Chronological
11 ฝ่ายกษัตริย์ฮีรามแห่งไทระได้ส่งผู้สื่อสารมาเข้าเฝ้าดาวิดพร้อมทั้งซุงไม้สนซีดาร์ และช่างไม้กับช่างก่อมาสร้างพระราชวังของดาวิด 12 ดาวิดทรงตระหนักว่าที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสถาปนาเขาเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล และทรงเชิดชูอาณาจักรของเขา ก็เพื่อเห็นแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์
13 หลังจากที่ย้ายจากเมืองเฮโบรนมาประทับที่กรุงเยรูซาเล็ม ดาวิดได้อภิเษกสมรสกับมเหสีองค์อื่นๆ และมีสนมหลายคน มีราชโอรสราชธิดาเพิ่มอีกหลายองค์ 14 ราชโอรสซึ่งประสูติที่กรุงเยรูซาเล็มได้แก่ ชัมมุอา โชบับ นาธัน โซโลมอน 15 อิบฮาร์ เอลีชูอา เนเฟก ยาเฟีย 16 เอลีชามา เอลียาดา และเอลีเฟเลท
ดาวิดพิชิตฟีลิสเตีย(A)
17 เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ข่าวว่าดาวิดได้รับการเจิมตั้งให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ก็ระดมพลทั้งหมดมาตามหาดาวิด แต่ดาวิดทรงทราบเรื่องจึงเสด็จเข้าในที่มั่น 18 ครั้นชาวฟีลิสเตียมาถึงก็กระจายพลทั่วหุบเขาเรฟาอิม 19 ดาวิดจึงทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพระองค์ควรออกไปโจมตีพวกฟีลิสเตียหรือไม่? พระองค์จะทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของข้าพระองค์หรือไม่?”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ไปเถิด เพราะเราจะมอบพวกฟีลิสเตียให้เจ้าแน่นอน”
20 ดาวิดจึงบุกเข้าโจมตีทัพฟีลิสเตียที่บาอัลเปราซิมและมีชัยชนะ ดาวิดตรัสว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงถาโถมเข้าใส่ศัตรูของข้าพเจ้าดั่งสายน้ำเชี่ยว” ที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า บาอัลเปราซิม[a] 21 ครั้งนั้นดาวิดและกองทหารยึดเทวรูปซึ่งชาวฟีลิสเตียทิ้งไว้ได้มากมาย
22 แต่ชาวฟีลิสเตียกลับมาอีก และกระจายกำลังทั่วหุบเขาเรฟาอิม 23 ดาวิดจึงทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระองค์ตรัสว่า “อย่าบุกโจมตีทางด้านหน้า แต่จงโอบล้อมด้านหลัง แล้วรุกเข้าโจมตีทางด้านหน้าของหมู่ต้นยางสน 24 เมื่อเจ้าได้ยินเสียงคล้ายเสียงย่ำเท้าบนยอดต้นยางสน จงบุกเข้าไปโดยเร็ว เพราะเป็นสัญญาณว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าได้เสด็จไปล่วงหน้าเพื่อเล่นงานกองทัพฟีลิสเตียแล้ว” 25 ดังนั้นดาวิดก็ทำตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่ง และทำลายล้างชาวฟีลิสเตียตลอดทางตั้งแต่เมืองกิเบโอน[b] จนถึงเมืองเกเซอร์
ดาวิดอัญเชิญหีบพันธสัญญามายังเยรูซาเล็ม(B)
6 แล้วดาวิดนำพลอิสราเอลที่เลือกสรรแล้วสามหมื่นคน 2 ไปยังบาอาลาห์แห่งยูดาห์[c] เพื่ออัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าซึ่งเรียกตามพระนามคือ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ผู้ประทับระหว่างเครูบบนหีบนั้น 3 พวกเขาตั้งหีบพันธสัญญาของพระเจ้าบนเกวียนใหม่ และนำลงมาจากบ้านของอาบีนาดับซึ่งอยู่บนภูเขา โดยมีอุสซาห์กับอาหิโยบุตรอาบีนาดับเป็นผู้นำเกวียน 4 ที่บรรทุกหีบพันธสัญญาของพระเจ้าและอาหิโยเดินนำหน้า 5 ดาวิดและปวงชนอิสราเอลเฉลิมฉลองอย่างเต็มที่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า มีการขับร้องและบรรเลงดนตรี[d]ด้วยพิณเขาคู่ พิณใหญ่ รำมะนา กรับและฉาบ
6 เมื่อพวกเขามาถึงลานนวดข้าวของนาโคน วัวสะดุดเสียหลัก อุสซาห์ยื่นมือออกไปยึดหีบพันธสัญญาของพระเจ้าไว้ 7 พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงพลุ่งขึ้นต่ออุสซาห์ และทรงประหารเขาที่บังอาจทำอย่างไม่ยำเกรงพระองค์ เขาตายอยู่ข้างหีบพันธสัญญาของพระเจ้า
8 ดาวิดไม่พอพระทัยเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอุสซาห์ ที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า เปเรศอุสซาห์[e]จวบจนบัดนี้
9 ในวันนั้นดาวิดรู้สึกเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้าและตรัสว่า “เราจะนำหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ากลับบ้านได้อย่างไร?” 10 ฉะนั้นจึงทรงดำริไม่นำหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ากลับมายังเมืองดาวิด แต่นำไปไว้ที่บ้านของโอเบดเอโดมแห่งกัท 11 หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามเดือน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรแก่โอเบดเอโดมแห่งกัทและทุกคนในครัวเรือน
12 มีคนมาทูลกษัตริย์ดาวิดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรครอบครัวโอเบดเอโดมและทุกสิ่งที่เขามีเนื่องด้วยหีบพันธสัญญาของพระเจ้า” ดังนั้นดาวิดจึงเสด็จไปอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าจากบ้านของโอเบดเอโดมมายังเมืองดาวิดด้วยความยินดี 13 เมื่อผู้หามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเดินไปได้หกก้าว ดาวิดก็ถวายวัวผู้หนึ่งตัวและลูกวัวขุนหนึ่งตัว 14 ดาวิดทรงสวมเอโฟดลินิน เต้นรำต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดกำลัง 15 ดาวิดและอิสราเอลทั้งปวงอัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงแตร
16 ขณะที่หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าผ่านเข้ามาในเมืองดาวิด มีคาลราชธิดาของซาอูลมองจากหน้าต่างเห็นกษัตริย์ดาวิดทรงโลดเต้นและร่ายรำต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าก็นึกดูแคลนอยู่ในใจ
17 พวกเขาอัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาตั้งไว้ในเต็นท์ซึ่งดาวิดทรงจัดเตรียมไว้ แล้วดาวิดถวายเครื่องเผาบูชา และเครื่องสันติบูชาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า 18 หลังจากที่ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาเสร็จแล้ว ดาวิดก็ทรงอำนวยพรแก่ประชากรในพระนามของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ 19 และประทานขนมปัง อินทผลัมอัด และขนมลูกเกดอย่างละหนึ่งก้อนแก่ทุกคนทั้งชายและหญิง แล้วประชาชนทั้งปวงพากันกลับบ้าน
20 ส่วนดาวิดเสด็จกลับวังมาอวยพรแก่บรรดาเชื้อพระวงศ์ แต่มีคาลราชธิดาของซาอูลออกมารับเสด็จ และตรัสว่า “วันนี้กษัตริย์แห่งอิสราเอลสง่าภาคภูมิจริงนะ ทรงเปลื้องอาภรณ์ต่อหน้าทาสหญิงเหมือนคนถ่อยไร้ยางอาย!”
21 ดาวิดตรัสว่า “เราทำเช่นนี้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเลือกและแต่งตั้งเราให้เป็นผู้ปกครองเหนืออิสราเอลประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าแทนที่จะเลือกราชบิดาของเจ้าหรือคนใดคนหนึ่งในวงศ์ตระกูลของเขา ดังนั้นเราจะเฉลิมฉลองต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า 22 แม้ว่าเราจะดูไร้เกียรติมากกว่านี้และดูด้อยค่าในสายตาของเราเอง แต่พวกทาสหญิงที่เจ้าเอ่ยมาก็จะยังคงให้เกียรติเรา”
23 และมีคาลราชธิดาของซาอูลก็ไม่มีราชโอรสราชธิดาเลยตลอดชีวิต
อัญเชิญหีบพันธสัญญากลับมา(A)
13 ดาวิดทรงหารือกับแม่ทัพนายกองทั้งปวง 2 แล้วตรัสกับชุมชนอิสราเอลทั้งปวงว่า “หากท่านทั้งหลายเห็นดีและเป็นพระประสงค์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ให้เราส่งข่าวไปยังพี่น้องของเราทั่วแดนอิสราเอลทั้งใกล้หรือไกล รวมทั้งบรรดาปุโรหิตและคนเลวีในเมืองและในทุ่งหญ้าของพวกเขาให้มาร่วมกับเรา 3 ให้เราอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าของเรากลับคืนมา เพราะในรัชกาลกษัตริย์ซาอูล เราได้ละเลยหีบนั้น[a]” 4 ชุมนุมประชากรทั้งหมดล้วนเห็นพ้องต้องกัน เพราะพวกเขาเห็นว่าเป็นสิ่งถูกต้อง
5 ดาวิดจึงทรงชุมนุมพลอิสราเอลทั่วแดน ตั้งแต่แม่น้ำชิโหร์ในอียิปต์จนจดเมืองเลโบฮามัท[b] เพื่ออัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามาจากคีริยาทเยอาริม 6 ดาวิดและชนอิสราเอลทั้งปวงจึงไปยังบาอาลาห์แห่งยูดาห์ (คีริยาทเยอาริม) เพื่ออัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าพระยาห์เวห์ซึ่งประทับระหว่างเครูบ อันเป็นหีบพันธสัญญาที่เรียกตามพระนาม
7 พวกเขาอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าจากบ้านของอาบีนาดับขึ้นบนเกวียนเล่มใหม่ โดยมีอุสซาห์และอาหิโยเป็นผู้นำทางมา 8 ดาวิดกับประชากรอิสราเอลทั้งปวงเฉลิมฉลองอย่างเต็มที่ต่อหน้าพระเจ้า มีการขับร้องและบรรเลงดนตรีด้วยพิณเขาคู่ พิณใหญ่ รำมะนา ฉาบ และแตร
9 เมื่อพวกเขามาถึงลานนวดข้าวของคิโดน วัวสะดุดเสียหลัก อุสซาห์ยื่นมือออกรับหีบพันธสัญญา 10 พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงพลุ่งขึ้นต่ออุสซาห์ พระองค์ทรงประหารเขาที่ยื่นมือออกแตะต้องหีบพันธสัญญา เขาจึงสิ้นชีวิตลงต่อหน้าพระเจ้า
11 ดาวิดไม่พอพระทัยเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอุสซาห์ สถานที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า เปเรศอุสซาห์[c]ตั้งแต่นั้นมา
12 ในวันนั้นดาวิดเกรงกลัวพระเจ้าและตรัสว่า “เราจะนำหีบพันธสัญญาของพระเจ้ากลับไปกับเราได้อย่างไร?” 13 ในที่สุดดาวิดก็ไม่ได้อัญเชิญหีบพันธสัญญาไปยังเมืองดาวิด แต่นำไปไว้ที่บ้านของโอเบดเอโดมชาวกัท 14 หีบพันธสัญญาคงอยู่กับครอบครัวของโอเบดเอโดมตลอดสามเดือน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรครัวเรือนและกิจการงานทุกอย่างของเขา
ครอบครัวของดาวิด(B)
14 กษัตริย์ฮีรามแห่งเมืองไทระส่งทูตมาเข้าเฝ้าดาวิด พร้อมกับช่างสกัดหินและช่างไม้ และส่งซุงไม้สนซีดาร์มาเพื่อช่วยสร้างพระราชวังของดาวิด 2 ดาวิดทรงตระหนักว่าที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสถาปนาดาวิดเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล และทรงเชิดชูอาณาจักรของดาวิดอย่างมาก ก็เพื่อเห็นแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์
3 ที่กรุงเยรูซาเล็มดาวิดทรงมีมเหสีอื่นๆ อีกและมีโอรสธิดามากมาย 4 โอรสซึ่งประสูติที่นั่นได้แก่ ชัมมุวา โชบับ นาธัน โซโลมอน 5 อิบฮาร์ เอลีชูอา เอลเปเลท 6 โนกาห์ เนเฟก ยาเฟีย 7 เอลีชามา เบเอลยาดา[d] และเอลีเฟเลท
ดาวิดพิชิตชาวฟีลิสเตีย(C)
8 เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ข่าวว่าดาวิดได้รับการเจิมตั้งเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ก็ระดมพลทั้งหมดมาตามหาดาวิด ดาวิดทรงทราบเรื่องจึงออกไปรับมือ 9 เมื่อชาวฟีลิสเตียมาถึงและได้บุกเข้าปล้นหุบเขาเรฟาอิม 10 ดาวิดจึงทูลถามพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ควรออกไปโจมตีพวกฟีลิสเตียหรือไม่? พระองค์จะทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของข้าพระองค์หรือไม่?”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ไปเถิด เราจะมอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้า”
11 ดาวิดกับพวกจึงบุกเข้าโจมตีทัพฟีลิสเตียที่บาอัลเปราซิมและมีชัยชนะ ดาวิดตรัสว่า “พระเจ้าทรงถาโถมเข้าใส่ศัตรูของข้าพเจ้าดั่งสายน้ำเชี่ยวด้วยมือของข้าพเจ้า” ที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า บาอัลเปราซิม[e] 12 ชาวฟีลิสเตียทิ้งรูปเคารพของตนไว้ และดาวิดสั่งให้เผาทิ้ง
13 ต่อมาชาวฟีลิสเตียมาปล้นหุบเขาแห่งนั้นอีก 14 ดาวิดจึงทูลถามพระเจ้าอีกและพระเจ้าตรัสตอบว่า “อย่าบุกโจมตีทางด้านหน้า แต่จงโอบล้อมแล้วรุกเข้าโจมตีทางด้านหน้าของหมู่ต้นยางสน 15 เมื่อเจ้าได้ยินเสียงคล้ายเสียงย่ำเท้าบนยอดต้นยางสน จงบุกเข้าโจมตี เพราะเป็นสัญญาณว่าพระเจ้าได้เสด็จไปล่วงหน้าเพื่อเล่นงานกองทัพฟีลิสเตียแล้ว” 16 ดังนั้นดาวิดก็ทำตามที่พระเจ้าตรัสสั่ง และทำลายล้างทัพฟีลิสเตียตลอดทางตั้งแต่เมืองกิเบโอนจนถึงเมืองเกเซอร์
17 ชื่อเสียงของดาวิดจึงเลื่องลือไปทั่วทุกแดน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ชนชาติทั้งปวงยำเกรงดาวิด
อัญเชิญหีบพันธสัญญามายังกรุงเยรูซาเล็ม(D)
15 หลังจากดาวิดได้สร้างพระตำหนักต่างๆ สำหรับพระองค์ในเมืองดาวิดแล้ว ดาวิดก็ทรงเตรียมที่สำหรับหีบพันธสัญญาของพระเจ้าและตั้งพลับพลาขึ้นหลังหนึ่ง 2 แล้วดาวิดตรัสว่า “อย่าให้ผู้ใดอื่นเว้นแต่ชนเลวีอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้า เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกพวกเขาให้หามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า และรับใช้อยู่ต่อหน้าพระองค์ตลอดไป”
3 ดาวิดจึงทรงให้เรียกชุมนุมอิสราเอลทั้งปวงในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่ออัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายังที่ซึ่งดาวิดจัดเตรียมไว้ 4 แล้วทรงให้วงศ์วานของอาโรนและชนเลวีมาพร้อมหน้ากัน
5 จากวงศ์วานโคฮาท
อุรีเอลเป็นหัวหน้าและญาติ 120 คน
6 จากวงศ์วานเมรารี
อาสายาห์เป็นหัวหน้าและญาติ 220 คน
7 จากวงศ์วานเกอร์โชน[f]
โยเอลเป็นหัวหน้าและญาติ 130 คน
8 จากวงศ์วานเอลีซาฟาน
เชไมอาห์เป็นหัวหน้าและญาติ 200 คน
9 จากวงศ์วานเฮโบรน
เอลีเอลเป็นหัวหน้าและญาติ 80 คน
10 จากวงศ์วานอุสซีเอล
อัมมีนาดับเป็นหัวหน้าและญาติ 112 คน
11 แล้วดาวิดทรงบัญชาให้ปุโรหิตทั้งสองคือ ศาโดกกับอาบียาธาร์ และคนเลวีได้แก่ อุรีเอล อาสายาห์ โยเอล เชไมอาห์ เอลีเอล และอัมมีนาดับมาเข้าเฝ้า 12 แล้วตรัสว่า “ท่านทั้งหลายเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆ ของเลวี ท่านและพวกพ้องชาวเลวีจงชำระตนให้บริสุทธิ์และนำหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลมายังสถานที่ซึ่งเราได้จัดเตรียมไว้ 13 ครั้งก่อนพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงพระพิโรธพวกเรา เพราะพวกท่านซึ่งเป็นคนเลวีไม่ได้เป็นผู้อัญเชิญหีบพันธสัญญา เราไม่ได้ทูลถามพระองค์ถึงวิธีการที่จะนำหีบมาตามที่ทรงกำหนดไว้” 14 ฉะนั้นเหล่าปุโรหิตและคนเลวีจึงชำระตนเพื่ออัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล 15 จากนั้นคนเลวีได้ยกหีบพันธสัญญาของพระเจ้าขึ้นบ่าโดยใช้คานหาม ตามที่โมเสสได้สั่งไว้ตามพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า
16 ดาวิดตรัสสั่งบรรดาหัวหน้าของคนเลวีให้แต่งตั้งพี่น้องเป็นนักร้อง เพื่อขับร้องบทเพลงรื่นเริงยินดีคลอเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ ได้แก่ พิณใหญ่ พิณเขาคู่ และฉาบ
17 ชนเลวีจึงแต่งตั้งเฮมานบุตรโยเอล แต่งตั้งอาสาฟบุตรเบเรคิยาห์จากหมู่พี่น้องของเขา และแต่งตั้งเอธานบุตรคูชายาห์จากพี่น้องตระกูลเมรารี 18 พี่น้องที่เป็นผู้ช่วยรองลงมาได้แก่ เศคาริยาห์[g] ยาอาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ เบไนยาห์ มาอาเสอาห์ มัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ มิกเนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล[h]ยามเฝ้าประตู
19 นักดนตรีคือเฮมาน อาสาฟ และเอธานเป็นผู้ตีฉาบทองสัมฤทธิ์ 20 เศคาริยาห์ เอซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ มาอาเสอาห์ และเบไนยาห์เล่นพิณใหญ่คลอตามทำนองอาลาโมท 21 มัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ มิกเนยาห์ โอเบดเอโดม เยอีเอล และอาซาซิยาห์ เล่นพิณเขาคู่คลอตามทำนองเชมินิท 22 เคนานิยาห์หัวหน้าของคนเลวีรับผิดชอบดูแลการขับร้องเพราะเขาเชี่ยวชาญมาก
23 เบเรคิยาห์และเอลคานาห์เป็นยามประตูเฝ้าหีบพันธสัญญา 24 เชบานิยาห์ โยชาฟัท เนธันเอล อามาสัย เศคาริยาห์ เบไนยาห์ และเอลีเอเซอร์ ล้วนเป็นปุโรหิตผู้เป่าแตรนำหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า โอเบดเอโดมกับเยฮียาห์ก็เป็นยามประตูเฝ้าหีบพันธสัญญาด้วย
25 ดาวิดและบรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลและนายทัพนายกองจึงไปอัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาจากบ้านของโอเบดเอโดมด้วยความชื่นชมยินดี 26 เพราะพระเจ้าทรงช่วยคนเลวีที่หามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาทั้งปวงจึงถวายวัวผู้เจ็ดตัวและแกะผู้เจ็ดตัว 27 ดาวิดพร้อมทั้งคนเลวีทั้งหมดที่อัญเชิญหีบพันธสัญญา คณะนักร้อง และเคนานิยาห์ผู้รับผิดชอบคณะนักร้องต่างก็สวมชุดผ้าลินิน ดาวิดทรงสวมเอโฟดลินินด้วย 28 เป็นอันว่าปวงชนอิสราเอลได้อัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายังกรุงเยรูซาเล็มท่ามกลางเสียงโห่ร้องชื่นชมยินดี เสียงเป่าเขาแกะและแตร เสียงฉาบ เสียงพิณใหญ่และพิณเขาคู่
29 ขณะที่หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเข้าสู่เมืองดาวิด มีคาลราชธิดาของซาอูลมองจากหน้าต่าง เห็นกษัตริย์ดาวิดทรงร่ายรำและเฉลิมฉลองก็นึกดูแคลนอยู่ในใจ
16 พวกเขาอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามาตั้งไว้ในพลับพลาซึ่งดาวิดทรงจัดเตรียมไว้ และถวายเครื่องเผาบูชากับเครื่องสันติบูชาต่อหน้าพระเจ้า 2 หลังจากที่ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาเสร็จแล้ว ดาวิดก็ทรงอวยพรประชาชนในพระนามของพระยาห์เวห์ 3 และประทานขนมปัง อินทผลัมอัด และขนมลูกเกดอย่างละหนึ่งก้อนแก่อิสราเอลทุกคนทั้งชายและหญิง
4 ดาวิดทรงแต่งตั้งคนเลวีบางคนให้ปฏิบัติงานอยู่หน้าหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า โดยการทูลขอ ขอบพระคุณ และถวายคำสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้แก่ 5 อาสาฟเป็นหัวหน้า รองลงมาคือเศคาริยาห์ คนอื่นๆ ได้แก่ เยอีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล มัททีธิยาห์ เอลีอับ เบไนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล คนเหล่านี้เล่นพิณใหญ่และพิณเขาคู่ อาสาฟเป็นผู้ตีฉาบ 6 ปุโรหิตเบไนยาห์และยาฮาซีเอลเป่าแตรเป็นประจำหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า
บทสดุดีขอบพระคุณของดาวิด(E)
7 ในวันนั้นดาวิดทรงมอบบทสดุดีขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าให้อาสาฟกับผู้ช่วยของเขาเป็นครั้งแรกดังนี้ว่า
8 จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า และร้องทูลออกพระนามของพระองค์
ให้ประชาชาติทั้งหลายได้รู้ถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำ
9 จงร้องเพลงถวายพระองค์ ร้องสรรเสริญถวายพระองค์
บอกถึงพระราชกิจอันมหัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์
10 จงเทิดทูนพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
ให้จิตใจของผู้ที่แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าชื่นชมยินดี
11 จงหมายพึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าและพลังอำนาจของพระองค์
จงแสวงหาพระพักตร์พระองค์เสมอ
12 จงระลึกถึงปาฏิหาริย์ที่พระองค์ทรงกระทำ
ถึงการอัศจรรย์และคำพิพากษาที่พระองค์ทรงประกาศ
13 วงศ์วานอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์เอ๋ย
ลูกหลานของยาโคบที่ทรงเลือกสรรเอ๋ย
14 พระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
การพิพากษาของพระองค์อยู่ทั่วพื้นแผ่นดินโลก
15 พระองค์ทรงระลึกถึง[i]พันธสัญญาของพระองค์ตลอดกาล
ทรงระลึกถึงพระดำรัสที่ทรงบัญชาไว้ตลอดพันชั่วอายุคน
16 พันธสัญญาที่พระองค์ทรงทำกับอับราฮัม
คำปฏิญาณที่พระองค์ทรงสัญญากับอิสอัค
17 พระองค์ทรงยืนยันต่อยาโคบเป็นกฎเกณฑ์
ต่ออิสราเอลเป็นพันธสัญญานิรันดร์
18 “เราจะยกดินแดนคานาอันให้เจ้า
ให้เป็นมรดกของเจ้าทั้งหลาย”
19 เมื่ออิสราเอลยังมีจำนวนน้อยนัก
น้อยเหลือเกิน และเป็นเพียงคนแปลกหน้าในดินแดนนั้น
20 พวกเขา[j]ระเหเร่ร่อนจากชนชาติหนึ่งไปอีกชนชาติหนึ่ง
จากอาณาจักรหนึ่งไปอีกอาณาจักรหนึ่ง
21 พระองค์ไม่ทรงยอมให้ใครข่มเหงรังแกเขา
เพราะเห็นแก่เขา พระองค์ทรงกำราบกษัตริย์ทั้งหลาย
22 “อย่าแตะต้องบรรดาผู้ที่เราเจิมตั้งไว้
อย่าทำอันตรายใดๆ แก่เหล่าผู้เผยพระวจนะของเรา”
23 ทั่วทั้งโลกจงร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า
จงประกาศความรอดของพระองค์ทุกๆ วัน
24 จงประกาศพระเกียรติสิริของพระองค์ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย
ประกาศพระราชกิจล้ำเลิศของพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งมวล
25 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยิ่งใหญ่นัก และควรแก่การสรรเสริญเป็นที่สุด
พระองค์ทรงเป็นที่เคารพยำเกรงเหนือพระทั้งปวง
26 เพราะพระของชนชาติต่างๆ เป็นเพียงรูปเคารพ
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างฟ้าสวรรค์
27 สง่าราศีและพระบารมีอยู่ต่อหน้าพระองค์
พระเดชานุภาพและความปีติยินดีอยู่ในที่ประทับของพระองค์
28 ทุกครอบครัวในชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงพระเกียรติสิริและพระเดชานุภาพของพระองค์
29 จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าตามพระเกียรติสิริที่ควรแก่พระนามของพระองค์
จงนำเครื่องบูชามาต่อหน้าพระองค์
จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าใน[k]สง่าราศีแห่งความบริสุทธิ์ของพระองค์
30 โลกทั้งโลกจงสั่นสะท้านต่อหน้าพระองค์
โลกได้รับการสถาปนาไว้อย่างมั่นคง จะไม่มีวันคลอนแคลน
31 ฟ้าสวรรค์จงชื่นชมยินดี แผ่นดินโลกจงเปรมปรีดิ์
ให้ประชาชาติทั้งหลายกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครอง!”
32 ท้องทะเลและสรรพสิ่งในนั้นจงแซ่ซ้องกังวาน
ท้องทุ่งและทุกสิ่งในนั้นจงร่าเริง
33 แล้วต้นไม้ในป่าจะร้องเพลง
พวกมันจะร้องเพลงอย่างชื่นบานต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์เสด็จมาเพื่อพิพากษาแผ่นดินโลก
34 จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงแสนดี
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
35 จงร้องทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่พระเจ้า องค์พระผู้ช่วยให้รอด ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอด
ขอทรงรวบรวมและกอบกู้ข้าพระองค์ทั้งหลายจากชนชาติต่างๆ
เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะขอบพระคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะยกย่องสรรเสริญพระองค์”
36 ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
จากนิรันดร์กาลจวบจนนิรันดร์กาล
แล้วให้ปวงประชากรจงกล่าวว่า “อาเมน” และ “สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า”
37 ดาวิดทรงมอบหมายให้อาสาฟและคณะปฏิบัติหน้าที่อย่างสม่ำเสมอที่หน้าหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า โดยจัดการทุกอย่างให้ครบถ้วนตามข้อกำหนดทุกวัน 38 และให้โอเบดเอโดม และเพื่อนร่วมงาน 68 คนร่วมปรนนิบัติด้วย โอเบดเอโดมบุตรเยดูธูนและโฮสาห์เป็นยามเฝ้าประตู
39 ดาวิดทรงให้ปุโรหิตศาโดกและปุโรหิตคนอื่นๆ ซึ่งรับใช้ร่วมกันกับเขาประจำอยู่ที่พลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าบนสถานบูชาบนที่สูงในกิเบโอน 40 เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทุกเช้าทุกเย็นตามที่บันทึกไว้ในบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ประทานแก่อิสราเอล 41 และให้เฮมาน เยดูธูน กับคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ได้รับเลือกและระบุชื่อไว้เป็นผู้ถวายคำขอบพระคุณแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์” 42 เฮมานกับเยดูธูนรับผิดชอบการเป่าแตร ตีฉาบ และบรรเลงเครื่องดนตรีต่างๆ คลอไปกับบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ บุตรทั้งหลายของเยดูธูนประจำอยู่ที่ประตู
43 จากนั้นประชาชนทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนดาวิดเสด็จกลับพระราชวังไปอวยพรเชื้อพระวงศ์
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.