Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
2 ซามูเอล 19-21

19 เมื่อโยอาบทราบว่ากษัตริย์ทรงกันแสงและอาลัยถึงอับซาโลม และเมื่อทั้งกองทัพทราบว่ากษัตริย์ทรงเศร้าโศกเสียใจเรื่องราชโอรส ความปลื้มปีติในชัยชนะใหญ่หลวงในวันนั้นก็กลับกลายเป็นความโศกสลด ทั้งกองทัพค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่กรุงอย่างเงียบเหงาเหมือนคนที่เข้ามาอย่างอับอายเพราะหนีจากการรบ ดาวิดซบพระพักตร์ลงกับพระหัตถ์คร่ำครวญว่า “โอ อับซาโลมลูกของพ่อ! โอ อับซาโลมลูกของพ่อ ลูกของพ่อ!”

โยอาบจึงเข้าไปยังที่ประทับ และกราบทูลว่า “วันนี้ฝ่าพระบาททรงทำให้คนของฝ่าพระบาท ผู้ได้ปกป้องพระชนม์ชีพของฝ่าพระบาทรวมทั้งชีวิตของราชโอรส ราชธิดา มเหสี และสนมไว้นั้นรู้สึกอัปยศอดสู ฝ่าพระบาททรงรักอาลัยผู้ที่ชิงชังฝ่าพระบาท และทรงชิงชังผู้ที่รักฝ่าพระบาท ในวันนี้ฝ่าพระบาททรงแสดงให้เห็นชัดว่าบรรดานายทัพ และทหารล้วนไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับฝ่าพระบาท หากอับซาโลมมีชีวิตอยู่และพวกข้าพระบาทตายไปหมด ฝ่าพระบาทคงจะพอพระทัย บัดนี้ขอทรงโปรดเสด็จออกไปประทานกำลังใจแก่พวกทหาร ข้าพระบาทขอสาบานโดยอ้างองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า หากไม่เสด็จไปจะไม่เหลือพวกเขาแม้แต่คนเดียวในคืนนี้ นี่จะเป็นสิ่งเลวร้ายสำหรับฝ่าพระบาท ยิ่งกว่าที่ฝ่าพระบาทเคยประสบภัยพิบัติใดมาตลอดพระชนม์ชีพ”

กษัตริย์จึงเสด็จออกไปประทับอยู่ที่ประตูเมือง และเมื่อเขาทั้งปวงทราบว่ากษัตริย์ประทับอยู่ที่นั่น พวกเขาก็พากันมาเข้าเฝ้า

ขณะเดียวกันคนอิสราเอลก็หนีกลับบ้านของตน

ดาวิดเสด็จกลับกรุงเยรูซาเล็ม

ผู้คนถกเถียงกันทั่วทุกเผ่าของอิสราเอลว่า “กษัตริย์ได้ทรงกอบกู้เราให้พ้นจากมือของศัตรู ทรงช่วยเราให้พ้นจากมือของชาวฟีลิสเตีย แต่บัดนี้พระองค์ทรงหนีจากแผ่นดินไปเพราะอับซาโลม 10 และอับซาโลมผู้ที่พวกเราเจิมตั้งให้ปกครองเรา ก็สิ้นพระชนม์แล้วในสงคราม ทำไมเราไม่มาพูดถึงเรื่องทูลเชิญกษัตริย์กลับมา?”

11 กษัตริย์ดาวิดทรงส่งข่าวไปถึงปุโรหิตศาโดกและปุโรหิตอาบียาธาร์ว่า “จงถามบรรดาผู้อาวุโสของยูดาห์ว่า ‘ทำไมท่านเป็นพวกสุดท้ายที่เชิญกษัตริย์กลับพระราชวังของพระองค์ เพราะว่ากษัตริย์ได้ยินสิ่งที่พวกท่านพูดกันทั่วอิสราเอล 12 พวกท่านเป็นพี่น้องร่วมตระกูล เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันแท้ๆ ทำไมจึงกลายเป็นพวกสุดท้ายที่มาทูลเชิญกษัตริย์กลับ?’ 13 และให้ไปบอกอามาสาว่า ‘เจ้าก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกับเราไม่ใช่หรือ? ขอพระเจ้าทรงจัดการกับเราอย่างสาหัส หากเจ้าไม่ได้เป็นแม่ทัพของเราแทนโยอาบนับแต่นี้’”

14 ดังนั้นบรรดาคนยูดาห์ก็ได้รับการโน้มน้าวใจจนมีมติเป็นเอกฉันท์ พวกเขามากราบทูลกษัตริย์ว่า “เชิญเสด็จกลับมาหาพวกข้าพระบาท พร้อมทั้งบรรดาผู้ที่ร่วมเสด็จด้วย” 15 กษัตริย์จึงเสด็จกลับ และมาถึงแม่น้ำจอร์แดน

ชาวยูดาห์พากันมาที่กิลกาลเพื่อรับเสด็จและส่งเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดน 16 ฝ่ายชิเมอีบุตรเกรา คนเบนยามินจากบาฮูริมรีบรุดมาสมทบกับคนยูดาห์เพื่อรับเสด็จกษัตริย์ดาวิด 17 คนที่มากับชิเมอีคือคนเบนยามินหนึ่งพันคน พร้อมทั้งศิบาข้าราชบริพารของซาอูล บุตรชายทั้งสิบห้าคนและคนใช้ยี่สิบคนของศิบา พวกเขารีบรุดมายังแม่น้ำจอร์แดนที่กษัตริย์ประทับอยู่ 18 พวกเขากุลีกุจอส่งเชื้อพระวงศ์ข้ามฟาก และให้ความช่วยเหลือต่างๆ นานา

เมื่อชิเมอีบุตรเกราข้ามแม่น้ำจอร์แดนมา เขาหมอบกราบลงต่อหน้ากษัตริย์ดาวิด 19 และทูลว่า “ขอโปรดอภัยโทษแก่ข้าพระบาท และอย่าทรงจดจำสิ่งผิดพลาดที่ข้าพระบาทได้ทำเมื่อครั้งฝ่าพระบาทเสด็จออกจากเยรูซาเล็มด้วยเถิด 20 เพราะผู้รับใช้สำนึกว่าได้ทำบาปไปแล้ว ข้าพระบาทจึงมาที่นี่ในวันนี้เป็นคนแรกสุดของวงศ์วานโยเซฟที่มารับเสด็จ”

21 อาบีชัยบุตรนางเศรุยาห์ทูลว่า “ชิเมอีไม่สมควรตายหรอกหรือที่ได้บังอาจแช่งด่ากษัตริย์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเจิมตั้งไว้?”

22 ดาวิดตรัสว่า “บุตรนางเศรุยาห์เอ๋ย เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาก้าวก่าย! ควรหรือที่จะมีใครในอิสราเอลถูกประหารในวันนี้? เราไม่รู้หรือว่าวันนี้เราคือกษัตริย์ของอิสราเอล?” 23 แล้วกษัตริย์จึงตรัสกับชิเมอีว่า “เราไว้ชีวิตเจ้า” และทรงสาบานรับรอง

24 เมฟีโบเชทหลานชายของซาอูลก็มารับเสด็จด้วย เขาไม่ได้ดูแลเท้าหรือซักเสื้อผ้าหรือขริบเคราเลยตั้งแต่วันที่กษัตริย์เสด็จจากไปจวบจนเสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ 25 เมื่อเมฟีโบเชทเดินทางจากเยรูซาเล็มมาเข้าเฝ้า กษัตริย์ตรัสถามว่า “เมฟีโบเชท ทำไมเจ้าจึงไม่ไปกับเรา?”

26 เขาทูลว่า “ข้าแต่องค์กษัตริย์ เพราะข้าพระบาทขาพิการจึงสั่งศิบาว่า ‘จงจัดอานลาให้เราได้ตามเสด็จ’ แต่ศิบาทรยศ 27 เขาทูลใส่ร้ายหาว่าข้าพระบาทไม่ยอมไป แต่ฝ่าพระบาททรงเป็นเหมือนทูตของพระเจ้า ขอทรงทำต่อข้าพระบาทตามที่ทรงเห็นชอบเถิด 28 วงศ์วานทั้งหมดของเสด็จปู่ของข้าพระบาท ไม่สมควรได้รับสิ่งใดจากฝ่าพระบาทนอกจากความตาย แต่ฝ่าพระบาทกลับประทานเกียรติให้ร่วมโต๊ะเสวย ดังนั้นข้าพระบาทจะปริปากทูลอะไรได้?”

29 ดาวิดตรัสว่า “จะพูดให้มากความไปทำไม? เจ้ากับศิบาจงแบ่งที่ดินกัน”

30 เมฟีโบเชททูลว่า “ให้เขาเอาไปทั้งหมดเถิด ในเมื่อฝ่าพระบาทเสด็จกลับมาโดยปลอดภัยเช่นนี้แล้ว”

31 บารซิลลัยชาวกิเลอาดก็มาจากเมืองโรเกลิมด้วยเพื่อตามเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดนและส่งเสด็จ 32 บารซิลลัยชรามาก อายุได้แปดสิบปีแล้ว เขาได้นำเสบียงอาหารมาถวายขณะกษัตริย์ประทับอยู่ที่มาหะนาอิม เพราะเขาร่ำรวยมาก 33 กษัตริย์ตรัสกับบารซิลลัยว่า “ข้ามมาอยู่กับเราที่กรุงเยรูซาเล็มเถิด เราจะดูแลท่านเอง”

34 แต่บารซิลลัยกราบทูลว่า “ข้าพระบาทจะอยู่ไปได้อีกกี่ปี พระองค์จึงให้ตามเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม? 35 บัดนี้ข้าพระบาทอายุแปดสิบปีแล้ว อะไรดีไม่ดีจะแยกแยะได้หรือ? กินดื่มอะไรจะลิ้มรสได้หรือ? เสียงนักร้องชายหญิงจะได้ยินหรือ? ควรหรือที่ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะไปเพิ่มภาระให้แก่ฝ่าพระบาท? 36 ข้าพระบาทจะขอตามเสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเท่านั้น ฝ่าพระบาทจะปูนบำเหน็จให้ทำไมเล่า? 37 ข้าพระบาทขอกลับไปตายที่บ้านเกิดเมืองนอน ใกล้ๆ อุโมงค์ฝังศพของบิดามารดา แต่นี่คือคิมฮามผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท ขอให้เขาตามเสด็จฝ่าพระบาทไป ขอทรงทำแก่เขาตามที่ทรงเห็นชอบเถิด”

38 กษัตริย์ดาวิดตรัสว่า “คิมฮามจะไปกับเรา เราจะปฏิบัติต่อเขาตามที่ท่านเห็นสมควร สิ่งใดที่ท่านอยากได้จากเรา เราจะทำให้ท่าน”

39 ฉะนั้นประชากรทั้งหมดจึงข้ามแม่น้ำจอร์แดน แล้วกษัตริย์ก็เสด็จข้ามไป ดาวิดทรงจูบและให้พรแก่บารซิลลัย แล้วบารซิลลัยก็กลับบ้าน

40 กษัตริย์เสด็จต่อไปยังกิลกาล ให้คิมฮามตามเสด็จไปด้วย กำลังพลยูดาห์ทั้งหมดและทหารอิสราเอลครึ่งหนึ่งคอยรับเสด็จอยู่ที่นั่นแล้ว

41 แล้วคนอิสราเอลทั้งหมดมาเข้าเฝ้ากษัตริย์และทูลว่า “เหตุใดพี่น้องชนยูดาห์จึงชิงตัดหน้าเชิญกษัตริย์กับราชวงศ์และข้าราชบริพารข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปก่อน?”

42 คนยูดาห์โต้ตอบว่า “เราทำเช่นนั้นก็เพราะกษัตริย์ทรงเกี่ยวโยงใกล้ชิดกับพวกเรา ทำไมเรื่องแค่นี้พวกท่านต้องโกรธด้วย? เรากินเสบียงใดๆ ของกษัตริย์หรือ? มีสิ่งใดที่เราฉกฉวยมาเป็นของตนหรือ?”

43 คนอิสราเอลโต้กลับว่า “พวกเรามีสิทธิ์ในองค์กษัตริย์สิบส่วน มิหนำซ้ำเรามีสิทธิ์ในกษัตริย์ดาวิดมากกว่าพวกท่าน ทำไมพวกท่านไม่ไว้หน้าพวกเรา? เราเป็นพวกแรกใช่ไหมที่พูดถึงเรื่องการเชิญกษัตริย์เสด็จกลับมา?”

แต่คนยูดาห์โต้ตอบด้วยวาจาเผ็ดร้อนยิ่งกว่าคนอิสราเอล

เชบากบฏ

20 มีผู้ก่อความไม่สงบคนหนึ่งชื่อเชบาบุตรบิครีชาวเบนยามินเผอิญอยู่ที่นั่น เขาเป่าแตรเขาสัตว์และร้องตะโกนว่า

“เราไม่มีส่วนอะไรกับดาวิด
เราไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบุตรเจสซี!
พี่น้องอิสราเอลทั้งหลายเอ๋ย จงกลับบ้านกันเถิด!”

คนอิสราเอลทั้งปวงจึงทิ้งดาวิดไปติดตามเชบาบุตรบิครี แต่คนยูดาห์อยู่เคียงข้างกษัตริย์ของตน ตามเสด็จตลอดทางจากแม่น้ำจอร์แดนสู่กรุงเยรูซาเล็ม

เมื่อดาวิดเสด็จมาถึงวังในเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงกักตัวสนมทั้งสิบซึ่งทรงทิ้งไว้ให้คอยรักษาวังนั้นไว้ที่ตำหนักแห่งหนึ่ง และให้ได้รับการเลี้ยงดูตามความต้องการ แต่กษัตริย์ไม่ได้รับเป็นสนมอีกต่อไป นางสนมเหล่านั้นจึงถูกกักอยู่ในฐานะแม่ม่ายจนวันตาย

จากนั้นกษัตริย์ตรัสสั่งอามาสาว่า “จงระดมพลยูดาห์มาที่นี่ภายในสามวัน แล้วตัวเจ้าก็จงมาด้วย” แต่เมื่ออามาสาออกไประดมพลยูดาห์ เขาใช้เวลาเกินกว่าที่กษัตริย์กำหนดไว้

ดาวิดตรัสกับอาบีชัยว่า “เชบาบุตรบิครีจะเป็นภัยต่อเรายิ่งกว่าอับซาโลมเสียอีก จงนำคนของเราตามล่าเอาตัวเขามา ก่อนที่เขาจะหนีเข้าเมืองป้อมปราการพ้นมือเราไปได้” คนของโยอาบ คนเคเรธี และคนเปเลท กับนักรบแกล้วกล้าทั้งหลายจึงยกออกไปจากกรุงเยรูซาเล็มภายใต้การนำของอาบีชัยเพื่อตามล่าเชบาบุตรบิครี

ขณะที่พวกเขามาถึงศิลาใหญ่แห่งกิเบโอน อามาสามาพบกับพวกเขาที่นั่น โยอาบแต่งชุดออกศึก คาดดาบสั้นพร้อมฝักไว้ที่เอว เขาก้าวเข้าไปทักทายอามาสาและแอบชักดาบสั้นออกจากฝัก

โยอาบพูดว่า “เป็นอย่างไรบ้างน้องชาย?” แล้วใช้มือขวาจับหนวดของอามาสาทำท่าเหมือนจะจูบ 10 อามาสาไม่ทันสังเกตดาบสั้นในมือโยอาบ โยอาบจึงแทงเข้าที่ท้องจนไส้ทะลักออกมาที่พื้น โดยไม่ต้องแทงซ้ำ อามาสาตายคาที่ แล้วโยอาบกับอาบีชัยน้องชายก็ตามล่าเชบาบุตรบิครีต่อไป

11 ทหารคนหนึ่งของโยอาบยืนข้างร่างของอามาสาและกล่าวว่า “ผู้ใดชื่นชอบโยอาบและผู้ใดเป็นฝ่ายดาวิด จงตามโยอาบมา” 12 ส่วนอามาสานอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน และเมื่อทหารคนนั้นเห็นทหารทั้งหมดหยุดดูศพของอามาสา เขาจึงลากศพจากถนนไปทิ้งไว้กลางทุ่งและโยนเสื้อผ้าคลุมไว้ 13 เมื่อกำจัดร่างของอามาสาออกไปให้พ้นทางแล้ว ทุกคนต่างก็สมทบกับโยอาบ ออกตามล่าเชบาบุตรบิครี

14 ฝ่ายเชบาเดินทางไปทั่วทุกเผ่าของอิสราเอลไปยังอาเบลเบธมาอาคาห์[a] และทั่วภูมิภาคของชาวเบไรต์ซึ่งรวมตัวกันมาติดตามเขา 15 กองกำลังของโยอาบมาโอบล้อมเชบาในอาเบลเบธมาอาคาห์ ก่อเชิงเทินใหญ่ต่อกับกำแพงเมือง แล้วเริ่มทลายกำแพง 16 หญิงเจ้าปัญญาคนหนึ่งร้องบอกจากตัวเมืองว่า “โปรดฟังหน่อยเถิด เรียกท่านโยอาบมาทางนี้ ดิฉันขอพูดด้วย” 17 เมื่อโยอาบมาถึง หญิงนั้นถามว่า “ท่านคือโยอาบหรือ?”

เขาตอบว่า “ใช่”

นางกล่าวว่า “โปรดฟังสิ่งที่ผู้รับใช้ของท่านจะพูด”

โยอาบตอบว่า “เราฟังอยู่”

18 นางกล่าวต่อไปว่า “เคยมีคำกล่าวไว้ว่า ‘ไปเอาคำตอบกับอาเบล’ แล้วเรื่องก็เรียบร้อย 19 เราเป็นพวกที่รักสันติและจงรักภักดีในอิสราเอล ท่านกำลังพยายามทำลายเมืองแม่ของอิสราเอล เหตุใดท่านจึงต้องการที่จะกลืนกินมรดกขององค์พระผู้เป็นเจ้า?”

20 โยอาบตอบว่า “ขอให้เรื่องนี้ห่างไกลจากเรา! เราไม่เคยคิดที่จะกลืนกินหรือทำลายเมืองนี้เลย! 21 เราต้องการแต่เพียงได้ตัวคนที่ชื่อเชบาบุตรบิครีจากแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิมซึ่งกบฏต่อกษัตริย์ดาวิด หากเจ้าเอาตัวชายคนนี้มาให้ เราก็จะถอนกำลังไปจากเมืองนี้”

หญิงนั้นตอบว่า “เราจะโยนหัวเขาข้ามกำแพงลงมาให้ท่าน”

22 หญิงนั้นจึงไปหาพวกชาวเมือง และให้คำปรึกษาอย่างฉลาดหลักแหลม พวกเขาก็ตัดศีรษะเชบาบุตรบิครีโยนลงมาให้โยอาบ โยอาบจึงเป่าแตรเขาสัตว์เรียกกองทหารให้แยกย้ายจากเมืองนั้นกลับบ้าน ส่วนโยอาบกลับมาเข้าเฝ้ากษัตริย์ที่กรุงเยรูซาเล็ม

23 โยอาบเป็นผู้บัญชาการกองทัพทั้งหมดของอิสราเอล เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาเป็นผู้บัญชาการ คนเคเรธีและคนเปเลท 24 อาโดนีรัม[b]เป็นผู้ดูแลคนงานโยธา เยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นอาลักษณ์หลวง 25 เชวาเป็นราชเลขา ศาโดกกับอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต 26 และอิราแห่งยาอีร์เป็นปุโรหิตของดาวิด

แก้แค้นให้ชาวกิเบโอน

21 ในรัชกาลของดาวิด เกิดการกันดารอาหารติดต่อกันเป็นเวลาสามปี ดาวิดจึงร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เป็นเพราะซาอูลได้สังหารชาวกิเบโอน เขาและครอบครัวต้องรับผิดชอบ”

กษัตริย์ดาวิดจึงทรงเรียกชาวกิเบโอนมาประชุม (กิเบโอนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอล แต่เป็นชาวอาโมไรต์ที่ได้รับการไว้ชีวิตตามที่ชาวอิสราเอลได้ปฏิญาณไว้ แต่ซาอูลพยายามกวาดล้างพวกเขา เพราะความกระตือรือร้นที่จะทำเพื่ออิสราเอลและยูดาห์) ดาวิดตรัสถามชาวกิเบโอนว่า “เราจะทำอะไรให้พวกท่านได้บ้าง? เราจะชดเชยให้ท่านได้อย่างไร เพื่อท่านจะได้อวยพรพวกเราซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า?”

ชาวกิเบโอนตอบว่า “ข้าพระบาททั้งหลายไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงินทองจากซาอูลกับราชวงศ์ และก็ไม่มีสิทธิ์เอาชีวิตใครในอิสราเอล”

ดาวิดตรัสว่า “ท่านต้องการให้เราทำอะไร?”

พวกเขากราบทูลว่า “สำหรับคนที่ทำลายล้างและคิดร้ายต่อพวกข้าพระบาทจนวอดวายและระเห็จจากอิสราเอล พวกข้าพระบาทขอลูกหลานที่เป็นชายของเขาเจ็ดคนมาประหารและประจานไว้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในเมืองกิเบอาห์ของซาอูลผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสรร”

ดาวิดตรัสว่า “เราจะมอบคนเหล่านั้นให้ท่าน”

ดาวิดทรงไว้ชีวิตเมฟีโบเชทผู้เป็นโอรสของโยนาธานและเป็นหลานชายของซาอูล เนื่องจากคำมั่นสัญญาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าระหว่างดาวิดกับโยนาธานราชโอรสของซาอูล แต่ทรงมอบตัวอารโมนีกับเมฟีโบเชทราชโอรสของซาอูลซึ่งเกิดจากนางริสปาห์ธิดาของอัยยาห์ ทั้งทรงมอบบุตรชายห้าคนของนางเมราบ[c] ราชธิดาของซาอูลซึ่งเกิดกับอาดรีเอลบุตรบารซิลลัยแห่งเมโหลาห์ ชาวกิเบโอนประหารและประจานคนเหล่านั้นไว้บนภูเขาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าคนทั้งเจ็ดก็สิ้นชีวิต ขณะนั้นเป็นต้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์

10 นางริสปาห์ธิดาของอัยยาห์คลี่ผ้ากระสอบลงบนหินก้อนหนึ่งสำหรับตน และพักอยู่ที่นั่นตลอดฤดูเก็บเกี่ยวจนฝนเริ่มโปรยปรายลงบนร่างเหล่านั้น นางคอยไล่นกแร้งที่จะมาจิกกินซากศพในเวลากลางวันและฝูงสัตว์ป่าในเวลากลางคืน 11 เมื่อดาวิดทรงทราบถึงการกระทำของนางริสปาห์ซึ่งเป็นธิดาของอัยยาห์และเป็นสนมของซาอูล 12 ก็เสด็จไปนำอัฐิของซาอูลกับโยนาธานราชโอรสมาจากชาวยาเบชกิเลอาด (ผู้แอบไปนำพระศพของซาอูลกับโยนาธานมาจากลานเมืองเบธชาน ที่ซึ่งคนฟีลิสเตียแขวนทั้งสองพระองค์ไว้หลังจากพวกเขารบชนะซาอูลที่กิลโบอา) 13 ดาวิดนำอัฐิของซาอูลกับโยนาธานราชโอรสมาจากที่นั่น และรวบรวมกระดูกของผู้ที่ถูกประหารและถูกประจานไว้ด้วยกัน

14 พวกเขาก็ฝังอัฐิของซาอูลกับโยนาธานราชโอรสไว้ในอุโมงค์ฝังศพของคีชบิดาของซาอูลที่เศลาเขตเบนยามิน และทำทุกสิ่งตามที่กษัตริย์ตรัสสั่ง หลังจากนั้นพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานเพื่อดินแดนนั้น

สงครามกับชาวฟีลิสเตีย(A)

15 คนฟีลิสเตียมาสู้รบกับอิสราเอลอีก ดาวิดเสด็จลงไปกับทหารเพื่อต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย และดาวิดทรงเหน็ดเหนื่อยและหมดกำลัง 16 อิชบีเบโนบวงศ์วานของราฟาเจ้าของหอกทองสัมฤทธิ์หนักประมาณ 3.5 กิโลกรัม[d] คาดดาบเล่มใหม่หมายจะปลงพระชนม์ดาวิด 17 แต่อาบีชัยบุตรนางเศรุยาห์ตรงรี่เข้ามาช่วยสังหารชาวฟีลิสเตียคนนั้น จากนั้นทหารของดาวิดประกาศว่า “ฝ่าพระบาทอย่าทรงออกรบอีกเลย เพื่อไม่ให้ดวงประทีปของอิสราเอลต้องดับไป”

18 ต่อมาในระหว่างการรบกับชาวฟีลิสเตียที่เมืองโกบ สิบเบคัยชาวหุชาห์ได้สังหารสัฟวงศ์วานของราฟา

19 และในการรบกับฟีลิสเตียอีกครั้งหนึ่งที่โกบ เอลฮานันบุตรยาอาเรโอเรกิม[e]ชาวเบธเลเฮม สังหารน้องชายของ[f]โกลิอัท ชาวกัท ผู้ซึ่งถือหอกด้ามใหญ่เหมือนไม้กระพั่นทอผ้า

20 ในการรบอีกครั้งที่เมืองกัท คนร่างยักษ์ผู้หนึ่งมีนิ้วมือนิ้วเท้าข้างละ 6 นิ้วรวมเป็น 24 นิ้วซึ่งเป็นวงศ์วานราฟาเช่นกัน 21 ได้มาข่มขู่อิสราเอล แต่ถูกโยนาธานบุตรชิเมอาพี่ชายของดาวิดสังหาร

22 ดาวิดและทหารปลิดชีพคนทั้งสี่นี้ซึ่งเป็นวงศ์วานของราฟาแห่งเมืองกัท

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.