Print Page Options Listen to Exodus 7-9
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
อพยพ 7-9

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “นี่แน่ะ เราจะทำให้เจ้าเป็นเหมือนพระเจ้าต่อฟาโรห์ และอาโรนพี่ชายของเจ้าจะเป็นผู้เผยพระวจนะของเจ้า จงบอกอาโรนทุกอย่างที่เราสั่งเจ้า และอาโรนพี่ชายของเจ้าจะบอกฟาโรห์ให้ปล่อยชนอิสราเอลออกจากอียิปต์ แต่เราจะทำให้ฟาโรห์ใจแข็งกระด้าง และแม้ว่าเราจะทำหมายสำคัญมากขึ้นในอียิปต์ ฟาโรห์ก็จะไม่ฟังเจ้า แล้วเราจะลงมือจัดการกับอียิปต์ และด้วยการพิพากษาลงโทษอย่างหนัก เราจะนำชนอิสราเอลประชากรของเราออกไปเป็นหมู่เหล่า และชาวอียิปต์จะได้รู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ เมื่อเราเหยียดมือออกจัดการกับอียิปต์และนำชนชาติอิสราเอลออกไป”

โมเสสและอาโรนจึงปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาทุกประการ เมื่อเขาทั้งสองเข้าไปพูดกับฟาโรห์นั้น โมเสสมีอายุ 80 ปี ส่วนอาโรนมีอายุ 83 ปี

ไม้เท้าของอาโรนกลายเป็นงู

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า “เมื่อฟาโรห์กล่าวกับเจ้าว่า ‘จงแสดงการอัศจรรย์สักอย่างให้เราเห็น’ แล้วเจ้าจงบอกอาโรนว่า ‘หยิบไม้เท้าของท่านและโยนลงที่พื้นต่อหน้าฟาโรห์’ แล้วไม้เท้าจะกลายเป็นงู”

10 ดังนั้นโมเสสกับอาโรนจึงไปเข้าเฝ้าฟาโรห์และทำตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา อาโรนโยนไม้เท้าลงต่อหน้าฟาโรห์และข้าราชการ ไม้เท้านั้นก็กลายเป็นงู 11 ฟาโรห์จึงรับสั่งเรียกนักปราชญ์ พ่อมด และนักเล่นอาคมชาวอียิปต์มา พวกเขาก็สามารถทำสิ่งอัศจรรย์อย่างเดียวกันด้วยศาสตร์อันลี้ลับ 12 พวกเขาแต่ละคนโยนไม้เท้าของตนลงและไม้เท้าของพวกเขาก็กลายเป็นงู แต่ไม้เท้าของอาโรนกลืนกินไม้เท้าของพวกเขา 13 แต่ฟาโรห์ยังคงมีพระทัยแข็งกระด้างและไม่ยอมฟังเขาทั้งสองดังที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว

ภัยพิบัติจากน้ำที่กลายเป็นเลือด

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “ฟาโรห์ยังใจแข็ง ดันทุรังไม่ยอมปล่อยประชากรไป 15 เจ้าจงไปหาฟาโรห์ในตอนเช้าขณะที่เขาไปยังแม่น้ำไนล์ จงคอยเขาอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำเพื่อพบกับเขาและถือไม้เท้าที่กลายเป็นงูได้นั้นไปด้วย 16 แล้วบอกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนฮีบรูได้ส่งข้าพระบาทมาทูลพระองค์ดังนี้ว่า จงปล่อยประชากรของเราออกไปนมัสการเราในถิ่นกันดาร แต่จนบัดนี้เจ้าก็ยังไม่ฟัง 17 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสดังนี้ว่า เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ด้วยเหตุการณ์ต่อไปนี้คือ โมเสสจะเอาไม้เท้าตีลงในแม่น้ำ แล้วน้ำนั้นจะกลายเป็นเลือด 18 ปลาจะตายและแม่น้ำจะเน่าเหม็นจนชาวอียิปต์ดื่มน้ำนั้นไม่ได้’ ”

19 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เจ้าจงบอกอาโรนว่า ‘หยิบไม้เท้าของท่านและยื่นออกเหนือห้วงน้ำในอียิปต์ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง’ แล้วน้ำทั่วทุกแห่งในอียิปต์จะกลายเป็นเลือด แม้แต่น้ำในภาชนะไม้และหินก็จะกลายเป็นเลือดทั้งหมด”

20 โมเสสกับอาโรนจึงทำตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าอาโรนยกไม้เท้าขึ้นต่อหน้าฟาโรห์และข้าราชการ แล้วตีน้ำในแม่น้ำไนล์ น้ำทั้งหมดจึงกลายเป็นเลือด 21 ปลาในแม่น้ำไนล์ก็ตายและน้ำก็เน่าเหม็นจนชาวอียิปต์ดื่มไม่ได้ มีเลือดอยู่ทั่วทุกแห่งในอียิปต์

22 แต่พวกนักเล่นอาคมของอียิปต์ก็ทำได้เหมือนกันโดยใช้ศาสตร์อันลี้ลับของตน ฟาโรห์จึงยังคงมีพระทัยแข็งกระด้างและไม่ยอมฟังโมเสสกับอาโรนตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ 23 ฟาโรห์เสด็จกลับวังโดยไม่สนพระทัย 24 ชาวอียิปต์พากันขุดบ่อตามตลิ่งแม่น้ำไนล์เพื่อหาน้ำดื่ม เพราะไม่สามารถดื่มน้ำจากแม่น้ำได้

ภัยพิบัติจากกบ

25 เจ็ดวันผ่านไปหลังจากที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้แม่น้ำไนล์กลายเป็นเลือด องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงไปหาฟาโรห์และบอกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงปล่อยประชากรของเราไปเพื่อพวกเขาจะได้นมัสการเรา ถ้าเจ้าไม่ยอม เราจะส่งฝูงกบขึ้นมารังควานทั่วดินแดนของเจ้า จะมีกบเต็มแม่น้ำไนล์ มันจะกรูกันเข้าไปในวัง ในห้องนอนจนถึงบนเตียงของเจ้า และมันจะเข้าไปในบ้านของเหล่าข้าราชการของเจ้า และบนตัวประชากรของเจ้า มันจะเข้าไปในเตาปิ้งขนมและอ่างผสมแป้งของเจ้า ฝูงกบนั้นจะขึ้นมาที่ตัวเจ้าและข้าราชการกับราษฎรของเจ้า’ ”

แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เจ้าจงบอกอาโรนว่า ‘ท่านจงชูไม้เท้าขึ้นเหนือแม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง แล้วจะมีกบขึ้นทั่วแดนอียิปต์’ ”

ดังนั้นอาโรนจึงยื่นมือออกเหนือห้วงน้ำของอียิปต์ แล้วกบก็ขึ้นมาจนเต็มแผ่นดิน แต่พวกนักเล่นอาคมก็ใช้ศาสตร์อันลี้ลับของตนทำให้กบขึ้นมาบนแผ่นดินอียิปต์ได้ด้วยเหมือนกัน

ฟาโรห์รับสั่งให้โมเสสและอาโรนมาเข้าเฝ้าแล้วตรัสว่า “ช่วยวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าให้เอากบออกไปจากเราและประชากรของเรา แล้วเราจะปล่อยประชากรของเจ้าออกไปถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า”

โมเสสทูลฟาโรห์ว่า “โปรดบอกข้าพระบาทว่าฝ่าพระบาทประสงค์จะให้ข้าพระบาทอธิษฐานกำจัดกบออกจากพระราชวังของฝ่าพระบาท บ้านเรือนของข้าราชการและประชากรของฝ่าพระบาทเมื่อใด ยกเว้นกบที่ยังคงมีอยู่ในแม่น้ำไนล์”

10 ฟาโรห์ตรัสว่า “วันพรุ่งนี้”

โมเสสทูลตอบว่า “จะเป็นไปตามที่ฝ่าพระบาทตรัส เพื่อฝ่าพระบาทจะได้ทราบว่าไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระบาททั้งหลาย 11 ฝูงกบจะไปจากฝ่าพระบาท บ้านเรือนของพวกฝ่าพระบาท ข้าราชการและประชากรของฝ่าพระบาท แต่มันจะอยู่ในแม่น้ำไนล์เท่านั้น”

12 หลังจากโมเสสกับอาโรนกลับออกมาจากการเข้าเฝ้าฟาโรห์แล้ว โมเสสร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับฝูงกบที่พระองค์ทรงนำมายังฟาโรห์ 13 และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำตามคำทูลของโมเสส กบตายเกลื่อนบ้านเกลื่อนลานและทุ่งนา 14 ชาวอียิปต์เอากบตายมาสุมเป็นกองพะเนิน ส่งกลิ่นเหม็นตลบทั่วดินแดน 15 แต่เมื่อฟาโรห์ทรงเห็นว่าความทุกข์ร้อนบรรเทาลงแล้วก็กลับมีพระทัยแข็งกระด้างไม่ยอมรับฟังโมเสสกับอาโรนอีก เป็นไปตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้

ภัยพิบัติจากริ้น

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เจ้าจงบอกอาโรนว่า ‘ท่านจงยื่นไม้เท้าออกและตีฝุ่นบนพื้นดิน’ แล้วฝุ่นทั่วดินแดนอียิปต์จะกลายเป็นริ้น” 17 พวกเขาก็ทำเช่นนั้น และเมื่ออาโรนยื่นมือข้างที่ถือไม้เท้าออกแล้วตีฝุ่นบนพื้นดิน ฝุ่นทั่วดินแดนอียิปต์ก็กลายเป็นฝูงริ้นขึ้นมาตอมคนและสัตว์ 18 แต่เมื่อพวกนักเล่นอาคมพยายามจะใช้ศาสตร์อันลี้ลับของตนทำเลียนแบบก็ทำไม่ได้ ริ้นตอมทั้งคนและสัตว์

19 นักเล่นอาคมจึงทูลฟาโรห์ว่า “นี่เป็นผลจากนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้า” แต่ฟาโรห์พระทัยแข็งกระด้างไม่ยอมฟัง เป็นไปตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้

ภัยพิบัติจากเหลือบ

20 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เจ้าจงลุกขึ้นแต่เช้ามืดไปคอยพบฟาโรห์ที่ริมฝั่งแม่น้ำและบอกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงปล่อยประชากรของเราไปเพื่อพวกเขาจะได้นมัสการเรา 21 ถ้าเจ้าไม่ยอมปล่อยประชากรของเราไป เราจะส่งฝูงเหลือบมาตอมตัวเจ้า ตอมข้าราชการและราษฎรของเจ้า และเข้าไปในวังในบ้านของพวกเจ้า บ้านของชาวอียิปต์ และแม้แต่พื้นดินก็จะเต็มไปด้วยฝูงเหลือบ

22 “ ‘แต่ในวันนั้นเราจะทำกับดินแดนโกเชนที่ประชากรของเราอาศัยอยู่ต่างออกไป ที่นั่นจะไม่มีฝูงเหลือบเลย เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่เหนือแผ่นดินนี้ 23 เราจะแยกให้เห็นความแตกต่าง[a]ระหว่างประชากรของเราและประชากรของเจ้า หมายสำคัญนี้จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้’ ”

24 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำตามนั้น ฝูงเหลือบจำนวนมหาศาลกรูเข้าไปในพระราชวังของฟาโรห์และบ้านเรือนของข้าราชการ และฝูงเหลือบได้สร้างความเสียหายทั่วดินแดนอียิปต์

25 แล้วฟาโรห์จึงรับสั่งให้โมเสสกับอาโรนมาเข้าเฝ้าแล้วตรัสว่า “จงไปถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของเจ้าในดินแดนนี้”

26 แต่โมเสสทูลว่า “การทำเช่นนั้นไม่ถูกต้อง เครื่องบูชาที่พวกข้าพระบาทถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระบาทเป็นที่รังเกียจของชาวอียิปต์ และหากพวกข้าพระบาทถวายเครื่องบูชาซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจในสายตาของพวกเขาที่นี่ จะไม่ถูกพวกเขาเอาหินขว้างตายหรือ? 27 ข้าพระบาททั้งหลายจำเป็นต้องเดินทางสามวันเข้าไปในถิ่นกันดารเพื่อถวายเครื่องบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระบาทที่นั่นตามที่พระเจ้าทรงบัญชา”

28 ฟาโรห์ตรัสว่า “เราจะให้พวกเจ้าไปถวายเครื่องบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าในถิ่นกันดาร แต่ว่าพวกเจ้าอย่าไปไกลนัก บัดนี้จงอ้อนวอนพระเจ้าเพื่อเราด้วย”

29 แล้วโมเสสทูลว่า “ทันทีที่จากไป ข้าพระบาทจะกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าและในวันพรุ่งนี้ฝูงเหลือบจะไปจากฝ่าพระบาท ข้าราชการและประชากรของฝ่าพระบาท แต่ขอฝ่าพระบาทอย่าได้ทรงกลับคำมั่นที่จะปล่อยชนอิสราเอลออกไปถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าอีก”

30 แล้วโมเสสจึงทูลลาฟาโรห์และอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า 31 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำตามที่โมเสสทูลขอ ฝูงเหลือบก็ละจากฟาโรห์ ข้าราชการ และราษฎรของพระองค์ ไม่เหลือเหลือบแม้สักตัวเดียว 32 แต่ครั้งนี้ก็เช่นกัน ฟาโรห์มีพระทัยแข็งกระด้างอีกและไม่ยอมปล่อยชนอิสราเอลไป

ภัยพิบัติที่เกิดกับฝูงสัตว์

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงไปหาฟาโรห์และกล่าวกับเขาว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนฮีบรูตรัสว่า “จงปล่อยประชากรของเราไปเพื่อพวกเขาจะได้นมัสการเรา” หากเจ้าไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปและยังคงหน่วงเหนี่ยวไว้ พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะนำภัยพิบัติอันน่าสะพรึงกลัวมาสู่ฝูงสัตว์ของเจ้าในท้องทุ่ง ไม่ว่าจะเป็นฝูงม้า ลา อูฐ วัว แกะและแพะ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างฝูงสัตว์ของอิสราเอลกับของอียิปต์ เพื่อว่าสัตว์ของชาวอิสราเอลจะไม่ตายแม้แต่ตัวเดียว’ ”

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดเวลาและตรัสว่า “ในวันพรุ่งนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำสิ่งนี้ในแผ่นดินอียิปต์” และองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงกระทำเช่นนั้นในวันต่อมา ฝูงสัตว์ของชาวอียิปต์พากันล้มตายหมด ส่วนฝูงสัตว์ของอิสราเอลไม่ตายแม้แต่ตัวเดียว ฟาโรห์ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าสัตว์ของอิสราเอลไม่ตายเลยสักตัว แต่ฟาโรห์ก็ยังคงมีพระทัยแข็งกระด้างและไม่ยอมปล่อยประชากรอิสราเอลไป

ภัยพิบัติจากฝี

องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า “จงกอบเขม่าจากเตาขึ้นมาและให้โมเสสซัดขึ้นไปในอากาศต่อหน้าฟาโรห์ เขม่านั้นจะกลายเป็นฝุ่นละเอียดฟุ้งตลบไปทั่วดินแดนอียิปต์ ทำให้เกิดฝีแตกลามตามตัวผู้คนและสัตว์ทั่วแผ่นดิน”

10 ดังนั้นเขาทั้งสองจึงนำเขม่าจากเตาไปเข้าเฝ้าฟาโรห์ แล้วโมเสสก็ซัดเขม่าขึ้นไปในอากาศ ทำให้เกิดเป็นฝีแตกลามทั่วตัวคนและสัตว์ 11 บรรดานักเล่นอาคมไม่อาจยืนสู้หน้าโมเสสได้ เพราะฝีขึ้นที่ตัวพวกเขาเหมือนชาวอียิปต์ทั้งปวงด้วย 12 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้ฟาโรห์มีพระทัยแข็งกระด้างไม่ยอมฟังโมเสสและอาโรน ดังที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้กับโมเสส

ภัยพิบัติจากลูกเห็บ

13 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงตื่นแต่เช้ามืดไปเข้าเฝ้าฟาโรห์และบอกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนฮีบรูตรัสดังนี้ว่า จงปล่อยประชากรของเราไปเพื่อพวกเขาจะได้นมัสการเรา 14 มิฉะนั้นครั้งนี้เราจะส่งภัยพิบัติอย่างรุนแรงมายังเจ้า ข้าราชการและราษฎรของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่าทั่วพิภพนี้ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนเรา 15 แม้ในขณะนี้เราจะเหยียดมือออกทำลายเจ้าและประชากรของเจ้าด้วยภัยพิบัติที่จะกวาดล้างเจ้าจากแผ่นดินโลกก็ได้ 16 แต่เราได้ยกเจ้าให้เป็นใหญ่[b]ก็เพื่อจุดประสงค์ข้อนี้เอง คือเพื่อเราจะได้สำแดงฤทธิ์อำนาจของเราแก่เจ้า และเพื่อนามของเราจะเลื่องลือไปทั่วโลก 17 เจ้ายังตั้งตัวเป็นศัตรูกับประชากรของเราและไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป 18 เพราะฉะนั้นในวันพรุ่งนี้เวลานี้ เราจะส่งพายุลูกเห็บมากระหน่ำอียิปต์อย่างรุนแรงที่สุด อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมา 19 ฉะนั้นเจ้าจงสั่งให้ต้อนฝูงสัตว์และนำทุกสิ่งที่เจ้ามีในท้องทุ่งเข้าที่กำบัง เพราะคนหรือสัตว์ใดๆ ที่ยังคงอยู่นอกชายคาจะถูกลูกเห็บซัดถึงตาย’ ”

20 เหล่าข้าราชการของฟาโรห์ที่เกรงกลัวพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ารีบนำข้าทาสและฝูงสัตว์เข้ามาอยู่ใต้ชายคา 21 ส่วนคนที่ไม่ใส่ใจพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ปล่อยข้าทาสบริวารและฝูงสัตว์ไว้ในท้องทุ่ง

22 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงชูมือขึ้นฟ้าเพื่อจะมีลูกเห็บตกทั่วดินแดนอียิปต์ ตกลงมาบนผู้คน สัตว์ และบนพืชพันธุ์ทั้งหมดที่อยู่ในท้องทุ่งของอียิปต์” 23 เมื่อโมเสสชูไม้เท้าขึ้นสู่ท้องฟ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้เกิดฟ้าแลบฟ้าร้อง ฟ้าผ่าและพายุลูกเห็บตกลงมา ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้พายุลูกเห็บตกลงในดินแดนอียิปต์ 24 ลูกเห็บตกลงมาและมีฟ้าแลบฟ้าร้อง พายุในคราวนี้ร้ายแรงที่สุดในอียิปต์ตั้งแต่สร้างชาติมา 25 ลูกเห็บตกลงมาทั่วแผ่นดินอียิปต์ กระหน่ำใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่กลางแจ้งทั้งคนและสัตว์ ทำลายพืชพันธุ์ทั้งสิ้นในท้องทุ่งและต้นไม้ทุกต้นหักโค่น 26 เว้นแต่ดินแดนโกเชนซึ่งชาวอิสราเอลอาศัยอยู่ ไม่มีลูกเห็บตกเลย

27 แล้วฟาโรห์เรียกโมเสสกับอาโรนให้มาเข้าเฝ้าและตรัสกับเขาว่า “คราวนี้เราได้ทำบาป องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นฝ่ายถูก เราและประชาชนของเราเป็นฝ่ายผิด 28 ช่วยวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าให้หยุดฟ้าคะนองและพายุลูกเห็บเถิด แล้วเราจะปล่อยพวกเจ้าไปทันที พวกเจ้าไม่ต้องอยู่อีกต่อไป”

29 โมเสสทูลว่า “เมื่อข้าพระบาทออกจากเมืองไปแล้ว ข้าพระบาทจะชูมืออธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วฟ้าคะนองและลูกเห็บก็จะหยุด เพื่อฝ่าพระบาทจะได้ทรงทราบว่าโลกนี้เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า 30 แต่ข้าพระบาทก็ทราบว่าฝ่าพระบาทกับข้าราชการจะยังคงไม่ยำเกรงพระเจ้าพระยาห์เวห์”

31 (ต้นป่านและข้าวบาร์เลย์ถูกทำลายย่อยยับ เพราะข้าวบาร์เลย์ชูรวงแล้วและต้นป่านก็กำลังออกดอก 32 แต่ข้าวสาลีและข้าวสแปลต์ไม่ถูกทำลายไป เพราะสุกช้ากว่า)

33 แล้วโมเสสจึงทูลลาฟาโรห์ออกไปนอกเมือง เขาชูมือขึ้นฟ้าทูลขอองค์พระผู้เป็นเจ้าพายุฟ้าคะนอง และลูกเห็บก็หยุด ฝนก็หยุดตก 34 เมื่อฟาโรห์เห็นทุกอย่างสงบลงแล้ว พระองค์ก็ทำบาปอีก คือพระองค์และข้าราชการของพระองค์ทำใจแข็งกระด้าง 35 เป็นอันว่าฟาโรห์มีพระทัยแข็งกระด้างไม่ยอมให้ประชากรอิสราเอลออกไป เป็นจริงตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสผ่านโมเสสไว้แล้ว

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.