Chronological
43 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงว่าความ
และสู้คดีแทนข้าพระองค์ต่อประชาชาติอธรรม
ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากคนชั่วร้ายและคนหลอกลวง
2 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า เป็นที่มั่นของข้าพระองค์
เหตุใดทรงทอดทิ้งข้าพระองค์?
เหตุใดข้าพระองค์ต้องระทมทุกข์
ต้องทนการข่มเหงรังแกของศัตรู?
3 ขอทรงโปรดส่งความสว่างและความจริงของพระองค์
มานำข้าพระองค์ไป
ให้สิ่งเหล่านั้นนำข้าพระองค์ไปสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
สู่ที่ประทับของพระองค์
4 แล้วข้าพระองค์จะไปยังแท่นบูชาของพระเจ้า
ไปยังพระเจ้าผู้ทรงเป็นความชื่นชมยินดี และความปลื้มปีติของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงพิณ
ข้าแต่พระเจ้า พระเจ้าของข้าพระองค์
5 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย เหตุใดเจ้าจึงท้อแท้?
เหตุใดจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายในข้าพเจ้า?
จงหวังในพระเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะยังคงสรรเสริญพระองค์
พระผู้ช่วยให้รอดและพระเจ้าของข้าพเจ้า
(ถึงหัวหน้านักร้อง มัสคิล[a]ของบุตรโคราห์)
44 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ยินมากับหู
บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายได้เล่าให้ฟัง
ถึงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำในสมัยของพวกเขา
เมื่อนานมาแล้ว
2 ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงขับไล่ชนชาติต่างๆ ออกไป
และทรงฝังรากบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย
พระองค์ทรงบดขยี้ชนเผ่าต่างๆ
และทรงทำให้เหล่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์เจริญรุ่งเรือง
3 ไม่ใช่ด้วยดาบที่ทำให้พวกเขาพิชิตดินแดนได้
ไม่ใช่ด้วยแขนของพวกเขาที่นำชัยชนะมา
แต่ด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์ ด้วยพระกรของพระองค์
และด้วยความสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงรักพวกเขา
4 พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของข้าพระองค์และเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์
ผู้ทรงกำหนด[b]ชัยชนะแก่ยาโคบ
5 โดยพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงขับไล่เหล่าศัตรูให้ล่าถอย
โดยพระนามของพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงบดขยี้ข้าศึก
6 ข้าพระองค์ไม่ได้วางใจในคันธนูของตน
ดาบไม่ได้นำชัยชนะมาให้ข้าพระองค์
7 แต่พระองค์ต่างหากทรงให้เราชนะศัตรู
พระองค์ทรงทำให้ปฏิปักษ์อับอายขายหน้า
8 ข้าพระองค์ทั้งหลายจะอวดพระเจ้าเรื่อยไป
จะสรรเสริญพระนามของพระองค์เป็นนิตย์
เสลาห์
9 แต่บัดนี้พระองค์ทรงทอดทิ้งและปล่อยให้ข้าพระองค์ทั้งหลายตกต่ำ
พระองค์ไม่ได้ร่วมทัพไปกับข้าพระองค์ทั้งหลายอีกแล้ว
10 พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายล่าถอยต่อหน้าศัตรู
เหล่าปฏิปักษ์ได้ปล้นข้าพระองค์ทั้งหลาย
11 พระองค์ทรงปล่อยให้ข้าพระองค์ทั้งหลายถูกขย้ำกินเหมือนแกะ
และทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกระจัดกระจายไปในหมู่ชนชาติต่างๆ
12 พระองค์ทรงขายประชากรของพระองค์ไปในราคาน้อยนิด
ไม่ได้อะไรจากการขายนั้นเลย
13 พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายตกเป็นขี้ปากของเพื่อนบ้าน
ผู้คนรอบข้างเหยียดหยามและเยาะเย้ย
14 พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกลายเป็นคำเปรียบเปรยในหมู่ประชาชาติ
ชนชาติต่างๆ ส่ายหน้าใส่ข้าพระองค์ทั้งหลาย
15 ข้าพระองค์อยู่อย่างอัปยศอดสูวันยังค่ำ
และหน้าของข้าพระองค์ปกคลุมด้วยความอับอาย
16 จากคำสบประมาทของคนที่ประณามและแช่งด่าข้าพระองค์
เพราะศัตรูที่ต้องการแก้แค้น
17 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับข้าพระองค์ทั้งหลาย
ทั้งที่ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้ลืมพระองค์
หรือผิดต่อพันธสัญญาของพระองค์
18 หัวใจของข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้ออกห่างจากพระองค์
เท้าของข้าพระองค์ทั้งหลายก็ไม่ได้คลาดจากทางของพระองค์
19 แต่พระองค์ทรงบดขยี้ข้าพระองค์ทั้งหลาย และทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกลายเป็นที่อาศัยของหมาป่า
พระองค์ทรงคลุมข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยความมืดทึบ
20 หากเราได้ลืมพระนามพระเจ้าของเรา
หรือยกมือกราบไหว้พระต่างด้าว
21 พระเจ้าจะไม่ทรงทราบหรือ?
ในเมื่อพระองค์ทรงทราบความลี้ลับในใจ
22 แต่เพราะเห็นแก่พระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายก็เผชิญความตายวันยังค่ำ
ข้าพระองค์ทั้งหลายถูกนับว่าเป็นแกะที่จะเอาไปฆ่า
23 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตื่นเถิด เหตุใดยังทรงหลับอยู่? ขอทรงลุกขึ้น!
ขออย่าทรงทอดทิ้งข้าพระองค์ทั้งหลายตลอดไป
24 เหตุใดพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์?
และทรงลืมที่ข้าพระองค์ทั้งหลายทุกข์ยากและถูกกดขี่ข่มเหง
25 ข้าพระองค์ทั้งหลายถูกเหยียบจมดิน
ร่างกายต้องนอนคลุกฝุ่น
26 ขอทรงลุกขึ้นและทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยเถิด
ขอทรงไถ่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพราะเห็นแก่ความรักมั่นคงของพระองค์
(ถึงหัวหน้านักร้อง ทำนอง “ลิลลี่” มัสคิล[c]ของบุตรโคราห์ เพลงแต่งงาน)
45 จิตใจของข้าพเจ้าเปี่ยมด้วยเรื่องราวอันสูงส่ง
ขณะร่ายบทร้อยกรองถวายองค์ราชา
ลิ้นของข้าพเจ้าคือปากกาของกวีเอก
2 พระองค์ทรงเลิศล้ำที่สุดในหมู่มนุษย์
ริมฝีปากของพระองค์ได้รับการเจิมด้วยพระเมตตาคุณ
เพราะพระเจ้าทรงอวยพรพระองค์นิรันดร์
3 ขอทรงคาดพระแสงดาบเถิด ราชาผู้เกรียงไกร
ขอทรงคลุมพระองค์ด้วยพระบารมีและสง่าราศี
4 ทรงรุดหน้าไปอย่างมีชัยด้วยพระบารมี
รุดหน้าไปในนามแห่งความจริง ความอ่อนสุภาพ และความชอบธรรม
ขอพระหัตถ์ขวาสำแดงพระราชกิจอันน่าครั่นคร้าม
5 ขอให้ลูกศรคมกริบของพระราชาแทงทะลุหัวใจศัตรูของพระองค์
ขอให้ประชาชาติทั้งหลายล้มลงแทบพระบาทของพระองค์
6 ข้าแต่พระเจ้า ราชบัลลังก์ของพระองค์[d]จะยืนยงเป็นนิจ
พระองค์จะทรงปกครองราชอาณาจักรด้วยคทาแห่งความยุติธรรม
7 พระองค์ทรงรักความชอบธรรม และทรงเกลียดชังความชั่ว
ฉะนั้นพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าของพระองค์จึงทรงตั้งพระองค์ไว้เหนือพระสหายทั้งปวง
โดยทรงเจิมพระองค์ด้วยน้ำมันแห่งความชื่นชมยินดี
8 ฉลองพระองค์หอมกรุ่นด้วยมดยอบ กฤษณา และการบูร
เสียงดนตรีเครื่องสายจากพระราชวังที่ตกแต่งด้วยงาช้าง
ทำให้พระองค์เกษมเปรมปรีดิ์
9 พระราชธิดาของบรรดากษัตริย์อยู่ท่ามกลางเหล่าสตรีสูงศักดิ์ของพระองค์
เบื้องขวาของพระองค์คือคู่อภิเษกผู้ทรงเครื่องประดับทองคำจากเมืองโอฟีร์
10 พระราชธิดาเอ๋ย ขอทรงสดับฟังและพิเคราะห์ดู
ขอทรงลืมชนชาติและลืมบ้านบิดาของพระนาง
11 พระราชาพึงพระทัยในความงามของพระนาง
ขอทรงถวายเกียรติแด่พระองค์เพราะทรงเป็นเจ้านายของพระนาง
12 ธิดาแห่งเมืองไทระ[e]จะนำเครื่องบรรณาการมาถวาย
คนมั่งมีจะแสวงหาความโปรดปรานจากพระนาง
13 เจ้าหญิงคู่อภิเษกทรงสง่าราศีภายในห้องประทับ
ทรงพัสตราภรณ์งดงามถักทอจากทองคำ
14 ทรงฉลองพระองค์งามตระการเข้าเฝ้ากษัตริยพร้อมด้วยขบวนของสาวพรหมจารี
15 เป็นขบวนพิธีที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี และเปรมปรีดิ์
เคลื่อนเข้าสู่พระราชวังของกษัตริย์
16 บรรดาพระโอรสจะขึ้นครองราชย์แทนที่บรรพบุรุษของพระองค์
และพระองค์จะทรงแต่งตั้งพระโอรสให้เป็นเจ้านายทั่วทั้งแผ่นดิน
17 ข้าพเจ้าจะทำให้พระนามของพระองค์เลื่องลือตลอดทุกชั่วอายุ
ฉะนั้นประชาชาติทั้งหลายจะสรรเสริญพระองค์เป็นนิตย์
(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของบุตรโคราห์)
49 ชนชาติทั้งปวงเอ๋ย จงฟังทางนี้
ทุกคนทั่วโลกจงฟัง
2 ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย
คนจนและคนรวย
3 ปากของข้าพเจ้าจะกล่าวถ้อยคำแห่งสติปัญญา
เนื้อความจากใจของข้าพเจ้านี้จะให้ความเข้าใจ
4 ข้าพเจ้าจะเอียงหูฟังภาษิต
ข้าพเจ้าจะใช้พิณขานไขปริศนา
5 ทำไมข้าพเจ้าต้องกลัวยามตกที่นั่งลำบาก
เมื่อคนเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายรุมล้อมข้าพเจ้า?
6 คนพวกนั้นพึ่งพิงทรัพย์สมบัติ
และอวดอ้างความร่ำรวยเหลือล้นของตน
7 ไม่มีสักคนไถ่ชีวิตให้ใครได้
หรือถวายค่าไถ่ชีวิตของเขาแด่พระเจ้า
8 ค่าไถ่สำหรับชีวิตหนึ่งนั้นแพงนัก
ชดใช้แค่ไหนก็ไม่พอ
9 เพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์
และไม่ต้องพบกับความเน่าเปื่อย
10 เพราะทุกคนก็เห็นว่าคนมีปัญญาก็ตาย
คนโง่และคนสิ้นคิดก็ย่อยยับเหมือนกัน
และเขาทิ้งทรัพย์สมบัติของตนไว้ให้คนอื่น
11 หลุมศพของเขาจะเป็นบ้านของเขา[a] ตลอดกาล
เป็นที่อาศัยตลอดทุกชั่วอายุ
แม้พวกเขาได้ตั้งชื่อ[b]ดินแดนตามชื่อของตัว
12 แต่มนุษย์ไม่ว่าจะร่ำรวยสักปานใดก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป
เขา[c]เหมือนสัตว์เดียรัจฉานที่ต้องจบชีวิตลง
13 นี่แหละคือชะตากรรมของคนที่วางใจตัวเอง
และของสาวกที่เห็นชอบกับคำสอนของเขา
เสลาห์
14 เขาเป็นเหมือนแกะที่ถูกกำหนดไว้สำหรับหลุมฝังศพ
และความตายจะมากัดกินเขา
ผู้เที่ยงธรรมจะปกครองเหนือพวกเขาในยามรุ่งอรุณ
ร่างของเขาจะเน่าเปื่อยในหลุมศพ
ห่างไกลจากคฤหาสน์อันโอ่อ่าของตน
15 แต่พระเจ้าจะทรงไถ่ชีวิต[d]ของข้าพเจ้าให้พ้นจากอำนาจของหลุมฝังศพ
พระองค์จะทรงรับข้าพเจ้าไว้แน่นอน
เสลาห์
16 ไม่ต้องหวั่นวิตกเมื่อใครคนหนึ่งร่ำรวยขึ้น
เมื่อบ้านของเขาโอ่อ่าตระการขึ้น
17 เพราะเมื่อเขาตาย เขาเอาอะไรไปด้วยไม่ได้
ความเลิศหรูของเขาจะไม่ตามเขาลงไป
18 แม้ขณะมีชีวิตอยู่เขาเรียกตัวเองว่าผู้เป็นสุข
และผู้คนยกย่องในยามที่เขารุ่งโรจน์
19 เขาจะไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา
ผู้ซึ่งไม่เคยเห็นแสงแห่งชีวิต
20 ผู้ที่มีทรัพย์สมบัติแต่ปราศจากความเข้าใจ
ก็เหมือนสัตว์เดียรัจฉานที่ต้องจบชีวิตลง
(ถึงหัวหน้านักร้อง ทำนองกิททีธ[a] บทสดุดีของบุตรโคราห์)
84 ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
ที่ประทับของพระองค์งดงามยิ่งนัก!
2 จิตวิญญาณของข้าพระองค์โหยหา
ปรารถนาที่จะเข้ามายังพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า
กายใจของข้าพระองค์ร่ำร้องถวิลหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่
3 แม้แต่นกกระจอกยังหาบ้านได้
และนกนางแอ่นยังพบที่ที่จะทำรังพักพิง
และกกลูกอ่อนของมัน
คือที่ใกล้ๆ แท่นบูชาของพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ จอมราชัน และพระเจ้าของข้าพระองค์
4 ความสุขมีแก่ผู้ที่พำนักในพระนิเวศของพระองค์
พวกเขาสรรเสริญพระองค์ตลอดเวลา
เสลาห์
5 ความสุขมีแก่ผู้ที่กำลังของเขาอยู่ในพระองค์
ผู้ซึ่งใฝ่ใจมุ่งหน้าไปยังเยรูซาเล็ม
6 เมื่อเขาเดินผ่านหุบเขาแห่งน้ำตา[b]
พวกเขาทำให้มันกลายเป็นแหล่งน้ำพุ
และฝนฤดูใบไม้ร่วงก็ทำให้ที่นั่นเต็มไปด้วยแอ่งน้ำ[c]
7 พวกเขามีกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จนแต่ละคนได้มาเข้าเฝ้าพระเจ้าในศิโยน
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ โปรดสดับฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์
ข้าแต่พระเจ้าของยาโคบ ขอทรงฟังเถิด
เสลาห์
9 ข้าแต่พระเจ้า โปรดทอดพระเนตรโล่[d]ของข้าพระองค์ทั้งหลาย
ขอทรงมองดูผู้ที่ทรงเจิมตั้งไว้ด้วยความโปรดปราน
10 วันเดียวในพระนิเวศของพระองค์
ก็ดีกว่าพันวันในที่อื่น
ข้าพเจ้าขอเป็นคนเฝ้าประตูประจำพระนิเวศของพระเจ้าของข้าพเจ้า
ดีกว่าอยู่ในเต็นท์ของเหล่าคนชั่ว
11 เพราะพระเจ้าพระยาห์เวห์ทรงเป็นดวงตะวันและโล่กำบัง
องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระคุณและเกียรติ
ไม่มีสิ่งดีอันใดที่ทรงหน่วงเหนี่ยวไว้
จากผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างไร้ที่ติ
12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
ความสุขมีแก่บรรดาผู้ที่วางใจในพระองค์
(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของบุตรโคราห์)
85 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงสำแดงความโปรดปรานแก่ดินแดนของพระองค์
และทรงให้ยาโคบคืนสู่สภาพดี
2 พระองค์ทรงอภัยความชั่วช้าของเหล่าประชากรของพระองค์
ทรงลบมลทินบาปทั้งสิ้นของเขา
เสลาห์
3 พระองค์ทรงระงับพระพิโรธ
และหันเหจากความกริ้วโกรธของพระองค์
4 ข้าแต่พระเจ้าองค์พระผู้ช่วยให้รอด ขอทรงนำข้าพระองค์ทั้งหลายกลับสู่สภาพดีอีกครั้ง
ขอทรงระงับความขุ่นพระทัยต่อข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด
5 พระองค์จะกริ้วอยู่เป็นนิตย์หรือ?
พระองค์จะทรงพระพิโรธสืบไปทุกชั่วอายุอย่างนั้นหรือ?
6 พระองค์จะไม่ทรงฟื้นฟูข้าพระองค์ทั้งหลายอีกครั้งหรือ?
เพื่อประชากรของพระองค์จะชื่นชมยินดีในพระองค์
7 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสำแดงความรักมั่นคงของพระองค์
และโปรดประทานความรอดแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย
8 ข้าพเจ้าจะฟังสิ่งที่พระเจ้าพระยาห์เวห์จะตรัส
พระองค์ทรงสัญญาว่าจะประทานสันติสุขแก่ประชากรผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์
แต่อย่าให้พวกเขาหวนกลับไปหาความโง่เขลาอีก
9 แน่ทีเดียว ความรอดของพระองค์อยู่ใกล้บรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์
เพื่อพระเกียรติสิริของพระองค์จะดำรงอยู่ในแผ่นดินของเรา
10 ความรักและความซื่อสัตย์มาพบกัน
ความชอบธรรมและสันติสุขมาจุมพิตกัน
11 ความซื่อสัตย์พุ่งขึ้นจากแผ่นดินโลก
และความชอบธรรมมองลงมาจากฟ้าสวรรค์
12 แท้จริงแล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานสิ่งที่ดี
แผ่นดินของเราจะให้พืชผลอุดม
13 ความชอบธรรมนำหน้าพระองค์
เพื่อเตรียมทางสำหรับย่างพระบาทของพระองค์
(บทสดุดีของบุตรโคราห์ บทเพลง)
87 พระองค์ทรงวางรากฐานเมืองของพระองค์ไว้บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์
2 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักประตูเมืองศิโยน
ยิ่งกว่าที่พำนักใดๆ ของยาโคบ
3 นครของพระเจ้าเอ๋ย
เจ้าจะเป็นที่ยกย่อง
เสลาห์
4 “เราจะเอ่ยถึงราหับ[a]และบาบิโลน
ในหมู่ผู้ที่รู้จักเรา
จะเอ่ยถึงฟีลิสเตียและไทระพร้อมกับคูช[b]
และจะกล่าวว่า ‘คนนี้[c]เกิดในศิโยน’ ”
5 แท้จริง ผู้คนจะกล่าวถึงศิโยนว่า
“คนนั้นคนนี้เกิดในศิโยน
และองค์ผู้สูงสุดจะทรงสถาปนานครนี้ไว้เอง”
6 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงบันทึกลงในทะเบียนชนชาติต่างๆ ว่า
“คนนี้เกิดในศิโยน”
เสลาห์
7 ขณะบรรเลงเพลง พวกเขาจะขับร้องว่า
“น้ำพุทั้งสิ้นของข้าพเจ้าอยู่ในนครนี้”
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.