Chronological
อุบายของชาวกิเบโอน
9 เมื่อกษัตริย์ทั้งหลายทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนได้แก่ กษัตริย์ชาติต่างๆ ในดินแดนเทือกเขาตามเชิงเขาด้านตะวันตก ตามชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจนถึงเลบานอน (คือบรรดากษัตริย์ของชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และของชาวเยบุส) ได้ยินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ 2 พวกเขาพากันรวมทัพเพื่อทำศึกกับโยชูวาและชนอิสราเอล
3 แต่เมื่อประชาชนในกิเบโอนได้ยินถึงสิ่งที่โยชูวาได้ทำกับเมืองเยรีโคและเมืองอัย 4 พวกเขาก็วางอุบายส่งทูตมาพบโยชูวา บรรทุกกระสอบขาดๆ กับถุงเหล้าองุ่นคร่ำคร่าปุปะมาบนหลังลา 5 พวกเขาสวมเสื้อผ้าเก่าและสวมรองเท้าสึกและขาด ส่วนขนมปังซึ่งเป็นเสบียงของเขาก็แห้งขึ้นรา 6 เมื่อทูตเหล่านั้นมาถึงค่ายพักอิสราเอลที่กิลกาลก็แจ้งโยชูวากับชาวอิสราเอลว่า “พวกข้าพเจ้ามาจากแดนไกล ขอท่านทำสัญญาไมตรีกับเรา”
7 ชาวอิสราเอลตอบชาวฮีไวต์เหล่านี้ว่า “แต่พวกท่านอาจจะอาศัยอยู่ในละแวกนี้ เราจะทำสัญญาไมตรีกับพวกท่านได้อย่างไร?”
8 พวกเขากล่าวกับโยชูวาว่า “เราเป็นผู้รับใช้ของท่าน”
แต่โยชูวาถามว่า “พวกท่านเป็นใคร? มาจากที่ไหน?”
9 เขาตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านมาจากดินแดนไกลโพ้น ได้ยินกิตติศัพท์ความยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงกระทำในอียิปต์ 10 ตลอดจนสิ่งที่ทรงกระทำกับกษัตริย์สององค์ของชาวอาโมไรต์ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน คือกษัตริย์สิโหนแห่งเฮชโบนและกษัตริย์โอกแห่งบาชานผู้ครอบครองในอัชทาโรท 11 บรรดาผู้อาวุโสและประชากรในประเทศของข้าพเจ้าจึงกล่าวกับพวกข้าพเจ้าว่า ‘จงนำเสบียงอาหารสำหรับการเดินทางไปพบพวกเขาและกล่าวว่า “เราเป็นผู้รับใช้ของท่าน ขอทำสนธิสัญญากับเราเถิด” ’ 12 ขนมปังนี้ยังอุ่นอยู่ เมื่อพวกข้าพเจ้าจัดสัมภาระและออกเดินทางจากบ้านมา แต่เดี๋ยวนี้แห้งกรังและขึ้นราดังที่ท่านเห็น 13 ถุงเหล้าองุ่นนี้ก็ยังใหม่อยู่ แต่ตอนนี้สึกหมด เสื้อผ้ารองเท้าของพวกข้าพเจ้าก็เก่าคร่ำคร่าเพราะรอนแรมมาไกลมาก”
14 ชนอิสราเอลตรวจดูข้าวของของพวกเขา แต่ไม่ได้ทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้า 15 โยชูวาจึงทำสัญญาไมตรีไว้ชีวิตพวกเขา และบรรดาผู้นำชุมนุมประชากรก็สาบานรับรองข้อตกลงนี้
16 สามวันต่อมาหลังจากทำสัญญาไมตรีกับชาวกิเบโอนแล้ว คนอิสราเอลก็รู้ความจริงว่าที่แท้คนเหล่านี้เป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียง 17 ชนอิสราเอลจึงออกเดินทางและในวันที่สามก็มาถึงเมืองของพวกเขา อันได้แก่ กิเบโอน เคฟีราห์ เบเอโรท และคีริยาทเยอาริม 18 แต่ชนอิสราเอลไม่ได้โจมตีพวกเขา เพราะบรรดาผู้นำของชุมนุมประชากรได้สาบานไว้กับชาวกิเบโอนโดยอ้างพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ชุมนุมประชากรทั้งปวงจึงบ่นว่าพวกผู้นำ 19 แต่ผู้นำทั้งปวงตอบว่า “เราได้สาบานไว้โดยอ้างพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล และบัดนี้เราก็ไม่อาจแตะต้องพวกเขา 20 เราจะทำกับพวกเขาดังนี้คือยอมไว้ชีวิตพวกเขา เพราะถ้าเราผิดคำสาบาน พระพิโรธของพระเจ้าจะตกอยู่กับเรา” 21 พวกเขากล่าวต่อไปว่า “ให้พวกเขามีชีวิตอยู่และทำหน้าที่หาบน้ำและตัดฟืนให้กับชุมชนทั้งหมด” ดังนั้นเหล่าผู้นำจึงได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพวกเขา
22 แล้วโยชูวาจึงเรียกตัวชาวกิเบโอนมาถามว่า “ทำไมถึงโกหกเราว่า ‘เราอาศัยอยู่แดนไกล’ ในเมื่อจริงๆ แล้วอยู่ใกล้ๆ เรานี่เอง? 23 บัดนี้คำสาปแช่งจึงตกอยู่แก่พวกเจ้า ตั้งแต่นี้ไปเจ้าจะต้องมารับใช้เราโดยการตัดฟืนและหาบน้ำเพื่อพระนิเวศของพระเจ้าของเรา”
24 พวกเขาตอบโยชูวาว่า “ผู้รับใช้ของท่านได้รับการบอกเล่ามาอย่างชัดเจน ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตรัสสั่งโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ให้ปราบดินแดนทั้งหมดนี้ และทำลายล้างชาวถิ่นทั้งปวงไปต่อหน้าท่าน ดังนั้นพวกข้าพเจ้ารักตัวกลัวตายเพราะพวกท่านเป็นเหตุ พวกเราจึงทำเช่นนี้ 25 บัดนี้เราอยู่ในกำมือของท่านแล้ว เชิญทำกับเราตามที่ท่านเห็นว่าดีและถูกต้องเถิด” 26 โยชูวาจึงไม่อนุญาตให้ประชากรอิสราเอลประหารพวกเขา 27 แต่ให้ชาวกิเบโอนมาตัดฟืน และหาบน้ำสำหรับชุมชน และสำหรับแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในสถานที่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเลือก นับตั้งแต่นั้นจนถึงทุกวันนี้
ดวงอาทิตย์หยุดนิ่ง
10 เมื่อกษัตริย์อาโดนีเซเดคแห่งเยรูซาเล็มได้ยินเรื่องราวที่โยชูวาเข้ายึดและทำลายล้างเมืองอัยให้หมดสิ้นและฆ่ากษัตริย์ของเมืองนั้น เช่นเดียวกับที่ได้ทำลายเมืองเยรีโคและกษัตริย์ของเมืองนั้น และเรื่องที่ชาวเมืองกิเบโอนได้ทำสัญญาไมตรีกับอิสราเอลและอาศัยอยู่ใกล้พวกเขาแล้ว 2 เขากับประชาชนของเขาก็หวั่นวิตกยิ่งนัก เพราะกิเบโอนเป็นเมืองสำคัญเท่ากับนครหลวงทั้งหลาย และใหญ่กว่าเมืองอัย ชายทั้งปวงก็ล้วนแต่เป็นนักรบแกล้วกล้า 3 ดังนั้นกษัตริย์อาโดนีเซเดคแห่งเยรูซาเล็ม จึงส่งคนไปพบกษัตริย์อื่นๆ คือ กษัตริย์โฮฮัมแห่งเฮโบรน กษัตริย์ปิรามแห่งยารมูท กษัตริย์ยาเฟียแห่งลาคีช และกษัตริย์เดบีร์แห่งเอกโลน และขอร้องว่า 4 “โปรดมาช่วยเราโจมตีกิเบโอน เพราะพวกเขาได้ไปทำสัญญาไมตรีกับโยชูวาและชนอิสราเอล”
5 กษัตริย์ทั้งห้าของชาวอาโมไรต์คือ กษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม เฮโบรน ยารมูท ลาคีช และเอกโลน จึงรวมกำลังกัน และเคลื่อนทัพออกมาบุกโจมตีกิเบโอน
6 ชาวกิเบโอนจึงส่งข่าวมาถึงโยชูวาที่ค่ายพักในกิลกาลว่า “ขออย่าทอดทิ้งผู้รับใช้ของท่าน โปรดมาช่วยพวกเราโดยเร็ว โปรดช่วยพวกเราด้วย เพราะกษัตริย์ทั้งปวงของชาวอาโมไรต์จากแถบเทือกเขาได้รวมกำลังกันมาโจมตีเราแล้ว”
7 โยชูวากับกองกำลังทั้งหมดรวมทั้งนักรบชั้นยอดทั้งปวงจึงยกทัพออกจากกิลกาลไปช่วยกิเบโอน 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า “อย่ากลัวพวกเขาเลย เรามอบคนเหล่านี้ไว้ในมือของเจ้าแล้ว จะไม่มีใครยืนหยัดต่อสู้เจ้าได้”
9 โยชูวากับพวกเดินทางตลอดคืนจากกิลกาล เข้าจู่โจมกองทัพของศัตรู โดยที่ฝ่ายนั้นไม่ทันรู้ตัว 10 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้พวกเขาแตกตื่นต่อหน้าอิสราเอล ซึ่งได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ที่กิเบโอน อิสราเอลตามฆ่าพวกเขาตลอดทางขึ้นไปเบธโฮโรนถึงอาเซคาห์และมักเคดาห์ 11 ขณะที่ศัตรูวิ่งหนีมาตามทางจากเบธโฮโรนไปยังอาเซคาห์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายพวกเขาด้วยลูกเห็บขนาดใหญ่จากท้องฟ้า คนตายเพราะลูกเห็บมากยิ่งกว่าด้วยคมดาบของชาวอิสราเอล
12 ในวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้ชาวอาโมไรต์พ่ายแพ้อิสราเอล โยชูวากราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าอิสราเอลว่า
“ขอให้ดวงอาทิตย์หยุดนิ่งอยู่เหนือกิเบโอน
ขอให้ดวงจันทร์หยุดอยู่กับที่เหนือหุบเขาอัยยาโลน”
13 ดังนั้นดวงอาทิตย์ก็หยุดนิ่ง
และดวงจันทร์หยุดโคจร
ตราบจนชนชาตินั้นแก้แค้นศัตรูราบคาบ[a]
ดังที่มีบันทึกไว้ในหนังสือของยาชาร์
ดวงอาทิตย์ค้างอยู่กลางท้องฟ้าและไม่ได้ตกดินเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม 14 ไม่เคยมีวันแบบนั้นมาก่อน และจะไม่มีวันแบบนั้นอีกเลย ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของมนุษย์อย่างนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงต่อสู้เพื่ออิสราเอลอย่างแน่นอน!
15 แล้วโยชูวากับอิสราเอลทั้งปวงก็กลับมายังค่ายพักที่กิลกาล
กษัตริย์อาโมไรต์ทั้งห้าถูกฆ่า
16 ฝ่ายกษัตริย์ทั้งห้าองค์หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่มักเคดาห์ 17 เมื่อโยชูวาได้รับรายงานว่าพบกษัตริย์ทั้งห้าซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่มักเคดาห์ 18 เขาจึงสั่งว่า “จงกลิ้งหินก้อนใหญ่ปิดปากถ้ำและวางทหารเฝ้าไว้ 19 แต่อย่ารามือ! จงตามล่าศัตรู ตีขนาบจากด้านหลัง อย่าปล่อยให้พวกเขากลับเข้าเมืองได้ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของท่านแล้ว”
20 โยชูวากับชนอิสราเอลจึงทำลายล้างพวกเขาหมดสิ้น ประหารเกือบทุกคน มีไม่กี่คนที่หนีไปถึงเมืองป้อมปราการของตน 21 ทั้งกองทัพกลับมาหาโยชูวายังค่ายพักที่มักเคดาห์อย่างปลอดภัยทุกคน หลังจากนั้นไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากว่าชาวอิสราเอลอีกเลย
22 โยชูวาสั่งว่า “จงเปิดปากถ้ำและนำตัวกษัตริย์ทั้งห้าออกมาหาเรา” 23 ดังนั้นพวกเขาจึงนำกษัตริย์ทั้งห้าออกมาจากถ้ำ คือกษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม เฮโบรน ยารมูท ลาคีช และเอกโลน 24 เมื่อพวกเขานำเหล่ากษัตริย์มาหาโยชูวา โยชูวาเรียกประชุมชายชาวอิสราเอลทั้งหมดและสั่งแม่ทัพนายกองที่มากับตนว่า “จงเหยียบคอกษัตริย์เหล่านี้” พวกเขาก็ก้าวออกมาเหยียบคอกษัตริย์ทั้งห้านั้น
25 โยชูวากล่าวกับพวกเขาว่า “อย่ากลัวหรือท้อใจเลย จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำเช่นนี้ต่อศัตรูทั้งปวงที่ท่านจะต่อสู้ด้วย” 26 แล้วโยชูวาก็ประหารกษัตริย์ทั้งห้าและแขวนไว้บนต้นไม้ห้าต้นจนถึงเวลาเย็น
27 เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน โยชูวาสั่งให้ปลดร่างของกษัตริย์ทั้งห้านั้นลงจากต้นไม้ มาโยนทิ้งในถ้ำที่พวกเขาเคยหลบซ่อนตัว แล้วให้สุมก้อนหินเป็นกองพะเนินตรงปากถ้ำ ซึ่งยังคงอยู่ที่นั่นตราบจนทุกวันนี้
มีชัยเหนือเมืองทางใต้
28 ในวันนั้นโยชูวาเข้ายึดเมืองมักเคดาห์ ฆ่ากษัตริย์ด้วยดาบและทำลายล้างทุกคนในเมืองนั้นจนหมดสิ้น ทั่วทั้งเมืองไม่มีผู้ใดรอดชีวิตอยู่ แล้วโยชูวาก็ทำต่อกษัตริย์แห่งมักเคดาห์เหมือนที่ได้ทำต่อกษัตริย์แห่งเยรีโค
29 แล้วโยชูวากับชาวอิสราเอลทั้งปวงจึงเคลื่อนพลออกจากมักเคดาห์เพื่อไปโจมตีลิบนาห์ 30 ที่นั่นก็เช่นเดียวกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบเมืองนั้นและกษัตริย์ไว้ในมืออิสราเอล ชาวเมืองทุกคนถูกประหารหมดสิ้นไม่เหลือรอดสักคนเดียว แล้วโยชูวาก็ทำต่อกษัตริย์ของเมืองนั้นเหมือนที่ได้ทำต่อกษัตริย์เยรีโค 31 จากลิบนาห์ โยชูวากับอิสราเอลทั้งปวงเข้าโจมตีลาคีช 32 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบลาคีชแก่อิสราเอล ในวันที่สองโยชูวายึดเมืองได้ เขาทำลายเมืองนั้นและฆ่าฟันชาวเมืองทุกคนเช่นเดียวกับที่ลิบนาห์ 33 ระหว่างการเข้าโจมตีลาคีช กษัตริย์โฮรามแห่งเกเซอร์ยกทัพมาช่วยป้องกันเมือง แต่พ่ายแพ้โยชูวากับกองทัพและถูกฆ่าตายหมด
34 จากลาคีชโยชูวากับอิสราเอลทั้งปวงบุกเข้าโจมตีเมืองเอกโลน 35 พวกเขายึดเมืองได้ในวันนั้นเองและฆ่าฟันด้วยดาบ และทำลายล้างทุกคนในเมืองนั้นจนหมดสิ้นเหมือนที่ได้ทำต่อลาคีช
36 จากเอกโลนโยชูวากับอิสราเอลทั้งปวงบุกเข้าโจมตีเมืองเฮโบรน 37 เข้ายึดเมืองและหมู่บ้านโดยรอบ เขาฆ่ากษัตริย์และชาวเมืองทั้งหมดด้วยดาบ ไม่มีเหลือรอดแม้สักคนเดียว พวกเขาทำลายล้างเมืองและทุกคนจนหมดสิ้นเช่นเดียวกับที่ได้ทำต่อเอกโลน
38 แล้วโยชูวากับอิสราเอลทั้งปวงกลับลงไปโจมตีเดบีร์ 39 พวกเขาเข้ายึดเมืองพร้อมทั้งหมู่บ้านต่างๆ ฆ่าฟันกษัตริย์และชาวเมืองทุกคนด้วยดาบ พวกเขาทำลายล้างทุกคนจนหมดสิ้นเหมือนที่ได้ทำต่อลิบนาห์และเฮโบรน ไม่มีเหลือรอดสักคนเดียว
40 เป็นอันว่าโยชูวาพิชิตดินแดนแถบนั้นทั้งหมด ไม่ว่าแถบเทือกเขาเนเกบ เชิงเขาด้านตะวันตก ลาดเขา ตลอดจนกษัตริย์ทั้งปวง ไม่มีเหลือรอดแม้สักคนเดียว โยชูวาทำลายล้างทุกสิ่งที่มีลมหายใจตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงบัญชาไว้ 41 โยชูวาปราบหมดตั้งแต่คาเดชบารเนียจนจดกาซา และจากเขตแดนโกเชนทั้งหมดจนถึงกิเบโอน 42 โยชูวารบชนะกษัตริย์ต่างๆ และดินแดนของเขาทั้งหมดในคราวเดียวกัน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงสู้รบเพื่ออิสราเอล
43 แล้วโยชูวากับอิสราเอลทั้งปวงกลับคืนสู่ค่ายพักในกิลกาล
พิชิตดินแดนทางเหนือ
11 เมื่อกษัตริย์ยาบินแห่งฮาโซร์ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็ส่งข่าวไปยังกษัตริย์โยบับแห่งมาโดน กษัตริย์แห่งชิมโรน กษัตริย์แห่งอัคชาฟ 2 และกษัตริย์ทั้งหลายในแถบภูเขาทางเหนือในอาราบาห์ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของคินเนเรท ในเชิงเขาทางตะวันตก และในนาโฟทโดร์[b]ทางตะวันตก 3 ชาวคานาอันทั้งด้านตะวันออกและตะวันตก ชาวอาโมไรต์ ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวเยบุสในแดนเทือกเขา ชาวฮีไวต์ที่เชิงเขาเฮอร์โมนในดินแดนมิสปาห์ 4 พวกเขายกทัพมาพร้อมกับไพร่พลทั้งหมด พร้อมทั้งม้าและรถม้าศึกจำนวนมหาศาลเหมือนทรายที่ชายทะเล 5 กษัตริย์ทั้งหมดนี้รวมกำลังกัน และมาตั้งค่ายอยู่ที่ลำห้วยเมโรม เพื่อจะสู้รบกับอิสราเอล
6 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า “อย่ากลัวพวกเขาเลย เพราะวันพรุ่งนี้เวลาเดียวกัน เราจะมอบพวกเขาให้อิสราเอลประหาร จงตัดเอ็นน่องม้าและเผารถม้าศึกของพวกเขา”
7 ดังนั้นโยชูวากับกองทัพทั้งหมดจึงยกทัพมาถึงลำห้วยเมโรมและรุกเข้าโจมตีทันที 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบพวกเขาไว้ในมืออิสราเอลซึ่งรุกไล่พวกเขาไปไกลถึงไซดอนใหญ่และมิสเรโฟทมาอิม ไปทางตะวันออกสู่หุบเขามิสปาห์ จนกระทั่งไม่มีศัตรูเหลือรอดสักคนเดียว 9 โยชูวาก็ทำตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเขาตัดเอ็นน่องม้าและเผารถม้าศึก
10 ครั้งนั้นโยชูวาได้วกกลับมายึดเมืองฮาโซร์และฆ่ากษัตริย์ของเมืองนั้นด้วยดาบ (ฮาโซร์เคยเป็นเมืองเอกของอาณาจักรเหล่านั้น) 11 ทุกคนในเมืองนั้นถูกฆ่าตายด้วยดาบ อิสราเอลทำลาย[c]พวกเขาหมดสิ้น ไม่มีสักชีวิตเหลือรอดอยู่ แล้วเขาก็เผาเมืองฮาโซร์
12 แล้วโยชูวาเข้าโจมตีและทำลายล้างนครต่างๆ กษัตริย์ทั้งหลายกับชาวเมืองทั้งปวงถูกทำลายหมดสิ้น ตามที่โมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้ 13 อย่างไรก็ตามอิสราเอลไม่ได้เผาเมืองใดวอดวายเป็นเถ้าถ่าน ยกเว้นเมืองฮาโซร์ซึ่งโยชูวาได้เผาทำลาย 14 ชาวอิสราเอลริบข้าวของและฝูงสัตว์ในเมืองปรักหักพังเหล่านั้นไว้เป็นของตน แต่ฆ่าฟันชาวเมืองทั้งหมด ไม่มีสักชีวิตเหลือรอดอยู่ 15 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ไว้อย่างไร โมเสสก็สั่งโยชูวา และโยชูวาก็ปฏิบัติตามครบถ้วนทุกประการตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้อย่างนั้น
16 เป็นอันว่าโยชูวาพิชิตดินแดนทั้งหมด คือแถบเทือกเขาเนเกบทั้งหมด ดินแดนโกเชนทั้งหมด เชิงเขาด้านตะวันตก อาราบาห์ เนินเขาและเชิงเขาของอิสราเอล 17 จากภูเขาฮาลักซึ่งขึ้นตรงไปยังเสอีร์ ไปถึงบาอัลกาดในหุบเขาเลบานอนตรงเชิงเขาเฮอร์โมน โยชูวาจับกุมและประหารกษัตริย์ทั้งปวงของดินแดนเหล่านั้น 18 โยชูวาสู้รบตบมือกับกษัตริย์เหล่านี้อยู่นาน 19 ไม่มีเมืองใดทำสัญญาไมตรีกับอิสราเอลยกเว้นชาวฮีไวต์ที่อาศัยในกิเบโอน เมืองอื่นๆ ล้วนถูกยึดครอง และพ่ายแพ้ในการรบ 20 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าเองทรงให้กษัตริย์เหล่านั้นมีใจแข็งกระด้าง คิดจะสู้รบกับอิสราเอล เพื่อพระองค์จะทรงทำลายล้างพวกเขาจนหมดสิ้นโดยปราศจากความเมตตาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้
21 ครั้งนั้นโยชูวาออกไปทำลายมนุษย์ยักษ์อานาคซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนเทือกเขาจากเฮโบรน เดบีร์ และอานาบ จากดินแดนเทือกเขาทั้งหมดของยูดาห์และอิสราเอล โยชูวาได้ทำลายล้างพวกเขาและเมืองของพวกเขาจนหมดสิ้น 22 ไม่มีชาวอานาคหลงเหลืออยู่ในแดนอิสราเอล แต่มีหลงเหลืออยู่บ้างในกาซากัทและอัชโดด 23 เป็นอันว่าโยชูวายึดดินแดนทั้งหมดได้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้ และเขาได้มอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ของชนอิสราเอลตามแต่ละเผ่า แล้วแผ่นดินนั้นก็สงบว่างเว้นจากสงคราม
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.