Chronological
3 ต่อไปนี้คือชนชาติต่างๆที่พระยาห์เวห์ยังปล่อยให้หลงเหลืออยู่ในแผ่นดินเพื่อลองใจชาวอิสราเอลทั้งหมดที่ไม่ได้เข้าร่วมรบตอนยึดแผ่นดินคานาอันนั้น 2 พระยาห์เวห์ทำอย่างนี้เพื่อให้คนอิสราเอลรุ่นหลังนี้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการรบมาก่อน จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสงคราม
3 ชนชาติต่างๆที่ยังเหลืออยู่ คือผู้ครอบครองทั้งห้าคนของฟีลิสเตีย คนคานาอันทั้งหมด คนไซดอน และคนฮีไวต์ที่อาศัยอยู่แถบเนินเขาเลบานอน ตั้งแต่ภูเขาบาอัล-เฮอร์โมน ไปจนถึงเมืองเลโบ-ฮามัท
4 ชนชาติเหล่านี้ มีไว้สำหรับลองใจชาวอิสราเอล เพื่อจะได้รู้ว่า พวกเขาจะเชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระยาห์เวห์หรือไม่ คือคำสั่งต่างๆที่พระองค์ได้สั่งบรรพบุรุษของพวกเขาผ่านมาทางโมเสส 5 ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงได้อาศัยอยู่ร่วมกับ คนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์และคนเยบุส
6 คนอิสราเอลได้เอาลูกสาวของคนพวกนั้นมาเป็นเมีย และยอมยกลูกสาวของตนให้กับลูกชายของคนพวกนั้น แถมไปรับใช้พระต่างๆของคนพวกนั้นด้วย
โอทนีเอลผู้นำคนแรก
7 ชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ และได้ลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และไปรับใช้รูปเคารพของพวกพระบาอัล และพวกพระอัชทาโรท 8 พระยาห์เวห์จึงโกรธชาวอิสราเอล พระองค์ขายพวกเขาให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์คูชัน-ริชาธาอิมแห่งอาราม นาชาราอิม[a] ชาวอิสราเอลจึงต้องรับใช้กษัตริย์คูชัน-ริชาธาอิมอยู่แปดปี
9 แต่เมื่อชาวอิสราเอลร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ส่งผู้ช่วยมาให้กับคนอิสราเอล เพื่อช่วยเหลือพวกเขา คนนั้นคือ โอทนีเอลลูกชายของเคนัส เคนัสเป็นน้องชายของคาเลบ 10 พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้ลงมาอยู่กับโอทนีเอล และเขาได้กลายเป็นผู้นำของอิสราเอล เขาออกไปทำสงคราม และพระยาห์เวห์ได้ทำให้กษัตริย์คูชัน-ริชาธาอิมตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา และเขามีชัยเหนือกษัตริย์คูชัน 11 จากนั้นแผ่นดินก็สงบสุขเป็นเวลาสี่สิบปี จนโอทนีเอลลูกชายเคนัสตายไป
ผู้นำเอฮูด
12 ต่อมาชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์อีก พระองค์ก็เลยทำให้กษัตริย์เอกโลนของเมืองโมอับมีกำลังเข้มแข็ง และมาโจมตีชาวอิสราเอล เพราะคนอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ 13 กษัตริย์เอกโลนได้ชวนคนอัมโมนและอามาเลค มาเข้าพวกกับเขา และไปโจมตีอิสราเอล และพวกเขาได้ยึดครองเมืองดงอินทผลัมไว้ได้
14 ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงต้องรับใช้กษัตริย์เอกโลน ของเมืองโมอับอยู่สิบแปดปี 15 ชาวอิสราเอลได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์ก็ได้ส่งผู้ช่วยคนหนึ่งมาให้กับพวกเขา คือเอฮูดลูกชายของเกราจากเผ่าเบนยามิน เขาถูกฝึกให้สู้รบด้วยมือซ้าย ชาวอิสราเอลให้เขาเอาส่วยไปส่งให้กับกษัตริย์เอกโลนของเมืองโมอับ
16 เอฮูดได้ทำดาบสองคมเล่มหนึ่งยาวศอกหนึ่ง เขามัดมันไว้ที่ต้นขาขวาใต้ชุดที่ใส่ 17 แล้วเขาได้นำส่วยไปมอบให้กับกษัตริย์เอกโลนของเมืองโมอับ (กษัตริย์เอกโลนเป็นคนที่อ้วนมาก) 18 เมื่อเอฮูดมอบส่วยเสร็จแล้ว เขาก็ไปส่งคนที่แบกส่วยมา 19 เมื่อเอฮูดไปถึงพวกรูปหินแกะสลักที่กิลกาล เขาก็ย้อนกลับไปหากษัตริย์เอกโลนและพูดกับกษัตริย์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพเจ้ามีความลับจะแจ้งกับท่าน”
กษัตริย์จึงบอกให้เอฮูดเงียบก่อน แล้วเขาก็สั่งให้พวกผู้รับใช้ของเขาออกไปนอกห้อง
20 แล้วเอฮูดได้เข้าไปหากษัตริย์เอกโลน ในขณะที่เขานั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ตั้งอยู่บนฐานที่ยกสูง ซึ่งเป็นของเขาโดยเฉพาะ เอฮูดพูดว่า “ข้าพเจ้ามีข่าวจากพระเจ้ามาแจ้งกับท่าน” ในขณะที่กษัตริย์เอกโลนลุกขึ้นจากที่นั่ง 21 เอฮูดก็ยื่นมือซ้ายไปชักดาบจากต้นขาขวาของเขา แล้วแทงเข้าไปที่ท้องของกษัตริย์เอกโลน 22 จมมิดด้าม ไขมันก็ปิดคมดาบไว้ และเอฮูดก็ไม่ได้ดึงดาบออกจากท้องของกษัตริย์ และกษัตริย์เอกโลนก็อุจจาระราดออกมา
23 แล้วเอฮูดก็ได้ปิดประตูห้องบัลลังก์และลงกลอนข้างใน จากนั้นเขาก็หย่อนตัวลงทางช่องส้วมไปยังห้องด้านล่าง 24 แล้วเอฮูดก็ออกไปทางห้องโถงใหญ่ และพวกผู้รับใช้ของกษัตริย์เอกโลนก็เข้ามา เมื่อพวกเขาเห็นว่าประตูห้องบนชั้นสองนั้นปิดอยู่ พวกเขาก็คิดว่ากษัตริย์เอกโลนกำลังถ่ายทุกข์อยู่ข้างใน 25 พวกเขาคอยอยู่จนรู้สึกเป็นห่วง จึงเอากุญแจมาไขเข้าไปดู และพบกษัตริย์เอกโลนนอนตายอยู่บนพื้น
26 เอฮูดหนีออกมา ในขณะที่พวกคนรับใช้กำลังคอยอยู่ เขาเดินผ่านพวกรูปเคารพที่สลักจากหิน และหนีไปจนถึงเสอีราห์ 27 เมื่อเขาไปถึงที่นั่น เขาได้เป่าแตรเขาสัตว์ที่เทือกเขาเอฟราอิม แล้วชาวอิสราเอลก็ยกพลลงจากเขาไปพร้อมกับเอฮูด ที่นำหน้าพวกเขาไป
28 เอฮูดสั่งพวกเขาว่า “ตามเรามา เพราะพระยาห์เวห์ได้มอบพวกศัตรูของพวกท่าน คือชาวโมอับไว้ในเงื้อมมือของพวกท่านแล้ว” ชาวอิสราเอลทั้งหลายจึงตามเขาไป และพวกเขาได้ยึดบริเวณน้ำตื้นที่ลุยข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเมืองโมอับได้ และไม่ให้ใครข้ามทั้งนั้น 29 ในครั้งนั้นพวกเขาได้ฆ่าชายโมอับที่เข้มแข็งและกล้าหาญไปประมาณหนึ่งหมื่นคน ไม่มีใครหนีรอดไปได้
30 ในวันนั้นชาวโมอับตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของคนอิสราเอล หลังจากนั้นแผ่นดินก็สงบสุขเป็นเวลาแปดสิบปี
ผู้นำชัมการ์
31 หลังจากเอฮูดแล้ว ก็มีชัมการ์ลูกชายอานาท เขาใช้ปฏักวัวฆ่าชาวฟีลีสเตียไปหกร้อยคน เขาก็เป็นผู้ช่วยชาวอิสราเอลคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน
เดโบราห์ผู้นำหญิง
4 เมื่อเอฮูดตาย ชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์อีก 2 พระยาห์เวห์ก็เลยขายพวกเขาให้ตกไปอยู่ในกำมือของยาบินกษัตริย์ของคานาอัน ผู้ครอบครองเมืองฮาโซร์ แม่ทัพของเขาคือสิเสรา ที่อาศัยอยู่ในเมืองฮาโรเชท-ฮาโกยิม 3 ชาวอิสราเอลก็ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์อีก เพราะสิเสรามีรถรบเหล็กถึงเก้าร้อยคัน และเขาได้กดขี่ข่มเหงชาวอิสราเอลอย่างโหดร้ายทารุณถึงยี่สิบปี
4 เดโบราห์เป็นผู้พูดแทนพระเจ้าที่กำลังทำหน้าที่เป็นผู้นำของอิสราเอลอยู่ในเวลานั้น นางเป็นเมียของลับปิโดท 5 เดโบราห์เคยนั่งตัดสินคดีอยู่ใต้ต้นอินทผลัมของนาง ที่อยู่ระหว่างรามาห์กับเบธเอลในเขตเทือกเขาเอฟราอิม และชาวอิสราเอลก็มาหานางเพื่อให้นางตัดสินคดีให้
6 นางส่งคนไปเรียกบาราคลูกชายของอาบีโนอัม ให้มาจากเมืองคาเดชในเขตแดนของนัฟทาลี นางพูดกับเขาว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ไม่ได้สั่งท่านหรือว่า ให้ยกพลไปตั้งอยู่ที่ภูเขาทาโบร์ และเกณฑ์คนหนึ่งหมื่นคนจากเผ่านัฟทาลีและจากเผ่าเศบูลุน 7 เราจะล่อสิเสรา แม่ทัพของกองทัพยาบิน พร้อมกับรถรบ และกองทหารของเขา ให้ออกมาพบกับเจ้าที่แม่น้ำคีโชน และเราจะยกพวกเขาให้ตกอยู่ในกำมือของเจ้า”
8 บาราคจึงตอบเดโบราห์ว่า “ถ้าท่านไปกับข้า ข้าก็จะไป แต่ถ้าท่านไม่ไปกับข้า ข้าก็ไม่ไป”
9 เดโบราห์พูดว่า “ข้าจะไปกับท่านแน่ แต่บอกให้ท่านรู้ไว้ว่า ท่านจะไม่ได้รับเกียรติในทางที่ท่านจะไปนี้ เพราะพระยาห์เวห์จะทำให้สิเสราตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้หญิง” แล้วเดโบราห์จึงลุกขึ้นไปกับบาราคถึงเมืองเคเดช 10 บาราคได้รวบรวมพลจากเผ่าเศบูลุนและเผ่านัฟทาลีมาที่เคเดช เขารวบรวมได้ทั้งหมดหนึ่งหมื่นคนที่มาติดตามเขา และเดโบราห์ก็ไปกับเขาด้วย
11 มีชายคนหนึ่งชื่อเฮเบอร์ ชาวเคไนต์ เขาได้แยกตัวออกมาจากคนเคไนต์ แล้วมาตั้งค่ายอยู่ที่ต้นโอ๊กในศานันนิม ซึ่งอยู่ใกล้เมืองเคเดช เคไนต์เป็นลูกหลานของโฮบับ และโฮบับเป็นพ่อตาของโมเสส 12 มีคนบอกสิเสราว่า บาราคลูกชายของอาบีโนอัม ได้ขึ้นไปที่ภูเขาทาโบร์ 13 สิเสราจึงรวบรวมรถรบเหล็กทั้งเก้าร้อยคันของเขาและทหารทั้งหมดที่อยู่กับเขา เคลื่อนพลจากเมืองฮาโรเชท-ฮาโกยิม ไปที่แม่น้ำคีโชน
14 แล้วเดโบราห์พูดกับบาราคว่า “ลุกขึ้น เพราะวันนี้เป็นวันที่พระยาห์เวห์จะทำให้สิเสราตกอยู่ในเงื้อมมือของท่าน พระยาห์เวห์นำหน้าท่านอย่างแน่นอน” ดังนั้นบาราคจึงลงมาจากภูเขาทาโบร์และมีทหารทั้งหมื่นคนติดตามเขาไป
15 ในขณะที่บาราคเข้าโจมตีนั้น พระยาห์เวห์ได้ทำให้ฝ่ายของสิเสรารวมทั้งรถรบและกองทัพของเขาสับสนวุ่นวายใต้คมดาบของบาราค สิเสราก็ลงจากรถรบวิ่งหนีไป 16 บาราคไล่ตามรถรบและกองทัพทั้งหลายของสิเสรา ไปจนถึงฮาโรเชท-ฮาโกยิม กองทัพทั้งหมดของสิเสราถูกฆ่าตายด้วยดาบ ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
17 ส่วนสิเสราได้วิ่งหนีไปที่เต็นท์ของยาเอล เมียของเฮเบอร์คนเคไนต์ เพราะกษัตริย์ยาบินเมืองฮาโซร์เป็นพันธมิตรกับครอบครัวเฮเบอร์คนเคไนต์ 18 ยาเอลออกมาพบกับสิเสรา นางพูดกับเขาว่า “เชิญทางนี้เจ้านาย เชิญมาหาดิฉันทางนี้ ไม่ต้องกลัว” เขาจึงตรงเข้าไปหานาง เข้าไปที่เต็นท์ของนาง และนางก็เอาผ้าห่มคลุมตัวเขาไว้
19 จากนั้นสิเสราก็พูดกับยาเอลว่า “ขอน้ำให้ข้ากินหน่อย ข้าหิวน้ำ” ดังนั้นนางจึงเปิดถุงน้ำนมและให้เขาดื่ม และเอาผ้าคลุมเขาไว้ 20 เขาพูดกับนางว่า “ช่วยยืนเฝ้าที่ประตูเต็นท์หน่อย และถ้ามีใครถามว่า ‘มีใครอยู่ในนี้หรือเปล่า’ ให้บอกว่า ‘ไม่มี’”
21 แต่ยาเอลเมียของเฮเบอร์หยิบหมุดขึงเต็นท์กับค้อน แล้วค่อยๆย่องเข้าไปหาเขา และนางก็ตอกหมุดไปตรงขมับของเขา ทะลุติดดิน ในขณะที่เขากำลังหลับสนิท เพราะเหน็ดเหนื่อยมาก เขาจึงตาย 22 ทันใดนั้น บาราคที่กำลังไล่ล่าสิเสราก็มาถึง ยาเอลออกมาพบเขาและพูดกับเขาว่า “เข้ามาสิ แล้วฉันจะให้ท่านดูชายที่ท่านกำลังตามหาอยู่” เขาจึงเข้าไปในเต็นท์กับนาง และเห็นสิเสรานอนตายอยู่ที่นั่น มีหมุดปักเต็นท์ตอกอยู่ที่ขมับ
23 ดังนั้น ในวันนั้น พระเจ้าก็ได้พิชิตกษัตริย์ยาบินของคานาอันให้กับชาวอิสราเอล 24 ชาวอิสราเอลก็มีกำลังเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆเหนือกษัตริย์ยาบินของคานาอัน จนในที่สุดพวกเขาก็ได้ทำลายกษัตริย์ยาบินของคานาอันไป
บทเพลงของเดโบราห์
5 ในวันนั้น เดโบราห์และบาราคลูกชายอาบีโนอัมได้ร้องเพลงนี้
2 สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
เพราะชาวอิสราเอลเป็นจำนวนมากได้อุทิศตัวอย่างเต็มที่
กองทัพได้อาสาสมัครเข้าร่วมรบ
3 ฟังให้ดี กษัตริย์ทั้งหลาย
สนใจหน่อย ผู้ครอบครองทั้งหลาย
ข้าจะร้องเพลง
ตัวข้าเองจะร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์
ข้าจะร้องเพลงไปกับเครื่องดนตรี
ให้กับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เมื่อพระองค์ออกมาจากเทือกเขาเสอีร์
เมื่อพระองค์ย่างก้าวมาที่นี่จากแผ่นดินของเอโดม
แผ่นดินก็สั่นสะท้าน
ท้องฟ้าก็เทฝนลงมา
หมู่เมฆก็เทน้ำลงมา
5 ภูเขาต่างๆก็สั่นสะเทือน
ต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระผู้นั้นของซีนาย
ต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
6 ในสมัยของชัมการ์บุตรอานาท
และในสมัยของยาเอล พวกขบวนคาราวานก็หยุดเดิน
พวกคนเดินทางก็อ้อมไปใช้เส้นหลัง
7 คนชนบทก็หวาดกลัวที่จะออกไปทำสวนทำไร่
ในอิสราเอล พวกเขาก็หลบอยู่แต่ในบ้านกัน
จนกระทั่งท่านมา เดโบราห์
จนกระทั่งท่านมาเป็นเหมือนแม่ของอิสราเอล
8 เมื่อพระเจ้าเลือกพวกผู้นำคนใหม่ขึ้นมา[b]
สงครามก็มาถึงประตูเมือง
ไม่มีโล่หรือหอกสักอันเดียว
ในหมู่ทหารอิสราเอลสี่หมื่นคน
9 ข้ารู้สึกสำนึกในบุญคุณของพวกผู้นำอิสราเอล
และคนเหล่านั้นที่อาสาไปออกรบ
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
10 พวกเจ้าชาวคะนาอันที่ขี่อยู่บนลาตัวเมียสีเหลืองอมแดงที่หายาก
พวกเจ้าคนร่ำรวยที่นั่งอยู่บนอานทำจากพรมอันมีค่า[c]
พวกเจ้าพ่อค้าที่เดินทางอยู่ตามถนนหลวง
ให้ทบทวนและเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้
11 ให้ฟังคำพูดของคนเหล่านั้นที่แจกน้ำอยู่แถวบริเวณที่ตักน้ำ
ที่นั่นพวกเขาบอกเล่าถึงชัยชนะทั้งหลายของพระยาห์เวห์
คือชัยชนะของชาวชนบทของพระองค์ในอิสราเอล
แล้วกองทัพของพระยาห์เวห์ก็ลงไปโจมตีประตูเมืองของศัตรู
12 เดโบราห์ ลุย ลุย
ลุย ลุย ร้องเพลงปลุกใจเถิด
ลุกขึ้น บาราคลูกของอาบีโนอัม
ไปจับตัวพวกศัตรูของท่านเถิด
13 ดังนั้นคนที่หลงเหลืออยู่ก็ลงไปสู้รบกับทหารที่เก่งกาจ
กองทัพของพระยาห์เวห์ก็ลงไปสู้รบกับพวกนักรบให้กับข้า
14 คนอิสราเอลจากเผ่าเอฟราอิมที่อาศัยอยู่ท่ามกลางคนอามาเลค[d] ก็มาด้วย
เบนยามินเอ๋ย พวกเขาเดินตามหลังท่านและทหารของท่านมา
จากตระกูลมาคีร์ก็มีพวกผู้บังคับบัญชา[e] ลงมาช่วยรบด้วย
จากเผ่าเศบูลุนก็มีพวกเจ้าหน้าที่มาด้วย
15 พวกหัวหน้าของเผ่าอิสสาคาร์ก็มาอยู่กับเดโบราห์
กองทัพจากอิสสาคาร์สนับสนุนบาราค
พวกเขาถูกส่งลงไปในหุบเขา ภายใต้คำสั่งของบาราค
พวกตระกูลแห่งเผ่ารูเบน
ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่ออกไปช่วยรบ
16 ทำไมท่านถึงได้นั่งอยู่ที่คอกแกะ
และฟังเสียงปี่ที่เขาเป่าให้ฝูงแกะฟัง
พวกตระกูลของเผ่ารูเบน
ต่อสู้ในใจว่าน่าจะออกไปช่วยรบแต่ไม่ไป
17 กิเลอาดก็พักอยู่ที่บ้านอีกฝั่งของแม่น้ำจอร์แดน
ส่วนดาน ทำไมเจ้าถึงได้รับจ้างทำงานอยู่บนเรือทั้งหลาย
ส่วนอาเชอร์ พวกเขายังคงอยู่ที่ฝั่งทะเล
พักอยู่ที่บ้านตามท่าเรือของเขา
18 แต่คนของเศบูลุนและนัฟทาลี
ได้เสี่ยงชีวิตสู้รบอยู่บนที่ราบที่ลดหลั่นลงมา
19 พวกกษัตริย์ก็มาสู้รบ
คือพวกกษัตริย์ของคานาอัน
สู้รบที่ทาอานาค ข้างลำธารเมกิดโด
แต่พวกเขาไม่ได้ปล้นเอาเงินไป
20 ดวงดาวต่อสู้จากฟากฟ้า
จากเส้นทางของพวกมัน พวกมันได้ต่อสู้กับสิเสรา
21 แม่น้ำคีโชน แม่น้ำคีโชนอันเก่าแก่นั้น[f]
ได้กวาดพวกสิเสราไปเสีย
จิตใจข้าเอ๋ย มุ่งไปอย่างฮึกเหิม[g] เถิด
22 แล้วกีบม้าก็ตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำนั้น
ม้าอันทรงพลังของสิเสราก็ยกสองเท้าหน้าขึ้นตะกายฟ้าในสนามรบ
23 ทูต[h] ของพระยาห์เวห์พูดว่า “ให้สาปแช่งเมืองเมโรส
ให้สาปแช่งอย่างขมขื่นต่อคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น
เพราะพวกเขาไม่ได้มาช่วยพระยาห์เวห์
ไม่ได้มาช่วยพระยาห์เวห์สู้รบกับพวกนักรบ
24 หญิงที่สมควรได้รับรางวัลมากที่สุดคือยาเอล
นางเป็นเมียของเฮเบอร์ชาวเคไนต์
ในพวกผู้หญิงที่อาศัยอยู่ตามเต็นท์นั้น
นางสมควรได้รับรางวัลที่สุด
25 สิเสราขอน้ำดื่ม นางก็ให้นมกับเขา
นางเอาโยเกิร์ตใส่ชามที่เหมาะสมกับพวกผู้นำให้กับเขา
26 นางเอื้อมมือซ้ายไปหยิบหมุดปักเต็นท์
และมือขวาไปหยิบค้อน
นางตอกมันเข้าไปที่หัวของสิเสรา
บี้หัวของเขาแตกเป็นชิ้นๆ
นางตีทะลุขมับของเขาไป
27 เขาล้มลงที่เท้าของยาเอล
เขานอนแผ่หลาอยู่
เขาล้มลงแทบเท้าของนาง
เขาล้มลงตายที่นั่น
28 แม่ของสิเสรา มองลอดหน้าต่างออกไป
นางมองผ่านช่องหน้าต่างแล้วร้องว่า
‘ทำไมรถรบของสิเสราถึงได้มาช้านัก
ทำไมเสียงพวกรถม้าของเขาถึงได้ล่าช้านัก’
29 เพื่อนชั้นสูงที่ฉลาดที่สุดของนางก็ตอบไป
และแม่ของสิเสราก็ตอบคำถามตัวเองไปว่า
30 ‘แน่นอน พวกเขากำลังค้นหาและแบ่งปันของที่ยึดได้กันอยู่
นักรบแต่ละคนกำลังจับหญิงคนสองคนมาข่มขืน
พวกของที่ยึดได้นั้น มีทั้งผ้าย้อมสีเป็นของสิเสรา
และผ้าที่ปักลวดลายทั้งสองหน้า’
31 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้ศัตรูของพระองค์ถูกทำลายอย่างนี้ทุกคน
แต่ขอให้พวกเพื่อนๆของพระองค์ เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ตอนที่มันโผล่ขึ้นอย่างเต็มพลังของมัน”
และแผ่นดินก็สงบสุขเป็นเวลาสี่สิบปี
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International