Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 32-34

32 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย ฟังเถิดที่ข้าพเจ้าจะกล่าว
แผ่นดินโลกเอ๋ย จงสดับวาจาจากปากของข้าพเจ้า
ขอให้คำสอนของข้าพเจ้าพรั่งพรูลงมาดั่งฝน
และให้ถ้อยคำของข้าพเจ้าหยาดหยดมาดุจน้ำค้าง
เหมือนสายฝนโปรยปรายลงบนหญ้าอ่อน
เหมือนฝนชุ่มรินรดพืชพันธุ์เขียวสด

ข้าพเจ้าจะประกาศพระนามของพระยาห์เวห์
ขอสดุดีความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเรา!
พระองค์ทรงเป็นพระศิลา พระราชกิจของพระองค์สมบูรณ์พร้อม
และวิถีทางของพระองค์ล้วนยุติธรรม
ทรงเป็นพระเจ้าผู้ซื่อสัตย์ผู้ไม่ทำสิ่งที่ผิดใดๆ เลย
พระองค์ทรงชอบธรรมและยุติธรรม

พวกเขาทำตัวเสื่อมทรามต่อพระองค์
น่าอับอายขายหน้าเกินกว่าจะเป็นลูกของพระเจ้าต่อไป
พวกเขาเป็นคนรุ่นที่วิปริตและกลับกลอก[a]
ท่านตอบสนองต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นนี้หรือ
ประชากรที่โง่เขลาเบาปัญญา?
พระเจ้าไม่ใช่พระบิดาพระผู้สร้างของท่าน[b]
ผู้ทรงก่อร่างสร้างท่านขึ้นมาหรือ?

จงระลึกถึงวันคืนเก่าก่อน
คิดถึงชั่วอายุตั้งแต่อดีตนานมา
ถามบิดาของท่านดูเถิด เขาจะบอกท่านได้
ถามบรรดาผู้อาวุโสเถิด พวกเขาจะอธิบายให้ฟัง
เมื่อองค์ผู้สูงสุดประทานกรรมสิทธิ์แก่ชนชาติต่างๆ
เมื่อทรงแยกมวลมนุษยชาติ
พระองค์ทรงกำหนดเขตชนชาติทั้งหลาย
ตามจำนวนบุตรของอิสราเอล[c]
ส่วนขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือประชากรของพระองค์
ยาโคบคือส่วนกรรมสิทธิ์ของพระองค์

10 พระองค์ทรงพบเขาในถิ่นกันดารอันเริศร้าง
และเต็มไปด้วยเสียงโหยหวน
พระองค์ทรงปกป้องและดูแลเขา
พระองค์ทรงพิทักษ์เขาดั่งแก้วพระเนตรของพระองค์
11 เหมือนนกอินทรีตะกุยรังของมัน
และบินร่อนอยู่เหนือลูกอ่อน
กางปีกออกรองรับ
ประคับประคองพาลูกบินไป
12 องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เดียวทรงนำเขาไป
ไม่มีพระต่างด้าวอยู่กับเขา

13 พระองค์ทรงทำให้เขาทะยานไปตามเบื้องสูงแห่งแผ่นดิน
และทรงเลี้ยงดูเขาด้วยผลผลิตจากท้องทุ่ง
ทรงบำรุงเลี้ยงเขาด้วยน้ำผึ้งจากศิลา
และด้วยน้ำมันจากหินผา
14 ด้วยน้ำนมและนมข้นจากฝูงสัตว์
และด้วยแพะแกะอ้วนพี
กับแกะผู้ชั้นเยี่ยมแห่งบาชาน
และข้าวสาลีที่ดีที่สุด
เขาดื่มน้ำองุ่นสีแดงก่ำที่มีฟอง

15 เยชูรุน[d] อ้วนพีขึ้นก็พยศ
ครั้นอิ่มหนำก็อ้วนใหญ่ ขนเป็นมันปลาบ
เขาทอดทิ้งพระเจ้าผู้ทรงสร้างเขา
ปฏิเสธพระศิลาพระผู้ช่วยให้รอดของตน
16 พวกเขายั่วยุให้พระองค์อิจฉาด้วยพระต่างด้าวทั้งปวงของเขา
และยั่วยุพระพิโรธของพระองค์ด้วยรูปเคารพอันน่าชิงชังทั้งหลาย
17 พวกเขาเซ่นสังเวยแก่ภูตผีปีศาจซึ่งไม่ใช่พระเจ้า
เป็นพระซึ่งเขาไม่เคยรู้จัก
พระซึ่งเพิ่งปรากฏ
พระซึ่งบรรพบุรุษของท่านไม่เกรงกลัว
18 ท่านได้ทอดทิ้งพระศิลาผู้ให้กำเนิดท่าน
ท่านลืมพระเจ้าผู้ทรงให้ท่านเกิดมา

19 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็นเช่นนี้และทรงละทิ้งเขา
เพราะว่าบุตรชายบุตรสาวของพระองค์ทำให้พระองค์ทรงพระพิโรธ
20 พระองค์ตรัสว่า “เราจะซ่อนหน้าจากพวกเขา
และดูว่าบั้นปลายของเขาจะเป็นเช่นใด
เพราะเขาเป็นคนรุ่นที่นอกลู่นอกรอย
ลูกหลานผู้ไม่ซื่อสัตย์
21 เขาทำให้เราอิจฉาสิ่งที่ไม่ใช่พระ
และยั่วโทสะเราด้วยรูปเคารพอันไร้ค่า
เราจะทำให้เขาอิจฉาผู้ที่ไม่ใช่ชนชาติ
เราจะยั่วโทสะเขาด้วยประชาชาติที่ไม่มีความเข้าใจ
22 เพราะโทสะของเราจุดเปลวไฟ
ซึ่งเผาถึงก้นบึ้งของแดนมรณา
ไฟนั้นจะเผาผลาญโลกและพืชผลทั้งปวง
และบันดาลให้ภูเขาทั้งหลายลุกเป็นไฟ

23 “เราจะสุมหายนะลงเหนือพวกเขา
และยิงธนูเข้าใส่พวกเขา
24 เราจะส่งการกันดารอาหารมาต่อสู้พวกเขา
ส่งโรคระบาดอันล้างผลาญและภัยพิบัติร้ายแรงมาเล่นงานพวกเขา
เราจะส่งเขี้ยวเล็บของสัตว์ป่ามาทำร้ายพวกเขา
ส่งพิษของงูร้ายซึ่งเลื้อยมาในผงคลี
25 ตามท้องถนนมีคมดาบปลิดชีวิตลูกหลานของพวกเขา
ภายในบ้านมีความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
ชายหนุ่มและหญิงสาวจะพินาศ
ทั้งทารกและคนสูงอายุ
26 เราพูดแล้วว่าเราจะกระจายพวกเขาออกไป
และลบพวกเขาให้เลือนหายไปจากความทรงจำของมนุษยชาติ
27 แต่เราหวั่นคำถากถางของศัตรู
เกรงว่าปฏิปักษ์จะเข้าใจผิด
และพูดว่า ‘มือของเราพิชิตชัยชนะ
องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงทำอะไรเลย’ ”

28 พวกเขาเป็นชนชาติที่ไร้ความคิด
ขาดความฉลาดหลักแหลม
29 ถ้าเพียงแต่พวกเขาฉลาดและเข้าใจ
และมองออกว่าบั้นปลายของตนจะเป็นเช่นใด!
30 คนคนเดียวจะไล่คนเป็นพันได้อย่างไร?
หรือสองคนทำให้คนเป็นหมื่นหนีเตลิดได้อย่างไร?
ถ้าไม่ใช่เพราะพระศิลาของพวกเขาได้ขายพวกเขาเสียแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบพวกเขาไว้แล้ว
31 เพราะศิลาของชนชาติอื่นๆ ไม่เหมือนพระศิลาของเรา
แม้ศัตรูของเราก็ยอมรับเช่นนั้น
32 เทือกเถาของพวกเขามาจากเทือกเถาแห่งโสโดม
และจากท้องทุ่งแห่งโกโมราห์
ผลองุ่นของพวกเขาเต็มไปด้วยยาพิษ
พวงองุ่นของพวกเขามีแต่ความขมขื่น
33 เหล้าองุ่นของพวกเขาคือพิษงูร้าย
เป็นพิษร้ายของงูเห่า

34 “เราเก็บงำเรื่องนี้
และประทับตราเก็บไว้ในคลังของเราไม่ใช่หรือ?
35 การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของเราเอง เราจะคืนสนอง
เมื่อถึงเวลาเท้าของพวกเขาจะลื่นไถล
วันแห่งหายนะของพวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว
และความย่อยยับจะถาโถมเข้าใส่พวกเขา”

36 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์
และทรงสงสารเอ็นดูผู้รับใช้ของพระองค์
เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพละกำลังของพวกเขาเสื่อมลง
และไม่มีใครหลงเหลืออยู่ ไม่ว่าทาสหรือไท
37 พระองค์จะตรัสว่า “พระทั้งหลายของพวกเขาไปไหนเสียเล่า
ศิลาที่พวกเขาลี้ภัยไปไหนเสียแล้ว
38 ไหนล่ะพระที่กินไขมันของเครื่องบูชา
และดื่มเหล้าองุ่นของเครื่องดื่มบูชาของพวกเขา?
ให้พระเหล่านั้นลุกขึ้นมาช่วยพวกเจ้าสิ!
ให้พระเหล่านั้นมาให้ที่พักพิงแก่พวกเจ้าสิ!

39 “จงดูเถิด เราเองนี่แหละคือผู้นั้น!
ไม่มีพระอื่นใดนอกจากเรา
เราทำให้ตายและเราให้ชีวิต
เราทำให้บาดเจ็บและเราจะรักษาให้หาย
และไม่มีผู้ใดช่วยให้พ้นมือของเราไปได้
40 เราชูมือขึ้นฟ้าและประกาศว่า
เราดำรงอยู่นิรันดร์ฉันใด
41 เมื่อเราลับดาบอันวาววับของเรา
และเมื่อเรากุมการพิพากษาไว้ในมือ
เราจะแก้แค้นศัตรูของเรา
และตอบแทนผู้ที่เกลียดชังเราฉันนั้น
42 เราจะทำให้ลูกศรของเราดื่มเลือดจนเมามาย
ส่วนดาบของเราจะกินเนื้อ
คือเลือดเนื้อของผู้ถูกสังหารและเชลย
ศีรษะของบรรดาผู้นำของศัตรู”

43 ประชาชาติทั้งหลายเอ๋ย จงชื่นชมยินดีร่วมกับประชากรของพระองค์เถิด[e][f]
เพราะพระองค์จะทรงแก้แค้นให้แก่โลหิตของผู้รับใช้ของพระองค์
พระองค์จะล้างแค้นศัตรูของพระองค์
และลบมลทินบาปให้แก่ดินแดนและประชากรของพระองค์

44 โมเสสมากับโยชูวา[g]บุตรนูน กล่าวเนื้อเพลงทั้งบทนี้ให้ประชาชนฟัง 45 เมื่อโมเสสท่องข้อความให้อิสราเอลทั้งปวงฟังจบแล้ว 46 ก็กล่าวแก่พวกเขาว่า “จงจำใส่ใจทุกถ้อยคำที่ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านอย่างหนักแน่นในวันนี้ เพื่อท่านจะกำชับบุตรหลานให้ใส่ใจปฏิบัติตามทุกถ้อยคำในบทบัญญัตินี้ 47 บทบัญญัตินี้ไม่ได้เป็นเพียงถ้อยคำที่พูดไปเปล่าๆ แต่เป็นชีวิตของท่าน โดยบทบัญญัตินี้ท่านจะมีชีวิตอยู่ยาวนานในดินแดนซึ่งท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปครอบครอง”

โมเสสจะสิ้นชีวิตบนภูเขาเนโบ

48 ในวันเดียวกันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 49 “จงขึ้นไปบนภูเขาเนโบในเทือกเขาอาบาริม ในโมอับตรงข้ามเมืองเยรีโค และมองดูคานาอัน ดินแดนซึ่งเรายกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ชนอิสราเอล 50 บนภูเขาที่เจ้าขึ้นไปนั้น เจ้าจะตายไปอยู่ร่วมกับญาติพี่น้องของเจ้า เช่นเดียวกับอาโรนพี่ชายของเจ้าซึ่งตายที่ภูเขาโฮร์และถูกรวบไปอยู่กับญาติพี่น้องของเขา 51 เพราะเจ้าทั้งสองไม่ได้ให้เกียรติเราต่อหน้าชนอิสราเอลที่สายน้ำแห่งเมรีบาห์คาเดชในถิ่นกันดารศิน และไม่ได้เชิดชูความบริสุทธิ์ของเราในหมู่ชนอิสราเอล 52 ฉะนั้นเจ้าจะเห็นดินแดนนั้นแต่ไกล เจ้าจะไม่ได้เข้าไปในดินแดนซึ่งเราจะยกให้ประชากรอิสราเอล”

โมเสสอวยพรเผ่าต่างๆ(A)

33 ก่อนสิ้นชีวิต โมเสสคนของพระเจ้าได้อวยพรประชากรอิสราเอล เขากล่าวว่า

องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จจากซีนาย
ทรงฉายแสงอรุณเหนือพวกเขาจากเสอีร์
ทรงเปล่งรังสีจากภูเขาปาราน
พระองค์เสด็จมากับ[h]ผู้บริสุทธิ์นับหมื่นแสน
จากทิศใต้ จากลาดเขา[i]ของพระองค์
แน่นอน พระองค์ทรงรักเหล่าประชากร
วิสุทธิชนทั้งปวงอยู่ในพระหัตถ์
พวกเขากราบลงแทบพระบาท
และรับการสั่งสอนจากพระองค์
คือบทบัญญัติที่โมเสสให้แก่เราไว้
เป็นกรรมสิทธิ์ของชุมชนยาโคบ
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์เหนือเยชูรุน[j]
เมื่อบรรดาผู้นำมาชุมนุมกัน
ร่วมกับเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล

“ขอให้รูเบนดำรงอยู่เป็นอมตะ
อย่าให้[k] คนของเขามีน้อย”

และเขากล่าวถึงยูดาห์ว่า

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงฟังเสียงร่ำร้องของยูดาห์
ประสานเขาเข้ากับชนชาติของเขา
เขาต่อสู้ฟันฝ่าด้วยมือของเขาเอง
ขอทรงช่วยยูดาห์ต่อกรกับศัตรู!”

เขากล่าวถึงเผ่าเลวีว่า

“อูริมและทูมมิมของพระองค์
อยู่กับผู้ที่พระองค์ทรงโปรดปราน
พระองค์ทรงทดสอบเขาที่มัสสาห์
พระองค์ทรงต่อสู้กับเขาที่ห้วงน้ำเมรีบาห์
เขากล่าวถึงบิดามารดาของตนว่า
‘ข้าพเจ้าไม่เห็นแก่หน้าพวกเขา’
เขาไม่เห็นแก่พี่น้องของเขา
ไม่เห็นแก่บุตรของเขา
แต่เขาพิทักษ์รักษาพระดำรัสของพระองค์
และปกป้องพันธสัญญาของพระองค์
10 เขาจะสอนพระโอวาทของพระองค์แก่ยาโคบ
และสอนบทบัญญัติของพระองค์แก่อิสราเอล
เขาถวายเครื่องหอมต่อหน้าพระองค์
และถวายเครื่องเผาบูชาทั้งสิ้นบนแท่นของพระองค์
11 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงอวยพรความชำนาญทั้งสิ้นของเขา
และพอพระทัยผลงานที่เขาทำ
ขอทรงบดขยี้ผู้ที่ต่อสู้เขา
ขอทรงฟาดฟันศัตรูของเขาจนลุกขึ้นไม่ได้อีกต่อไป”

12 เขากล่าวถึงเผ่าเบนยามินว่า

“ขอให้ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักพักพิงในพระองค์อย่างมั่นคงปลอดภัย
เพราะพระองค์ทรงปกป้องเขาวันยังค่ำ
และให้ผู้ที่พระองค์ทรงรักพักอยู่แนบพระทรวงของพระองค์”

13 เขากล่าวถึงเผ่าโยเซฟว่า

“ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรดินแดนของเขา
ด้วยน้ำค้างล้ำเลิศจากฟ้าสวรรค์เบื้องบน
และด้วยห้วงน้ำลึกเบื้องล่าง
14 ด้วยผลผลิตยอดเยี่ยมจากดวงตะวัน
และด้วยผลผลิตที่ดีที่สุดตามฤดูกาล[l]
15 ด้วยของขวัญเลอเลิศจากภูเขาดึกดำบรรพ์
ด้วยความสมบูรณ์พูนผลจากภูเขาอันถาวรนิรันดร์
16 ด้วยของขวัญล้ำค่าจากผืนแผ่นดิน และความอุดมสมบูรณ์จากพื้นพสุธา
และด้วยความโปรดปรานจากพระองค์ผู้ประทับในพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟ
ขอให้พรทั้งปวงนี้มาเหนือโยเซฟ
เหนือเจ้านายในหมู่พี่น้อง[m]
17 ผู้ทรงไว้ซึ่งศักดาดุจลูกวัวหนุ่มหัวปี
เขาสัตว์ของเขาคือเขาของวัวป่า
เขาจะขวิดประชาชาติทั้งหลายด้วยเขาสัตว์เหล่านั้น
แม้ประชาชาติที่อยู่สุดปลายแผ่นดินโลก
นี่แหละคือชนเอฟราอิมนับหมื่น
และชนมนัสเสห์นับพัน”

18 เขากล่าวถึงเผ่าเศบูลุนว่า

“จงร่าเริงยินดีเถิด เศบูลุนเอ๋ย เมื่อท่านออกไป
และท่านอิสสาคาร์เอ๋ย จงร่าเริงยินดีในเต็นท์ของท่าน
19 พวกเขาจะเรียกประชากรมาชุมนุมที่ภูเขา
และถวายเครื่องบูชาแห่งความชอบธรรมที่นั่น
เขาจะเฉลิมฉลองความอุดมสมบูรณ์แห่งท้องทะเล
เฉลิมฉลองทรัพย์สมบัติที่ซ่อนไว้ในหาดทราย”

20 เขากล่าวถึงเผ่ากาดว่า

“ขอถวายสรรเสริญแด่พระองค์ผู้ทรงขยายอาณาจักรของกาด!
กาดมีชีวิตอยู่เยี่ยงราชสีห์
ซึ่งฉีกทึ้งแขนหรือศีรษะ
21 เขาเลือกดินแดนดีเยี่ยมที่สุดไว้เป็นของตนเอง
ส่วนที่เป็นของผู้นำถูกสงวนไว้สำหรับเขา
เมื่อบรรดาหัวหน้าของประชาชนมาชุมนุมกัน
เขาทำให้ลุล่วงตามพระประสงค์อันชอบธรรมขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และตามพระวินิจฉัยเกี่ยวกับอิสราเอล”

22 เขากล่าวถึงเผ่าดานว่า

“ดานเหมือนลูกสิงห์
โลดแล่นออกมาจากบาชาน”

23 เขากล่าวถึงเผ่านัฟทาลีว่า

“นัฟทาลีอิ่มเอิบด้วยความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
และเต็มเปี่ยมด้วยพระพรของพระองค์
เขาจะครอบครองไปทางใต้ถึงทะเลสาบ”

24 เขากล่าวถึงเผ่าอาเชอร์ว่า

“อาเชอร์เป็นลูกที่ได้รับพรมากที่สุด
ขอให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของพี่ๆ น้องๆ
และให้เขาล้างเท้าด้วยน้ำมัน
25 ดาลประตูของท่านจะเป็นเหล็กและทองสัมฤทธิ์
และพลังวังชาของท่านจะอยู่คู่คืนวันของท่าน

26 “ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระเจ้าแห่งเยชูรุน
ผู้ประทับอยู่บนฟ้าสวรรค์เพื่อช่วยท่าน
ผู้ประทับเหนือเมฆด้วยพระบารมีของพระองค์
27 พระเจ้าองค์นิรันดร์เป็นที่ลี้ภัยของท่าน
และเบื้องล่างคืออ้อมแขนอันนิรันดร์
พระองค์จะทรงขับไล่เหล่าศัตรูออกไปให้พ้นหน้าท่าน
ตรัสว่า ‘จงทำลายพวกเขาเสีย!’
28 ฉะนั้นอิสราเอลจะอาศัยอยู่โดยสวัสดิภาพ
ธารน้ำพุของยาโคบมั่นคง
ในดินแดนแห่งข้าวและเหล้าองุ่นใหม่
ที่ซึ่งฟ้าสวรรค์หยาดรินน้ำค้างลงมา
29 อิสราเอลเอ๋ย! พระพรนี้มีแก่ท่าน
ใครเล่าเสมอเหมือนท่าน?
ชนชาติซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยให้รอด
พระองค์ทรงเป็นโล่และเป็นผู้ช่วยท่าน
และทรงเป็นดาบอันรุ่งโรจน์ของท่าน
ศัตรูของท่านจะก้มหัวให้ท่าน
และท่านจะย่ำบนที่สูง[n]ของเขา”

โมเสสสิ้นชีวิต

34 จากที่ราบโมอับ โมเสสขึ้นไปยังยอดเขาปิสกาห์บนภูเขาเนโบ ตรงข้ามเมืองเยรีโค ที่นั่นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงดินแดนทั้งหมดให้เขาเห็น คือจากกิเลอาดจนจดดาน เขตทั้งหมดของนัฟทาลี เขตแดนของเอฟราอิมกับมนัสเสห์ เขตแดนทั้งหมดของยูดาห์จนจดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เนเกบและภูมิภาคทั้งหมด จากหุบเขาเยรีโคนครแห่งต้นอินทผลัมจนจดโศอาร์ แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “นี่คือดินแดนที่เราสัญญาด้วยคำปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ เมื่อเรากล่าวว่า ‘เราจะยกดินแดนนี้ให้แก่วงศ์วานของเจ้า’ ตอนนี้เราให้เจ้าเห็นกับตาแล้ว แต่เจ้าจะไม่ได้ข้ามไป”

และโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็สิ้นชีวิตลงที่นั่นในโมอับตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ พระองค์ทรงฝังเขา[o]ไว้ในหุบเขาตรงข้ามเบธเปโอร์ในโมอับ แต่ไม่มีผู้ใดทราบตำแหน่งที่แน่นอนตราบจนทุกวันนี้ โมเสสสิ้นชีวิตเมื่ออายุได้ 120 ปี สายตายังดีและเรี่ยวแรงไม่ได้ถดถอย ประชากรอิสราเอลไว้ทุกข์ให้โมเสสเป็นเวลาสามสิบวันในที่ราบโมอับนั้น จนกระทั่งช่วงเวลาแห่งการร้องไห้ไว้ทุกข์จบสิ้นลง

โยชูวาบุตรนูนประกอบด้วยพระวิญญาณแห่งสติปัญญาเพราะโมเสสได้วางมือบนเขา ประชากรอิสราเอลจึงเชื่อฟังเขาและทำสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาโมเสสไว้

10 ตั้งแต่นั้นมาไม่มีผู้เผยพระวจนะคนใดในอิสราเอลเสมอเหมือนโมเสสผู้ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักหน้าต่อหน้า 11 ผู้ได้ทำหมายสำคัญและปาฏิหาริย์ทั้งปวงที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้เขาไปทำในอียิปต์ต่อฟาโรห์ ข้าราชบริพาร และต่อดินแดนทั้งหมดของเขา 12 ไม่เคยมีผู้ใดสำแดงอานุภาพเกรียงไกรหรือทำสิ่งน่าครั่นคร้ามดังที่โมเสสทำในสายตาของอิสราเอลทั้งปวง

สดุดี 91

91 ผู้ที่พำนักในที่กำบังขององค์ผู้สูงสุด
จะได้พักพิงในร่มเงาขององค์ทรงฤทธิ์
ข้าพเจ้าจะทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า[a] “พระองค์ทรงเป็นป้อมปราการและเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์
ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ที่ข้าพระองค์ไว้วางใจ”

แน่ทีเดียว พระองค์จะทรงช่วยท่านจากกับดักทั้งปวง
และจากโรคติดต่อร้ายแรง
พระองค์จะทรงปกป้องท่านด้วยปีกของพระองค์
ท่านจะลี้ภัยใต้ร่มปีกนั้น
ความซื่อสัตย์ของพระองค์เป็นโล่และเป็นปราการของท่าน
ท่านจะไม่ต้องกลัวความสยดสยองในยามค่ำคืน
หรือลูกศรที่ยิงเข้าใส่ในยามกลางวัน
ไม่ต้องหวาดหวั่นโรคภัยที่คุกคามในความมืด
หรือภัยพิบัติที่ทำลายยามเที่ยงวัน
คนนับพันอาจจะล้มตายที่ข้างตัวท่าน
คนนับหมื่นที่ขวามือของท่าน
แต่ภัยพิบัตินั้นจะไม่เฉียดใกล้ท่าน
ท่านจะมองดูด้วยตาของตนเอง
และเห็นคนชั่วถูกลงโทษ

หากท่านกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า”
และท่านให้องค์ผู้สูงสุดเป็นที่พักพิงของท่าน
10 แล้วจะไม่มีภยันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับท่าน
ไม่มีภัยพิบัติใดเฉียดใกล้ที่พำนักของท่าน
11 เพราะพระองค์จะทรงบัญชาทูตสวรรค์ของพระองค์เรื่องท่าน
ให้ดูแลท่านในทุกๆ ทาง
12 ทูตเหล่านั้นจะยื่นมือประคองท่าน
เพื่อไม่ให้เท้าของท่านกระทบหิน
13 ท่านจะเหยียบย่ำสิงโตและงูเห่า
ท่านจะย่ำขยี้ราชสีห์และอสรพิษ

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เพราะเขารักเรา เราจะช่วยเขา
เราจะปกป้องเขาเพราะเขายอมรับนามของเรา
15 เขาจะร้องเรียกเรา และเราจะตอบเขา
เราจะอยู่กับเขาในยามเดือดร้อน
เราจะปลดปล่อยเขาและให้เขาได้รับเกียรติ
16 เราจะให้เขาอิ่มเอมด้วยชีวิตยืนยาว
และสำแดงความรอดของเราแก่เขา”

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.