Chronological
4 แล้วข่าวคราวเกี่ยวกับซามูเอลก็ได้แผ่กระจายไปทั่วอิสราเอล เอลีแก่มากแล้ว ลูกทั้งสองของเขาก็ยังคงทำสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งหลายต่อหน้าพระยาห์เวห์[a]
ชาวฟีลิสเตียรบชนะชาวอิสราเอล
เมื่อคนอิสราเอลยกทัพไปต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย คนอิสราเอลตั้งค่ายที่เอเบนเอเซอร์ ส่วนคนฟีลิสเตียตั้งค่ายที่อาเฟก 2 ชาวฟีลิสเตียได้จัดทหารเพื่อออกไปสู้รบกับอิสราเอล และเมื่อการรบเริ่มขึ้น คนอิสราเอลก็พ่ายแพ้คนฟีลิสเตีย และถูกฆ่าตายไปประมาณสี่พันคนในสนามรบนั้น 3 เมื่อทหารที่เหลือกลับมาที่ค่าย ผู้นำอาวุโสของอิสราเอลทั้งหลายก็พูดกันว่า “ทำไมพระยาห์เวห์ปล่อยให้พวกเราพ่ายแพ้ชาวฟีลิสเตียในวันนี้ ให้พวกเราไปเอาหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาจากชิโลห์กันเถิด เพื่อว่าหีบนั้นจะได้ไปกับพวกเรา และจะได้ช่วยพวกเราให้พ้นจากมือของศัตรู”
4 พวกเขาจึงส่งคนไปชิโลห์ เพื่อนำหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นผู้ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ระหว่างทูตสวรรค์เครูบ ลูกชายทั้งสองของเอลี คือโฮฟนี และฟีเนหัสก็อยู่ที่นั่นกับหีบข้อตกลงของพระเจ้า
5 เมื่อหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาถึงค่าย คนอิสราเอลทั้งหมดก็ได้โห่ร้องเสียงดังจนแผ่นดินสะเทือน 6 เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ยินก็ถามกันว่า “ค่ายคนฮีบรู[b] โห่ร้องตะโกนเรื่องอะไรกัน”
เมื่อพวกเขารู้ว่าหีบของพระยาห์เวห์ได้มาอยู่ที่ค่ายแล้ว 7 คนฟีลิสเตียก็รู้สึกกลัว พวกเขาพูดว่า “มีพวกเทพเจ้ามาอยู่ในค่ายนั้นแล้ว พวกเราแย่แล้ว ไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อน 8 ภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเรา ใครจะช่วยกู้พวกเราให้พ้นจากมือของพวกเทพเจ้าที่มีฤทธิ์เหล่านี้ได้ เทพเจ้าพวกนี้เคยโจมตีชาวอียิปต์ด้วยพวกภัยพิบัติและโรคระบาดหลายอย่าง 9 กล้าหาญไว้คนฟีลิสเตีย ทำตัวให้สมกับลูกผู้ชาย ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะตกอยู่ภายใต้คนฮีบรูเหมือนที่พวกเขาเคยตกอยู่ภายใต้เจ้ามาก่อน ออกรบให้สมกับลูกผู้ชายเถิด”
10 ดังนั้นคนฟีลิสเตียจึงออกไปสู้รบ และคนอิสราเอลก็พ่ายแพ้ แต่ละคนต่างวิ่งหนีกลับมาที่เต็นท์ของตน มีการฆ่าฟันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ทหารเดินเท้าของอิสราเอลได้ล้มตายไปสามหมื่นคน 11 หีบของพระเจ้าถูกยึดไป และลูกชายทั้งสองของเอลี คือโฮฟนี และฟีเนหัสก็ถูกฆ่าตาย
12 ในวันนั้น มีคนเบนยามินคนหนึ่งวิ่งมาจากสนามรบ กลับไปที่ชิโลห์ เขาได้ฉีกเสื้อผ้าของเขาและมีเศษดินอยู่บนหัวเพื่อแสดงความโศกเศร้า 13 เมื่อเขามาถึง เอลีนั่งคอยดูอยู่บนเก้าอี้ริมถนน เพราะจิตใจของเขากังวลเกี่ยวกับหีบของพระเจ้า เมื่อชายคนนั้นเข้ามาในเมืองและได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น คนทั้งเมืองก็ร้องไห้กันเสียงระงม
14 เอลีได้ยินเสียงร้องจึงถามว่า “นั่นเสียงร้องอะไรกัน”
ชายคนนั้นจึงรีบเข้ามาหาเอลี 15 ซึ่งมีอายุถึงเก้าสิบแปดปี และมีดวงตาที่ปิดลง มองไม่เห็นแล้ว 16 เขาก็บอกเอลีว่า “ผมเพิ่งกลับมาจากสนามรบ ผมหนีมาจากสนามรบวันนี้เอง”
เอลีถามว่า “ลูกเอ๋ย เกิดอะไรขึ้น”
17 ชายผู้นำข่าวมา ตอบว่า “คนอิสราเอลได้หลบหนีจากคนฟีลิสเตีย กองทัพอิสราเอลสูญเสียคนไปเป็นจำนวนมาก ส่วนลูกชายสองคนของท่าน โฮฟนีกับฟีเนหัสก็ถูกฆ่าตาย และหีบของพระเจ้าก็ถูกยึดไปแล้ว”
18 เมื่อพูดถึงหีบข้อตกลงของพระเจ้า เอลีก็ล้มหงายหลังลงที่ข้างประตูและคอหักตาย เพราะเขาแก่แล้วและอ้วนมาก รวมเวลาที่เขาเป็นผู้นำอิสราเอลได้ยี่สิบปี[c]
อิสราเอลหมดศักดิ์ศรี
19 ลูกสะใภ้ของเอลีซึ่งเป็นเมียของฟีเนหัสนั้นท้องแก่ใกล้คลอด เมื่อนางได้ยินข่าวว่าหีบของพระเจ้าถูกยึด แล้วพ่อผัวและผัวของนางก็ตายแล้ว นางก็เริ่มเจ็บท้องและได้คลอดลูกชาย แต่เนื่องจากนางทนความเจ็บปวดไม่ไหว 20 ในขณะที่กำลังจะตาย พวกผู้หญิงที่เฝ้านางอยู่ก็พูดว่า “อย่าสิ้นหวังเลย เพราะเธอได้คลอดลูกชาย”
แต่นางไม่ได้ตอบหรือสนใจเลย 21 นางตั้งชื่อลูกว่าอีคาโบด[d] และพูดว่า “อิสราเอลหมดศักดิ์ศรีแล้ว”[e] นางทำอย่างนี้ก็เพราะหีบของพระเจ้าได้ถูกยึดไปแล้ว และพ่อผัวกับผัวเธอก็ได้ตายเสียแล้ว 22 แล้วนางก็พูดว่า “อิสราเอลหมดศักดิ์ศรีแล้ว เพราะหีบของพระเจ้าได้ถูกยึดไปแล้ว”
หีบของพระยาห์เวห์ก่อปัญหาให้ชาวฟีลิสเตีย
5 หลังจากที่ชาวฟีลิสเตียได้ยึดหีบของพระเจ้าไป พวกเขาก็นำหีบจากเอเบนเอเซอร์ไปเมืองอัชโดด 2 จากนั้นพวกเขาก็แบกหีบนั้นไปไว้ในวัดของพระดาโกน[f] และตั้งไว้ข้างๆพระดาโกน 3 เช้าวันต่อมา ชาวเมืองอัชโดด ก็เห็นพระดาโกนล้มหน้าคว่ำอยู่บนพื้นต่อหน้าหีบของพระยาห์เวห์ พวกเขาจึงยกพระดาโกนขึ้นตั้งที่เดิม 4 แต่ในเช้าวันต่อมา พวกเขาก็พบพระดาโกนล้มหน้าคว่ำอยู่บนพื้นต่อหน้าหีบของพระยาห์เวห์ หัวและแขนทั้งสองข้างของพระดาโกนแตกหักอยู่ที่ธรณีประตู เหลือแต่เพียงลำตัว 5 เป็นเหตุให้ทุกวันนี้นักบวชของพระดาโกนและคนอื่นๆที่จะเข้าวัดพระดาโกนที่อัชโดดไม่เหยียบธรณีประตู
6 มือของพระยาห์เวห์ได้ทำให้ชีวิตของคนอัชโดดและเพื่อนบ้านลำบาก พระองค์ทำให้พวกเขาเจอกับปัญหามากมายและมีฝีเกิดขึ้น พระองค์ยังส่งหนูมาให้กับพวกเขาด้วย ตามพวกเรือของพวกเขามีหนูวิ่งพล่านไปหมด และหนูเหล่านั้นก็ยังขึ้นมาบนบกด้วย คนในเมืองต่างพากันหวาดกลัวมาก[g] 7 เมื่อคนอัชโดดเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาพูดว่า “ต้องไม่ให้หีบของพระยาห์เวห์อยู่กับพวกเราที่นี่ เพราะมือของพระองค์หนักอึ้งอยู่บนพวกเรา และบนพระดาโกนของพวกเราด้วย”
8 ดังนั้นคนอัชโดดจึงได้เรียกประชุมผู้นำฟีลิสเตียทุกคนและถามพวกเขาว่า “พวกเราควรจะทำอย่างไรดีกับหีบของพระของชาวอิสราเอล”
พวกผู้นำก็ตอบว่า “ย้ายหีบของพระของชาวอิสราเอลไปไว้ที่เมืองกัท” พวกเขาจึงได้ย้ายหีบของพระของชาวอิสราเอลไปที่เมืองกัท
9 แต่หลังจากที่คนอัชโดดได้ย้ายหีบไปแล้ว มือของพระยาห์เวห์ก็ได้ต่อต้านเมืองกัทนั้น พระองค์ทำให้คนทั้งเมืองสับสนวุ่นวายกันไปหมด คนในเมืองต่างได้รับความเจ็บปวดทรมานจากฝี ทั้งคนแก่และคนหนุ่มสาว 10 พวกเขาจึงส่งหีบของพระเจ้าไปเอโครน
เมื่อหีบของพระเจ้ามาถึงเมืองเอโครน ชาวเมืองก็ร้องว่า “พวกเขานำหีบของพระของอิสราเอลมาให้พวกเราเพื่อฆ่าพวกเราและชาวเมือง” 11 พวกเขาจึงเรียกประชุมผู้นำฟีลิสเตียทุกคนและพูดว่า “ส่งหีบของพระของอิสราเอลกลับไปเสีย ให้หีบนั้นกลับไปที่เดิมของมัน เพื่อว่ามันจะได้ไม่ฆ่าพวกเราและประชาชนของพวกเรา”
เพราะความตายทำให้ทั้งเมืองเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มือของพระเจ้าได้หนักอึ้งอยู่บนเมืองนี้ 12 คนที่ไม่ตายก็เป็นฝี และเสียงร้องของเมืองนี้ก็ดังขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์
หีบของพระยาห์เวห์ถูกส่งกลับบ้าน
6 เมื่อหีบของพระยาห์เวห์ ได้ไปอยู่ในเขตแดนของคนฟีลิสเตียเจ็ดเดือน 2 คนฟีลิสเตียจึงเชิญพวกนักบวชและหมอดูมาถามว่า “พวกเราควรทำยังไงกับหีบของพระยาห์เวห์ดี บอกพวกเราหน่อยว่าจะส่งหีบกลับไปที่เดิมยังไง”
3 พวกเขาตอบว่า “ถ้าเจ้าจะส่งหีบของพระของอิสราเอลกลับไป อย่าส่งกลับไปเปล่าๆ แต่เจ้าต้องส่งของถวายชดใช้ไปให้พระนั้นด้วย แล้วพวกเจ้าก็จะหายจากโรค และได้รับการไถ่ เจ้าต้องทำอย่างนี้ เพื่อพระนั้นจะหยุดลงโทษพวกเจ้า”[h]
4 คนฟีลิสเตียถามว่า “พวกเราควรส่งอะไรให้กับพระองค์นั้นเป็นของถวายชดใช้ความผิด”
พวกเขาตอบว่า “ส่งฝีห้าก้อนที่ทำจากทองคำและหนูทองคำห้าตัว ตามจำนวนของผู้นำฟีลิสเตีย เพราะโรคระบาดชนิดเดียวกันนี้ก็ได้เกิดกับพวกท่านและผู้นำของพวกท่านเหมือนกัน 5 ให้สร้างตามต้นแบบของฝีและหนูที่ทำลายเมืองของพวกท่าน แล้วให้เกียรติพระของอิสราเอล ไม่แน่พระนั้นอาจจะยกมือของพระองค์ไปพ้นจากพวกท่าน ไปจากพระทั้งหลายของพวกท่าน และไปจากแผ่นดินของพวกท่าน 6 ทำไมพวกท่านจะต้องทำใจให้ดื้อรั้นเหมือนกับคนอียิปต์และฟาโรห์ ที่ไม่ยอมปล่อยคนอิสราเอลไป จนพระองค์นั้นต้องลงโทษพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม เพื่อพวกเขาจะได้ปล่อยคนอิสราเอลให้ไปตามทางของพวกเขา
7 ตอนนี้ให้เตรียมเกวียนใหม่กับวัวตัวเมียสองตัวที่มีลูกแต่ไม่เคยลากเกวียนมาก่อน ให้ผูกเกวียนไว้กับวัวแต่เอาลูกวัวไปกักไว้[i] 8 เอาหีบของพระยาห์เวห์วางบนเกวียน และเอาหีบที่ใส่ทองที่เป็นของถวายชดใช้ความผิด วางไว้ข้างๆ แล้วปล่อยเกวียนไป 9 แต่ให้คอยดู ถ้าเกวียนไปที่แผ่นดินของเขาเอง โดยมุ่งหน้าตรงไปเมืองเบธเชเมช แสดงว่าพระยาห์เวห์เป็นผู้ทำให้เกิดภัยพิบัติแก่พวกเรา แต่ถ้ามันไปทางอื่นพวกเราจะได้รู้ว่าไม่ได้เป็นฝีมือของพระองค์นั้นหรอกที่โจมตีพวกเรา แต่มันเกิดขึ้นกับพวกเราโดยบังเอิญ”
10 คนฟีลิสเตียก็ทำตามนั้น พวกเขาเอาแม่วัวคู่หนึ่งมาเทียมเกวียน และขังลูกมันไว้ 11 แล้วเอาหีบของพระยาห์เวห์และหีบที่ใส่พวกหนูทองคำกับพวกฝีทองคำทั้งหมดขึ้นเกวียน 12 จากนั้นแม่วัวก็ออกเดินตรงไปยังเมืองเบธเชเมช แม่วัวเดินไปตามถนนและร้องไปตลอดทาง พวกมันไม่เลี้ยวซ้ายหรือขวาเลย ผู้นำฟีลิสเตียตามไปดูจนถึงเขตแดนเบธเชเมช
13 เวลานั้นชาวเมืองเบธเชเมชกำลังเกี่ยวข้าวสาลีในหุบเขา และเมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นหีบของพระยาห์เวห์ พวกเขาก็ดีใจกันใหญ่และตรงไปที่หีบใบนั้น 14 เกวียนได้เข้ามาในเขตทุ่งนาของโยชูวา ชาวเบธเชเมช และหยุดที่ข้างก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง ชาวเมืองผ่าไม้จากเกวียนทำเป็นฟืน และฆ่าวัวคู่นั้นเผาเป็นเครื่องเผาบูชาให้แก่พระยาห์เวห์
15 คนเลวี[j] ก็นำหีบของพระยาห์เวห์และหีบใส่พวกทองคำลงมาวางไว้บนก้อนหินใหญ่นั้น ในวันนั้นชาวเมืองเบธเชเมชได้ถวายพวกเครื่องเผาบูชา และพวกเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์
16 ผู้นำทั้งห้าคนของฟีลิสเตียได้เห็นสิ่งต่างๆทั้งหมดนี้ และพวกเขาได้กลับไปเมืองเอโครนในวันนั้น
17 ก้อนฝีทองคำห้าก้อนที่คนฟีลิสเตียได้ส่งให้กับพระยาห์เวห์เป็นของถวายชดใช้ความผิดนั้น แต่ละก้อนแทนเมืองอัชโดด เมืองกาซา เมืองอัชเคโลน เมืองกัท และเมืองเอโครน 18 จำนวนหนูทองคำก็ทำขึ้นตามจำนวนเมืองต่างๆที่เป็นของผู้นำทั้งห้าของฟีลิสเตีย เมืองพวกนี้มีป้อมปราการ และแต่ละเมืองก็มีหมู่บ้านล้อมรอบมัน
หินก้อนใหญ่ซึ่งคนเบธเชเมชใช้วางหีบของพระยาห์เวห์ก็ยังตั้งเป็นพยานอยู่ในทุ่งนาของโยชูวาชาวเบธเชเมชมาจนถึงทุกวันนี้ 19 แต่เมื่อพวกผู้ชายชาวเบธเชเมชเห็นหีบของพระยาห์เวห์และเฉลิมฉลองกัน ไม่มีพวกนักบวชอยู่ในหมู่พวกเขา พระยาห์เวห์ก็เลยฆ่าคนเบธเชเมชไปเจ็ดสิบคน[k] ประชาชนก็ไว้ทุกข์เพราะพระยาห์เวห์ลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรง 20 ชาวเมืองเบธเชเมชจึงถามว่า “ใครจะสามารถยืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้ หีบของพระเจ้าควรจะไปอยู่กับใครดี”
21 พวกเขาจึงส่งพวกคนนำข่าวไปยังชาวเมืองคิริยาท-เยอาริมว่า “คนฟีลิสเตียได้ส่งหีบของพระยาห์เวห์กลับมาให้แล้ว ขอให้ลงมารับหีบขึ้นไปอยู่กับท่านด้วย”
7 คนคิริยาท-เยอาริมจึงมารับหีบของพระยาห์เวห์ไป เขาได้นำหีบไปยังบ้านของอาบีนาดับที่อยู่บนเนินเขา และแต่งตั้งเอเลอาซาร์ ลูกชายของอาบีนาดับ ให้เป็นผู้ดูแลหีบของพระยาห์เวห์ 2 หีบของพระยาห์เวห์อยู่ที่คิริยาท-เยอาริมเป็นเวลานานถึงยี่สิบปี
พระยาห์เวห์ช่วยคนอิสราเอล
คนอิสราเอลทั้งหมดต่างก็เศร้าโศกและแสวงหาพระยาห์เวห์ 3 ซามูเอลจึงบอกกับครอบครัวทั้งหมดของอิสราเอลว่า “ถ้าท่านทั้งหลายจะกลับมาหาพระยาห์เวห์ด้วยสิ้นสุดใจของพวกท่าน ก็ให้ขจัดพวกพระของคนต่างชาติและพวกพระอัชทาโรทไป และสัญญาต่อพระยาห์เวห์ว่าจะรับใช้พระองค์เท่านั้น และพระองค์จะช่วยท่านให้พ้นจากเงื้อมมือของคนฟีลิสเตีย”
4 คนอิสราเอลจึงละทิ้งพวกพระบาอัลและพวกพระอัชทาโรทของพวกเขา และรับใช้พระยาห์เวห์เท่านั้น
5 จากนั้นซามูเอลได้พูดว่า “ให้เรียกประชุมคนอิสราเอลทั้งหมดที่มิสปาห์ และเราจะอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์เพื่อพวกท่าน”
6 เมื่อพวกเขามาประชุมกันที่มิสปาห์ พวกเขาตักน้ำมาเทออกต่อหน้าพระยาห์เวห์ ในวันนั้นพวกเขาอดอาหารและได้สารภาพผิดว่า “พวกเราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์” ซามูเอลก็เป็นผู้นำ[l] ของอิสราเอลที่มิสปาห์
7 เมื่อคนฟีลิสเตียได้ยินข่าวเรื่องการชุมนุมของคนอิสราเอลที่มิสปาห์ พวกผู้นำของพวกเขาก็ได้ยกขึ้นไปโจมตีคนอิสราเอล และเมื่อคนอิสราเอลได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาต่างก็พากันตื่นกลัวชาวฟีลิสเตีย 8 พวกเขาจึงพูดกับซามูเอลว่า “อย่าหยุดร้องขอต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราเพื่อพวกเรา เพื่อพระองค์จะได้ช่วยชีวิตพวกเราให้พ้นจากเงื้อมมือของคนฟีลิสเตีย”
9 ซามูเอลจึงเอาลูกแกะที่ยังไม่หย่านมมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาให้กับพระยาห์เวห์ ซามูเอลร้องขอต่อพระยาห์เวห์แทนชาวอิสราเอล และพระยาห์เวห์ก็ตอบเขา 10 ขณะที่ซามูเอลกำลังเผาเครื่องบูชาอยู่นั้น คนฟีลิสเตียได้บุกเข้ามาใกล้แล้วเพื่อสู้รบกับคนอิสราเอล แต่วันนั้นพระยาห์เวห์ทำให้เกิดฟ้าร้องสนั่นหวั่นไหวใส่คนฟีลิสเตีย ทำให้พวกเขาตกใจขวัญหนีดีฝ่อ และถอยหนีไปจากคนอิสราเอล 11 คนอิสราเอลรีบออกมาจากเมืองมิสปาห์ และไล่ล่าฆ่าฟันคนฟีลิสเตีย ไปตลอดทางจนถึงบริเวณที่อยู่ใต้เมืองเบธคาร์
สันติภาพสู่อิสราเอล
12 จากนั้นซามูเอลก็นำก้อนหินก้อนหนึ่งมาตั้งไว้ระหว่างเมืองมิสปาห์และเมืองเยสชานาห์[m] และตั้งชื่อหินก้อนนั้นว่า “เอเบนเอเซอร์”[n] และพูดว่า “พระยาห์เวห์ได้ช่วยเหลือพวกเรามาจนถึงที่นี่”
13 ดังนั้นคนฟีลิสเตียที่พ่ายแพ้ จึงไม่เข้ามาบุกรุกแผ่นดินของอิสราเอลอีก ตลอดชีวิตของซามูเอลนั้น มือของพระยาห์เวห์ได้ต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย 14 เมืองต่างๆจากเอโครนถึงกัท ที่คนฟีลิสเตียได้ยึดไปจากคนอิสราเอลนั้น พวกชาวอิสราเอลก็ได้ยึดคืนมา และชาวอิสราเอลยังช่วยให้ดินแดนรอบๆเมืองเหล่านั้นพ้นจากเงื้อมมือของคนฟีลิสเตีย
และมีสันติภาพเกิดขึ้นระหว่างคนอิสราเอลและคนอาโมไรต์ด้วย
15 ซามูเอลเป็นผู้นำของคนอิสราเอลไปตลอดชีวิตเขา 16 ทุกๆปีเขาจะเดินทางเวียนไปจนทั่วจากเมืองเบธเอลไปเมืองกิลกาลถึงเมืองมิสปาห์ เพื่อตัดสินคดีของชาวอิสราเอลในเมืองต่างๆเหล่านั้น 17 แล้วเขาก็จะกลับไปเมืองรามาห์ซึ่งเป็นบ้านของเขา และตัดสินคดีของคนอิสราเอลที่นั่นด้วย เขาได้สร้างแท่นบูชาสำหรับพระยาห์เวห์ไว้ที่นั่น
คนอิสราเอลร้องขอกษัตริย์
8 เมื่อซามูเอลแก่แล้ว เขาได้ตั้งพวกลูกชายของเขาให้เป็นผู้ตัดสินคดีของอิสราเอล 2 ลูกชายคนโตของซามูเอลชื่อโยเอล ลูกชายคนที่สองชื่ออาบียาห์ พวกเขารับใช้ประจำอยู่ที่เมืองเบเออร์เชบา 3 แต่ลูกชายของเขาไม่ได้ทำตามอย่างซามูเอลพ่อของเขา พวกเขาหันไปคดโกง หาผลประโยชน์ใส่ตัว รับสินบน รวมทั้งบิดเบือนความยุติธรรม 4 ดังนั้นผู้นำทั้งหมดของอิสราเอลจึงรวมตัวกันไปหาซามูเอลที่เมืองรามาห์ 5 พวกเขาพูดกับซามูเอลว่า “ท่านก็แก่แล้วและพวกลูกชายของท่านก็ไม่ได้ทำตามอย่างท่าน ตอนนี้ ขอให้ตั้งกษัตริย์เป็นผู้นำพวกเราเหมือนอย่างที่ชนชาติอื่นๆเขามีกัน”
6 แต่เมื่อพวกเขาพูดว่า “ขอกษัตริย์เป็นผู้นำพวกเรา” ทำให้ซามูเอลไม่พอใจ ซามูเอลจึงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 7 พระยาห์เวห์บอกซามูเอลว่า “ให้ฟังคำพูดของประชาชนทั้งหมดที่พูดกับเจ้า พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธเจ้า แต่ปฏิเสธเรา ไม่ให้เป็นกษัตริย์เหนือพวกเขา 8 พวกเขาชอบทำอย่างนี้ตั้งแต่วันที่เราได้นำพวกเขาออกมาจากอียิปต์จนถึงวันนี้ คือพวกเขาจะละทิ้งเราและไปรับใช้พระอื่นๆ แล้วพวกเขาก็กำลังทำอย่างนั้นกับเจ้าด้วย 9 ตอนนี้ ให้รับฟังประชาชน แต่ต้องเตือนพวกเขาอย่างเป็นทางการ และให้พวกเขารู้ว่า กษัตริย์ที่จะมาปกครองพวกเขานั้นจะทำอะไรบ้าง”
10 ซามูเอลเล่าคำพูดของพระยาห์เวห์ทุกคำให้กับประชาชนที่ร้องขอกษัตริย์จากเขา 11 เขาพูดว่า “นี่คือสิ่งที่กษัตริย์ที่จะมาปกครองเหนือพวกท่านจะทำคือ กษัตริย์จะเอาพวกลูกชายของพวกท่านไปเป็นทหารประจำรถรบและทหารม้า และพวกเขาจะต้องวิ่งนำหน้าพวกรถรบของกษัตริย์นั้น 12 เขาจะแต่งตั้งบางคนให้ดูแลทหารพันคน บางคนดูแลทหารห้าสิบคน และบางคนจะได้รับหน้าที่ไถนาและเก็บเกี่ยวพืชผลของกษัตริย์ และบางคนมีหน้าที่ต้องทำอาวุธสงครามและทำเครื่องมือสำหรับรถรบของกษัตริย์นั้น
13 กษัตริย์จะเอาพวกลูกสาวของพวกท่านไปเป็นคนปรุงเครื่องหอมและทำครัวและอบขนมปัง
14 กษัตริย์จะยึดที่นาที่ดีที่สุดของพวกท่าน รวมทั้งสวนองุ่น และสวนมะกอกไปให้กับข้าราชการของเขา 15 กษัตริย์จะชักเอาหนึ่งในสิบของเมล็ดพืช และผลองุ่นของพวกท่าน และเอาไปให้กับพวกเจ้าหน้าที่และพวกข้าราชการของเขา 16 กษัตริย์นั้นจะยึดเอาคนรับใช้ชายหญิง ทั้งฝูงวัว[o]และลาที่ดีที่สุดของพวกท่านไปใช้ทำงานของเขาเอง 17 เขาจะชักหนึ่งในสิบของฝูงสัตว์ของพวกท่าน และพวกท่านทั้งหลายจะกลายเป็นทาสของเขา 18 เมื่อวันนั้นมาถึงพวกท่านจะร้องทุกข์ให้ปลดปล่อยท่านจากกษัตริย์ที่ท่านเลือก แต่พระยาห์เวห์จะไม่ตอบท่านในวันนั้น”
19 แต่ประชาชนไม่ยอมฟังซามูเอล พวกเขาพูดว่า “ไม่จริง พวกเราอยากได้กษัตริย์ปกครองพวกเรา 20 แล้วเราจะได้เป็นเหมือนกับชนชาติอื่นที่มีกษัตริย์เป็นผู้นำเราและนำหน้าพวกเราในการรบ”
21 เมื่อซามูเอลได้ยินคำพูดทั้งหมดของประชาชน เขาก็มาเล่าให้พระยาห์เวห์ฟัง 22 พระยาห์เวห์ตอบว่า “ฟังพวกเขาเถอะ และให้กษัตริย์คนหนึ่งกับพวกเขาไป”
แล้วซามูเอลก็พูดกับคนอิสราเอลว่า “ให้ทุกคนกลับไปยังเมืองของตัวเอง”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International