Print Page Options Listen to Amos 6-9
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
อาโมส 6-9

วิบัติแก่ผู้ที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน

วิบัติแก่เจ้าผู้ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ในศิโยน
และแก่เจ้าผู้รู้สึกปลอดภัยบนภูเขาสะมาเรีย
เจ้าผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของชาติชั้นนำ
ผู้ซึ่งประชากรอิสราเอลมาหา!
จงไปพิเคราะห์ดูคาลเนห์
แล้วไปยังฮามัทเมืองใหญ่
และลงไปยังเมืองกัทในฟีลิสเตีย
อาณาจักรเหล่านั้นดีกว่าอาณาจักรทั้งสองของเจ้าหรือ?
ดินแดนของเขาใหญ่กว่าของเจ้าหรือ?
เจ้าเลื่อนวันเลวร้ายออกไป
แต่กลับนำยุคอันน่าสยดสยองเข้ามาใกล้
เจ้านอนบนเตียงประดับงาช้าง
และเหยียดกายบนตั่ง
เจ้ากินลูกแกะชั้นดี
และลูกวัวอ้วนพี
เจ้าเล่นพิณอย่างเบิกบานใจเหมือนดาวิด
และแต่งเพลงใหม่ๆ สำหรับเครื่องดนตรี
เจ้าดื่มเหล้าองุ่นเต็มชาม
และใช้เครื่องชโลมกายชั้นดี
แต่เจ้าไม่ทุกข์โศกในความย่อยยับของโยเซฟ
ฉะนั้นเจ้าจะอยู่ในกลุ่มพวกแรกที่ตกเป็นเชลย
การเลี้ยงฉลองและการเอกเขนกของเจ้าจะจบสิ้นลง

องค์พระผู้เป็นเจ้า

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงปฏิญาณโดยอ้างพระองค์เอง พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ประกาศว่า

“เราชิงชังความหยิ่งผยองของยาโคบ
และเกลียดป้อมต่างๆ ของเขา
เราจะปล่อยเมืองนี้
และปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในนั้น”

หากมีชายสิบคนเหลืออยู่ในบ้านหลังหนึ่ง พวกเขาก็จะตายด้วย 10 และหากมีญาติคนหนึ่งที่จะเผาศพ จะมาแบกศพออกไปนอกบ้าน และถามผู้ที่ยังซ่อนตัวอยู่ที่นั่นว่า “มีใครอยู่กับเจ้าอีกไหม?” และเขาตอบว่า “ไม่มี” แล้วเขาก็จะพูดว่า “เงียบๆ! อย่าให้เราเอ่ยพระนามของพระยาห์เวห์”

11 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาไว้แล้ว
และจะทรงฟาดบ้านหลังใหญ่ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ฟาดบ้านหลังเล็กให้เป็นเศษเล็กเศษน้อย

12 ม้าวิ่งบนโตรกเขาขรุขระหรือ?
คนใช้วัวไถที่นั่นหรือ?
แต่เจ้าก็เปลี่ยนความยุติธรรมให้เป็นยาพิษ
และเปลี่ยนผลแห่งความชอบธรรมให้กลายเป็นความขมขื่น
13 เจ้าผู้ยินดีในการพิชิตโลเดบาร์[a] และพูดว่า
“เรายึดคารนาอิม[b]ไว้ได้ด้วยกำลังของเราเองไม่ใช่หรือ?”

14 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ประกาศว่า
“พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย
เราจะเรียกชาติหนึ่งมาสู้กับเจ้า
ซึ่งจะกดขี่ข่มเหงเจ้าตลอดทาง
ตั้งแต่เลโบฮามัท[c]ถึงหุบเขาอาราบาห์”

ตั๊กแตน ไฟ และสายดิ่ง

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าดังนี้คือ พระองค์กำลังเตรียมฝูงตั๊กแตนจำนวนมหาศาลให้มาหลังจากเก็บเกี่ยวพืชผลส่วนของกษัตริย์แล้ว ขณะที่ผลผลิตรุ่นที่สองกำลังออกมา เมื่อตั๊กแตนเหล่านั้นกินพืชจนแผ่นดินโล่งเตียน ข้าพเจ้าก็ร้องทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตขอทรงอภัยเถิด! ยาโคบจะอยู่รอดได้อย่างไร? ในเมื่อเขาเล็กกระจ้อยร่อยเพียงนี้!”

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงอดพระทัยไว้

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้น”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าดังนี้คือ พระองค์ทรงเตรียมลงทัณฑ์ด้วยไฟ มันเผาผลาญห้วงสมุทรและไหม้แผ่นดิน แล้วข้าพเจ้าจึงร้องทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตขอทรงโปรดยับยั้งไว้เถิด! ยาโคบจะอยู่รอดได้อย่างไร? ในเมื่อเขาเล็กกระจ้อยร่อยเพียงนี้!”

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงอดพระทัยไว้

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า “เหตุการณ์นี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเช่นกัน”

พระองค์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าดังนี้คือ องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับยืนอยู่ข้างกำแพงที่สร้างขึ้นโดยใช้สายดิ่งวัด และมีสายดิ่งอยู่ในพระหัตถ์ และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามข้าพเจ้าว่า “อาโมส เจ้าเห็นอะไร?”

ข้าพเจ้าทูลว่า “สายดิ่งพระเจ้าข้า”

แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ดูเถิด เรากำลังจะวางสายดิ่งในหมู่ประชากรอิสราเอลของเรา เราจะไม่ละเว้นพวกเขาอีกต่อไป

“บรรดาสถานบูชาบนที่สูงของอิสอัคจะถูกทำลายล้าง
และสถานนมัสการต่างๆ ของอิสราเอลจะถูกทำลาย
เราจะลุกขึ้นต่อสู้พงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัมด้วยดาบของเรา”

อาโมสกับอามาซิยาห์

10 แล้วอามาซิยาห์ปุโรหิตแห่งเบธเอลได้แจ้งข่าวต่อกษัตริย์เยโรโบอัมแห่งอิสราเอลว่า “อาโมสกำลังคบคิดวางแผนร้ายต่อพระองค์ที่ใจกลางอิสราเอลนี้เอง ถ้อยคำของเขาบ่อนทำลายชาติ 11 เพราะอาโมสพูดว่า

“ ‘เยโรโบอัมจะตายด้วยดาบ
และอิสราเอลจะตกเป็นเชลยอย่างแน่นอน
ต้องไปจากบ้านเกิดเมืองนอน’ ”

12 แล้วอามาซิยาห์กล่าวกับอาโมสว่า “ออกไปนะเจ้านักทำนาย! กลับไปแผ่นดินยูดาห์เสีย ไปทำมาหากินและเผยพระวจนะที่นั่น 13 ไม่ต้องเผยพระวจนะที่เบธเอลนี้อีก เพราะที่นี่เป็นสถานนมัสการของกษัตริย์และเป็นวิหารของอาณาจักร”

14 อาโมสตอบอามาซิยาห์ว่า “เมื่อก่อนข้าพเจ้าไม่ได้เป็นผู้เผยพระวจนะหรือเป็นลูกของผู้เผยพระวจนะ ข้าพเจ้าเป็นคนเลี้ยงแกะและดูแลสวนมะเดื่อ 15 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพาข้าพเจ้ามาจากงานเลี้ยงแกะ และตรัสสั่งข้าพเจ้าว่า ‘จงไปเผยพระวจนะแก่อิสราเอลประชากรของเรา’ 16 บัดนี้จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะท่านกล่าวว่า

“ ‘อย่าเผยพระวจนะแง่ร้ายต่ออิสราเอล
และหยุดเทศนาติเตียนพงศ์พันธุ์ของอิสอัค’

17 “ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“ ‘ภรรยาของเจ้าจะกลายเป็นโสเภณีกลางเมือง
และบุตรชายบุตรสาวของเจ้าจะตายด้วยคมดาบ
ที่ดินของเจ้าจะถูกวัดและถูกแบ่งแยก
ตัวเจ้าเองจะตายในดินแดนต่างศาสนา[d]
และอิสราเอลจะตกเป็นเชลยอย่างแน่นอน
ต้องไปจากบ้านเกิดเมืองนอน’ ”

กระจาดผลไม้สุก

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นผลไม้สุกกระจาดหนึ่ง พระองค์ตรัสถามว่า “อาโมส เจ้าเห็นอะไร?”

ข้าพเจ้าทูลว่า “ผลไม้สุกงอมกระจาดหนึ่งพระเจ้าข้า”

แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “วันเวลาสุกงอมแล้วสำหรับอิสราเอลประชากรของเรา เราจะไม่ละเว้นพวกเขาอีกต่อไป”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า “ในวันนั้นบทเพลงต่างๆ ในพระวิหารจะเปลี่ยนเป็นเสียงร่ำไห้[e] ซากศพจะเกลื่อนกลาดอยู่ทุกแห่ง! และมีแต่ความเงียบสงัด!”

ฟังเถิดเจ้าผู้เหยียบย่ำคนขัดสน
และกำจัดคนยากไร้ในดินแดน

เจ้ากล่าวว่า

“เมื่อใดหนอจะหมดวันขึ้นหนึ่งค่ำ
เราจะได้ขายข้าวเสียที
เมื่อใดหนอจะหมดวันสะบาโต
เราจะได้ขายข้าวสาลีเสียที?”
เจ้าโกงด้วยการทำให้ตาชั่งหย่อน
โก่งราคา
และโกงตาชั่ง
เจ้าซื้อคนยากไร้ด้วยเงิน
แลกคนขัดสนด้วยรองเท้าคู่เดียว
และขายข้าวสาลีปนข้าวเลว

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิญาณโดยอ้างองค์ศักดิ์สิริแห่งยาโคบว่า “เราจะไม่มีวันลืมสิ่งที่เขาทำแม้แต่อย่างเดียว

“ด้วยเหตุนี้แผ่นดินจะไม่สั่นสะท้าน
และผู้คนในนั้นจะไม่ไว้ทุกข์หรือ?
ทั่วทั้งแผ่นดินจะเอ่อท้นขึ้นเหมือนแม่น้ำไนล์
ถูกกวนให้เกิดความปั่นป่วน
แล้วก็จมลงเหมือนแม่น้ำอียิปต์”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า

“ในวันนั้น เราจะทำให้ดวงอาทิตย์ตกตอนเที่ยงวัน
และโลกมืดมิดทั้งๆ ที่ยังกลางวันแสกๆ
10 เราจะเปลี่ยนเทศกาลทางศาสนาของเจ้าให้เป็นการไว้ทุกข์
และการร้องเพลงทั้งปวงของเจ้าให้เป็นการร่ำไห้
เราจะทำให้พวกเจ้าทุกคนสวมเสื้อผ้ากระสอบ
และโกนผม
เราจะทำให้ช่วงเวลานั้นเป็นเหมือนช่วงไว้ทุกข์ให้ลูกโทน
และให้วาระสุดท้ายเป็นดั่งวันอันขมขื่น”

11 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า “วันเวลานั้นจะมาถึง
เมื่อเราจะให้เกิดการกันดารอาหารทั่วแผ่นดิน
ไม่ใช่หิวหาอาหารหรือกระหายหาน้ำ
แต่หิวกระหายอยากฟังพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า
12 ผู้คนจะซมซานจากทะเลนี้ไปทะเลนั้น
และระเหเร่ร่อนจากเหนือไปตะวันออก
เสาะแสวงหาพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า
แต่พวกเขาจะไม่พบ

13 “ในวันนั้น

“หญิงสาวน่ารักและชายหนุ่มแข็งแรง
จะเป็นลมเพราะความกระหาย
14 ผู้ที่สาบานโดยอ้างรูปเคารพ[f]อันน่าละอายของสะมาเรีย
หรือพูดว่า ‘ดานเอ๋ย พระของเจ้ามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด’
หรือ ‘เทพเจ้า[g]แห่งเบเออร์เชบามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด’
พวกเขาจะล้มลง
และไม่ได้ลุกขึ้นมาอีกเลย”

อิสราเอลจะถูกทำลาย

ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับยืนอยู่ข้างแท่นบูชา และพระองค์ตรัสว่า

“จงฟาดยอดเสา
เพื่อให้ธรณีประตูสั่นสะเทือน
ให้พังทับประชาชนทั้งปวง
ผู้ที่เหลือรอดเราจะประหารด้วยดาบ
จะไม่มีใครหนีรอดไปได้สักคนเดียว
จะไม่มีใครหนีไปได้เลย
แม้พวกเขาจะขุดลึกลงไปถึงก้นหลุมฝังศพ
มือของเราก็จะควานลงไปดึงขึ้นมา
แม้พวกเขาปีนขึ้นถึงฟ้าสวรรค์
เราก็จะนำพวกเขาลงมา
แม้พวกเขาซ่อนตัวบนยอดเขาคารเมล
เราก็จะตามล่าจับพวกเขาลงมาจากที่นั่น
แม้พวกเขาหนีไปซ่อนที่ก้นทะเล
เราก็จะสั่งงูพิษให้กัดพวกเขา
แม้พวกเขาถูกศัตรูกวาดต้อนไปเป็นเชลย
เราก็จะสั่งให้ดาบประหารพวกเขาที่นั่น
เราจะจับตาดูพวกเขาอย่างมุ่งร้าย
ไม่ใช่ด้วยหวังดี”

องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
ผู้ทรงแตะโลกแล้ว มันก็หลอมละลาย
และชาวโลกทั้งปวงก็ไว้ทุกข์
ทั่วทั้งดินแดนเอ่อท้นขึ้นเหมือนแม่น้ำไนล์
แล้วก็จมลงเหมือนแม่น้ำอียิปต์
พระองค์ผู้ทรงสร้างที่ประทับอันสูงส่ง[h]ไว้ในฟ้าสวรรค์
และวางฐานราก[i]ของมันไว้ที่แผ่นดินโลก
ผู้ทรงเรียกน้ำทะเลขึ้นมา
และเทมันรดผิวโลก
ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์

“อิสราเอลเอ๋ย สำหรับเราแล้ว
เจ้าก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากชาวคูช[j]ไม่ใช่หรือ?”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“เราไม่ได้นำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์
นำชาวฟีลิสเตียออกจากคัฟโทร์[k]
และนำชาวอารัมออกจากคีร์หรอกหรือ?”

“แน่นอน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต
ทรงจับตาดูอาณาจักรอันบาปหนา
เราจะทำลายมัน
จากพื้นโลก
ถึงกระนั้นเราจะไม่ทำลายพงศ์พันธุ์ยาโคบ
ลงอย่างสิ้นเชิง”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“เพราะเราจะออกคำสั่ง
และเราจะเขย่าพงศ์พันธุ์อิสราเอล
ท่ามกลางมวลประชาชาติ
เหมือนเขย่ากระด้งฝัดข้าว
แต่จะไม่มีสักเมล็ดเดียวตกถึงพื้น
10 บรรดาคนบาปในหมู่ประชากรของเรา
จะตายด้วยคมดาบ
คือคนทั้งปวงที่พูดว่า
‘ภัยพิบัติจะไม่มาเล่นงานเราหรือมาถึงเรา’

อิสราเอลคืนสู่สภาพดี

11 “ในวันนั้นเราจะตั้งเต็นท์ของดาวิด

“ที่ล้มลงแล้วขึ้นมาใหม่
เราจะซ่อมแซมสถานที่ที่พังทลายลง
และปฏิสังขรณ์ซากปรักหักพัง
และสร้างมันขึ้นเหมือนอย่างแต่ก่อน
12 เพื่อพวกเขาจะครอบครองชนหยิบมือที่เหลืออยู่ของเอโดม
และครอบครองประชาชาติทั้งปวงที่ได้ชื่อตามนามของเรา[l]
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้จะทรงกระทำสิ่งเหล่านี้
            ประกาศดังนั้น

13 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

“วันเวลาจะมาถึงเมื่อคนที่ไถจะตามทันคนที่เกี่ยว
และคนย่ำองุ่นจะตามทันคนที่ปลูก
จะมีเหล้าองุ่นใหม่หยดจากภูเขา
และไหลจากเนินเขาทั้งปวง
14 เราจะนำอิสราเอลประชากรของเราซึ่งตกเป็นเชลยนั้นกลับคืนมา[m]
พวกเขาจะสร้างเมืองต่างๆ ที่ปรักหักพังขึ้นใหม่ แล้วเข้าอยู่อาศัย
พวกเขาจะทำสวนองุ่นและดื่มเหล้าองุ่น
พวกเขาจะทำสวนและกินผลผลิต
15 เราจะปลูกอิสราเอลไว้ในดินแดนของพวกเขาเอง
พวกเขาจะไม่ถูกถอนรากถอนโคน
ออกจากดินแดนที่เรามอบให้พวกเขาอีกเลย”

            องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเจ้าตรัสดังนั้น

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.