Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 15:1-24

อาบียัมกษัตริย์ของยูดาห์

(2 พศด. 13:1-14:1)

15 อาบียัม[a] ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของยูดาห์ ซึ่งตรงกับปีที่สิบแปดที่เยโรโบอัมปกครองอิสราเอล เยโรโบอัมเป็นลูกชายของเนบัท อาบียัมได้ปกครองเยรูซาเล็มเป็นเวลาสามปี แม่ของเขาชื่อมาอาคาห์ นางเป็นลูกสาวของอาบีชาโลม[b]

อาบียัมได้ทำบาปทุกอย่างเหมือนกับที่พ่อของเขาทำไว้ก่อนหน้าเขา ใจของเขาไม่สัตย์ซื่อต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา ไม่เหมือนกับใจของดาวิดบรรพบุรุษของเขาที่สัตย์ซื่อนั้น อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่ดาวิด พระยาห์เวห์พระเจ้าของดาวิดได้ให้ตะเกียงแก่เขาหนึ่งดวงในเยรูซาเล็ม คือได้ตั้งลูกชายคนหนึ่งของดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา และทำให้เมืองเยรูซาเล็มแข็งแกร่ง เพราะดาวิดได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ แล้วไม่ได้หันเหไปจากสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระองค์ได้สั่งเขาไว้ตลอดชั่วชีวิตของเขา ยกเว้นในเรื่องของอุรียาห์[c]ชาวฮิตไทต์เท่านั้น

[d] ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในยุคของอาบียัม และทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้ทำไป ได้จดบันทึกไว้ในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์ของยูดาห์ มีการทำสงครามกันระหว่างอาบียัมและเยโรโบอัม อาบียัมล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝังอยู่ในเมืองของดาวิด และอาสาลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

กษัตริย์อาสาของยูดาห์

(2 พศด. 14:1-2; 15:16-19)

ในปีที่ยี่สิบที่เยโรโบอัมเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล อาสาได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ 10 เขาครองบัลลังก์อยู่ในเยรูซาเล็มเป็นเวลาสี่สิบเอ็ดปี ย่าของเขามีชื่อว่ามาอาคาห์ นางเป็นลูกสาวของอาบีชาโลม

11 อาสาทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่ดาวิดบรรพบุรุษของเขาทำ 12 เขาขับไล่พวกผู้ชายขายตัว ตามศาลเจ้าออกไปจากแผ่นดินนี้ และกำจัดพวกรูปเคารพทั้งหมดที่บรรพบุรุษของเขาได้สร้างทิ้งไว้ 13 เขายังปลดมาอาคาห์ แม่ของเขาออกจากตำแหน่งแม่ของกษัตริย์ เพราะนางได้สร้างเสาเจ้าแม่อาเชราห์ที่น่าขยะแขยงขึ้นมาต้นหนึ่ง อาสาโค่นเสาต้นนั้นทิ้งและเผาทิ้งในหุบเขาขิดโรน 14 ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้รื้อพวกสถานที่นมัสการทั้งหลายทิ้ง แต่ใจของอาสายังสัตย์ซื่อกับพระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของเขา 15 เขานำพวกเงิน ทองและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่เขาและพ่อของเขาได้บนบานไว้ต่อพระยาห์เวห์ มาไว้ที่วิหารของพระยาห์เวห์

อาสาผูกมิตรกษัตริย์ของอารัม

(2 พศด. 16:6, 11-13)

16 ในยุคนั้น อาสากับกษัตริย์บาอาชาแห่งอิสราเอลได้ทำสงครามกันอยู่ตลอดเวลา 17 กษัตริย์บาอาชาของอิสราเอลขึ้นไปต่อสู้กับยูดาห์และได้สร้างป้อมรามาห์ขึ้น เพื่อกันไม่ให้ใครเข้าออกจากแผ่นดินของกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ 18 กษัตริย์อาสาจึงเอาเงินและทองที่หลงเหลืออยู่ในคลังของวิหารของพระยาห์เวห์ และในวังของเขาเอง แล้วนำไปมอบให้กับพวกเจ้าหน้าที่ ให้เอาไปให้กับกษัตริย์เบนฮาดัดของอารัม ที่ปกครองอยู่ในเมืองดามัสกัส เบนฮาดัดเป็นลูกชายของทับริมโมน ทับริมโมนเป็นลูกชายของเฮซีโอน 19 อาสาให้คนของเขาพูดกับเบนฮาดัดว่า “เรามาเป็นพันธมิตรกันเถิด ให้เหมือนกับที่พ่อของเรากับพ่อของท่านเคยทำกันไว้ ดูสิ เราได้ส่งของขวัญเป็นเงินและทองมาให้ท่าน ขอท่านช่วยเลิกเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์บาอาชาของอิสราเอลด้วยเถิด เพื่อเขาจะได้ยกทัพกลับไปจากเรา”

20 เบนฮาดัดก็ตกลงเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์อาสา และส่งพวกแม่ทัพของกองทัพเขาไปโจมตีเมืองต่างๆของอิสราเอล เขาเอาชนะเมืองอิโยน เมืองดาน เมืองอาเบล-เบธมาอาคาห์ และหมู่บ้านทั้งหมดตามแถบทะเลสาบกาลิลี รวมถึงดินแดนนัฟทาลีทั้งหมดด้วย 21 เมื่อบาอาชารู้เรื่องเข้า เขาก็หยุดสร้างป้อมรามาห์และถอนทัพกลับไปที่ทีรซาห์ 22 แล้วกษัตริย์อาสาก็ได้มีคำสั่งไปถึงชาวยูดาห์ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว ให้พวกเขาไปรื้อเอาหินและไม้ที่ป้อมรามาห์ที่บาอาชาสร้างค้างไว้ แล้วกษัตริย์อาสาก็เอาของเหล่านั้นมาสร้างเมืองเกบาขึ้นในเขตแดนของเบนยามินและสร้างเมืองมิสปาห์ด้วย

23 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของกษัตริย์อาสา ความสำเร็จทุกอย่างของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำและเมืองต่างๆที่เขาสร้างขึ้น ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ แต่ตอนที่เขาแก่ตัวลง เท้าทั้งสองข้างของเขาเป็นโรค 24 แล้วอาสาก็ล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝังอยู่กับพวกเขาในเมืองของดาวิด บรรพบุรุษของเขา และเยโฮชาฟัทลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

2 พงศาวดาร 13-16

กษัตริย์อาบียาห์ปกครองยูดาห์

(1 พกษ. 15:1-8)

13 อาบียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ซึ่งตรงกับปีที่สิบแปดที่เยโรโบอัมเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล[a] อาบียาห์ครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสามปี แม่ของเขาชื่อว่ามีคายาห์ นางเป็นลูกสาวของอุรีเอลจากเมืองกิเบอาห์ ได้เกิดสงครามระหว่างอาบียาห์และเยโรโบอัมขึ้น อาบียาห์ออกไปรบ พร้อมกองทัพทหารที่เก่งกล้าสี่แสนคน และเยโรโบอัมได้ตั้งทัพสู้กับเขา ด้วยกองทัพทหารที่เก่งกล้าแปดแสนคน

อาบียาห์ยืนอยู่บนภูเขาเศมาราอิมในแถบเนินเขาเอฟราอิม และพูดว่า “เยโรโบอัมและชนชาติอิสราเอลทั้งหลาย ฟังเราให้ดี พวกเจ้าไม่รู้หรือว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล ได้ให้ตำแหน่งกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอลแก่ดาวิด และลูกหลานของเขาตลอดไปแล้วด้วยคำสัญญาแห่งเกลือ[b] แต่เยโรโบอัมลูกชายเนบัทซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของซาโลมอนลูกชายของดาวิด ได้แข็งข้อกับเจ้านายของเขา พวกต่ำต้อยที่ไร้ค่าบางคนก็ได้ไปรวมตัวกับเขาและต่อต้านเรโหโบอัมลูกชายซาโลมอนตั้งแต่เขายังเป็นหนุ่มยังไม่ประสีประสาและไม่เข้มแข็งพอที่จะต้านทานพวกเขาได้

และตอนนี้ พวกเจ้ายังวางแผนที่จะต่อต้านอาณาจักรของพระยาห์เวห์ ที่อยู่ในมือของลูกหลานของดาวิดอีก จริงอยู่ที่พวกเจ้ามีกองทัพขนาดใหญ่ แถมยังมีพวกลูกวัวทองคำเหล่านั้นที่เยโรโบอัมได้สร้างให้เป็นพวกพระให้กับพวกเจ้า แต่พวกนักบวชของพระยาห์เวห์ พวกเจ้าได้ขับไล่ออกไป คือพวกลูกหลานของอาโรนและชาวเลวี และได้ไปแต่งตั้งพวกนักบวชให้กับตัวเอง เหมือนกับพวกชนชาติในแผ่นดินอื่นๆทำกัน ใครมีวัวหนุ่มตัวหนึ่ง กับแพะตัวผู้เจ็ดตัว ก็สามารถมาอุทิศตัวเป็นนักบวชให้กับพระพวกนี้ที่ไม่ใช่พระจริงได้แล้ว

10 ส่วนพวกเรา พระยาห์เวห์คือพระเจ้าของพวกเรา และพวกเราไม่ได้ละทิ้งพระองค์ และพวกนักบวชที่รับใช้พระยาห์เวห์เป็นลูกหลานของอาโรนและชาวเลวีที่ช่วยเหลือพวกเขา 11 ทุกเช้าเย็น พวกเขาถวายเครื่องเผาบูชา และเครื่องหอมบูชาให้แก่พระยาห์เวห์ พวกเขาจัดวางขนมปังบนโต๊ะที่ศักดิ์สิทธิ์ตามพิธีกรรมและจุดตะเกียงบนโคมไฟยืนทองคำทุกๆเย็น พวกเรารักษาข้อบังคับของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา แต่พวกเจ้าได้ทอดทิ้งพระองค์ 12 พระเจ้าอยู่ฝ่ายพวกเรา และพระองค์เป็นผู้นำของพวกเรา พวกนักบวชของพระองค์ จะเป่าแตรของพวกเขา ส่งเสียงเข้าประจัญบาน ชายอิสราเอลเอ๋ย อย่าได้ต่อสู้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเจ้าเลย เพราะพวกเจ้าจะทำไม่สำเร็จหรอก”

13 แล้วเยโรโบอัมได้ส่งกองทัพ อ้อมไปล้อมทางด้านหลัง เพื่อว่าในขณะที่เขายังอยู่ทางด้านหน้าของยูดาห์ พวกที่อยู่ทางด้านหลังจะได้ดักซุ่มโจมตีอีกทางหนึ่ง 14 ชาวยูดาห์หันไปและเห็นว่าพวกเขาถูกโจมตีทั้งจากทางด้านหน้าและด้านหลัง[c] พวกเขาจึงร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ พวกนักบวชได้เป่าแตรของพวกเขาขึ้น 15 และพวกคนของยูดาห์ก็พากันโห่ร้องเข้าประจัญบาน เมื่อพวกเขาโห่ร้อง พระเจ้าก็โจมตีกองทัพของเยโรโบอัมและชาวอิสราเอลทั้งหมดแตกพ่ายไปต่อหน้าอาบียาห์และชาวยูดาห์ 16 พวกชาวอิสราเอลต่างหลบหนีชาวยูดาห์ และพระเจ้าได้ส่งพวกเขาให้ตกไปอยู่ในกำมือของชาวยูดาห์ 17 อาบียาห์และคนของเขาทั้งหมดสร้างความสูญเสียอย่างหนักให้กับชาวอิสราเอล มีทหารอิสราเอลที่เก่งกล้าต้องตกเป็นเชลยห้าแสนคน 18 คนของอิสราเอลพ่ายแพ้ในการรบครั้งนี้ และคนของยูดาห์ได้รับชัยชนะเป็นเพราะพวกเขาไว้วางใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา

19 อาบียาห์ไล่ติดตามเยโรโบอัมไปและเข้ายึดเมืองต่างๆของเบธเอล เมืองเยชานาห์และเมืองเอโฟรนกับหมู่บ้านโดยรอบของมัน

20 เยโรโบอัมไม่ได้อำนาจของเขากลับคืนมาอีกเลยในสมัยของอาบียาห์ และพระยาห์เวห์ก็ฆ่าเขาตาย 21 แต่อาบียาห์กลับเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ เขาแต่งงานมีเมียสิบสี่คนและมีลูกชายยี่สิบสองคน มีลูกสาวสิบหกคน 22 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในสมัยของอาบียาห์ กับสิ่งที่เขาได้ทำและได้พูดไป ได้ถูกจดบันทึกไว้แล้วในหนังสือเรื่องเล่าของอิดโดผู้พูดแทนพระเจ้า

14 อาบียาห์ก็ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝังอยู่ในเมืองของดาวิด อาสาที่เป็นลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา ในสมัยของอาสาแผ่นดินก็มีความสงบสุขอยู่ถึงสิบปี

กษัตริย์อาสาปกครองยูดาห์

(1 พกษ. 15:9-12)

อาสาทำสิ่งที่ดีและถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา เขารื้อพวกแท่นบูชาของชาวต่างชาติและสถานที่นมัสการทั้งหลายออก เขาทุบหินศักดิ์สิทธิ์[d]ทิ้ง และโค่นพวกเสาของพระอาเชราห์ลง เขาสั่งให้ชาวยูดาห์แสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา และให้พวกเขารักษากฎและคำสั่งทุกข้อของพระองค์ เขารื้อสถานนมัสการทั้งหลายและแท่นบูชาเครื่องหอมที่มีอยู่ในทุกๆเมืองของยูดาห์ทิ้ง และอาณาจักรแห่งนั้นก็สงบสุขอยู่ภายใต้การปกครองของเขา เมื่อแผ่นดินสงบสุข เขาได้สร้างเมืองที่เป็นป้อมปราการของยูดาห์ไว้หลายเมือง ไม่มีการสู้รบเกิดขึ้นในช่วงนั้น เพราะพระยาห์เวห์ให้สันติภาพกับเขา

อาสาพูดกับชาวยูดาห์ว่า “เรามาสร้างเมืองเหล่านี้ขึ้นกันเถิด และสร้างกำแพงขึ้นล้อมรอบ มีหอคอย ประตูและกรงเหล็กด้วย แผ่นดินนี้ยังคงเป็นของพวกเรา เพราะพวกเราแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา พวกเราแสวงหาพระองค์และพระองค์ก็ให้พวกเรามีสันติภาพรอบด้าน” ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างเมืองขึ้นและร่ำรวยมากขึ้นด้วย

อาสามีกองทัพชาวยูดาห์สามแสนคน ที่มีโล่ขนาดใหญ่และหอก และกองทัพชาวเบนยามินสองแสนแปดหมื่นคนมีโล่กับธนูเป็นอาวุธ พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นนักรบที่กล้าหาญ

เศราห์ที่เป็นชาวคูชยกทัพมาเป็นล้าน มาสู้รบกับพวกเขา พร้อมกับรถรบ สามร้อยคัน พวกเขาเดินทัพมาจนถึงเมืองมาเรชาห์ 10 อาสาออกไปสู้รบกับเขา พวกเขาทั้งหมดสู้กันที่สนามรบในหุบเขาเศฟาธาห์ใกล้กับเมืองมาเรชาห์

11 แล้วอาสาก็ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์สามารถช่วยได้ทั้งคนที่มีพลังมากหรือคนที่อ่อนแอ มันไม่แตกต่างอะไรกันเลยสำหรับพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา โปรดช่วยเราด้วยเถิด เพราะพวกเราพึ่งพระองค์และเรามาต่อสู้กับกองทัพมหึมาพวกนี้ในนามของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เป็นพระเจ้าของเรา อย่าให้มนุษย์มีชัยเหนือพระองค์เลย”

12 ดังนั้น พระยาห์เวห์จึงทำลายพวกชาวคูชลงต่อหน้าอาสาและชาวยูดาห์ ชาวคูชต่างหลบหนีเอาตัวรอดไป 13 และอาสากับกองทัพของเขาก็ไล่ตามพวกนั้นไปไกลถึงเมืองเกราร์ ชาวคูชจำนวนมากมายมหาศาลนั้นต้องล้มลงอย่างไม่เป็นท่า และไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้อีก พวกเขาถูกทำลายลงต่อหน้าพระยาห์เวห์ และกองทัพของพระองค์ พวกคนของยูดาห์ได้ขนของกลับไปจำนวนมาก 14 อาสาและกองทัพของเขาได้ทำลายหมู่บ้านทั้งหมดรอบๆเมืองเกราร์ เพราะพระยาห์เวห์ทำให้คนเหล่านั้นกลัวพวกเขา พวกเขาปล้นเมืองเหล่านั้น เพราะมีทรัพย์สมบัติอยู่มากมายในนั้น 15 พวกเขายังโจมตีค่ายต่างๆของพวกคนเลี้ยงสัตว์และต้อนเอาฝูงแกะแพะและอูฐไป แล้วพวกเขาก็กลับเมืองเยรูซาเล็ม

การปฎิรูปทางด้านศาสนาของอาสา

(1 พกษ. 15:13-15)

15 พระวิญญาณของพระเจ้าลงมาสถิตกับอาซาริยาห์ลูกชายของโอเดด เขาออกไปพบกับอาสาและพูดว่า “อาสา ชาวยูดาห์ทั้งหมด รวมทั้งชาวเบนยามิน ฟังข้าพเจ้าหน่อย พระยาห์เวห์อยู่กับพวกท่านเมื่อพวกท่านอยู่กับพระองค์ ถ้าพวกท่านแสวงหาพระองค์ พวกท่านก็จะพบพระองค์ แต่ถ้าพวกท่านละทิ้งพระองค์ พระองค์ก็จะละทิ้งพวกท่าน นานมาแล้วชาวอิสราเอลต้องอยู่โดยไม่มีพระเจ้าที่แท้จริง ไม่มีนักบวชคอยสั่งสอนและไม่มีกฎ แต่เมื่อพวกเขาเดือดร้อน พวกเขาก็ได้หันไปหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล และแสวงหาพระองค์ และพวกเขาก็ได้พบกับพระองค์ ในเวลานั้น มันไม่ปลอดภัยที่จะเดินทางไปไหนมาไหน เพราะประชาชนของแผ่นดินทั้งหลายกำลังตกอยู่ในสภาพสับสนวุ่นวาย ชนชาติหนึ่งถูกอีกชนชาติหนึ่งทำลาย และเมืองหนึ่งก็ถูกอีกเมืองหนึ่งทำลาย เพราะพระเจ้าทำให้พวกเขาเดือดร้อนไปซะทุกเรื่อง แต่ส่วนพวกท่าน ให้เข้มแข็งไว้และอย่าอ่อนแอไป เพราะงานของพวกท่านจะได้รับการตอบแทนเป็นอย่างดี”

เมื่ออาสาได้ยินคำพูดและคำเผยแพร่เหล่านี้ของอาซาริยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ที่เป็นลูกชายของโอเดด อาสาก็เข้มแข็งขึ้น เขารื้อพวกรูปเคารพที่น่าขยะแขยงออกจากแผ่นดินทั้งหมดของชาวยูดาห์และเบนยามิน และรื้อรูปเคารพออกจากเมืองต่างๆที่เขาได้เข้ายึดครองในแถบเทือกเขาของเอฟราอิม เขาซ่อมแซมแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ที่ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของระเบียงทางเดินในวิหารของพระยาห์เวห์

แล้วเขาก็เรียกชุมนุมชาวยูดาห์และชาวเบนยามินทั้งหมด รวมทั้งประชาชนจากเอฟราอิม มนัสเสห์และสิเมโอนที่ได้ตั้งรกรากอยู่ในหมู่พวกเขา คนเหล่านี้เป็นจำนวนมากได้ทิ้งอิสราเอลมาอยู่กับอาสา เพราะพวกเขาเห็นว่า พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอาสาสถิตอยู่กับอาสา

10 พวกเขามาชุมนุมกันที่เมืองเยรูซาเล็มในเดือนที่สามของปีที่สิบห้าที่อาสาเป็นกษัตริย์ 11 ในเวลานั้น พวกเขาถวายเครื่องบูชาแก่พระยาห์เวห์ เป็นวัวเจ็ดร้อยตัว แกะและแพะเจ็ดพันตัวที่พวกเขายึดมาได้จากการรบ 12 พวกเขาทำสัญญาที่จะแสวงหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขาด้วยสิ้นสุดจิตสุดใจของเขา 13 และใครก็ตามที่ไม่ได้แสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลจะต้องตาย ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มสาวหรือคนแก่เฒ่า ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง 14 แล้วอาสากับประชาชนก็สาบานไว้กับพระยาห์เวห์ ด้วยการเปล่งเสียงอันดัง พวกเขาตะโกนและเป่าแตรกับแตรเขาสัตว์ 15 ชาวยูดาห์ทั้งหมดต่างชื่นชมยินดีกับการสาบานนั้น เพราะพวกเขาได้สาบานอย่างสิ้นสุดใจของพวกเขา พวกเขาแสวงหาพระเจ้าอย่างกระตือรือร้น และก็ได้พบกับพระองค์แล้ว ดังนั้น พระยาห์เวห์จึงให้พวกเขาพักผ่อนจากสงครามในทุกๆด้าน

16 กษัตริย์อาสายังได้ปลดนางมาอาคาห์ที่เป็นย่าของเขาออกจากตำแหน่งแม่ของกษัตริย์ เพราะนางสร้างเสาของพระอาเชราห์ที่น่าขยะแขยง อาสาโค่นเสาต้นนั้นลง เขาทำลายมันและเผามันทิ้งในหุบเขาขิดโรน 17 ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้รื้อสถานนมัสการทั้งหลายออกจากอิสราเอล แต่จิตใจของอาสาก็สัตย์ซื่อต่อพระองค์ตลอดชีวิตของเขา

18 อาสาได้เอาข้าวของเครื่องใช้ที่ทำด้วยเงินและทองคำที่เขาและพ่อของเขาได้อุทิศไว้ให้กับวิหาร เข้ามาวางไว้ในวิหารของพระเจ้า 19 ไม่มีสงครามเกิดขึ้นเลยในช่วงนั้น จนกระทั่งถึงปีที่สามสิบห้าในรัชกาลของอาสา[e]

ช่วงท้ายๆของกษัตริย์อาสา

(1 พกษ. 15:16-22)

16 ในปีที่สามสิบหกที่อาสาเป็นกษัตริย์[f] กษัตริย์บาอาชาแห่งอิสราเอลยกขึ้นมาสู้รบกับชาวยูดาห์และสร้างป้อมรามาห์ขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้าออกในดินแดนของกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์

อาสาจึงเอาเงินและทองคำออกมาจากคลังสมบัติของวิหารของพระยาห์เวห์ และจากวังของเขาเอง และส่งไปให้กับกษัตริย์เบนฮาดัดแห่งอารัม ซึ่งปกครองอยู่ในเมืองดามัสกัส เขาพูดว่า “เรามาเป็นพันธมิตรกันเถิด ให้เหมือนกับที่พ่อของเรากับพ่อของท่านเคยทำกันไว้ ดูสิ เราส่งของขวัญเป็นเงินและทองมาให้ท่าน ขอท่านช่วยเลิกเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์บาอาชาของอิสราเอลด้วยเถิด เพื่อเขาจะได้ยกทัพกลับไปจากเรา”

เบนฮาดัดยอมทำตามที่กษัตริย์อาสาขอ และส่งพวกแม่ทัพของกองทัพทั้งหลายของเขาไปโจมตีเมืองต่างๆของชนชาติอิสราเอล พวกเขาเอาชนะเมืองอิโยน เมืองดาน เมืองอาเบลมาอิม และเมืองเก็บเสบียงทั้งหลายของนัฟทาลี เมื่อบาอาชาได้ยินเรื่องนี้เข้า เขาก็หยุดการสร้างป้อมรามาห์และงานทั้งหมด แล้วกษัตริย์อาสาก็นำชาวยูดาห์ออกมาที่ป้อมรามาห์เพื่อขนเอาหินและไม้ที่บาอาชาทิ้งไว้ในการสร้างป้อม และพวกเขาก็ขนเอาไปสร้างเมืองเกบาและเมืองมิสปาห์

ในตอนนั้นฮานานีผู้ที่เห็นนิมิตมาพบกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์และพูดว่า “เป็นเพราะท่านไปพึ่งกษัตริย์ของอารัม แทนที่จะพึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน กองทัพของกษัตริย์แห่งอารัมได้หนีไปจากมือของท่านแล้ว จำไม่ได้หรือ ตอนนั้นพวกชาวคูชและชาวลิเบียก็มีกองรถรบ และทหารม้าที่มีพละกำลัง และมีจำนวนมากมายเหมือนกันไม่ใช่หรือ แต่ตอนนั้นท่านได้พึ่งในพระยาห์เวห์ พระองค์จึงได้มอบคนเหล่านั้นไว้ในกำมือของท่าน เพราะตาของพระยาห์เวห์มองไปทั่วทั้งพื้นโลก เพื่อที่จะทำให้คนมีใจสัตย์ซื่อกับพระองค์เข้มแข็ง แต่เที่ยวนี้ท่านได้ทำเรื่องโง่เขลา และต่อไปนี้ท่านจะต้องทำสงคราม”

10 อาสาจึงโกรธผู้ที่เห็นนิมิตคนนั้น และสั่งให้ล่ามโซ่เขาและเอาไปขังไว้ในคุก เพราะเรื่องนี้ทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกับคนนั้น ในช่วงนั้นอาสาเริ่มกดขี่ประชาชนบางคนอย่างโหดร้าย

11 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในสมัยของอาสา ตั้งแต่เริ่มจนจบได้ถูกจดบันทึกไว้ในหนังสือของพวกพงศ์กษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล 12 ในปีที่สามสิบเก้า[g] ที่อาสาเป็นกษัตริย์ เขาได้เป็นโรคที่เท้าทั้งสองข้าง ถึงแม้โรคของเขาจะรุนแรงมาก แต่เขาก็ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์เลย มีแต่ให้หมอรักษาเท่านั้น 13 แล้วในปีที่สี่สิบเอ็ด[h] อาสาก็ได้ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา 14 พวกเขาได้ฝังศพของอาสาไว้ในหลุมฝังศพที่เขาได้เตรียมไว้สำหรับตัวเขาในเมืองของดาวิด พวกเขาวางศพของอาสาไว้บนแคร่วางศพและประพรมด้วยเครื่องเทศและน้ำหอมนานาชนิด และพวกเขาก็ก่อกองไฟขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่อาสา[i]

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International