Chronological
ความฝันของดาเนียลเกี่ยวกับสัตว์ทั้งสี่
7 ในปีแรกของรัชกาลกษัตริย์เบลชัสซาร์แห่งบาบิโลน ดาเนียลฝันเห็นนิมิตขณะนอนหลับอยู่ เขาได้บันทึกความฝันไว้
2 ดาเนียลกล่าวว่า “ในนิมิตยามกลางคืน ข้าพเจ้ามองไปเบื้องหน้า มีลมทั้งสี่ทิศจากฟ้าสวรรค์พัดกระหน่ำ ทำให้ท้องทะเลใหญ่ปั่นป่วน 3 แล้วสัตว์มหึมาสี่ตัวโผล่ขึ้นจากทะเล แต่ละตัวมีลักษณะไม่เหมือนกัน
4 “ตัวแรกเหมือนสิงโตและมีปีกเหมือนนกอินทรี ข้าพเจ้าเฝ้าดูจนเห็นปีกของมันถูกฉีกออก มันถูกพยุงขึ้นจากพื้นให้ยืนด้วยสองขาแบบมนุษย์ และมันได้รับจิตใจเยี่ยงมนุษย์
5 “ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ตัวที่สองซึ่งดูเหมือนหมี มันโผล่ขึ้นมา ปากคาบซี่โครงสามซี่ไว้ มีผู้บอกมันว่า ‘ลุกขึ้นเถิด จงกินเนื้อให้อิ่ม!’
6 “หลังจากนั้นข้าพเจ้ามองไป มีสัตว์อีกตัวหนึ่งเหมือนเสือดาว ที่หลังของมันมีปีกสี่ปีกคล้ายปีกนก สัตว์ตัวนี้มีสี่หัว และมันได้รับอำนาจให้ปกครอง
7 “หลังจากนั้น ในนิมิตยามกลางคืน ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ตัวที่สี่ น่ากลัวสยดสยองและมีฤทธิ์อำนาจมาก มันมีฟันเหล็กซี่มหึมา มันขย้ำเคี้ยวเหยื่อและเหยียบย่ำส่วนอื่นๆ ที่เหลือจนแหลกลาญ สัตว์ตัวนี้แตกต่างจากตัวอื่นๆ ตรงที่มีเขาสิบเขา
8 “ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังคิดเรื่องเขาต่างๆ อยู่นั้น ก็มีเขาเล็กๆ อีกอันหนึ่งโผล่ขึ้นมาท่ามกลางเขาอื่นๆ และทำให้สามในสิบเขาแรกนั้นถูกถอนออกไป เขาเล็กนี้มีตาเหมือนตามนุษย์และมีปากซึ่งคุยโวโอ้อวด
9 “ขณะที่ข้าพเจ้ามองดู ข้าพเจ้าก็เห็น
“บัลลังก์ต่างๆ จัดตั้งไว้แล้ว
และองค์ผู้ดำรงอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ประทับที่บัลลังก์ของพระองค์
ฉลองพระองค์ขาวเหมือนหิมะ
พระเกศา[a]เหมือนขนสัตว์ที่ขาวสะอาด
บัลลังก์ของพระองค์มีเปลวไฟลุกโชน
และที่ล้อก็ลุกโชติช่วง
10 แม่น้ำเพลิงกำลังไหล
มาจากเบื้องพระพักตร์ของพระองค์
ผู้รับใช้[b]นับล้านคอยปรนนิบัติพระองค์
และมีคนนับล้านๆ คนยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์
การพิจารณาคดีเริ่มขึ้น
หนังสือเล่มต่างๆ ถูกเปิดออก
11 “แล้วข้าพเจ้าจับตาดูต่อไปเพราะคำคุยโวโอ้อวดของเขาเล็กๆ นั้น ข้าพเจ้าเฝ้าดูจนกระทั่งสัตว์นั้นถูกฆ่า ร่างของมันถูกทำลาย แล้วถูกโยนลงในไฟที่ลุกโชน 12 (สัตว์อื่นๆ ถูกยึดอำนาจไปหมดแล้ว แต่ได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกชั่วระยะหนึ่ง)
13 “ในนิมิตคืนนั้น ข้าพเจ้าเห็นผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์ เสด็จมาพร้อมด้วยหมู่เมฆแห่งฟ้าสวรรค์ พระองค์เสด็จเข้าไปใกล้และเข้าเฝ้าองค์ผู้ดำรงอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ 14 พระองค์ได้รับสิทธิอำนาจ เกียรติสิริ และอำนาจปกครองสูงสุด ชาวโลกทุกชาติทุกภาษานมัสการพระองค์ ราชอำนาจของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล ราชอำนาจที่จะไม่มีวันสิ้นสุด และพระราชอาณาจักรของพระองค์จะไม่มีวันถูกทำลาย
ความหมายของความฝัน
15 “ข้าพเจ้าดาเนียลทุกข์ใจยิ่งนัก นิมิตที่เห็นทำให้ข้าพเจ้าว้าวุ่นสับสน 16 ข้าพเจ้าก้าวเข้าไปใกล้ผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ที่นั่น ขอให้ช่วยอธิบายความหมายของสิ่งทั้งปวงนี้
“ดังนั้นเขาผู้นั้นจึงบอกข้าพเจ้าและให้คำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ว่า 17 ‘สัตว์มหึมาทั้งสี่คืออาณาจักรทั้งสี่ที่จะรุ่งเรืองขึ้นในโลก 18 แต่ประชากรขององค์ผู้สูงสุดจะได้รับอาณาจักรและครอบครองตลอดไปชั่วนิจนิรันดร์’
19 “แล้วข้าพเจ้าต้องการรู้ความหมายแท้จริงของสัตว์ตัวที่สี่ซึ่งแตกต่างจากตัวอื่นๆ และน่ากลัวที่สุด มีฟันเหล็กและมีอุ้งเล็บทองสัมฤทธิ์ สัตว์ซึ่งเคี้ยวขย้ำเหยื่อของมันและเหยียบย่ำส่วนอื่นๆ ที่เหลือจนแหลกลาญ 20 และข้าพเจ้าต้องการทราบเกี่ยวกับเขาทั้งสิบบนหัวของสัตว์ตัวนั้น และเขาอีกอันหนึ่งซึ่งโผล่ขึ้นมาทำให้สามเขาถูกถอนออกไป เขานั้นโดดเด่นกว่าเขาอื่นๆ มันมีตาและมีปากซึ่งคุยโอ้อวด 21 ขณะที่ข้าพเจ้ามองดูอยู่ เขานั้นก็เข้าทำศึกกับเหล่าประชากรของพระเจ้าและได้ชัยชนะ 22 จนกระทั่งองค์ผู้ดำรงอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์เสด็จมาและประกาศคำตัดสินให้ประชากรขององค์ผู้สูงสุดชนะ และเป็นเวลาที่พวกเขาได้ครอบครองอาณาจักร
23 “เขาผู้นั้นอธิบายให้ข้าพเจ้าฟังว่า ‘สัตว์ตัวที่สี่คืออาณาจักรที่สี่ซึ่งจะเกิดขึ้นในโลก จะแตกต่างจากอาณาจักรอื่นๆ ทั้งปวงและจะทำลายล้างโลกทั้งโลก เหยียบย่ำและบดขยี้ให้แหลกลาญ 24 เขาสิบเขาคือกษัตริย์สิบองค์ที่จะมาจากอาณาจักรนี้ ภายหลังจะมีกษัตริย์อีกองค์หนึ่งขึ้นมาซึ่งแตกต่างจากองค์ก่อนๆ และจะโค่นล้มกษัตริย์สามองค์ลง 25 กษัตริย์องค์นี้จะกล่าวลบหลู่องค์ผู้สูงสุดและกดขี่ข่มเหงประชากรของพระเจ้า จะพยายามเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาและบทบัญญัติต่างๆ ประชากรของพระเจ้าจะตกอยู่ในกำมือของกษัตริย์องค์นี้ตลอดหนึ่งวาระ หลายวาระ และครึ่งวาระ[c]
26 “ ‘แต่การพิจารณาคดีจะเริ่มขึ้นแล้ว ฤทธิ์อำนาจของกษัตริย์องค์นั้นจะถูกนำออกไป และถูกทำลายล้างไปอย่างสิ้นเชิง 27 แล้วประชากรขององค์ผู้สูงสุดจะได้รับสิทธิครอบครองอำนาจและความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรต่างๆ ทั่วใต้ฟ้า ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะยั่งยืนชั่วนิจนิรันดร์ ผู้ครอบครองทั้งปวงจะนอบน้อมเชื่อฟังและนมัสการพระองค์’
28 “จบเรื่องราวแต่เพียงนี้ แล้วข้าพเจ้าดาเนียลก็ทุกข์ใจยิ่งนักเพราะความคิดต่างๆ ของข้าพเจ้า ใบหน้าของข้าพเจ้าซีดเผือด แต่ข้าพเจ้าเก็บงำเรื่องนี้ไว้กับตัวเอง”
นิมิตของดาเนียลเกี่ยวกับแกะผู้และแพะผู้
8 ในปีที่สามแห่งรัชกาลเบลชัสซาร์ ข้าพเจ้าดาเนียลเห็นนิมิตอีกครั้งหนึ่ง 2 ในนิมิตนั้นข้าพเจ้าเห็นตัวเองอยู่ที่ป้อมชั้นในเมืองสุสาในแคว้นเอลาม ข้าพเจ้าอยู่ริมคลองอุลัย 3 ข้าพเจ้ามองไปเห็นแกะผู้ตัวหนึ่งยืนอยู่ริมลำคลอง แกะนี้มีสองเขา เขาข้างหนึ่งยาวกว่าอีกข้างหนึ่ง แต่งอกขึ้นมาทีหลัง 4 ข้าพเจ้ามองดูแกะผู้ตัวนั้นขวิดไปทางตะวันตก ทางเหนือ และทางใต้ ไม่มีสัตว์ใดต่อกรกับมันได้และไม่มีสิ่งใดช่วยให้พ้นจากอำนาจของมัน มันทำอะไรตามใจชอบและยิ่งใหญ่ขึ้น
5 ขณะข้าพเจ้าครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ ทันใดนั้นมีแพะผู้ตัวหนึ่งซึ่งมีเขาโดดเด่นอยู่ระหว่างตา วิ่งห้อข้ามพื้นพิภพมาจากทางตะวันตกอย่างรวดเร็ว เท้าของมันไม่แตะดิน 6 มันรี่เข้าใส่แกะผู้สองเขา ซึ่งข้าพเจ้าเห็นยืนอยู่ริมคลองนั้น และพุ่งชนด้วยความโกรธอย่างยิ่ง 7 ข้าพเจ้าเห็นมันขวิดแกะผู้อย่างโกรธจัดจนเขาทั้งสองของแกะหักไป แกะสู้ไม่ได้จึงล้มลงกับพื้นและถูกแพะเหยียบย่ำ ไม่มีใครช่วยแกะนั้นได้ 8 แพะตัวนั้นยิ่งใหญ่มาก แต่เมื่อมันผยองตนขึ้นและเรืองอำนาจสุดขีด เขาอันใหญ่ของมันก็หักและมีเขาโดดเด่นสี่อันงอกขึ้นแทนที่ ชี้ไปยังทิศทางลมทั้งสี่แห่งฟ้าสวรรค์
9 มีเขาเล็กๆ งอกขึ้นจากเขาหนึ่งในสี่เขานี้ แล้วงอกขึ้นเรื่อยๆ แผ่อำนาจไปทางใต้ ทางตะวันออก และสู่ดินแดนอันงดงาม 10 มันเติบใหญ่ขึ้นจนถึงบริวารแห่งฟ้าสวรรค์ แล้วเหวี่ยงดาวบางดวงร่วงลงมาที่พื้นโลกและเหยียบย่ำเสีย 11 มันหยิ่งผยองตีเสมอองค์ราชันแห่งกองทัพสวรรค์ โดยเลิกล้มการถวายเครื่องบูชาประจำวันแด่พระองค์ และทำให้สถานนมัสการของพระองค์ตกต่ำ 12 เนื่องจากการกบฏนี้ กองกำลังของประชากรของพระเจ้าและการถวายเครื่องบูชาประจำวันก็ถูกมอบไว้ในมือของมัน มันทำอะไรก็เจริญรุ่งเรืองทุกอย่างและสัจธรรมถูกเหวี่ยงลงกับพื้น
13 แล้วข้าพเจ้าได้ยินผู้บริสุทธิ์องค์หนึ่งกล่าว และผู้บริสุทธิ์อีกองค์หนึ่งถามว่า “อีกนานเท่าไรที่นิมิตอันเกี่ยวกับเครื่องบูชาประจำวัน การกบฏซึ่งทำให้เกิดการเริศร้าง สถานนมัสการและกองทัพสวรรค์ถูกเหยียบย่ำจะสำเร็จ?”
14 ทูตองค์นั้นตอบว่า “อีก 2,300 วันคืน แล้วสถานนมัสการจะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง”
ความหมายของนิมิต
15 ขณะที่ข้าพเจ้าดาเนียลเฝ้าดูนิมิตอยู่ และพยายามทำความเข้าใจ ก็มีผู้หนึ่งซึ่งดูเหมือนมนุษย์ยืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า 16 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงชายคนหนึ่งร้องเรียกข้ามคลองอุลัยว่า “กาเบรียลเอ๋ย อธิบายความหมายของนิมิตให้ชายคนนี้ฟังเถิด”
17 ขณะที่ทูตกาเบรียลเข้ามาใกล้ที่ซึ่งข้าพเจ้ายืนอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็ตกใจกลัวและล้มตัวลงกราบ เขากล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเข้าใจ เถิดว่านิมิตนั้นเกี่ยวกับกาลอวสาน”
18 ขณะที่เขากล่าวกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็หมดสติล้มซบหน้าลงกับดิน แล้วเขาแตะต้องข้าพเจ้าและพยุงให้ยืนขึ้น
19 เขากล่าวว่า “เรากำลังจะแจ้งให้เจ้าทราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวลาแห่งพระพิโรธในภายภาคหน้า เพราะนิมิตนี้เกี่ยวข้องกับกาลอวสานซึ่งกำหนดไว้แล้ว[d] 20 แกะผู้สองเขาที่เจ้าเห็นคือบรรดากษัตริย์มีเดียและเปอร์เซีย 21 แพะผู้[e]คือกษัตริย์กรีซ และเขาใหญ่ระหว่างตาคือกษัตริย์องค์แรก 22 เขาสี่อันซึ่งงอกแทนอันที่หักคือสี่อาณาจักรซึ่งก่อกำเนิดขึ้นจากชาตินั้น แต่ไม่มีอำนาจเทียบเท่า
23 “ในปลายรัชกาลกษัตริย์เหล่านั้น เมื่อพวกกบฏชั่วร้ายอย่างเต็มที่ จะมีกษัตริย์องค์หนึ่งขึ้นมา ซึ่งมีหน้าตาถมึงทึงและเจ้าเล่ห์เพทุบาย 24 เขาจะเข้มแข็งมาก แต่ไม่ใช่โดยอำนาจของเขาเอง เขาจะทำให้เกิดความเสียหายย่อยยับอย่างน่าตกใจและจะทำสิ่งใดก็สำเร็จลุล่วง เขาจะทำลายบรรดาผู้ทรงอำนาจและประชากรของพระเจ้า 25 เขาจะทำให้การล่อลวงแพร่ขยายมากขึ้นและถือว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น เขาจะทำลายคนทั้งหลายขณะที่พวกเขารู้สึกมั่นคง และเขาถึงกับท้าทายองค์จอมเจ้านาย แต่เขาจะถูกทำลายโดยอำนาจซึ่งไม่ได้มาจากมนุษย์
26 “นิมิตเกี่ยวกับวันและคืนซึ่งบอกท่านแล้วนั้นจะเป็นจริง แต่จงประทับตราเก็บไว้เพราะเกี่ยวกับอนาคตอันไกล”
27 ข้าพเจ้าดาเนียลหมดแรง นอนป่วยอยู่หลายวัน แล้วข้าพเจ้าก็ลุกขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ถวายกษัตริย์ แต่ข้าพเจ้าวิตกกังวลมากเพราะนิมิตที่เกินความเข้าใจ
คำอธิษฐานของดาเนียล
9 ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลกษัตริย์ดาริอัสโอรสของเซอร์ซีส[f] (ทรงมีเชื้อสายมีเดีย) ซึ่งได้ครองอาณาจักรบาบิโลน[g] 2 ในปีแรกแห่งรัชกาล ข้าพเจ้าดาเนียลเข้าใจจากพระคัมภีร์เกี่ยวกับพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งตรัสกับผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ว่ากรุงเยรูซาเล็มจะเริศร้างอยู่เจ็ดสิบปี 3 ข้าพเจ้าจึงขะมักเขม้นอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการถืออดอาหาร สวมเสื้อผ้ากระสอบ และคลุกขี้เถ้า
4 ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าและทูลสารภาพบาปว่า
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่และน่าครั่นคร้าม ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาแห่งความรักต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์และเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ 5 ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำผิดทำบาป ทำชั่วและกบฏต่อพระองค์ หันหนีจากบทบัญญัติและพระบัญชาของพระองค์ 6 ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้เชื่อฟังเหล่าผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ ซึ่งกล่าวในพระนามของพระองค์แก่บรรดากษัตริย์ เจ้านาย บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายตลอดจนประชากรของแผ่นดิน
7 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงชอบธรรม แต่ทุกวันนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายต้องอับอายขายหน้า ไม่ว่าชาวยูดาห์ ชาวกรุงเยรูซาเล็ม และปวงชนอิสราเอลทั้งใกล้และไกลในประเทศต่างๆ ซึ่งพระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกระจัดกระจายไป เพราะเราไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ 8 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายตลอดจนบรรดากษัตริย์ เจ้านาย และบรรพบุรุษต้องอัปยศอดสูเพราะได้ทำบาปต่อพระองค์ 9 องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายทรงเปี่ยมด้วยความเมตตาและทรงให้อภัย แม้ว่าข้าพระองค์ทั้งหลายกบฏต่อพระองค์ 10 ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย และไม่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่พระองค์ประทานผ่านทางผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ 11 อิสราเอลทั้งปวงได้ล่วงละเมิดบทบัญญัติของพระองค์ และหลงเตลิดไป ไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์
“ฉะนั้นคำสาปแช่งและโทษทัณฑ์ทั้งปวงซึ่งบันทึกไว้ในบทบัญญัติของโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าจึงตกแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพราะข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์ 12 พระองค์ทรงทำตามที่ตรัสไว้แล้วว่าจะนำภัยพิบัติยิ่งใหญ่มายังข้าพระองค์ทั้งหลายและผู้ครอบครอง ทั่วใต้ฟ้าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเสมอเหมือนที่เกิดกับเยรูซาเล็ม 13 ภัยพิบัติทั้งปวงนี้เกิดกับข้าพระองค์ทั้งหลาย ตามที่บันทึกไว้แล้วในบทบัญญัติของโมเสส ถึงกระนั้นข้าพระองค์ทั้งหลายก็ไม่ได้แสวงหาความเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายโดยหันกลับจากบาป และไม่ได้ใส่ใจในความจริงของพระองค์เลย 14 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงรีรอที่จะนำภัยพิบัตินี้มายังข้าพระองค์ทั้งหลายเพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายทรงชอบธรรมในทุกสิ่งที่ทรงกระทำ ถึงเพียงนี้แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายยังไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์
15 “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงนำประชากรของพระองค์ออกจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงอานุภาพและผู้สถาปนานามของพระองค์ซึ่งยืนยงตราบเท่าทุกวันนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำผิดทำบาปไปแล้ว 16 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้สอดคล้องกับการกระทำอันชอบธรรมทั้งปวงของพระองค์ ขอโปรดทรงหันเหพระพิโรธจากเยรูซาเล็มเมืองของพระองค์ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ เพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายและความชั่วช้าของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย เป็นเหตุให้เยรูซาเล็มและประชากรของพระองค์กลายเป็นที่เหยียดหยามของคนทั้งปวงที่อยู่โดยรอบ
17 “ข้าแต่พระเจ้า บัดนี้ขอทรงสดับคำอธิษฐานวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเห็นแก่พระองค์เอง โปรดเหลียวแลสถานนมัสการอันเริศร้างของพระองค์ด้วยความโปรดปรานเถิด 18 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเอียงพระกรรณสดับฟัง โปรดทอดพระเนตรความเริศร้างของกรุงซึ่งใช้พระนามของพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายทูลวิงวอนต่อพระองค์ ไม่ใช่เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายชอบธรรม แต่เพราะพระเมตตายิ่งใหญ่ของพระองค์ 19 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงสดับ! ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงอภัย! ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงสดับและทรงช่วย! ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงล่าช้าเพื่อเห็นแก่พระองค์เอง เพราะนครของพระองค์และประชากรของพระองค์ใช้พระนามของพระองค์”
เจ็ดสิบของ
20 ขณะข้าพเจ้าอธิษฐานสารภาพบาปของตัวเองและของชนอิสราเอลพี่น้องร่วมชาติและทูลอ้อนวอนพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าเพื่อภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ 21 ขณะที่ข้าพเจ้ายังอธิษฐานอยู่นั้น กาเบรียลผู้ซึ่งข้าพเจ้าเห็นในนิมิตครั้งก่อนเหาะมาหาข้าพเจ้าอย่างรวดเร็วในเวลาถวายเครื่องบูชายามเย็น 22 เขากล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “ดาเนียลเอ๋ย เรามาเพื่อให้ท่านประจักษ์แจ้งและเข้าใจ 23 ทันทีที่ท่านเริ่มอธิษฐาน พระเจ้าก็ประทานคำตอบซึ่งเราได้นำมาบอกท่านเพราะท่านเป็นผู้ที่ทรงรักยิ่ง ฉะนั้นจงใคร่ครวญเนื้อความและเข้าใจนิมิตนั้น
24 “เจ็ดสิบของ ‘เจ็ด’[h] ทรงกำหนดไว้แล้วสำหรับพี่น้องร่วมชาติและนครศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ให้เลิกการล่วงละเมิด เลิกทำบาป ลบล้างความชั่ว และนำความชอบธรรมอันมั่นคงนิรันดร์มาให้ เพื่อประทับตรานิมิตและคำพยากรณ์และเพื่อเจิมสถานที่บริสุทธิ์ที่สุด[i]
25 “จงรับรู้และเข้าใจข้อนี้เถิด คือตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีกา[j]ให้กอบกู้และสร้างเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ จวบจนผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งให้เป็นผู้ครอบครองนั้นจะมาถึง จะมีเจ็ดของ ‘เจ็ด’ และหกสิบสองของ ‘เจ็ด’ จะมีการสร้างถนนหนทางและคูเมือง แต่ทำในช่วงทุกข์ยากลำบาก 26 หลังจากหกสิบสองของ ‘เจ็ด’ ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งไว้จะถูกประหารและจะไม่เหลืออะไร[k] ประชาชนของผู้ครอบครองจะมาทำลายกรุงนั้นและสถานนมัสการ วาระสุดท้ายจะมาเหมือนน้ำท่วม สงครามจะขับเคี่ยวกันไปจนถึงจุดจบ และมีวิบัติตามที่กำหนดไว้ 27 ผู้นั้นจะยืนยันคำมั่นสัญญากับคนเป็นอันมากเป็นเวลาหนึ่งของ ‘เจ็ด’ แต่กลางของ ‘เจ็ด’ นั้นเอง เขาจะสั่งยุติการถวายเครื่องบูชาและของถวายต่างๆ แล้วผู้ที่ก่อให้เกิดวิบัติจะตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนอันเป็นต้นเหตุของวิบัติไว้ที่ด้านหนึ่งของพระวิหารซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความเริศร้าง จวบจนวาระสุดท้ายมาถึงเขา[l]ตามที่กำหนดไว้”
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.