Chronological
พระเจ้ากับรูปเคารพ(A)
10 พงศ์พันธุ์ของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเจ้า 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
“อย่าเอาอย่างวิถีต่างๆ ของประชาชาติทั้งหลาย
และอย่าตกใจกลัวเนื่องด้วยหมายสำคัญต่างๆ ในท้องฟ้า
ดังที่ประชาชาติทั้งหลายหวาดกลัวอยู่นั้น
3 เพราะธรรมเนียมของชนชาติต่างๆ นั้นไร้ค่า
เขาโค่นต้นไม้ต้นหนึ่งจากป่า
ให้ช่างฝีมือใช้สิ่วแกะสลักเป็นรูปทรง
4 พวกเขาตกแต่งด้วยทองและเงิน
จากนั้นใช้ค้อนและตะปูตอกตรึงให้อยู่กับที่อย่างแน่นหนา
เพื่อมันจะไม่โอนเอน
5 เทวรูปเหล่านั้นเหมือนหุ่นไล่กาในสวนแตง
มันพูดไม่ได้
ต้องอาศัยคนยกไป
เพราะมันเดินไม่ได้
อย่าไปกลัวเทพเจ้าเหล่านั้น
เพราะมันทำอะไรไม่ได้
ไม่ว่าทำประโยชน์หรือทำร้าย”
6 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์
พระองค์ทรงยิ่งใหญ่
และพระนามของพระองค์เปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจ
7 ข้าแต่องค์กษัตริย์แห่งประชาชาติ
ใครเล่าจะไม่ยำเกรงพระองค์?
พระเกียรตินี้คู่ควรแด่พระองค์
ท่ามกลางนักปราชญ์ทั้งปวงของบรรดาประชาชาติ
และอาณาจักรทั้งปวงของพวกเขา
ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์
8 พวกเขาล้วนสิ้นคิดและโง่เขลา
พวกเขาถูกสอนโดยเทวรูปไม้อันไร้ค่า
9 เขานำเงินซึ่งเคาะแล้วมาจากเมืองทารชิช
และทองคำมาจากเมืองอุฟาส
แล้วผลงานของช่างฝีมือ ช่างทอง
ก็ได้สวมอาภรณ์สีน้ำเงินและสีม่วง
รูปเคารพเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผลงานของ
ช่างที่ชำนาญ
10 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เป็นองค์กษัตริย์ตลอดนิรันดร์กาล
เมื่อพระองค์ทรงพระพิโรธ โลกก็สะเทือนสะท้าน
ประชาชาติทั้งหลายไม่อาจทนต่อพระพิโรธของพระองค์ได้
11 “จงบอกพวกเขาว่า ‘เทพเจ้าเหล่านี้ซึ่งไม่ได้เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกจะพินาศไปจากโลกและจากใต้ฟ้าสวรรค์’ ”[a]
12 แต่พระเจ้าทรงสร้างโลกโดยฤทธานุภาพ
ทรงสถาปนาพิภพไว้ด้วยพระปรีชาญาณ
และทรงคลี่ฟ้าสวรรค์ออกด้วยความเข้าใจ
13 เมื่อพระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียง ห้วงน้ำในฟ้าสวรรค์ก็ร้องคำราม
พระองค์ทรงให้เมฆลอยขึ้นจากสุดปลายแผ่นดินโลก
ทรงส่งฟ้าแลบให้มากับสายฝน
และทรงนำกระแสลมออกมาจากคลัง
14 มนุษย์ทั้งปวงก็สิ้นคิดและขาดความรู้
ช่างทองทุกคนก็อับอายขายหน้าเพราะรูปเคารพของตน
เทวรูปของเขาเป็นสิ่งจอมปลอม
พวกมันไม่มีลมหายใจ
15 มันเป็นของไร้ค่า เป็นสิ่งที่น่าเยาะเย้ย
เมื่อถึงเวลาพิพากษามันก็พินาศ
16 แต่พระองค์ผู้มีกรรมสิทธิ์เหนือยาโคบไม่เหมือนเทวรูปเหล่านี้
เพราะพระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างสรรพสิ่ง
รวมทั้งเผ่าพันธุ์อิสราเอลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์
พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
หายนะที่จะมาถึง
17 ประชาชนที่ถูกล้อมเมืองไว้
จงเก็บข้าวของเพื่อเดินทางออกจากดินแดนนั้นเถิด
18 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“บัดนี้เราจะเหวี่ยง
ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ออกไป
เราจะนำความทุกข์ลำเค็ญมายังพวกเขา
เพื่อพวกเขาจะรับรู้ถึงความโกรธของเรา”
19 วิบัติแก่ข้าพเจ้าเนื่องด้วยการบาดเจ็บนี้!
บาดแผลของข้าพเจ้าเยียวยาไม่ได้!
ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็บอกตัวเองว่า
“นี่เป็นความเจ็บป่วยของเราเอง และเราก็ต้องทน”
20 เต็นท์ของข้าพเจ้าถูกทำลายสิ้น
เชือกขึงทั้งหมดก็ขาดผึง
ลูกๆ ไปจากข้าพเจ้าหมด
ไม่เหลือใครอยู่ช่วยกางเต็นท์
หรือสร้างที่พักพิงให้ข้าพเจ้า
21 คนเลี้ยงแกะก็สิ้นคิด
และไม่ได้ทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้า
ดังนั้นเขาจึงไม่เจริญ
และฝูงแกะของเขาก็กระจัดกระจายไปหมด
22 ฟังเถิด! มีรายงานข่าวมาว่า
เสียงอึกทึกกึกก้องดังมาจากแผ่นดินทางเหนือ
เขาจะทำให้หัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ถูกทิ้งร้าง
เป็นถิ่นของหมาใน
คำอธิษฐานของเยเรมีย์
23 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ตระหนักว่ามนุษย์ไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง
ไม่ได้เป็นผู้บงการย่างก้าวของตน
24 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตีสอนข้าพระองค์เถิด แต่ขอทรงโปรดให้ความเป็นธรรม
อย่าทรงทำด้วยพระพิโรธ
มิฉะนั้นข้าพระองค์จะพินาศไป
25 ขอทรงระบายพระพิโรธลงเหนือบรรดาประชาชาติ
ที่ไม่ยอมรับพระองค์
และเหนือชนชาติทั้งหลายที่ไม่ยอมออกพระนามของพระองค์
เพราะพวกเขากลืนกินยาโคบ
พวกเขากลืนกินจนหมดสิ้น
และทำลายล้างถิ่นฐานของยาโคบย่อยยับไปหมด
พันธสัญญาถูกละเมิด
11 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ความว่า 2 “จงฟังข้อกำหนดของพันธสัญญานี้ และแจ้งชนยูดาห์กับผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 3 บอกพวกเขาว่าพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘คำสาปแช่งตกแก่ผู้ที่ไม่เชื่อฟังข้อกำหนดของพันธสัญญานี้ 4 คือข้อกำหนดซึ่งเราได้บัญชาบรรพบุรุษของพวกเจ้า เมื่อเรานำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ ออกจากเตาหลอมเหล็ก’ เรากล่าวว่า ‘จงเชื่อฟังเรา และทำตามสิ่งที่เราสั่งทุกประการ แล้วเจ้าจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า 5 แล้วเราจะทำให้สำเร็จตามที่เราปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า คือยกดินแดนที่อุดมไปด้วยน้ำนมและน้ำผึ้งให้พวกเขา’ คือดินแดนที่เจ้าครอบครองอยู่ทุกวันนี้”
ข้าพเจ้าทูลตอบว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นเช่นนั้นเถิด[b]”
6 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงป่าวประกาศข้อความทั้งหมดนี้ในหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็มว่า ‘จงฟังข้อกำหนดของพันธสัญญานี้และปฏิบัติตาม 7 ตั้งแต่เรานำบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์จนถึงทุกวันนี้ เราได้ตักเตือนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “จงเชื่อฟังเรา” 8 แต่เขาไม่ฟังและไม่เคยใส่ใจ กลับทำตามทิฐิแห่งใจชั่วของเขา เราจึงนำคำสาปแช่งทั้งปวงตามพันธสัญญามายังเขา เราได้สั่งให้เขาปฏิบัติตาม แต่เขาไม่ยอมทำ’ ”
9 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ในหมู่ชนยูดาห์และชนเยรูซาเล็มมีการสมรู้ร่วมคิดกัน 10 พวกเขาหวนกลับไปทำบาปตามบรรพบุรุษซึ่งไม่ยอมฟังคำของเรา เขาไปปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ ทั้งพงศ์พันธุ์อิสราเอลและพงศ์พันธุ์ยูดาห์ ละเมิดพันธสัญญาระหว่างเรากับบรรพบุรุษของเขา 11 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะนำภัยพิบัติมายังเขา ซึ่งเขาจะหนีไม่พ้น ถึงแม้เขาอ้อนวอนเรา เราก็จะไม่ฟัง 12 หัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มจะไปสวดอ้อนวอนเทพเจ้าต่างๆ ซึ่งตนเผาเครื่องหอมถวาย แต่พระเหล่านั้นจะไม่ช่วยพวกเขาเลยเมื่อภัยพิบัติมาถึง 13 ยูดาห์เอ๋ย เจ้ามีเทพเจ้าหลายองค์เหมือนที่มีหลายเมืองเชียวนะ และแท่นบูชาที่เจ้าก่อขึ้นเพื่อเผาเครื่องหอมแก่พระบาอัลอันน่าอดสูก็มีมากมาย เหมือนถนนหนทางของเยรูซาเล็ม’
14 “อย่าอธิษฐานเผื่อชนชาตินี้ ไม่ต้องอ้อนวอนหรือร้องขอเพื่อพวกเขา เพราะเราจะไม่ฟังเมื่อเขาร้องเรียกเราในยามทุกข์ยากลำบาก
15 “ผู้เป็นที่รักของเรามาทำอะไรอยู่ในวิหารของเรานี้?
ในเมื่อนางทำตามแผนการชั่วหลายอย่าง
เครื่องสัตวบูชาจะช่วยให้เจ้าพ้นโทษทัณฑ์ได้หรือ?
เจ้าจึงหลงระเริง
ในความชั่วของเจ้า”
16 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรียกเจ้าว่าต้นมะกอกซึ่งงามดี
มีผลดกงาม
แต่ด้วยเสียงกึกก้องของพายุใหญ่
พระเจ้าจะให้ไฟเผามัน
และกิ่งก้านของมันก็หักโค่น
17 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ผู้ปลูกเจ้าทรงประกาศให้ภัยพิบัติตกแก่เจ้า เนื่องจากพงศ์พันธุ์อิสราเอลและยูดาห์ทำชั่ว ยั่วยุพระพิโรธโดยเผาเครื่องหอมถวายพระบาอัล
เยเรมีย์ถูกปองร้าย
18 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเผยให้ข้าพเจ้าทราบถึงแผนการของพวกเขา ทรงให้ข้าพเจ้าทราบว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ 19 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนลูกแกะเชื่องๆ ถูกพาไปฆ่า ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าพวกเขาคบคิดกันจะทำร้ายข้าพเจ้า เขากล่าวว่า
“ให้เราทำลายทั้งต้นและผลของมัน
ให้เรามาช่วยกันกำจัดเขาไปจากโลกนี้
เพื่อจะได้ไม่มีใครจดจำชื่อของเขาได้อีก”
20 แต่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ผู้ทรงตัดสินอย่างเที่ยงธรรม
และทรงพิสูจน์ความคิดจิตใจ
โปรดให้ข้าพระองค์เห็นการแก้แค้นของพระองค์ตกแก่พวกเขา
เพราะข้าพระองค์มอบเรื่องของข้าพระองค์ไว้กับพระองค์
21 “ฉะนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับชาวอานาโธทที่มุ่งเอาชีวิตของเจ้าและขู่ว่า ‘อย่าเผยพระวจนะในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า มิฉะนั้นเจ้าต้องตายด้วยน้ำมือของเรา’ 22 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘เราจะลงโทษพวกเขา คนหนุ่มๆ จะตายในสงคราม ลูกชายลูกสาวของพวกเขาจะตายเพราะอดอยาก 23 จะไม่มีคนสักหยิบมือเดียวเหลือรอด เพราะเราจะนำภัยพิบัติมาสู่ชาวอานาโธทในปีแห่งการลงโทษพวกเขา’ ”
คำร้องทุกข์ของเยเรมีย์
12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงชอบธรรมเสมอ
เมื่อข้าพระองค์นำความมากราบทูล
ถึงกระนั้นข้าพระองค์ก็ขอกราบทูลเรื่องความยุติธรรมของพระองค์
เหตุใดหนทางของคนชั่วจึงเจริญรุ่งเรือง?
เหตุใดบรรดาคนอสัตย์อธรรมจึงสุขสบายดี?
2 พระองค์ทรงปลูกเขา เขาก็หยั่งรากลึก
เจริญงอกงามและเกิดผล
เขามักพูดถึงพระองค์ติดปาก
แต่ใจของเขาห่างไกลพระองค์
3 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์
ทรงเห็นและทรงทดสอบความคิดของข้าพระองค์เกี่ยวกับพระองค์
ขอทรงลากพวกเขาออกไปเหมือนแกะสำหรับฆ่า!
ขอทรงแยกเขาไว้สำหรับวันประหาร!
4 ดินแดนนี้จะต้องแตกระแหง[c]ไปนานเท่าใด?
และทุ่งหญ้าทุกแห่งจะเหี่ยวแห้งไปนานเท่าใด?
เนื่องจากผู้ที่อาศัยในดินแดนนี้ชั่วร้าย
บรรดาสัตว์และนกทั้งหลายจึงพินาศไป
ยิ่งกว่านั้นเหล่าประชากรพากันพูดว่า
“พระองค์ไม่เห็นหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา”
คำตอบจากพระเจ้า
5 “หากเจ้าวิ่งแข่งกับมนุษย์
แล้วเขายังทำให้เจ้าหมดแรง
แล้วเจ้าจะวิ่งแข่งกับม้าได้อย่างไร?
หากเจ้าสะดุดล้มในดินแดนที่ปลอดภัย[d]
เจ้าจะทำอย่างไรในป่าที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดน?[e]
6 แม้แต่พี่น้องและคนในครอบครัวของเจ้า
ก็ยังทรยศเจ้า
พวกเขาร้องเสียงดังให้ร้ายเจ้า
อย่าเชื่อใจเขา
แม้เขาจะพูดดีกับเจ้า
7 “เราได้ทิ้งนิเวศของเรา
เราได้เหวี่ยงมรดกของเราทิ้ง
เราได้ปล่อยผู้ที่เรารักดั่งดวงใจ
ไว้ในมือของศัตรู
8 มรดกของเรากลับกลายเป็นสิงโตในป่าสำหรับเรา
เขาคำรามใส่เรา
ดังนั้นเราจึงเกลียดเขา
9 มรดกของเรา
กลับกลายเป็นนกสีสดใสสะดุดตา
นกอื่นๆ จึงรุมล้อมเล่นงานมันไม่ใช่หรือ?
ไปเถิด ไปรวบรวมสัตว์ป่าทั้งหลาย
มาเขมือบกินมัน
10 คนเลี้ยงแกะมากมายจะทำลายสวนองุ่นของเรา
เหยียบย่ำท้องทุ่งของเรา
พวกเขาจะทำให้ท้องทุ่งอันรื่นรมย์ของเรา
กลายเป็นที่ทิ้งร้าง
11 มันจะกลายเป็นถิ่นร้างแตกระแหง
และถูกทิ้งร้างต่อหน้าเรา
แผ่นดินทั้งสิ้นถูกทิ้งร้าง
เพราะไม่มีใครเอาใจใส่ดูแล
12 ผู้ทำลายกรูกันเข้ามาเหนือที่สูง
อันถูกทิ้งร้างในถิ่นกันดาร
เพราะดาบขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำลายล้าง
จากสุดเขตแดนด้านหนึ่งไปจดอีกด้านหนึ่ง
จะไม่มีใครหนีรอดปลอดภัย
13 พวกเขาได้หว่านข้าวสาลี แต่เก็บเกี่ยวหนาม
จะตรากตรำทำงาน แต่ไม่ได้อะไร
ดังนั้นเขาจึงเก็บเกี่ยวได้แต่ความอับอาย
เนื่องจากพระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้า”
14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ดูเถิด เราจะถอนรากถอนโคนชนชาติเพื่อนบ้านผู้ชั่วร้ายทั้งปวงออกจากดินแดน ผู้ซึ่งยึดสมบัติที่เราให้ประชากรอิสราเอล และถอนรากถอนโคนพงศ์พันธุ์ยูดาห์จากหมู่พวกเขา 15 แต่หลังจากที่เราถอนรากถอนโคนพวกเขาแล้ว เราจะเอ็นดูสงสาร และนำพวกเขาแต่ละคนกลับสู่ทรัพย์สินและดินแดนของตนอีกครั้งหนึ่ง 16 และหากพวกเขาเรียนรู้วิถีทางของประชากรของเราและปฏิญาณโดยอ้างนามของเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ เหมือนที่พวกเขาเคยสอนประชากรของเราให้ปฏิญาณโดยอ้างพระบาอัล เมื่อนั้นเขาจะได้รับการสถาปนาไว้ท่ามกลางประชากรของเรา 17 แต่หากชาติใดไม่ยอมเชื่อฟัง เราจะกำจัดและทำลายชาตินั้นให้สูญสิ้นไป” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
ผ้าคาดเอวลินิน
13 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ไปซื้อผ้าคาดเอวลินินมาคาดไว้ แต่อย่าให้มันถูกน้ำ” 2 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไปซื้อผ้าลินินผืนหนึ่งมาคาดเอวไว้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่ง
3 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าเป็นครั้งที่สองว่า 4 “จงเอาผ้าคาดเอวที่เจ้าซื้อและคาดอยู่นั้นออกไปที่แม่น้ำยูเฟรติส[f] และซ่อนมันไว้ในซอกหิน” 5 ดังนั้นข้าพเจ้าก็ออกไปที่แม่น้ำยูเฟรติสและซ่อนมันไว้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่ง
6 หลายวันต่อมา องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บัดนี้จงไปที่แม่น้ำนั้น เอาผ้าคาดเอวที่เราสั่งให้เจ้าซ่อนไว้มา” 7 ดังนั้นข้าพเจ้าก็ไปที่แม่น้ำยูเฟรติสและขุดผ้าคาดเอวออกมาจากซอกที่ได้เอาไปซ่อนไว้ แต่บัดนี้มันขาดยุ่ยใช้การไม่ได้เลย
8 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 9 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะทำลายเกียรติภูมิของยูดาห์และเยรูซาเล็มอย่างนี้แหละ 10 ประชากรที่ชั่วร้ายเหล่านี้ ซึ่งไม่ยอมฟังถ้อยคำของเรา ชอบดื้อดึงทำตามใจตนเอง และหันไปติดตามปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ จะเป็นเหมือนผ้าคาดเอวนี้คือใช้การไม่ได้เลย!’ 11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘ผ้าคาดเอวแนบติดกับเอวของคนฉันใด เราได้ทำให้ยูดาห์และอิสราเอลแนบสนิทกับเราเพื่อเป็นประชากรของเรา เป็นเกียรติภูมิ ชื่อเสียง และคำสรรเสริญของเราฉันนั้น แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง’
ถุงหนังใส่เหล้าองุ่น
12 “จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ถุงหนังใส่เหล้าองุ่นทุกใบควรจะมีเหล้าองุ่นเต็ม’ และหากพวกเขาตอบว่า ‘เรารู้แล้วไม่ใช่หรือว่าถุงหนังใส่เหล้าองุ่นทุกใบควรจะมีเหล้าองุ่นเต็ม?’ 13 ก็จงบอกพวกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า เราจะทำให้ทุกคนที่อาศัยในดินแดนนี้เมามาย ตั้งแต่กษัตริย์ที่นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด บรรดาปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะ ตลอดจนคนทั้งปวงซึ่งอาศัยในกรุงเยรูซาเล็ม 14 เราจะจับพวกเขากระแทกกันเอง ไม่ว่าพ่อหรือลูก เราจะไม่ยอมให้ความสงสารหรือความเมตตาเอ็นดูมายับยั้งเราไม่ให้ทำลายล้างพวกเขาเลย องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น’ ”
จะต้องตกเป็นเชลย
15 จงฟังและใส่ใจ
อย่าเย่อหยิ่ง
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้แล้ว
16 จงถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
ก่อนที่พระองค์จะทรงนำความมืดมนมา
ก่อนที่เท้าของท่านสะดุดล้ม
บนภูเขาอันมืดมน
ท่านมุ่งหวังความสว่าง
แต่พระองค์ทรงผันแปรมันเป็นความมืดมน
เปลี่ยนมันเป็นความมืดทึบ
17 แต่หากท่านไม่ยอมฟัง
ข้าพเจ้าจะแอบร้องไห้
เนื่องด้วยความหยิ่งยโสของท่าน
ข้าพเจ้าจะร่ำไห้ด้วยความขมขื่น
ดวงตาของข้าพเจ้าจะหลั่งน้ำตานองหน้า
เพราะฝูงแกะขององค์พระผู้เป็นเจ้าถูกจับไปเป็นเชลย
18 จงทูลกษัตริย์และราชมารดาว่า
“ลงมาจากราชบัลลังก์เถิด
เพราะมงกุฎอันธำรงเกียรติ
จะร่วงหล่นจากพระเศียรของพระองค์”
19 เมืองต่างๆ ในเนเกบจะถูกปิด
และจะไม่มีใครเปิดได้
ยูดาห์จะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย
ถูกกวาดต้อนไปจนหมดสิ้น
20 จงเงยหน้าขึ้นมองดูคนทั้งหลาย
ที่มาจากทางเหนือ
ไหนล่ะฝูงแกะที่เรามอบหมายให้เจ้าดูแล
ฝูงแกะที่เจ้าโอ้อวด?
21 เจ้าจะว่าอย่างไรเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
ทรงตั้งผู้ที่เจ้าถือว่าเป็นพันธมิตรนั้นมาครอบครองเจ้า?
เจ้าจะไม่เจ็บปวด
เหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอดลูกหรือ?
22 และหากเจ้าถามตัวเองว่า
“ทำไมหนอเรื่องทั้งหมดนี้จึงเกิดขึ้นกับเรา?”
ก็เพราะบาปมากมายของเจ้าน่ะสิ
กระโปรงของเจ้าจึงถูกฉีกขาด
และกายของเจ้าถูกย่ำยี
23 ชาวเอธิโอเปีย[g]จะเปลี่ยนสีผิวของตนได้หรือ?
เสือดาวจะลบลายของมันได้หรือ?
พวกเจ้าซึ่งคุ้นเคยกับการทำชั่ว
ก็ไม่สามารถทำดีได้
24 “เราจะทำให้เจ้ากระจัดกระจายเหมือนแกลบ
ที่ถูกลมทะเลทรายพัดปลิวไป
25 นี่คือชะตากรรมของเจ้า
เป็นส่วนที่เรากำหนดให้เจ้า”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“เพราะเจ้าลืมเรา
และไปวางใจในเทพเจ้าจอมปลอม
26 เราจะถลกกระโปรงของเจ้าขึ้นปิดหน้าเจ้า
เพื่อให้ความอัปยศอดสูของเจ้าเป็นที่ประจักษ์
27 คือการล่วงประเวณี ความมักมากในกาม
การขายเนื้อขายตัวอย่างไร้ยางอายของเจ้า!
เราได้เห็นความประพฤติอันน่าเดียดฉันท์ของเจ้า
บนภูเขาทั้งหลายและตามท้องทุ่งต่างๆ
วิบัติแก่เจ้า เยรูซาเล็มเอ๋ย!
เจ้าจะแปดเปื้อนมลทินไปอีกนานสักเท่าใดหนอ?”
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.