Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
เศคาริยาห์ 8-14

องค์พระผู้เป็นเจ้า

อีกครั้งหนึ่งมีพระดำรัสของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์มาถึงข้าพเจ้าว่า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “เราหวงแหนศิโยนยิ่งนัก เราหวงแหนด้วยใจที่รุ่มร้อน”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “เราจะกลับมาหาศิโยน มาอยู่ในเยรูซาเล็ม แล้วเยรูซาเล็มจะได้ชื่อว่า ‘นครแห่งความจริง’ และภูเขาของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะได้ชื่อว่า ‘ภูเขาศักดิ์สิทธิ์’ ”

พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “ตามถนนหนทางในเยรูซาเล็มจะกลับมีชายหญิงที่แก่หง่อม ถือไม้เท้านั่งอยู่เหมือนแต่ก่อน ตามท้องถนนก็มีเด็กชายหญิงวิ่งเล่นอยู่”

พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “มันอาจดูเป็นไปไม่ได้สำหรับชนหยิบมือที่เหลืออยู่นี้ แต่สำหรับเราแล้วมันจะเป็นไปไม่ได้เชียวหรือ?” พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น

พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “เราจะช่วยประชากรของเราจากประเทศต่างๆ ทางตะวันออกและตะวันตก เราจะพาพวกเขากลับมาอยู่ที่เยรูซาเล็ม เขาจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าผู้ซื่อสัตย์และชอบธรรมของเขา”

พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “พวกเจ้าซึ่งบัดนี้ฟังถ้อยคำของบรรดาผู้เผยพระวจนะซึ่งอยู่ด้วยเมื่อครั้งวางฐานรากพระนิเวศของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ จงให้มือของเจ้าเข้มแข็งเพื่อสร้างพระวิหารให้สำเร็จ 10 ก่อนหน้านั้นไม่มีค่าจ้างให้คนหรือสัตว์ ผู้คนที่สัญจรไปมาเพื่อค้าขายก็ไม่ปลอดภัยจากศัตรู เพราะเราทำให้เพื่อนบ้านทุกคนเป็นศัตรูกัน 11 แต่เดี๋ยวนี้เราจะไม่ทำกับชนหยิบมือที่เหลืออยู่เหมือนในอดีต” พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น

12 “เมล็ดจะงอกงาม เถาองุ่นจะออกผล ผืนแผ่นดินจะให้พืชผล และฟ้าจะหยาดน้ำค้างลงมา เราจะมอบสิ่งทั้งปวงนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของชนหยิบมือที่เหลืออยู่ 13 ยูดาห์และอิสราเอลเอ๋ย เจ้าเคยเป็นที่สาปแช่งในหมู่ชนชาติทั้งหลายนั้นอย่างไร เราจะช่วยเจ้าและเจ้าจะเป็นพระพรอย่างนั้น อย่ากลัวเลย แต่จงให้มือของเจ้าเข้มแข็ง”

14 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “ตามที่เราเคยตัดสินใจนำภัยพิบัติมายังเจ้าและไม่ปรานีเจ้า ตอนที่บรรพบุรุษของเจ้าทำให้เราโกรธ” พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนั้น 15 “แต่บัดนี้เราตัดสินใจจะทำดีต่อเยรูซาเล็มและยูดาห์อีก ฉะนั้นอย่ากลัวเลย 16 เจ้าจงทำอย่างนี้คือ จงพูดความจริงต่อกัน จงตัดสินความในศาลอย่างถูกต้องและเที่ยงธรรม 17 อย่าคิดร้ายต่อเพื่อนบ้าน และอย่าชอบสาบานเท็จ เพราะเราเกลียดชังสิ่งทั้งปวงนี้” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

18 อีกครั้งหนึ่งมีพระดำรัสของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์มาถึงข้าพเจ้า 19 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “การถืออดอาหารในเดือนที่สี่ เดือนที่ห้า เดือนที่เจ็ด และเดือนที่สิบ จะเป็นเวลาแห่งความชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์ และเป็นเทศกาลแห่งความสุขสำหรับยูดาห์ ฉะนั้นจงรักความจริงและสันติภาพ”

20 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “ชนชาติต่างๆ และคนที่อาศัยอยู่ในนครต่างๆ หลายแห่งยังจะมา 21 ชาวเมืองหนึ่งจะไปชวนอีกเมืองหนึ่งว่า ‘ให้เราไปทูลอ้อนวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าเดี๋ยวนี้ ไปแสวงหาพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์กันเถิด เราเองก็จะไปด้วย’ 22 ชนชาติทั้งหลายและชาติมหาอำนาจต่างๆ จะมายังเยรูซาเล็มเพื่อแสวงหาพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์และอ้อนวอนพระองค์”

23 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “เมื่อถึงเวลานั้นชายสิบคนจากทุกชาติทุกภาษาจะยึดชายเสื้อคลุมของชาวยิวคนหนึ่งไว้และกล่าวว่า ‘ขอเราไปกับท่านเถิด เพราะเราได้ยินมาว่าพระเจ้าสถิตกับท่าน’ ”

การพิพากษาศัตรูของอิสราเอล

พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ประณามดินแดนหัดราก
และดามัสกัส
เพราะตาของมนุษย์และอิสราเอลทุกเผ่า
จับจ้องที่องค์พระผู้เป็นเจ้า[a]
และทรงประณามฮามัทซึ่งอยู่ใกล้ดามัสกัส
และประณามไทระกับไซดอนด้วย ถึงแม้ว่าพวกเขาช่ำชองนัก
ไทระสร้างปราการป้องกันเมือง
สะสมเงินไว้มากมายเหมือนธุลี
และมีทองมากมายเหมือนฝุ่นตามถนน
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงริบทรัพย์สมบัติของเมืองนั้นไป
และทำลายอำนาจทางทะเลของมัน
และเผาผลาญมันด้วยไฟ
อัชเคโลนจะเห็นแล้วหวาดกลัว
กาซาจะทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
เอโครนก็เช่นกันเพราะความหวังของมันอับเฉา
กาซาจะสูญเสียกษัตริย์
และอัชเคโลนจะถูกทิ้งร้าง
ชนต่างชาติจะครอบครองอัชโดด
และเราจะกำจัดความหยิ่งผยองของชาวฟีลิสเตีย
เราจะเอาเลือดออกจากปากของพวกเขา
และเอาอาหารต้องห้ามออกจากซี่ฟันของพวกเขา
บรรดาผู้เหลือรอดอยู่จะเป็นของพระเจ้าของเรา
และจะกลายเป็นผู้นำในยูดาห์
และเอโครนจะเป็นเหมือนชาวเยบุส
แต่เราจะปกป้องนิเวศของเรา
จากกองกำลังที่มาปล้นชิง
ผู้กดขี่จะไม่มาย่ำยีบีฑาประชากรของเราอีก
เพราะบัดนี้เรากำลังจับตาดูอยู่

การเสด็จมาของกษัตริย์ศิโยน

ธิดาแห่งศิโยน[b]เอ๋ย! จงชื่นชมยินดีเหลือล้น
ธิดาแห่งเยรูซาเล็ม[c]เอ๋ย! จงโห่ร้อง
ดูเถิด กษัตริย์ของเจ้าเสด็จมาหาเจ้า
ทรงชอบธรรมและนำความรอดมา
ทรงอ่อนโยนและประทับมาบนหลังลา
ทรงลูกลาเสด็จมา
10 เราจะกำจัดรถม้าศึกจากเอฟราอิม
และม้าศึกจากเยรูซาเล็ม
ลูกธนูในการรบจะถูกหักทิ้ง
พระองค์จะประกาศสันติภาพแก่นานาประชาชาติ
ทรงขยายอาณาจักรจากทะเลจดทะเล
และจากแม่น้ำยูเฟรติสจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก[d]
11 ส่วนเจ้า เนื่องด้วยโลหิตแห่งพันธสัญญาของเราซึ่งให้ไว้แก่เจ้า
เราจะปลดปล่อยนักโทษของเจ้าจากเหวลึกที่ไร้น้ำ
12 นักโทษผู้มีความหวังเอ๋ย จงกลับมายังป้อมปราการของเจ้า
บัดนี้เองเราประกาศว่าเราจะฟื้นฟูเจ้าขึ้นมาเป็นสองเท่า
13 เราจะโก่งยูดาห์เหมือนโก่งธนู
และให้เอฟราอิมเป็นลูกธนูเต็มแล่ง
ศิโยนเอ๋ย เราจะกระตุ้นลูกๆ ของเจ้า
มาสู้กับลูกๆ ของกรีซ
และทำให้เจ้าเป็นเหมือนดาบในมือนักรบ

องค์พระผู้เป็นเจ้า

14 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปรากฏเหนือพวกเขา
ลูกศรของพระองค์จะเปล่งประกายดั่งสายฟ้า
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตจะทรงเป่าแตร
พระองค์จะทรงยาตราออกมาในพายุแห่งทิศใต้
15 และพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะทรงปกป้องพวกเขาไว้
พวกเขาจะทำลายล้าง
และพิชิตศึกด้วยสลิง
พวกเขาจะดื่มและโห่ร้องเหมือนดื่มเหล้าองุ่น
พวกเขาจะเต็มเปี่ยมเหมือนชาม
ซึ่งใช้ในการประพรม[e]มุมแท่นบูชา
16 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาจะทรงช่วยพวกเขาในวันนั้น
ในฐานะกลุ่มประชากรของพระองค์
พวกเขาจะรุ่งโรจน์ในแผ่นดินของพระองค์
เหมือนเพชรประดับมงกุฎ
17 พวกเขาจะงดงามน่าชมยิ่งนัก!
ธัญพืชจะทำให้คนหนุ่มเติบโต
และเหล้าองุ่นใหม่จะทำให้หญิงสาวเจริญวัย

พระเจ้าจะทรงดูแลยูดาห์

10 จงทูลขอฝนในฤดูใบไม้ผลิจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้านี่แหละเป็นผู้สร้างเมฆและพายุ
พระองค์ประทานสายฝนแก่มนุษย์
และพืชพันธุ์ธัญญาหารแก่ทุกคน
เทวรูปต่างๆ ให้คำตอบหลอกลวง
หมอดูเห็นนิมิตจอมปลอม
เขาเล่าความฝันเท็จ
และให้คำปลอบใจอันเปล่าประโยชน์
ฉะนั้นประชาชนจึงหลงเตลิดไปเหมือนแกะ
ถูกข่มเหงรังแกเพราะไม่มีคนเลี้ยง

“เราโกรธบรรดาคนเลี้ยงแกะยิ่งนัก
และจะลงโทษบรรดาผู้นำ
เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะทรงดูแล
ฝูงแกะของพระองค์ คือพงศ์พันธุ์ยูดาห์
และทรงทำให้พวกเขาเหมือนม้าศึกทะนงองอาจในสงคราม
ศิลามุมเอกจะมาจากยูดาห์
อีกทั้งหมุดเต็นท์
ธนูศึก
และผู้ปกครองทุกคน
เขาทั้งปวงจะเป็นนักรบเกรียงไกร
ย่ำไปบนถนนโคลนเลนในสงคราม
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกเขา
พวกเขาจะต่อสู้และพิชิตพลม้า

“เราจะทำให้พงศ์พันธุ์ยูดาห์เข้มแข็งขึ้น
และช่วยเหลือพงศ์พันธุ์โยเซฟ
เราจะกู้พวกเขากลับคืนมา
เพราะเราสงสารพวกเขา
พวกเขาจะเป็นเหมือน
คนที่ไม่เคยถูกเราทอดทิ้งเลย
เพราะเราเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา
เราจะตอบพวกเขา
ชาวเอฟราอิมจะเป็นดั่งนักรบเกรียงไกร
จิตใจของพวกเขาจะเปรมปรีดิ์เหมือนได้ดื่มเหล้าองุ่น
ลูกหลานของพวกเขาจะเห็นแล้วชื่นชมยินดียิ่งนัก
จิตใจของพวกเขาจะชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า
เราจะให้สัญญาณ
และรวบรวมพวกเขามา
แน่นอนเราจะไถ่พวกเขา
พวกเขาจะมีจำนวนมากมายเหมือนแต่ก่อน
แม้ว่าเราทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปในหมู่ชนชาติต่างๆ
แต่ในแดนไกลโพ้นพวกเขาจะระลึกถึงเรา
พวกเขากับลูกหลานจะอยู่รอด
และพวกเขาจะกลับมา
10 เราจะพาพวกเขากลับมาจากอียิปต์
รวบรวมกลับมาจากอัสซีเรีย
เราจะนำพวกเขามายังกิเลอาดและเลบานอน
และจะไม่มีที่เพียงพอสำหรับทุกคน
11 พวกเขาจะข้ามทะเลแห่งความเดือดร้อน
ทะเลอันปั่นป่วนจะยอมสยบ
และบรรดาห้วงลึกแห่งแม่น้ำไนล์จะเหือดแห้ง
ความหยิ่งผยองของอัสซีเรียจะถูกปราบราบคาบ
และคทาแห่งอียิปต์จะสูญสิ้นไป
12 เราจะทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า
และพวกเขาจะดำเนินในพระนามของพระองค์”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

11 เลบานอนเอ๋ย จงเปิดประตูทั้งหลายของเจ้าเถิด
เพื่อไฟจะได้เผาผลาญเหล่าสนซีดาร์ของเจ้า!
ต้นสนเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด เพราะซีดาร์ถูกโค่นลงแล้ว
ต้นไม้งามตระหง่านนั้นย่อยยับลงแล้ว!
ต้นโอ๊กแห่งบาชานเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด
ป่าทึบถูกตัดเตียนแล้ว!
จงฟังเสียงร่ำไห้ของบรรดาคนเลี้ยงแกะ
ทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ของพวกเขาถูกทำลายไป!
จงฟังเสียงคำรามของเหล่าสิงห์
ป่าอันเขียวขจีของจอร์แดนถูกทำลายไปแล้ว!

คนเลี้ยงแกะทั้งสอง

พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ตรัสว่า “จงเลี้ยงฝูงแกะที่จะต้องถูกฆ่า ผู้ซื้อฆ่าแกะเหล่านั้นและไม่ถูกลงโทษแต่อย่างใด บรรดาคนขายก็พูดว่า ‘สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า เรารวยแล้ว!’ คนเลี้ยงแกะเองขายมันไปโดยไม่ปรานีฝูงแกะเลย เพราะเราจะไม่สงสารชาวแผ่นดินนี้อีกแล้ว” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “เราจะมอบทุกคนไว้ในมือเพื่อนบ้านและกษัตริย์ของพวกเขา ซึ่งจะข่มเหงเบียดเบียนแผ่นดินนี้ เราจะไม่ช่วยพวกเขาจากเงื้อมมือของคนเหล่านั้น”

ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเลี้ยงแกะที่จะต้องถูกฆ่า โดยเฉพาะตัวที่ถูกรังแก แล้วข้าพเจ้าเอาไม้เท้าคนเลี้ยงแกะมาสองอัน อันหนึ่งตั้งชื่อว่า “พระคุณ” และอีกอันหนึ่งตั้งชื่อว่า “กลมเกลียว” แล้วข้าพเจ้าก็เลี้ยงดูแกะ ภายในเดือนเดียวข้าพเจ้าได้กำจัดคนเลี้ยงแกะทั้งสามคนนั้นออกไป

แต่ข้าพเจ้ากลับเอือมระอาฝูงแกะคือชนชาตินี้ และพวกเขาก็เกลียดชังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า “เราจะไม่เป็นคนเลี้ยงของเจ้าอีกแล้ว ใครจะตายก็ให้ตายไป ใครจะพินาศก็ให้พินาศไป ที่เหลือก็ให้กินเลือดกินเนื้อกันเอง”

10 แล้วข้าพเจ้าเอาไม้เท้าที่ชื่อว่า “พระคุณ” มาหักเสีย เป็นการล้มเลิกพันธสัญญาที่ข้าพเจ้าทำไว้กับประชาชาติทั้งปวง 11 เป็นอันยกเลิกสัญญาในวันนั้น แล้วผู้ตกทุกข์ได้ยากในฝูงแกะซึ่งมองดูข้าพเจ้าอยู่ ก็รู้ว่าเป็นพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

12 ข้าพเจ้ากล่าวกับพวกเขาว่า “หากท่านเห็นชอบ ก็จงจ่ายค่าจ้างให้เรา ถ้าไม่เห็นดี ก็เก็บค่าจ้างนั้นไว้เถิด” ฉะนั้นเขาจึงจ่ายเงินให้ข้าพเจ้าเป็นเงินสามสิบแผ่น

13 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงโยนเงินนี้ให้แก่ช่างปั้นหม้อ คือเงินค่าจ้างอย่างงามที่พวกเขาจ่ายให้” ข้าพเจ้าก็นำเงินสามสิบแผ่นนั้นโยนเข้าไปในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับช่างปั้นหม้อ

14 แล้วข้าพเจ้าหักไม้เท้าอันที่สองซึ่งชื่อว่า “กลมเกลียว” เพื่อแสดงว่ายูดาห์กับอิสราเอลเลิกเป็นพี่น้องกันแล้ว

15 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงหยิบเครื่องใช้ของคนเลี้ยงแกะโง่เขลาขึ้นมาอีก 16 เพราะเรากำลังจะตั้งคนเลี้ยงขึ้นมาคนหนึ่งสำหรับดินแดนนี้ ซึ่งจะไม่ใส่ใจแกะที่หลงหาย ไม่ดูแลลูกแกะ ไม่รักษาเยียวยาตัวที่บาดเจ็บ หรือเลี้ยงดูตัวที่แข็งแรง แต่จะกินเนื้อแกะตัวที่อ้วนพีและฉีกกีบเท้าของมันออก

17 “วิบัติแก่คนเลี้ยงแกะที่ไร้ค่า
ผู้ซึ่งทอดทิ้งฝูงแกะ!
ขอให้ดาบฟันแขนของเขาและตาขวาของเขา!
ขอให้แขนของเขาลีบไป
และให้ตาขวาของเขาบอดสนิท!”

ศัตรูของเยรูซาเล็มจะถูกทำลาย

12 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า ต่อไปนี้คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับอิสราเอล องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงคลี่ฟ้าสวรรค์ ผู้ทรงวางฐานรากของโลก ผู้ทรงสร้างวิญญาณในตัวมนุษย์ประกาศว่า “เราจะทำให้เยรูซาเล็มเป็นถ้วยที่ทำให้ชนชาติทั้งปวงซึ่งล้อมรอบกลิ้งไป ยูดาห์จะถูกล้อมเมืองเช่นเดียวกับเยรูซาเล็ม ในวันนั้นเมื่อมวลประชาชาติในโลกรวมตัวกันมาสู้กับเยรูซาเล็ม เราจะทำให้เยรูซาเล็มเป็นศิลาซึ่งชนชาติทั้งปวงไม่อาจขยับเขยื้อน คนที่พยายามจะขยับก็เจ็บตัว ในวันนั้นเราจะทำให้ม้าทุกตัวกลัวลานและผู้ขี่คลุ้มคลั่ง” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “เราจะจับตาดูพงศ์พันธุ์ยูดาห์ แต่จะทำให้ม้าทั้งปวงของชนชาติต่างๆ ตาบอด แล้วบรรดาผู้นำยูดาห์จะรำพึงว่า ‘ชาวเยรูซาเล็มเข้มแข็งเพราะมีพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์เป็นพระเจ้าของพวกเขา’

“ในวันนั้นเราจะทำให้บรรดาผู้นำยูดาห์เป็นดั่งไฟร้อนแดงกลางกองฟืน และเหมือนคบไฟลุกโชนกลางฟ่อนข้าว จะเผาผลาญชนชาติทั้งปวงที่อยู่ล้อมรอบทั้งซ้ายขวา ส่วนเยรูซาเล็มจะตั้งมั่นคงไม่ขยับเขยื้อน

องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยกองทัพยูดาห์ก่อน เพื่อเกียรติของพงศ์พันธุ์ดาวิดและชาวเยรูซาเล็มจะไม่เกินหน้ายูดาห์ ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปกป้องชาวเยรูซาเล็มเพื่อผู้อ่อนแอที่สุดในพวกเขาจะเหมือนดาวิด และพงศ์พันธุ์ดาวิดจะเป็นดั่งพระเจ้า เหมือนทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้านำหน้าพวกเขาไป ในวันนั้นเราจะทำลายชนชาติทั้งปวงที่มาโจมตีเยรูซาเล็ม

บทคร่ำครวญแด่ผู้ถูกแทง

10 “และเราจะให้พงศ์พันธุ์ดาวิดกับชาวเยรูซาเล็มมีวิญญาณ[f]แห่งพระคุณและการอธิษฐาน พวกเขาจะมองดู[g]เราผู้ที่พวกเขาได้แทง และจะไว้ทุกข์ให้เหมือนคนที่ไว้ทุกข์ให้ลูกคนเดียวของตน และร่ำไห้อย่างขมขื่นอาลัยผู้นั้นเหมือนอาลัยเมื่อลูกชายหัวปีของตนตาย 11 ในวันนั้นจะมีการร่ำไห้ครั้งใหญ่ในเยรูซาเล็ม เหมือนการร่ำไห้ครั้งฮาดัดริมโมนในที่ราบเมกิดโด 12 แผ่นดินจะไว้อาลัยแยกไปตามแต่ละตระกูล พวกภรรยาก็แยกต่างหากได้แก่ ตระกูลของดาวิดกับภรรยาของพวกเขา ตระกูลนาธันกับภรรยาของพวกเขา 13 ตระกูลเลวีกับภรรยาของพวกเขา ตระกูลชิเมอีกับภรรยาของพวกเขา 14 และตระกูลอื่นๆ ที่เหลือกับภรรยาของพวกเขา

ชำระบาป

13 “ในวันนั้นจะมีน้ำพุพุ่งขึ้นมาสำหรับพงศ์พันธุ์ดาวิดและชาวเยรูซาเล็ม เพื่อชำระเขาทั้งปวงจากบาปและมลทินของเขา

“ในวันนั้นเราจะทำลายรูปเคารพทั้งปวงให้สิ้นชื่อจากทั่วดินแดนนั้น จะไม่มีใครนึกถึงรูปเคารพเหล่านั้นอีก” พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น “เราจะกำจัดทั้งผู้พยากรณ์เท็จและวิญญาณโสโครกไปจากแผ่นดิน และหากผู้ใดยังขืนพยากรณ์ พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเขาเองจะกล่าวกับเขาว่า ‘เจ้าต้องตายเพราะเจ้าพูดเท็จในพระนามพระยาห์เวห์’ เมื่อเขาพยากรณ์ พ่อแม่ของเขาเองจะแทงเขา

“ในวันนั้นผู้เผยพระวจนะทุกคนจะอับอายที่เห็นนิมิต จะไม่มีใครสวมเสื้อผ้าขนสัตว์แบบผู้เผยพระวจนะเพื่อตบตาประชาชนอีก เขาจะพูดว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้เผยพระวจนะ แต่เป็นชาวไร่ชาวนา อาศัยแผ่นดินเป็นที่ทำกินมาตั้งแต่หนุ่มๆ[h] หากมีใครถามเขาว่า ‘ก็แล้วรอยแผลเป็นพวกนี้บนตัวเจ้า[i]หมายความว่าอะไร’ เขาจะตอบว่า ‘เป็นแผลที่ได้มาจากบ้านเพื่อน’ ”

คนเลี้ยงแกะถูกเล่นงาน ฝูงแกะกระจัดกระจาย

พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศว่า
“ดาบเอ๋ย จงตื่นขึ้น ห้ำหั่นคนเลี้ยงแกะของเรา
และคนใกล้ชิดของเรา
จงฟาดฟันคนเลี้ยงแกะ
และแกะจะกระจัดกระจายไป
และเราจะตวัดมือฟาดผู้เล็กน้อย”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
“สองในสามของทั้งดินแดนจะถูกห้ำหั่นพินาศไป
เหลือไว้เพียงหนึ่งในสาม
หนึ่งในสามนี้เราจะเอาไปใส่ในไฟ
เราจะถลุงพวกเขาเหมือนเงิน
และทดสอบพวกเขาเหมือนทองคำ
พวกเขาจะร้องเรียกนามของเรา
และเราจะตอบพวกเขา
เราจะกล่าวว่า ‘พวกเขาเป็นประชากรของเรา’
และพวกเขาจะกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของเรา’ ”

องค์พระผู้เป็นเจ้า

14 วันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้จะมาถึงแล้วเมื่อพวกเจ้าแบ่งของที่ริบมาได้ในหมู่พวกเจ้า

เราจะรวบรวมประชาชาติทั้งมวลมาสู้รบกับเยรูซาเล็ม กรุงนั้นจะถูกยึด บ้านเรือนถูกปล้น ข้าวของถูกริบ พวกผู้หญิงถูกข่มขืน ประชาชนครึ่งเมืองถูกจับไปเป็นเชลย ส่วนที่เหลือจะยังคงอยู่ในกรุงนั้น

แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาสู้รบกับชนชาติเหล่านั้นเหมือนในยามศึก ในวันนั้นพระองค์จะทรงวางพระบาทบนภูเขามะกอกเทศ ทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม และภูเขามะกอกเทศจะแยกออกเป็นสองส่วน จากตะวันออกถึงตะวันตก ทำให้เกิดหุบเขาที่กว้างใหญ่ โดยครึ่งหนึ่งของภูเขาจะเคลื่อนไปทางเหนือ อีกครึ่งหนึ่งเคลื่อนไปทางใต้ เจ้าจะหนีไปทางหุบเขาของเรา เพราะมันจะทอดยาวไปถึงอาเซล เจ้าจะหนีเหมือนเมื่อหนีจากแผ่นดินไหว[j]ในสมัยกษัตริย์อุสซียาห์แห่งยูดาห์ แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าจะเสด็จมาพร้อมผู้บริสุทธิ์ทั้งปวงซึ่งอยู่กับพระองค์

ในวันนั้นจะไม่มีความสว่าง ความหนาวเย็น หรือน้ำค้างแข็ง จะเป็นวันพิเศษ ไม่มีกลางวันหรือกลางคืน องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นทรงทราบ แม้เมื่อตกเย็นก็จะมีแสงสว่าง

ในวันนั้นน้ำแห่งชีวิตจะไหลออกมาจากเยรูซาเล็ม ครึ่งหนึ่งไหลลงทะเลตายทางตะวันออก อีกครึ่งหนึ่งไหลลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันตก ไหลตลอดทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาว

องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเป็นกษัตริย์ครองทั้งโลก ในวันนั้นจะมีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียวและมีพระนามของพระองค์เพียงพระนามเดียวเท่านั้น

10 ทั่วทั้งแผ่นดินจากเกบาถึงริมโมนทางใต้ของเยรูซาเล็มจะเป็นเหมือนอาราบาห์ ส่วนเยรูซาเล็มจะสูงเด่น มันจะคงอยู่ในที่ของมัน จากประตูเบนยามินถึงบริเวณประตูที่หนึ่งถึงประตูมุม และจากหอคอยฮานันเอลถึงบ่อย่ำองุ่นหลวง 11 เยรูซาเล็มจะมีผู้คนอาศัยอยู่ มันจะมั่นคงปลอดภัยและไม่ถูกทำลายล้างอีกต่อไป

12 ภัยพิบัติที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้เกิดแก่บรรดาประชาชาติที่มาสู้รบกับเยรูซาเล็มมีดังนี้คือ เนื้อของเขาจะเปื่อยเน่าทั้งที่ยังยืนอยู่ ตาของเขาเน่าคากระบอกตา และลิ้นเปื่อยเน่าอยู่ในปาก 13 ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงบันดาลให้ผู้คนโกลาหลอลหม่าน แต่ละคนจะจับมือของอีกคนแล้วสู้กัน 14 ชาวยูดาห์ก็จะไปสู้รบที่เยรูซาเล็มด้วย พวกเขาจะเก็บรวบรวมทรัพย์สมบัติของทุกชนชาติที่อยู่รายรอบ ได้ทั้งเงินทองและเสื้อผ้ามากมาย 15 ภัยพิบัติคล้ายคลึงกันจะเกิดกับม้า ล่อ อูฐ ลา และสัตว์ทั้งปวงในค่ายเหล่านั้น

16 แล้วบรรดาผู้รอดชีวิตจากประชาชาติทั้งปวงที่มาโจมตีเยรูซาเล็มจะขึ้นไปเยรูซาเล็มทุกปี เพื่อนมัสการองค์กษัตริย์พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ และเพื่อฉลองเทศกาลอยู่เพิง 17 ชนชาติใดๆ ทั่วโลกที่ไม่ไปนมัสการองค์กษัตริย์พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พวกเขาจะไม่ได้รับฝน 18 หากชาวอียิปต์ไม่ยอมขึ้นมาร่วม เขาจะไม่ได้รับฝน องค์พระผู้เป็นเจ้า[k]จะทรงบันดาลภัยพิบัติให้เกิดแก่อียิปต์ เป็นภัยพิบัติอย่างเดียวกับที่ทรงให้เกิดแก่ประชาชาติที่ไม่ขึ้นไปร่วมฉลองเทศกาลอยู่เพิง 19 นี่เป็นการลงโทษอียิปต์และประชาชาติทั้งปวงซึ่งไม่ขึ้นไปร่วมฉลองเทศกาลอยู่เพิง

20 ในวันนั้นลูกพรวนที่ตัวม้าจะมีข้อความจารึกว่า “บริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า” และหม้อหุงต้มในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นเหมือนภาชนะศักดิ์สิทธิ์หน้าแท่นบูชา 21 หม้อทุกใบในเยรูซาเล็มและยูดาห์จะบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ และคนทั้งปวงที่มาถวายเครื่องบูชาจะหยิบหม้อบางใบไปใช้ในการต้มเครื่องบูชาได้ และในวันนั้นจะไม่มีชาวคานาอัน[l]ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์อีกต่อไป

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.