน้าพระองค์
เหมือนคนเริงรื่นชื่นบานยามเก็บเกี่ยว
หรือยามแบ่งสมบัติที่ริบได้จากเชลย
เหมือนอย่างวันแห่งชัยชนะเหนือมีเดียน
พระองค์จะทรงทำลาย
แอกที่เป็นภาระของประชากรของพระองค์
คานที่พวกเขาต้องแบกหาม
และไม้ตะบองของผู้ที่กดขี่ข่มเหงเขา
รองเท้าทุกคู่ของนักรบซึ่งใช้ในสงคราม
และเสื้อผ้าทั้งหมดของพวกเขาที่โชกเลือด
จะถูกเผาไฟ
และใช้เป็นเชื้อเพลิง
ด้วยว่ามีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา
มีบุตรชายคนหนึ่งที่ประทานแก่เรา
และการปกครองจะอยู่บนบ่าของเขา
และเขาจะได้รับการขนานนามว่า
“ที่ปรึกษามหัศจรรย์[b] พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช”
การปกครองอย่างสันติของบุคคลนั้น
จะรุ่งเรืองขึ้นไม่สิ้นสุด
พระองค์จะทรงครอบครองเหนือบัลลังก์
และอาณาจักรของดาวิด
ทรงสถาปนาและผดุงอาณาจักรนั้นไว้
ด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม
ตั้งแต่เวลานั้นตราบนิรันดร์
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ทรงกระตือรือร้น
ที่จะกระทำการนี้ให้สำเร็จ

องค์พระผู้เป็นเจ้า

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีพระดำรัสเป็นคำพิพากษาเกี่ยวกับอิสราเอล
พงศ์พันธุ์ของยาโคบว่า
ประชากรทั้งปวงจะรู้ถึงคำพิพากษา
คือเอฟราอิมและชาวสะมาเรียทั้งหลาย
ซึ่งกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
และด้วยใจอหังการว่า
10 “อิฐทลายลงแล้วก็จริง
แต่เราจะสร้างขึ้นใหม่ด้วยหินสกัด
ต้นมะเดื่อทั้งหลายถูกโค่นลงไปแล้ว
แต่เราจะแทนที่ด้วยไม้สนซีดาร์”
11 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเสริมกำลังศัตรูของ
เรซีนขึ้นมาสู้กับพวกเขา
และทรงกระตุ้นศัตรูของพวกเขา
12 ชาวอารัมจากตะวันออก และชาวฟีลิสเตียจากตะวันตก
อ้าปากกว้างกลืนอิสราเอลเสีย

ถึงขนาดนี้แล้วพระพิโรธของพระเจ้าก็ยังไม่หันเห
พระองค์ยังคงเงื้อพระหัตถ์ค้างอยู่

13 แต่เหล่าประชากรก็ยังไม่ยอมหันกลับมาหาพระองค์ผู้ทรงลงโทษพวกเขา
ทั้งไม่ยอมแสวงหาพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
14 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงตัดทั้งหัวและหางจากอิสราเอล
ทั้งกิ่งอินทผลัมและต้นอ้อภายในวันเดียว
15 หัวคือผู้อาวุโสและคนใหญ่คนโต
หางคือผู้เผยพระวจนะซึ่งสอนเท็จ
16 บรรดาผู้นำก็นำไปผิดทาง
และบรรดาผู้ตามก็ถูกนำให้หลงเตลิด
17 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงชื่นชอบคนหนุ่ม
ทั้งจะไม่ทรงเอ็นดูสงสารลูกกำพร้าพ่อกับหญิงม่าย
เพราะทุกคนล้วนชั่วช้าอธรรม
ทุกปากพูดชั่ว

ถึงขนาดนี้แล้วพระพิโรธของพระเจ้าก็ยังไม่หันเห
พระองค์ยังคงเงื้อพระหัตถ์ค้างอยู่

18 แน่ทีเดียวความชั่วลุกโพลงดั่งกองไฟ
มันผลาญต้นหนามน้อยใหญ่ทั้งปวง
ทำให้ทั้งป่าลุกไหม้
ส่งควันโขมง
19 พื้นแผ่นดินจะถูกเผาผลาญ
โดยพระพิโรธของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
ประชากรจะเป็นเชื้อเพลิง
ไม่มีใครละเว้นพี่น้องของตน
20 พวกเขาจะเขมือบทางขวา
แต่ก็ยังหิวโหย
กินไปทางซ้าย
แต่ก็ยังไม่อิ่ม
ต่างก็จะเลี้ยงชีวิตด้วยเนื้อลูกหลานของตนเอง[c]
21 มนัสเสห์และเอฟราอิมจะกัดกินกันเอง
และทั้งสองจะหันมาเล่นงานยูดาห์

ถึงขนาดนี้แล้วพระพิโรธของพระเจ้าก็ยังไม่หันเห
พระองค์ยังคงเงื้อพระหัตถ์ค้างอยู่

10 วิบัติแก่บรรดาผู้ออกบทบัญญัติอันไม่เป็นธรรม
วิบัติแก่ผู้ที่ออกกฎหมายกดขี่ข่มเหง
เพื่อริดรอนสิทธิของผู้ยากไร้
และไม่ให้ความยุติธรรมแก่ประชากรผู้ถูกข่มเหงของเรา
ทำให้หญิงม่ายตกเป็นเหยื่อของพวกเขา
และลูกกำพร้าพ่อถูกปล้น
พวกเจ้าจะทำอย่างไรในวันลงทัณฑ์
เมื่อภัยพิบัติมาจากแดนไกล?
เจ้าจะหนีไปพึ่งใคร?
เจ้าจะเอาทรัพย์สมบัติไปเก็บไว้ที่ไหน?
จะไม่มีอะไรเหลือ นอกจากต้องไปคุดคู้อยู่ในหมู่เชลย
หรือไม่ก็ล้มลงในหมู่คนที่ถูกฆ่าตาย

ถึงขนาดนี้แล้วพระพิโรธของพระเจ้าก็ยังไม่หันเห
พระองค์ยังคงเงื้อพระหัตถ์ค้างอยู่

พระเจ้าพิพากษาอัสซีเรีย

“วิบัติแก่ชาวอัสซีเรีย ผู้เป็นไม้เรียวแห่งความโกรธของเรา
ผู้ถือกระบองแห่งความกริ้วของเรา!
เราส่งอัสซีเรียไปปราบชนชาติอธรรม
ไปเล่นงานชนชาติที่ยั่วโทสะเรา
ให้ไปปล้นและริบทรัพย์สิน
และเหยียบย่ำเขาดั่งย่ำโคลนในถนน
แต่เขาไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้น
ไม่ได้คิดตามนั้น
เป้าหมายของเขาคือล้างผลาญ
ทำลายชนชาติต่างๆ ให้ดับสูญ
เขากล่าวว่า ‘แม่ทัพของเราล้วนแต่เป็นกษัตริย์ไม่ใช่หรือ?
คาลโนไม่ได้เหมือนคารเคมิชหรอกหรือ?
ฮามัทก็เหมือนอารปัดไม่ใช่หรือ?
และสะมาเรียก็เหมือนดามัสกัสไม่ใช่หรือ?
10 เช่นเดียวกับที่เรายึดบรรดาอาณาจักรที่เต็มไปด้วยรูปเคารพ
อาณาจักรซึ่งมีรูปเคารพมากกว่าของเยรูซาเล็มและสะมาเรีย
11 เราจะไม่จัดการกับเยรูซาเล็มและรูปเคารพต่างๆ
เหมือนที่เราทำกับสะมาเรียและรูปเคารพของพวกเขาหรือ?’”

12 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดการกับภูเขาศิโยนและเยรูซาเล็มเรียบร้อยแล้ว พระองค์จะตรัสว่า “เราจะลงโทษกษัตริย์อัสซีเรียเพราะใจที่เย่อหยิ่งอหังการและท่าทีที่ยโสโอหังของเขา 13 เพราะเขาโอ้อวดว่า

“ ‘เราทำการนี้ด้วยกำลังแห่งน้ำมือของเรา
และด้วยสติปัญญาของเรา เพราะเรามีความเข้าใจ
เรารื้อพรมแดนของประชาชาติต่างๆ
ปล้นทรัพย์สมบัติของเขา
เราปราบบรรดากษัตริย์ของพวกเขาเฉกเช่นผู้พิชิต[d]
14 มือของเราฉกชิงทรัพย์สมบัติของประชาชาติต่างๆ
เหมือนคนเอื้อมไปเก็บรังนก
เรารวบรวมประเทศทั้งปวง
เหมือนคนเก็บไข่ที่ถูกทิ้งไว้
ไม่มีหน้าไหนกล้าขยับปีก
หรือปริปากร้อง’ ”

15 ขวานจะยกตนขึ้นข่มผู้ใช้มันหรือ?
เลื่อยจะอวดเบ่งทับถมผู้เลื่อยหรือ?
เฉกเช่นไม้ตะพดจะแกว่งใส่ผู้ใช้มันหรือ?
หรือไม้กระบองกวัดแกว่งเข้าใส่ผู้ที่ถือมันหรือ?
16 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
จะทรงส่งโรคระบาดมาล้างผลาญเหนือนักรบแข็งแกร่งของเขา
จะมีไฟไหม้ลุกโชติช่วง
ภายใต้ความจองหองพองขนของพวกเขา
17 พระผู้เป็นแสงสว่างแห่งอิสราเอลจะกลายเป็นไฟ
องค์บริสุทธิ์ของพวกเขาจะเป็นเปลวเพลิง
ซึ่งเผาผลาญต้นหนามน้อยใหญ่ของเขา
วอดสิ้นภายในวันเดียว
18 ป่าอันมโหฬารและท้องทุ่งอันอุดมสมบูรณ์ของเขา
จะถูกทำลายไปสิ้น
เหมือนคนป่วยที่ชีวิตถูกกัดกร่อนไป
19 ต้นไม้ในป่าของเขาจะเหลืออยู่น้อยนิด
ขนาดเด็กก็ยังเขียนตัวเลขจำนวนนั้นได้

ชนหยิบมือที่เหลือของอิสราเอล

20 ในวันนั้นชนหยิบมือที่เหลือของอิสราเอล
คือวงศ์วานของยาโคบซึ่งรอดชีวิต
จะไม่พึ่งผู้นั้นซึ่งปราบพวกตนลง
แต่จะพึ่งพิงพระยาห์เวห์องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลอย่างแท้จริง
21 ชนหยิบมือที่เหลืออยู่จะกลับมา
ชนหยิบมือที่เหลือของยาโคบจะกลับมาหาพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
22 โอ อิสราเอลเอ๋ย ถึงแม้ประชากรของเจ้าจะมากมายเหมือนทรายชายทะเล
ก็จะมีคนเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่จะกลับมา
หายนะครั้งนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว
อย่างเหลือล้นและชอบธรรม
23 องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์นี่แหละ
จะใช้หายนะซึ่งกำหนดไว้แล้วลงทัณฑ์ดินแดนทั้งหมด

24 ฉะนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“ประชากรของเราในศิโยนเอ๋ย
อย่ากลัวชาวอัสซีเรีย
ซึ่งเอาไม้เรียวเฆี่ยนเจ้า
เอาไม้กระบองฟาดเจ้าเหมือนที่อียิปต์ได้ทำ
25 โทสะของเราที่พลุ่งขึ้นต่อเจ้าจะยุติลงในไม่ช้านี้
และความโกรธของเราจะหันไปทำลายล้างพวกเขา”

26 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะใช้แส้ฟาดพวกเขา
เหมือนเมื่อทรงปราบชาวมีเดียนที่ศิลาแห่งโอเรบ
จะทรงยกไม้เท้าขึ้นฟาดแม่น้ำทั้งหลาย
เหมือนที่ทรงกระทำในอียิปต์
27 ในวันนั้นภาระที่พวกเขาวางไว้จะถูกยกออกจากบ่าของพวกเจ้า
แอกของพวกเขาจะพ้นจากคอของพวกเจ้า
แอกนั้นจะถูกหัก
เพราะพวกเจ้าเติบโตขึ้นจนอ้วนพี[e]

28 พวกเขาเข้ามาทางเมืองอัยยาท
ผ่านมิโกรนและสะสมเสบียงและอาวุธที่มิคมาช
29 พวกเขาผ่านด่านมาและพูดกันว่า
“เราจะตั้งค่ายพักแรมที่เกบา”
รามาห์สะทกสะท้าน
กิเบอาห์ของซาอูลเตลิดหนี
30 ร้องออกมาเถิด ธิดาแห่งกัลลิม[f]เอ๋ย!
ไลชาห์เอ๋ย จงฟังเถิด!
อานาโธทที่น่าสงสารเอ๋ย!
31 มัดเมนาห์เตลิดหนี
ชาวเกบิมหลบเข้าที่ซ่อน
32 ในวันนี้พวกเขาจะหยุดอยู่ที่โนบ
จะชูหมัดหราบนภูเขาของธิดาแห่งศิโยน[g]
ที่ภูเขาแห่งเยรูซาเล็ม

33 ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
จะทรงโค่นกิ่งทั้งหลายด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่
ต้นไม้สูงตระหง่านจะถูกโค่น
ต้นที่สูงผงาดถูกโค่นราบ
34 พระองค์จะทรงใช้ขวานฟันป่าทึบ
เลบานอนจะล้มลงต่อหน้าองค์ทรงฤทธิ์

กิ่งจากเจสซี

11 หน่อหนึ่งจะงอกขึ้นมาจากตอของเจสซี
กิ่งหนึ่งจะเกิดผล จากรากของเขา
พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทับอยู่เหนือผู้นั้น
คือองค์พระวิญญาณแห่งสติปัญญาและความเข้าใจ
พระวิญญาณแห่งคำปรึกษาและอานุภาพ
พระวิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า
และเขาผู้นั้นจะปีติยินดีในความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า

เขาจะไม่พิพากษาตามที่ได้เห็นภายนอก หรือตัดสินตามที่ได้ฟัง
แต่เขาจะพิพากษาคนขัดสนด้วยความชอบธรรม
และตัดสินอย่างยุติธรรมเพื่อคนยากจนในแผ่นดินโลก
เขาจะฟาดโลกด้วยคำพิพากษาจากริมฝีปากของเขา
เขาจะประหารคนชั่วด้วยลมจากปากของเขา
ความชอบธรรมจะเป็นเข็มขัดของเขา
และความซื่อสัตย์จะเป็นสายคาดเอวของเขา

สุนัขป่ากับลูกแกะจะอาศัยอยู่ด้วยกัน
เสือดาวจะนอนเคียงข้างแพะ
ลูกวัวกับสิงโตและลูกอ่อนของสัตว์อื่นๆ จะอยู่ด้วยกัน[h]
และเด็กเล็กๆ คนหนึ่งจะนำพวกมัน
แม่วัวจะกินหญ้าอยู่กับหมี
ลูกของมันทั้งสองจะนอนด้วยกัน
และสิงโตจะกินฟางเหมือนวัว
ทารกจะเล่นอยู่ใกล้รูงูเห่า
และเด็กเล็กๆ จะยื่นมือเข้าไปในรังของงูพิษ
พวกมันจะไม่ทำร้ายหรือทำลายกัน
ตลอดทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา
เพราะแผ่นดินโลกจะเต็มไปด้วยความรู้เรื่ององค์พระผู้เป็นเจ้า
ดุจน้ำปกคลุมทะเล

10 ในวันนั้นรากของเจสซีจะตั้งเด่นดุจธงสำหรับมวลประชาชาติ ชาติต่างๆ จะรวมพลกันมาหาเขา และที่พำนักของเขาจะสง่างาม 11 ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยื่นพระหัตถ์ออกเป็นครั้งที่สอง เพื่อรับประชากรของพระองค์ที่เหลืออยู่นั้นกลับมาจากอัสซีเรีย อียิปต์บน[i]และอียิปต์ล่าง จากคูช[j]เอลาม บาบิโลน[k] ฮามัท และดินแดนชายฝั่งทะเลที่ห่างไกล

12 พระองค์จะทรงชูธงขึ้นเพื่อประชาชาติทั้งหลาย
และรวบรวมเชลยอิสราเอล
กับชนยูดาห์ที่กระจัดกระจายไป
กลับคืนมาจากสี่มุมโลก
13 ความอิจฉาของเอฟราอิมจะสิ้นไป
และศัตรูทั้งหลาย[l]ของยูดาห์จะหมดสิ้น
เอฟราอิมจะเลิกอิจฉายูดาห์
และยูดาห์เลิกเป็นศัตรูกับเอฟราอิม
14 พวกเขาจะรุกไล่ลงมาตามลาดเขาฟีลิสเตียทางฟากตะวันตก
ร่วมกันปล้นชนชาตินั้นไปทางตะวันออก
พวกเขาจะเล่นงานเอโดมและโมอับ
ชาวอัมโมนจะยอมอยู่ใต้อำนาจพวกเขา
15 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้น้ำทะเลในอ่าวของอียิปต์แห้ง
พระองค์จะทรงโบกพระหัตถ์เหนือแม่น้ำยูเฟรติสด้วยกระแสลมแรงจัด
จะทรงแยกมันออกเป็นลำธารเจ็ดสาย
เพื่อผู้คนจะเดินลุยข้ามไปได้
16 จะมีทางหลวงสำหรับคนหยิบมือที่เหลือของพระองค์
ที่รอดมาจากอัสซีเรีย
เหมือนที่มีทางหลวงสำหรับอิสราเอล
เมื่อพวกเขาออกมาจากอียิปต์

บทเพลงสรรเสริญ

12 ในวันนั้น ท่านจะพูดว่า

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์
ถึงแม้พระองค์ทรงพระพิโรธข้าพระองค์
พระพิโรธของพระองค์ก็ได้หันไป
และพระองค์ทรงปลอบโยนข้าพระองค์
แน่นอน พระเจ้าทรงเป็นความรอดของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะวางใจและไม่กลัว
องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพลังและบทเพลงของข้าพเจ้า
พระองค์ได้ทรงมาเป็นความรอดของข้าพเจ้า”
ท่านจะตักน้ำจากบ่อแห่งความรอด
ด้วยความยินดี

ในวันนั้นท่านจะกล่าวว่า

“จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า จงร้องทูลออกพระนามของพระองค์
จงแจ้งให้หมู่ประชาชาติทราบถึงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำ
และประกาศว่าพระนามของพระองค์เป็นที่เทิดทูน
จงร้องเพลงสดุดีองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ประเสริฐ
จงประกาศให้ทั่วทั้งโลกทราบถึงเรื่องนี้
ชาวศิโยนเอ๋ย จงโห่ร้องและร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดี
เพราะองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลผู้ประทับท่ามกลางพวกท่านนั้นยิ่งใหญ่นัก”

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.