Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
1 ซามูเอล 18-20

ซาอูลอิจฉาดาวิด

18 เมื่อดาวิดกราบทูลซาอูลเสร็จแล้ว โยนาธานรู้สึกผูกพันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับดาวิด เขารักดาวิดเหมือนรักตนเอง ตั้งแต่วันนั้นซาอูลเก็บตัวดาวิดไว้ ไม่อนุญาตให้เขากลับไปหาบิดาที่บ้าน และโยนาธานทำพันธสัญญาเป็นเพื่อนแท้กับดาวิดเพราะเขารักดาวิดเหมือนรักตนเอง โยนาธานถอดเสื้อคลุมที่สวมอยู่ยกให้ดาวิด พร้อมทั้งเสื้อตัวใน ดาบ ธนู และเข็มขัด

ซาอูลมอบหมายให้ทำการใดๆ ดาวิดก็ปฏิบัติจนสำเร็จลุล่วง[a] ซาอูลจึงแต่งตั้งดาวิดให้มีตำแหน่งสูงในกองทัพ ซึ่งเป็นที่พอใจของบรรดาทหารของซาอูลและประชาชนทั่วไป

ขณะที่กองทัพอิสราเอลผู้มีชัยกำลังเดินทางกลับบ้าน หลังจากที่ดาวิดได้สังหารชาวฟีลิสเตียแล้ว มีผู้หญิงจากหัวเมืองทั้งปวงของอิสราเอลออกมาเฉลิมฉลองต้อนรับกษัตริย์ซาอูล ร้องเพลง และร่ายรำด้วยความชื่นชมยินดี เล่นรำมะนาและดีดพิณ พวกเขาร่ายรำและร้องเพลงว่า

“ซาอูลฆ่าศัตรูนับพัน
และดาวิดฆ่าศัตรูนับหมื่น”

ซาอูลทรงพระพิโรธยิ่งนัก บทเพลงร้องรับนั้นทำให้พระองค์ไม่พอใจและคิดว่า “พวกเขายกย่องดาวิดว่าฆ่าคนเป็นหมื่นๆ ส่วนเราแค่พัน ต่อไปเขาจะได้อะไรอีกถ้าไม่ใช่อาณาจักรนี้?” นับแต่นั้นมาซาอูลก็ทรงจับตาดูดาวิดด้วยความอิจฉาริษยา

10 วันรุ่งขึ้นวิญญาณชั่ว[b]จากพระเจ้าเข้าสิงซาอูล ซาอูลทรงพร่ำเพ้ออยู่ในวัง ขณะที่ดาวิดเล่นพิณถวายเช่นเคย ซาอูลทรงถือหอกอยู่ 11 และรำพึงว่า “ข้าจะตรึงดาวิดให้ติดกำแพง” แล้วทรงพุ่งหอกเข้าใส่ดาวิด แต่ดาวิดหลบได้ทั้งสองครั้ง

12 ซาอูลเกรงกลัวดาวิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับดาวิด แต่ทรงละจากซาอูลไป 13 ซาอูลจึงให้ดาวิดออกไปให้พ้นหน้า โดยแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับกองพันนำทหารออกไปรบ 14 ดาวิดประสบความสำเร็จ[c]ในหน้าที่การงานทุกด้าน ทั้งนี้เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเขา 15 เมื่อซาอูลเห็นว่าดาวิดประสบความสำเร็จเช่นนั้นก็ยิ่งเกรงกลัวดาวิดมากขึ้น 16 แต่คนทั่วทั้งอิสราเอลและยูดาห์รักดาวิด เพราะดาวิดเป็นผู้นำพวกเขาออกไปรบ

17 ซาอูลตรัสกับดาวิดว่า “เราพร้อมจะยกเมราบลูกสาวคนโตของเราให้เป็นภรรยาของเจ้า แต่เจ้าจงรับใช้เราอย่างกล้าหาญ และต่อสู้ศึกสงครามขององค์พระผู้เป็นเจ้า” เพราะซาอูลดำริว่า “เราไม่ต้องลงมือเอง ปล่อยให้พวกฟีลิสเตียกำจัดเขาดีกว่า!”

18 ดาวิดทูลซาอูลว่า “ข้าพระบาทเป็นใครกัน? ครอบครัวของข้าพระบาท หรือตระกูลของบิดาของข้าพระบาทเป็นอะไรในอิสราเอลที่ข้าพระบาทจะได้เป็นถึงราชบุตรเขย?” 19 แต่เมื่อถึงเวลาที่จะยกเมราบราชธิดาของซาอูลให้แก่ดาวิด ซาอูลกลับยกนางให้แก่อาดรีเอลจากเมโหลาห์

20 ฝ่ายมีคาลราชธิดาของซาอูลหลงรักดาวิด ซาอูลทรงยินดียิ่งนักเมื่อได้ทราบเรื่องนี้ 21 ซาอูลดำริว่า “เราจะยกนางให้เขา จะได้ใช้นางล่อเขาและยืมมือพวกฟีลิสเตียเล่นงานเขา” ซาอูลจึงตรัสกับดาวิดว่า “นี่เป็นโอกาสอีกครั้งที่เจ้าจะมาเป็นลูกเขยของเรา”

22 ซาอูลจึงสั่งมหาดเล็กว่า “จงไปพูดกับดาวิดเป็นการส่วนตัวว่า ‘ดูเถิดกษัตริย์ซาอูลทรงนิยมชมชอบท่านมาก ข้าราชบริพารทุกคนก็ชอบท่าน บัดนี้จงมาเป็นราชบุตรเขยเถิด’ ”

23 พวกเขาก็บอกข้อความเหล่านี้แก่ดาวิด แต่ดาวิดตอบว่า “ท่านคิดว่าการเป็นราชบุตรเขยของกษัตริย์เป็นเรื่องเล็กหรือ? ข้าพเจ้าเป็นเพียงคนจนที่ไม่มีใครรู้จัก”

24 เมื่อคนรับใช้ของซาอูลมาทูลรายงานตามที่ดาวิดกล่าว 25 ซาอูลก็ตรัสว่า “จงบอกดาวิดว่า ‘กษัตริย์ไม่ต้องการสินสอดอะไร นอกจากหนังหุ้มปลายองคชาติของชาวฟีลิสเตียร้อยคนเพื่อเป็นการแก้แค้นศัตรู’ ” แผนการของซาอูลคือยืมมือชาวฟีลิสเตียกำจัดดาวิด

26 เมื่อมหาดเล็กนำความนี้มาแจ้งดาวิด เขาก็รับข้อเสนอนี้ด้วยความยินดี ฉะนั้นก่อนถึงเวลาที่กำหนดไว้ 27 ดาวิดกับพรรคพวกก็ออกไปสังหารชาวฟีลิสเตียสองร้อยคน และนำหนังหุ้มปลายองคชาติครบจำนวนมาถวายแด่ซาอูลเพื่อเขาจะได้เป็นราชบุตรเขย ซาอูลจึงทรงยกมีคาลราชธิดาให้แต่งงานกับดาวิด

28 เมื่อซาอูลทรงตระหนักว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับดาวิด ทั้งมีคาลราชธิดาของซาอูลเองก็รักดาวิด 29 ซาอูลก็ยิ่งกลัวดาวิดและเป็นศัตรูกับเขาไปตลอดชีวิต

30 ทุกครั้งที่นายทัพฟีลิสเตียรุกเข้ามาโจมตี ดาวิดจะประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับศัตรู[d]มากกว่าทหารอื่นๆ ของซาอูล ชื่อของดาวิดจึงเลื่องลือไปทั่ว

ซาอูลพยายามฆ่าดาวิด

19 ซาอูลยุยงข้าราชบริพารและโยนาธานราชโอรสให้ฆ่าดาวิด แต่โยนาธานชอบดาวิดมาก จึงเตือนดาวิดว่า “ซาอูลเสด็จพ่อของเราหาโอกาสจะฆ่าท่าน พรุ่งนี้เช้าท่านจะต้องระวังตัว จงไปหาที่หลบซ่อน เราจะออกไปยืนกับเสด็จพ่อของเราในทุ่งนาที่ท่านอยู่ แล้วจะพูดกับเสด็จพ่อถึงเรื่องของท่าน เมื่อได้ความว่าอย่างไร เราจะบอกให้ทราบ”

โยนาธานทูลซาอูลราชบิดาถึงคุณงามความดีของดาวิดว่า “ขอฝ่าพระบาทอย่าได้ทรงประทุษร้ายดาวิดผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเลย เขาไม่ได้มุ่งร้ายต่อฝ่าพระบาท สิ่งที่เขาทำก็เอื้อประโยชน์แก่ฝ่าพระบาทอย่างยิ่ง เขาเสี่ยงเอาชีวิตเป็นเดิมพันเมื่อฆ่าชาวฟีลิสเตียคนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาสู่อิสราเอลทั้งปวง ครั้งนั้นฝ่าพระบาทก็ทรงเห็นและปีติยินดีกับชัยชนะนี้ ทำไมเดี๋ยวนี้ฝ่าพระบาทจะประหารคนบริสุทธิ์อย่างดาวิดโดยไม่มีเหตุผล?”

ซาอูลรับฟังโยนาธาน และสาบานว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ดาวิดจะไม่ถูกฆ่าฉันนั้น”

โยนาธานจึงเรียกดาวิดและเล่าสิ่งที่พูดคุยกันทั้งหมดให้ฟัง จากนั้นก็นำดาวิดไปเข้าเฝ้าซาอูล ดาวิดจึงได้อยู่กับซาอูลเหมือนแต่ก่อน

หลังจากนั้นเกิดสงครามอีก ดาวิดก็ออกไปสู้รบกับชาวฟีลิสเตียและฆ่าฟันจนศัตรูแตกพ่ายไป

แต่วิญญาณชั่ว[e]จากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาเข้าสิงซาอูลขณะที่ประทับอยู่ในวังและพระหัตถ์ถือหอกอยู่ ขณะที่ดาวิดกำลังเล่นพิณถวาย 10 ซาอูลทรงพุ่งหอกหมายตรึงดาวิดติดผนัง แต่ดาวิดเบี่ยงตัวหลบ หอกของซาอูลจึงพุ่งไปปักติดผนัง และดาวิดก็หนีรอดไปได้ในคืนนั้น

11 ซาอูลทรงส่งคนจำนวนหนึ่งไปเฝ้าอยู่ที่บ้านของดาวิด ให้ฆ่าดาวิดในตอนเช้า แต่มีคาลภรรยาของดาวิดเตือนเขาว่า “ถ้าท่านไม่หนีเอาชีวิตรอดในคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าท่านจะถูกฆ่า” 12 มีคาลจึงช่วยให้ดาวิดหนีลงทางหน้าต่างและรอดไปได้ 13 แล้วนางยกรูปเคารพ[f]มาวางนอนบนเตียงของดาวิดใช้ผ้าห่มคลุมไว้ เอาขนแพะติดไว้ที่ศีรษะ

14 เมื่อซาอูลทรงส่งคนมาจับกุมตัวดาวิด มีคาลก็บอกว่า “เขากำลังป่วย”

15 แล้วซาอูลทรงส่งคนกลับมาดูดาวิดอีกและทรงสั่งพวกเขาว่า “ไปเอาตัวเขามาจากที่นอนเพื่อเราจะฆ่าเสีย” 16 แต่เมื่อพวกเขาเข้าไป ก็พบว่ามีแต่รูปเคารพอยู่บนเตียง ที่ศีรษะมีขนแพะวางอยู่

17 ซาอูลตรัสกับมีคาลว่า “ทำไมถึงหลอกลวงพ่อ ปล่อยให้ศัตรูหนีไปได้?”

มีคาลทูลว่า “เขาพูดกับลูกว่า ‘ให้ข้าหนีไปเสีย ทำไมต้องให้ข้าฆ่าเจ้าด้วย?’ ”

18 เมื่อดาวิดหนีรอดไปได้ เขาไปหาซามูเอลที่รามาห์ และแจ้งให้เขาทราบถึงสิ่งที่ซาอูลได้ทำแก่ตนทั้งหมด ซามูเอลจึงพาดาวิดไปอาศัยอยู่ด้วยกันที่นาโยท 19 เมื่อมีผู้ทูลรายงานให้ซาอูลทราบว่า “ดาวิดอยู่ที่นาโยทในรามาห์” 20 ซาอูลจึงทรงส่งคนไปจับกุมตัวเขา แต่เมื่อคนของซาอูลเห็นกลุ่มผู้เผยพระวจนะกล่าวพยากรณ์อยู่ โดยมีซามูเอลยืนเป็นหัวหน้ากลุ่ม พระวิญญาณของพระเจ้าก็เสด็จมาเหนือคนของซาอูล พวกเขาจึงร่วมกล่าวคำพยากรณ์ด้วย 21 เมื่อซาอูลทรงทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระองค์ก็ทรงส่งคนมาอีก พวกเขาก็ร่วมพยากรณ์อีก ซาอูลทรงส่งคนมาเป็นครั้งที่สามและพวกเขาก็พยากรณ์อีกเช่นกัน 22 ในที่สุดซาอูลจึงเสด็จมาที่รามาห์ด้วยพระองค์เอง ขณะมาถึงบ่อน้ำใหญ่ที่เสคู พระองค์ตรัสถามว่า “ซามูเอลกับดาวิดอยู่ที่ไหน?”

มีผู้ทูลว่า “อยู่ที่นาโยทในรามาห์”

23 ซาอูลจึงเสด็จไปนาโยทในรามาห์ แต่พระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาเหนือซาอูล ซาอูลเดินไปพร้อมทั้งพยากรณ์ไปด้วยจนมาถึงนาโยท 24 พระองค์ทรงฉีกฉลองพระองค์ออก และกล่าวคำพยากรณ์ต่อหน้าซามูเอล และประทับนอนอยู่อย่างนั้นตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน นี่เป็นเหตุที่ผู้คนพูดกันว่า “ซาอูลทรงอยู่ในกลุ่มผู้เผยพระวจนะด้วยหรือ?”

ดาวิดกับโยนาธาน

20 ครั้งนั้นดาวิดหนีจากนาโยทที่รามาห์ไปพบกับโยนาธาน ดาวิดถามว่า “ข้าพเจ้าทำอะไรหรือ? ข้าพเจ้าก่ออาชญากรรมอะไรหรือ? ข้าพเจ้าทำอะไรผิดต่อราชบิดาของท่านหรือ พระองค์จึงทรงพยายามจะเอาชีวิตของข้าพเจ้า?”

โยนาธานตอบว่า “ไม่เป็นเช่นนั้นหรอก! ท่านจะไม่ตาย! ดูเถิด เสด็จพ่อจะไม่ทรงทำสิ่งใดไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่โดยไม่บอกเรา ทำไมพระองค์จะต้องปิดบังเราในเรื่องนี้? ไม่เป็นเช่นนั้นแน่!”

แต่ดาวิดสาบานและกล่าวว่า “เสด็จพ่อของท่านทรงทราบดีว่าท่านโปรดปรานข้าพเจ้า พระองค์คงดำริว่า ‘อย่าให้โยนาธานรู้เรื่องนี้เลย เดี๋ยวเขาจะสะเทือนใจ’ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใดและท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าอยู่ใกล้ความตายแค่คืบฉันนั้น”

โยนาธานพูดกับดาวิดว่า “ถ้าอย่างนั้นบอกมาสิว่าท่านจะให้เราทำอะไร เรายินดีจะทำให้”

ดาวิดตอบว่า “ดูเถิด พรุ่งนี้จะมีงานฉลองขึ้นหนึ่งค่ำ ข้าพเจ้าน่าจะร่วมอยู่ที่โต๊ะเสวย แต่ข้าพเจ้าขอซ่อนอยู่ในทุ่งนาจนถึงเย็นวันมะรืนนี้ หากราชบิดาของท่านทรงถามถึงข้าพเจ้า ช่วยทูลว่า ‘ดาวิดทูลขออนุญาตรีบกลับไปเบธเลเฮม เพื่อร่วมฉลองการถวายบูชาประจำปีของตระกูล’ หากพระองค์ตรัสว่า ‘ดี’ ผู้รับใช้ของท่านก็ปลอดภัย แต่หากพระองค์กริ้ว ท่านก็แน่ใจได้ว่าพระองค์ตั้งพระทัยจะทำร้ายข้าพเจ้า ส่วนท่านขอให้กรุณาผู้รับใช้ของท่านเพราะท่านให้ข้าพเจ้าเข้าร่วมกระทำพันธสัญญากับท่านต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าหากข้าพเจ้าทำผิดคิดร้ายใดๆ ท่านเองก็ฆ่าข้าพเจ้าได้เลย! ทำไมต้องมอบข้าพเจ้าแก่ราชบิดาของท่านเล่า?”

โยนาธานกล่าวว่า “เราไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด ทำไมเราจะไม่บอกท่านถ้าเราได้เบาะแสว่าเสด็จพ่อตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะทำร้ายท่าน?”

10 ดาวิดจึงถามว่า “แล้วข้าพเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าราชบิดาของท่านทรงตอบท่านอย่างเกรี้ยวกราดหรือไม่?”

11 โยนาธานตอบว่า “ไปทุ่งนากับเราเถิด” แล้วคนทั้งสองก็ออกไปด้วยกัน

12 แล้วโยนาธานบอกดาวิดว่า “เราขอปฏิญาณโดยพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า เราจะหยั่งดูเสด็จพ่อในวันมะรืนนี้ในช่วงเวลานี้! ทำไมเราจะไม่ส่งข่าวให้ท่านรู้หากพระองค์มีท่าทีโปรดปรานท่าน? 13 แต่หากเสด็จพ่อทรงมีแนวโน้มจะทำร้ายท่าน แล้วเราไม่บอกท่านและส่งท่านไปให้รอดปลอดภัย ก็ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดการกับเราให้หนักกว่า ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่านดังที่เคยสถิตกับเสด็จพ่อ 14 แต่ขอให้ท่านแสดงความรักมั่นคงขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อเราตราบชั่วชีวิตของเรา เพื่อเราเองจะได้ไม่ถูกฆ่า 15 และขออย่าได้ตัดรอนความเมตตากรุณาต่อครอบครัวของเราเลยแม้ในยามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายศัตรูทั้งปวงของท่านไปจากแผ่นดินโลก”

16 โยนาธานจึงทำพันธสัญญาไว้กับวงศ์วานของดาวิดว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดการกับศัตรูของดาวิด” 17 แล้วโยนาธานขอให้ดาวิดสาบานอีกครั้งโดยอ้างความรักที่โยนาธานมีต่อดาวิด เพราะเขารักดาวิดเหมือนรักตนเอง

18 โยนาธานพูดกับดาวิดว่า “วันพรุ่งนี้มีงานฉลองขึ้นหนึ่งค่ำ ผู้คนจะสังเกตว่าท่านไม่อยู่เพราะที่นั่งประจำของท่านจะว่าง 19 วันมะรืนนี้เวลาเย็น เมื่อเกิดเรื่องยุ่งขึ้น ให้ท่านไปยังที่ซ่อนและคอยอยู่ที่ศิลาเอเซล 20 เราจะยิงธนูสามดอกไปที่ข้างๆ ศิลาเหมือนกำลังยิงเข้าเป้า 21 แล้วเราจะส่งเด็กมาและบอกเขาว่า ‘จงไปหาลูกธนู’ ถ้าเราบอกเขาว่า ‘นั่นไง ลูกธนูอยู่ข้างๆ ตัว เอามาที่นี่สิ’ ท่านก็ออกมาเถิดเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ท่านจะปลอดภัยและไม่มีอันตรายใดๆ ฉันนั้น 22 แต่ถ้าเราบอกเด็กคนนั้นว่า ‘ไปโน่น ลูกธนูอยู่ข้างหน้าโน่นแน่ะ’ ท่านก็ต้องไป เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งท่านออกไป 23 ส่วนเรื่องที่เราตกลงกันไว้ อย่าลืมว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพยานระหว่างท่านกับเราตลอดไป”

24 ดาวิดจึงซ่อนตัวอยู่ในทุ่ง เมื่อเริ่มงานฉลองขึ้นหนึ่งค่ำ กษัตริย์เสด็จมาประทับเพื่อร่วมเสวย 25 พระองค์นั่งในที่ประจำข้างกำแพงตรงข้ามกับโยนาธาน[g] อับเนอร์นั่งอยู่ข้างๆ ซาอูล แต่ที่นั่งของดาวิดว่างอยู่ 26 ซาอูลไม่ได้ตรัสว่าประการใดในวันนั้น เนื่องจากทรงดำริว่า “อาจจะเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้ดาวิดเป็นมลทินตามระเบียบพิธี เขาเป็นมลทินแน่ๆ” 27 แต่เมื่อที่นั่งของดาวิดยังว่างอยู่อีกในวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันที่สองของเดือน ซาอูลจึงตรัสถามโยนาธานราชโอรสว่า “ทำไมบุตรเจสซีไม่มาร่วมโต๊ะทั้งเมื่อวานและวันนี้?”

28 โยนาธานทูลตอบว่า “ดาวิดมาอ้อนวอนขออนุญาตลูกไปเบธเลเฮม 29 เขาขอว่า ‘ให้ข้าพเจ้าไปเถิด เพราะครอบครัวของข้าพเจ้าจัดพิธีถวายเครื่องบูชาในเมือง และพี่ชายของข้าพเจ้าสั่งให้ข้าพเจ้าไปร่วมด้วย ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานของท่าน อนุญาตให้ข้าพเจ้าไปพบพวกพี่ๆ เถิด’ เขาจึงไม่ได้มาร่วมโต๊ะเสวยของกษัตริย์”

30 ซาอูลกริ้วโยนาธานมาก และตรัสกับเขาว่า “เจ้าลูกของหญิงจอมกบฏและวิปริต! ข้าหรือจะไม่รู้ว่าเจ้าน่ะเข้าข้างเจ้าลูกชายของเจสซี ขายหน้าทั้งตัวเจ้าเอง ขายหน้าไปถึงแม่ที่ให้กำเนิดเจ้าด้วย? 31 ตราบใดที่ลูกของเจสซีคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ตัวเจ้าหรืออาณาจักรของเจ้าก็ตั้งอยู่ไม่ได้ ไปสิไปเอาตัวมันมา เพราะมันต้องตาย!”

32 โยนาธานทูลว่า “เขาทำผิดอะไรหรือเสด็จพ่อ? ทำไมจะต้องประหารเขาด้วย?” 33 แต่ซาอูลพุ่งหอกเข้าใส่โยนาธานหมายจะฆ่าเสีย โยนาธานจึงตระหนักว่าราชบิดาทรงเจตนาจะฆ่าดาวิด

34 โยนาธานลุกจากโต๊ะเสวยด้วยความโกรธจัด และไม่ยอมกินอะไรเลยในวันที่สองของเดือนนั้น เพราะรู้สึกเสียใจที่ราชบิดาทรงปฏิบัติต่อดาวิดอย่างน่าละอาย

35 เช้าวันรุ่งขึ้น โยนาธานมาที่ทุ่งนาเพื่อพบกับดาวิด โดยพาเด็กคนหนึ่งมาด้วย 36 โยนาธานสั่งเด็กคนนั้นว่า “วิ่งไปเก็บลูกธนูที่เรายิงออกไป” ขณะที่เด็กนั้นวิ่งไป โยนาธานก็ยิงลูกธนูไปข้างหน้า 37 เมื่อเด็กนั้นวิ่งเกือบจะไปถึงลูกธนู โยนาธานตะโกนว่า “ลูกธนูยังอยู่ตรงหน้าโน้นไม่ใช่หรือ?” 38 แล้วเขาตะโกนว่า “รีบๆ เข้า! ไปเร็วๆ! อย่าหยุด!” เด็กนั้นจึงรีบวิ่งไปเก็บลูกธนูกลับมาหาเจ้านาย 39 (เขาไม่เข้าใจสัญญาณทั้งหมดเหล่านี้ มีแต่ดาวิดและโยนาธานเท่านั้นที่รู้) 40 จากนั้นโยนาธานส่งคันธนูและลูกธนูให้เด็กนั้นแล้วสั่งว่า “จงนำกลับไปที่ตัวเมือง”

41 เมื่อเด็กนั้นไปแล้ว ดาวิดก็ออกมาจากที่ซ่อนทางทิศใต้ของโขดหิน ดาวิดหมอบคำนับโยนาธานสามครั้ง ซบหน้าลงกับพื้น แล้วทั้งสองร้องไห้ จูบลากัน แต่ดาวิดร้องไห้หนักกว่า

42 โยนาธานพูดกับดาวิดว่า “ไปดีมีสุขเถิด เพราะเราได้เป็นเพื่อนร่วมสาบานในพระนามพระยาห์เวห์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพยานระหว่างท่านกับเราและระหว่างวงศ์วานของเราทั้งสองฝ่ายตลอดไป’ ” แล้วดาวิดก็จากไป ส่วนโยนาธานกลับเข้าเมือง

สดุดี 11

(ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด)

11 ข้าพเจ้าลี้ภัยอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า
แล้วเหตุใดท่านจึงกล่าวกับข้าพเจ้าว่า
“จงหนีไปที่ภูเขาของท่านดั่งนก
เพราะคนชั่วได้โก่งคันธนู
พวกเขาได้เอาลูกศรพาดสายไว้
เพื่อยิงจากเงามืด
ยิงไปที่ผู้มีใจเที่ยงตรง
เมื่อรากฐานถูกทำลายลงแล้ว
คนชอบธรรมจะทำอะไรได้?[a]

องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตในพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับบนบัลลังก์แห่งฟ้าสวรรค์
พระองค์ทรงสังเกตทุกคนบนโลก
พระเนตรของพระองค์ทรงตรวจสอบพวกเขา
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตรวจสอบคนชอบธรรม
แต่คนชั่ว[b]และบรรดาผู้ที่ชอบความโหดร้ายทารุณนั้น
พระองค์ทรงเกลียดเข้ากระดูกดำ
พระองค์จะทรงเทถ่านเพลิง
และไฟกำมะถันลงเหนือคนชั่วดั่งห่าฝน
และเผาผลาญเขาด้วยลมอันร้อนแรง

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชอบธรรม
พระองค์ทรงรักความยุติธรรม
คนชอบธรรมจะเห็นพระพักตร์พระองค์

สดุดี 59

(ถึงหัวหน้านักร้อง ทำนอง “อย่าทำลาย” มิคทาม[a]ของดาวิด เมื่อซาอูลส่งคนมาดักฆ่าดาวิดที่บ้าน)

59 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากศัตรู
ขอทรงพิทักษ์รักษาข้าพระองค์ให้พ้นจากบรรดาผู้ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ข้าพระองค์
ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากบรรดาคนที่ทำชั่ว
ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากเหล่าคนกระหายเลือด

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ดูเถิด พวกเขาซุ่มดักเอาชีวิตข้าพระองค์!
คนดุร้ายคบคิดกันเล่นงานข้าพระองค์
ทั้งที่ข้าพระองค์ไม่ได้ทำผิดทำบาปอะไร
ข้าพระองค์ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่พวกเขาก็พร้อมจะเล่นงานข้าพระองค์
ขอทรงลุกขึ้นเพื่อช่วยข้าพระองค์ โปรดทอดพระเนตรความยากลำบากของข้าพระองค์ด้วยเถิด!
ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ขอทรงลุกขึ้นลงโทษเหล่าประชาชาติ
ขออย่าทรงเมตตาบรรดาคนทรยศผู้ชั่วร้าย
เสลาห์

พวกเขากลับมาในเวลาเย็น
เห่าหอนเหมือนสุนัข
และเพ่นพ่านไปทั่วเมือง
ดูสิ่งที่เขาพ่นออกมาจากปาก
ปากของเขาคายดาบออกมา
และพูดว่า “ใครจะได้ยินเรา?”
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ทรงหัวเราะเยาะพวกเขา
ทรงเย้ยหยันประชาชาติทั้งปวงนั้น

ข้าแต่องค์ผู้ทรงเป็นกำลังของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เฝ้าคอยพระองค์อยู่
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์ 10 เป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักเมตตา

พระเจ้าจะเสด็จนำหน้าข้าพระองค์
จะทรงให้ข้าพระองค์ยิ้มเยาะบรรดาผู้กล่าวร้ายข้าพระองค์
11 แต่ขออย่าทรงประหารพวกเขา ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า[b] ของข้าพระองค์ทั้งหลาย
เพราะไม่ช้าคนของข้าพระองค์จะลืมเลือน
แต่ขอทรงให้พวกเขาแตกฉานซ่านเซ็นไปด้วยฤทธานุภาพของพระองค์
และกระทำให้พวกเขาล้มลง
12 เพราะบาปบนริมฝีปากของเขา
และเพราะวาจาของเขา
ขอให้เขาติดกับเพราะความยโสโอหังของเขา
เพราะคำสาปแช่งและคำโกหกที่เขาเปล่งออกมา
13 ขอทรงทำลายล้างพวกเขาด้วยพระพิโรธ
ทำลายล้างพวกเขาให้สิ้นซาก
แล้วจะได้รู้กันจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลกว่า
พระเจ้าทรงครอบครองเหนือยาโคบ
เสลาห์

14 พวกเขากลับมาในเวลาเย็น
เห่าหอนเหมือนสุนัข
และเพ่นพ่านไปทั่วเมือง
15 พวกเขาป้วนเปี้ยนหาอาหาร
ไม่ได้หนำใจก็ส่งเสียงหอน
16 แต่ข้าพระองค์จะร้องถึงฤทธานุภาพของพระองค์
ข้าพระองค์จะร้องถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในยามเช้า
เพราะพระองค์ทรงเป็นป้อมปราการ
เป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ในยามเดือดร้อน

17 ข้าแต่องค์ผู้ทรงเป็นกำลังของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นป้อมปราการ ของข้าพระองค์ เป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักเมตตา

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.