Print Page Options Listen to Hosea 8-14
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
โฮเชยา 8-14

อิสราเอลจะเก็บเกี่ยวลมพายุหมุน

“จงหยิบแตรขึ้นจรดริมฝีปากของเจ้า!
นกอินทรีตัวหนึ่งอยู่เหนือพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะเหล่าประชากรได้ละเมิดพันธสัญญาของเรา
และกบฏต่อบทบัญญัติของเรา
อิสราเอลร้องเรียกเราว่า
‘ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลายยอมรับว่าทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย!’
แต่อิสราเอลปฏิเสธสิ่งที่ดีงาม
ศัตรูจะไล่ตามเขา
เขาแต่งตั้งกษัตริย์โดยที่เราไม่เห็นด้วย
เขาเลือกเจ้านายโดยที่เราไม่เห็นชอบ
เขาใช้เงินและทองคำ
สร้างเทวรูปทั้งหลาย
พาตัวเองให้พินาศ
สะมาเรียเอ๋ย! จงขว้างเทวรูปลูกวัวของเจ้าทิ้งเสียเถิด
ความโกรธของเราเผาผลาญเขา
อีกนานเพียงใดพวกเขาจึงจะบริสุทธิ์ได้?
สิ่งเหล่านี้มาจากอิสราเอล!
ช่างฝีมือได้สร้างลูกวัวตัวนี้ขึ้น
มันไม่ใช่พระเจ้า
เทวรูปลูกวัวของสะมาเรีย
จะถูกทุบแตกเป็นเสี่ยงๆ

“พวกเขาหว่านลม
และเก็บเกี่ยวลมพายุหมุน
ต้นข้าวไม่มีรวง
มันจะไม่ให้ข้าวสำหรับทำแป้ง
แม้มันจะเกิดผล
แต่ชาวต่างชาติก็จะกลืนกินหมด
อิสราเอลถูกกลืนกิน
บัดนี้นางอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ
เหมือนของไร้ค่า
เพราะพวกเขาขึ้นไปหาอัสซีเรีย
เหมือนลาป่าเร่ร่อนอยู่ตามลำพัง
เอฟราอิมได้ขายตัวให้ชู้รัก
10 ถึงแม้พวกเขาขายตัวไปอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ
บัดนี้เราจะรวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกัน
พวกเขาเริ่มจะเสื่อมสูญไป
ภายใต้การกดขี่ของกษัตริย์ผู้เกรียงไกร

11 “ถึงแม้เอฟราอิมสร้างแท่นบูชามากมายเพื่อถวายเครื่องบูชาไถ่บาป
แต่มันก็กลายเป็นแท่นให้ทำบาป
12 เราเขียนบทบัญญัติของเรามากมายให้พวกเขา
แต่พวกเขากลับถือว่ามันเป็นสิ่งแปลกปลอม
13 พวกเขาถวายเครื่องบูชาแก่เรา
แล้วพวกเขาก็กินเนื้อ
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้พอพระทัยพวกเขา
บัดนี้พระองค์จะทรงระลึกถึงความชั่วร้ายของพวกเขา
และลงโทษบาปทั้งหลายของพวกเขา
พวกเขาจะกลับไปยังอียิปต์
14 อิสราเอลลืมพระผู้สร้างของตน
และสร้างปราสาทราชวังต่างๆ
ยูดาห์เสริมป้อมปราการที่เมืองต่างๆ
แต่เราจะส่งไฟมายังเมืองทั้งหลายของพวกเขา
ซึ่งจะเผาผลาญป้อมปราการของพวกเขาเสีย”

การลงโทษอิสราเอล

อิสราเอลเอ๋ย อย่าชื่นชมยินดี
อย่าเปรมปรีดิ์เหมือนชาติอื่นๆ
เพราะเจ้าไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของเจ้า
เจ้ารักค่าจ้างของหญิงโสเภณี
ตามลานนวดข้าวทุกแห่ง
ลานนวดข้าวและบ่อย่ำองุ่นจะไม่พอเลี้ยงประชากร
เหล้าองุ่นใหม่ดับความกระหายของเขาไม่ได้
พวกเขาจะไม่ได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เอฟราอิมจะกลับไปอียิปต์
และกินอาหารที่มีมลทิน[a]ในอัสซีเรีย
พวกเขาจะไม่ได้รินเหล้าองุ่นบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
และเครื่องบูชาของเขาก็ไม่เป็นที่พอพระทัยพระองค์
เครื่องบูชาเหล่านี้จะเป็นเหมือนอาหารผู้ไว้ทุกข์สำหรับเขา
ผู้ที่กินเข้าไปจะเป็นมลทิน
อาหารนี้จะมีไว้เพื่อตัวเขาเอง
ไม่เหมาะที่จะนำเข้ามาในวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

พวกเจ้าจะทำอะไรในงานเลี้ยงฉลองตามกำหนด
ในวันเทศกาลขององค์พระผู้เป็นเจ้า?
ถึงแม้พวกเขาจะรอดพ้นจากความพินาศย่อยยับ
อียิปต์ก็จะรวบรวมพวกเขา
และเมมฟิสจะฝังพวกเขาไว้
คลังเงินของพวกเขาจะถูกปกคลุมด้วยพืชหนาม
ต้นหนามจะงอกขึ้นท่วมเต็นท์ของพวกเขา
วันแห่งการลงโทษกำลังมาถึง
วันลงอาญามาใกล้แล้ว
อิสราเอลจงรู้เถิด
เพราะบาปของพวกเจ้ามากมายนัก
เจตนาร้ายของพวกเจ้าใหญ่หลวงนัก
ผู้เผยพระวจนะถูกนับว่าเป็นคนโง่
ผู้ที่พระเจ้าดลใจกลับถูกหาว่าเป็นคนบ้าคลั่ง
ผู้เผยพระวจนะพร้อมกับพระเจ้าของข้าพเจ้า
เป็นยามดูแลเอฟราอิม[b]
แต่กับดักรอเขาอยู่ตลอดเส้นทาง
และมีศัตรูในพระนิเวศของพระเจ้าของพวกเขา
พวกเขาจมดิ่งลงในความเสื่อมทราม
เหมือนสมัยกิเบอาห์
พระเจ้าจะทรงระลึกถึงความชั่วช้าของพวกเขา
และลงโทษบาปทั้งหลายของพวกเขา

10 “เมื่อเราพบอิสราเอล
ก็เหมือนพบองุ่นในถิ่นกันดาร
เมื่อเราเห็นบรรพบุรุษของพวกเจ้า
ก็เหมือนเห็นผลมะเดื่อรุ่นแรก
แต่เมื่อพวกเขามาที่บาอัลเปโอร์
พวกเขาก็อุทิศตัวแก่เทวรูปอันน่าอับอายนั้น
และชั่วช้าไปเหมือนสิ่งที่พวกเขารัก
11 ศักดิ์ศรีของเอฟราอิมจะบินหายลับไปเหมือนนก
ไม่มีการเกิด ไม่มีการตั้งครรภ์ และไม่มีการปฏิสนธิ
12 ถึงแม้พวกเขาจะเลี้ยงดูลูกๆ ได้
เราก็จะพรากทุกคนไปจากพวกเขา
วิบัติแก่พวกเขา
เมื่อเราหันหนีไปจากพวกเขา!
13 เราได้เห็นเอฟราอิม
ถูกปลูกไว้ในที่ร่มรื่นเช่นเดียวกับเมืองไทระ
แต่เอฟราอิมจะพาลูกๆ ของพวกเขา
ออกมาให้เพชฌฆาต”

14 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดประทาน
พระองค์จะประทานสิ่งใดแก่พวกเขา?
โปรดประทานครรภ์ที่แท้ง
และทรวงอกที่ไม่มีน้ำนม

15 “เพราะความชั่วร้ายทั้งปวงของพวกเขาในกิลกาล
ที่นั่นเราจึงเกลียดชังพวกเขา
เพราะการกระทำอันบาปหนาของพวกเขา
เราจะขับไล่พวกเขาออกจากนิเวศของเรา
เราจะไม่รักพวกเขาอีกต่อไป
ผู้นำทั้งหมดของพวกเขาเป็นคนชอบกบฏ
16 เอฟราอิมย่อยยับไปแล้ว
รากของพวกเขาเหี่ยวเฉา
พวกเขาไม่เกิดผล
ถึงแม้พวกเขามีลูก
เราก็จะประหารวงศ์วานที่รักยิ่งของพวกเขา”

17 พระเจ้าของข้าพเจ้าจะปฏิเสธพวกเขา
เพราะพวกเขาไม่เชื่อฟังพระองค์
พวกเขาจะเป็นคนเร่ร่อนอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ

10 อิสราเอลเป็นองุ่นเถางาม
เขาเกิดผลเพื่อตัวเอง
เมื่อผลยิ่งดก
เขาก็ยิ่งสร้างแท่นบูชาเพิ่ม
เมื่อดินแดนของเขารุ่งเรืองขึ้น
เขาก็ตกแต่งหินศักดิ์สิทธิ์
จิตใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความหลอกลวง
และบัดนี้พวกเขาต้องรับโทษ
พระองค์จะทรงพังแท่นบูชาของพวกเขา
และทำลายหินศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา

แล้วพวกเขาจะพูดว่า “เราไม่มีกษัตริย์
เพราะเราไม่ได้ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า
แต่ถึงเรามีกษัตริย์
พวกเขาจะทำอะไรให้เราได้?”
พวกเขาสัญญาไว้มากมาย
ทำข้อตกลง
และสาบานเท็จ
ฉะนั้นการฟ้องร้องคดีจึงงอกงาม
เหมือนวัชพืชที่เป็นพิษในทุ่งนาที่ไถแล้ว
ประชาชนที่อาศัยในสะมาเรีย
กลัวเทวรูปลูกวัวที่เบธอาเวน[c]
คนของพระนั้นจะคร่ำครวญถึงมัน
ปุโรหิตผู้ลุ่มหลงมันก็เช่นกัน
และบรรดาผู้ที่ชื่นชมในความโอ่อ่าตระการของพระนั้นก็เป็นไปด้วย
เพราะมันจะถูกเนรเทศออกไป
มันจะถูกนำไปอัสซีเรีย
เป็นเครื่องบรรณาการแก่กษัตริย์ผู้เกรียงไกร
เอฟราอิมจะอับอายขายหน้า
อิสราเอลจะอดสูเนื่องด้วยเทวรูป[d]ซึ่งทำด้วยไม้ของพวกเขา
สะมาเรียและกษัตริย์ของมันจะลอยหายไป
เหมือนเศษไม้ที่อยู่บนผิวน้ำ
เทวสถานแห่งความชั่วร้าย[e]ซึ่งอยู่บนที่สูงของอิสราเอลจะถูกทำลาย
มันเป็นบาปของอิสราเอล
พืชหนามจะงอกขึ้น
ปกคลุมแท่นบูชาของเขา
แล้วพวกเขาจะกล่าวแก่ภูเขาทั้งหลายว่า “ปกคลุมเราไว้เถิด!”
และบอกเนินเขาทั้งหลายว่า “ล้มมาทับเราเถิด!”

“อิสราเอลเอ๋ย เจ้าได้ทำบาปมาตั้งแต่สมัยกิเบอาห์
และเจ้ายังทำอยู่อย่างนั้นเรื่อยมา[f]
สงครามไม่ได้เล่นงานคนทำชั่ว
ในกิเบอาห์หรอกหรือ?
10 เมื่อเราเห็นชอบ เราจะลงโทษพวกเขา
ชนชาติต่างๆ จะรวมตัวกันต่อสู้พวกเขา
คุมขังพวกเขาเนื่องด้วยบาปซ้อนบาปของพวกเขา
11 เอฟราอิมเป็นวัวสาวที่ฝึกปรือแล้ว
มันชอบนวดข้าว
ฉะนั้นเราจะวางแอก
บนคออันสวยงามของมัน
เราจะลงประตักใส่เอฟราอิม
ยูดาห์ต้องลากคันไถ
และยาโคบต้องไถพรวนดิน
12 จงหว่านความชอบธรรมเพื่อตัวเจ้าเอง
จงเก็บเกี่ยวผลแห่งความรักมั่นคง
จงไถพรวนเนื้อดินที่ยังแข็งกระด้างของเจ้า
เพราะถึงเวลาที่จะแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า
จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
และโปรยความชอบธรรมลงบนพวกเจ้าดั่งสายฝน
13 แต่เจ้ากลับปลูกความชั่วช้า
เจ้าเก็บเกี่ยวความอธรรม
เจ้ากินผลแห่งการหลอกลวง
เพราะเจ้าพึ่งกำลังตัวเอง
เจ้าพึ่งนักรบมากมายของเจ้า
14 เสียงโห่ร้องของสงครามจะดังขึ้นสู้คนของเจ้า
ดังนั้นป้อมปราการทั้งหลายของเจ้าจะถูกทำลายย่อยยับ
เมื่อแม่ทั้งหลายกับลูกๆ ของนางจะถูกจับฟาดกับพื้น
ก็จะเป็นเหมือนอย่างชัลมันทำลายล้างเบธอาร์เบลในยามศึก
15 เบธเอลเอ๋ย มันจะเกิดขึ้นกับเจ้าอย่างนั้นแหละ
เพราะเจ้าชั่วร้ายยิ่งนัก
เมื่อรุ่งอรุณวันนั้นเริ่มขึ้น
กษัตริย์อิสราเอลจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง

ความรักของพระเจ้าต่ออิสราเอล

11 “เมื่ออิสราเอลยังเด็กอยู่ เรารักเขา
เราเรียกบุตรของเราออกจากอียิปต์
แต่ยิ่งเรา[g]เรียกอิสราเอลมากเท่าใด
พวกเขายิ่งไกลห่างจากเรา[h]มากเท่านั้น
พวกเขาถวายเครื่องบูชาแก่พระบาอัล
และเผาเครื่องหอมถวายรูปปั้นต่างๆ
เรานี่แหละสอนให้เอฟราอิมหัดเดิน
เราโอบอุ้มพวกเขาไว้ในอ้อมแขน
แต่พวกเขาไม่ตระหนัก
ว่าเรานี่แหละเป็นผู้รักษาพวกเขาให้หาย
เรานำพวกเขาด้วยสายใยแห่งความเมตตา
และด้วยพันธะแห่งความรัก
เราปลดแอกจากคอของพวกเขา
และก้มลงมาป้อนอาหารพวกเขา

“พวกเขาจะไม่กลับไปยังอียิปต์หรือ
และอัสซีเรียจะไม่ปกครองพวกเขาหรือ
ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมกลับใจ?
ดาบทั้งหลายจะกวัดแกว่งอยู่ในเมืองต่างๆ ของพวกเขา
จะทำลายดาลประตูของพวกเขา
และทำให้แผนการต่างๆ ของพวกเขาจบสิ้นลง
ประชากรของเราตั้งใจทิ้งเราไป
แม้ว่าพวกเขาจะร้องทูลต่อเราผู้สูงสุด
เราก็จะไม่เชิดชูพวกเขาเลย

“เอฟราอิมเอ๋ย เราจะปล่อยเจ้าหลุดมือไปได้อย่างไร?
อิสราเอลเอ๋ย เราจะยอมปล่อยเจ้าไปได้อย่างไร?
เราจะปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนอัดมาห์ได้หรือ?
เราจะทำให้เจ้าเหมือนเศโบยิมได้อย่างไร?
จิตใจที่อยู่ภายในเราก็เปลี่ยนไป
ความเมตตาเอ็นดูของเราก็ได้รับการปลุกขึ้น
เราจะไม่ลงโทษเจ้าตามความโกรธอันรุนแรงของเรา
หรือหันมาทำลายล้างเอฟราอิมอีก
เพราะเราเป็นพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์
เป็นองค์บริสุทธิ์ท่ามกลางเจ้า
เราจะไม่มาด้วยความโกรธ[i]
10 เขาจะติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์จะทรงเปล่งพระสุรเสียงดุจราชสีห์
เมื่อพระองค์ทรงเปล่งเสียงกึกก้อง
ลูกๆ ของพระองค์จะสั่นสะท้านกลับมาจากทางตะวันตก
11 เขาจะรีบรุดตัวสั่น
มาจากอียิปต์เหมือนนก
และมาจากอัสซีเรียเหมือนนกพิราบ
เราจะพาพวกเขากลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนอีก”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

บาปของอิสราเอล

12 เอฟราอิมล้อมกรอบเราด้วยคำโกหก
พงศ์พันธุ์อิสราเอลห้อมล้อมเราด้วยการหลอกลวง
และยูดาห์ดื้อด้านแม้แต่กับพระเจ้า
ซึ่งเป็นองค์บริสุทธิ์ผู้ซื่อสัตย์

12 เอฟราอิมเลี้ยงชีพด้วยลม
เขาติดตามลมตะวันออกทั้งวัน
เขาทวีการโกหกและความอำมหิต
เขาทำสัญญากับอัสซีเรีย
และส่งน้ำมันมะกอกไปยังอียิปต์
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดำเนินคดีกับยูดาห์
พระองค์จะทรงลงโทษยาโคบ[j]ตามวิถีทางความประพฤติของเขา
และตอบแทนเขาตามการกระทำของเขา
เขาฉวยส้นเท้าของพี่ชายไว้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์
ครั้นหนุ่มใหญ่เขาก็ต่อสู้กับพระเจ้า
เขาสู้กับทูตสวรรค์และเอาชนะได้
เขาร่ำไห้อ้อนวอนขอความเมตตา
พระองค์ทรงพบเขาที่เบธเอล
และตรัสกับเขาที่นั่น
พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
พระยาห์เวห์เป็นพระนามอันเกรียงไกรของพระองค์!
แต่เจ้าต้องกลับมาหาพระเจ้าของเจ้า
จงผดุงความรักและความยุติธรรม
และรอคอยพระเจ้าของเจ้าเสมอ

พวกพ่อค้าโกงตาชั่ง
เขารักการฉ้อฉล
เอฟราอิมโอ้อวดว่า
“เราร่ำรวยมากและกลายเป็นเศรษฐี
ด้วยทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเรา
พวกเขาจะไม่พบความชั่วช้าหรือบาปใดๆ ในเราเลย”

“เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
ผู้พาเจ้าออกมาจาก[k]อียิปต์
เราจะทำให้เจ้าอาศัยอยู่ในเต็นท์อีกครั้ง
เหมือนเมื่อครั้งเทศกาลงานเลี้ยงตามกำหนดของเจ้า
10 เราพูดกับบรรดาผู้เผยพระวจนะ
ให้นิมิตมากมายแก่พวกเขา
และกล่าวคำอุปมาผ่านทางพวกเขา”

11 กิเลอาดชั่วร้ายหรือ?
ชาวเมืองนั้นไร้ค่านัก!
พวกเขาถวายวัวผู้ในกิลกาลหรือ?
แท่นบูชาของพวกเขาจะเป็นเหมือนกองหิน
บนทุ่งที่ไถแล้ว
12 ยาโคบหนีไปยังแดนอารัม
อิสราเอลปรนนิบัติรับใช้เพื่อจะได้ภรรยา
เขาเลี้ยงแกะเพื่อจ่ายเป็นค่าตัวนาง
13 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งนำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์
ทรงใช้ผู้เผยพระวจนะดูแลอิสราเอล
14 แต่เอฟราอิมยั่วโทสะพระองค์อย่างรุนแรง
องค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาจะทรงปล่อยให้ความผิดเพราะการนองเลือดตกอยู่กับเขา
และจะตอบแทนการหมิ่นประมาทของพวกเขา

พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า

13 เมื่อเอฟราอิมกล่าว ผู้คนก็สั่นสะท้าน
เขาเป็นที่ยกย่องในอิสราเอล
แต่เขาก็มีความผิดและตายไปเพราะกราบไหว้พระบาอัล
บัดนี้ เขายิ่งทำบาปมากขึ้น
เขาใช้เงินทำรูปเคารพเพื่อตัวเขาเอง
เป็นเทวรูปที่ปั้นแต่งขึ้นอย่างชาญฉลาด
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นผลงานของช่างฝีมือ
ผู้คนกล่าวถึงคนเหล่านี้ว่า
“พวกเขาใช้มนุษย์เป็นเครื่องบูชา
และจูบ[l]เทวรูปลูกวัว”
ฉะนั้นเขาจะเป็นเหมือนหมอกในยามเช้า
เหมือนน้ำค้างยามรุ่งอรุณซึ่งหายลับไป
เหมือนแกลบปลิวจากลานนวดข้าว
เหมือนควันที่ลอยออกไปทางหน้าต่าง

“แต่เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
ผู้นำเจ้าออกมาจากอียิปต์[m]
เจ้าจะไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา
และไม่มีผู้ช่วยให้รอดอื่นใดยกเว้นเรา
เราฟูมฟักดูแลเจ้าในทะเลทราย
ในดินแดนอันร้อนระอุ
เมื่อเราเลี้ยงดูพวกเขา พวกเขาก็อิ่มหนำ
เมื่ออิ่มหนำแล้ว พวกเขาก็หยิ่งผยองขึ้น
และลืมเรา
ดังนั้นเราจึงจู่โจมเข้าใส่พวกเขาเหมือนสิงโต
เราจะซุ่มอยู่ริมทางเหมือนเสือดาว
เหมือนแม่หมีที่ถูกขโมยลูกไป
เราจะเข้าโจมตีและฉีกพวกเขาออก
เราจะเป็นดั่งราชสีห์ที่กลืนกินพวกเขา
สัตว์ป่าจะฉีกพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ

“อิสราเอลเอ๋ย เจ้าถูกทำลายล้าง
เพราะเจ้าต่อสู้เราผู้ที่ช่วยเหลือเจ้า
10 ไหนล่ะกษัตริย์ของเจ้า ผู้ที่จะช่วยเจ้าได้?
ไหนล่ะเจ้าเมืองทั้งปวง
ที่เจ้าพูดว่า
‘ให้เรามีกษัตริย์และเจ้านายเถิด’?
11 ฉะนั้นเราจึงให้กษัตริย์แก่เจ้าด้วยโทสะของเรา
และเราก็พรากเขาไปด้วยความกริ้วโกรธของเรา
12 ความผิดของเอฟราอิมถูกสะสมไว้
และบาปของเขาถูกบันทึกไว้
13 เขาเจ็บปวดเหมือนหญิงใกล้คลอด
แต่เขาเป็นเด็กไร้สติปัญญา
เมื่อถึงเวลาแล้ว
เขาก็ไม่ยอมคลอดออกมา

14 “เราจะไถ่ตัวพวกเขาจากอำนาจของแดนผู้ตาย
เราจะไถ่เขาจากความตาย
ความตายเอ๋ย ไหนล่ะพิษสงของเจ้า?
แดนผู้ตายเอ๋ย ไหนล่ะหายนะของเจ้า?

“เราจะไม่มีความเมตตาสงสารเลย
15 ถึงแม้ว่าเขารุ่งโรจน์อยู่ในหมู่พี่น้อง
แต่ลมตะวันออกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึง
พัดกระหน่ำมาจากทะเลทราย
น้ำพุของเขาจะไม่ไหล
บ่อน้ำของเขาจะเหือดแห้ง
และคลังของเขาจะถูกปล้นชิง
เอาทรัพย์สมบัติไปหมด
16 ชาวสะมาเรียต้องรับโทษความผิดของตน
เพราะพวกเขากบฏต่อพระเจ้าของพวกเขา
พวกเขาจะล้มลงด้วยดาบ
ลูกอ่อนของพวกเขาจะถูกจับฟาดกับพื้น
และหญิงมีครรภ์ของพวกเขาจะถูกผ่าท้อง”

การกลับใจใหม่ซึ่งนำพระพรมา

14 อิสราเอลเอ๋ย จงหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเถิด
ที่เจ้าล่มจมลงก็เพราะบาปทั้งหลายของเจ้า!
จงนำคำอ้อนวอนมาด้วย
และกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงทูลพระองค์ว่า
“ขอทรงอภัยบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์ทั้งหลาย
ขอทรงรับข้าพระองค์ทั้งหลายไว้ด้วยพระคุณ
เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะถวายคำสรรเสริญจากริมฝีปากของข้าพระองค์ทั้งหลาย[n]
อัสซีเรียไม่อาจช่วยเหล่าข้าพระองค์ได้
ข้าพระองค์ทั้งหลายจะไม่พึ่งม้าศึก
จะไม่เรียกสิ่งที่มือของข้าพระองค์ทั้งหลายสร้างขึ้นนั้นว่า
‘บรรดาพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย’ อีกต่อไป
เพราะลูกกำพร้าพ่อจะพบความเมตตาสงสารในพระองค์”

“เราจะรักษาความดื้อด้านของพวกเขา
และจะรักพวกเขาอย่างเต็มที่
เพราะเราหายโกรธพวกเขาแล้ว
เราจะเป็นเหมือนน้ำค้างพร่างพรมให้อิสราเอล
เขาจะผลิบานดั่งดอกลิลลี่
เขาจะหยั่งรากลง
เหมือนสนซีดาร์แห่งเลบานอน
หน่ออ่อนของเขาจะเติบโตขึ้น
เขาจะงดงามรุ่งโรจน์เหมือนต้นมะกอก
และส่งกลิ่นหอมเหมือนสนซีดาร์แห่งเลบานอน
ผู้คนจะพักพิงในร่มเงาของเขาอีก
เขาจะเจริญงอกงามเหมือนเมล็ดข้าว
จะผลิบานเหมือนเถาองุ่น
ชื่อเสียงเลื่องลือเหมือนเหล้าองุ่นจากเลบานอน
เอฟราอิมเอ๋ย เรา[o]จะต้องเกี่ยวข้องอะไรกับรูปเคารพทั้งหลายอีก?
เราจะตอบเขาและห่วงใยดูแลเขา
เราเป็นเหมือนต้นสนเขียวชอุ่ม
เจ้าจะมีผลงอกงามเพราะเรา”

ผู้ใดเฉลียวฉลาด? ผู้นั้นจะประจักษ์สิ่งเหล่านี้
ผู้ใดมีวิจารณญาณ? ผู้นั้นจะเข้าใจ
วิถีทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าล้วนถูกต้อง
ผู้ชอบธรรมดำเนินในวิถีทางเหล่านี้
แต่ผู้กบฏต่อพระเจ้าก็สะดุดอยู่ในทางของพระองค์

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.