Chronological
1 จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปโตรผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์
ถึงบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้ ท่านทั้งหลายคือคนแปลกหน้าที่อาศัยในโลกเพียงชั่วคราว ผู้ได้กระจัดกระจายไปทั่วแคว้นปอนทัส กาลาเทีย คัปปาโดเซีย เอเชียและบิธีเนีย 2 พระเจ้าพระบิดาได้ทรงเลือกสรรพวกท่านตามที่พระองค์ทรงทราบล่วงหน้าแล้วผ่านทางการทรงชำระให้บริสุทธิ์ของพระวิญญาณ เพื่อให้พวกท่านมาเชื่อฟังพระเยซูคริสต์และรับการประพรมด้วยพระโลหิตของพระองค์
ขอพระคุณและสันติสุขมีแด่พวกท่านอย่างล้นเหลือ
สรรเสริญพระเจ้าสำหรับความหวังอันยืนยง
3 สรรเสริญพระเจ้าพระบิดาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา! ด้วยพระเมตตายิ่งใหญ่พระองค์ทรงให้เราทั้งหลายบังเกิดใหม่เข้าในความหวังอันยืนยงโดยการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์ 4 และเข้าในมรดกอันไม่มีวันเสื่อมสลาย เน่าเสียหรือเลือนหายไปซึ่งทรงเตรียมไว้ในสวรรค์เพื่อพวกท่าน 5 โดยความเชื่อพระเจ้าได้ทรงปกป้องพวกท่านไว้ด้วยฤทธานุภาพของพระองค์จนถึงความรอดซึ่งพร้อมแล้วที่จะทรงสำแดงในยุคสุดท้าย 6 พวกท่านชื่นชมยินดียิ่งนักในเรื่องนี้ แม้ขณะนี้ท่านต้องทนความทุกข์โศกชั่วระยะหนึ่งจากการทดลองสารพัดอย่าง 7 สิ่งเหล่านี้มีมาเพื่อพิสูจน์ว่าท่านมีความเชื่อแท้ ความเชื่อนี้ล้ำค่ายิ่งกว่าทองคำซึ่งเสื่อมสลายไปแม้ได้ทำให้บริสุทธิ์แล้วด้วยไฟ ความเชื่อนี้ก่อให้เกิดคำสรรเสริญ เกียรติและศักดิ์ศรีเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาปรากฏ 8 แม้ท่านยังไม่เห็นพระองค์แต่ก็รักพระองค์ แม้ขณะนี้ท่านไม่เห็นพระองค์ แต่ก็เชื่อในพระองค์และเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีอันยิ่งใหญ่สุดจะพรรณนา 9 เพราะท่านกำลังรับความรอดแห่งจิตวิญญาณของท่านอันเป็นเป้าหมายแห่งความเชื่อของท่าน
10 บรรดาผู้เผยพระวจนะผู้ได้กล่าวถึงพระคุณที่จะมีมาถึงท่านนั้น ได้ตั้งใจสืบเสาะค้นหาอย่างถี่ถ้วนที่สุดเกี่ยวกับความรอดนี้ 11 พวกเขาพยายามพิเคราะห์ดูว่าสิ่งที่พระวิญญาณของพระคริสต์ในพวกเขาได้บ่งชี้ไว้นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใดและจะเกิดขึ้นอย่างไร เมื่อพระองค์ได้ทำนายถึงการทนทุกข์ของพระคริสต์และบรรดาพระเกียรติสิริที่จะตามมา 12 พวกเขาได้รับการสำแดงว่าสิ่งต่างๆ ที่ได้พยากรณ์ถึงนั้นไม่ใช่เพื่อพวกเขาเอง แต่เพื่อพวกท่าน บัดนี้บรรดาผู้ประกาศข่าวประเสริฐได้แจ้งสิ่งต่างๆ เหล่านี้แก่ท่านแล้วโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งส่งมาจากสวรรค์ แม้แต่ทูตสวรรค์ยังปรารถนาจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้
จงบริสุทธิ์
13 เพราะฉะนั้นจงเตรียมความคิดจิตใจให้พร้อม จงรู้จักบังคับตนเอง จงตั้งความหวังแน่วแน่ในพระคุณซึ่งจะประทานแก่ท่านเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาปรากฏ 14 ในฐานะลูกที่เชื่อฟัง อย่าดำเนินตามตัณหาชั่วซึ่งท่านเคยมีเมื่อใช้ชีวิตอย่างผู้ที่ไม่รู้ความจริง 15 แต่ท่านทั้งหลายจงบริสุทธิ์ในการทุกอย่างที่ท่านทำเหมือนอย่างที่พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านนั้นบริสุทธิ์ 16 เพราะมีเขียนไว้ว่า “จงบริสุทธิ์เพราะเราบริสุทธิ์”[a]
17 ในเมื่อท่านทูลต่อพระบิดาผู้ทรงตัดสินการกระทำของแต่ละคนโดยไม่ลำเอียง ก็จงดำเนินชีวิตด้วยความเคารพยำเกรงในฐานะที่เป็นคนแปลกหน้าในโลกนี้ 18 เพราะท่านรู้ว่าพระองค์ได้ทรงไถ่ท่านพ้นจากวิถีชีวิตอันไร้แก่นสารซึ่งท่านรับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ พระองค์ไม่ได้ทรงไถ่ท่านด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้เช่นเงินหรือทอง 19 แต่ด้วยพระโลหิตล้ำค่าของพระคริสต์ผู้เป็นลูกแกะอันปราศจากตำหนิหรือข้อบกพร่องใดๆ 20 พระองค์ได้ทรงเลือกสรรพระคริสต์ไว้ตั้งแต่ก่อนทรงสร้างโลก แต่ทรงให้พระคริสต์ปรากฏในวาระสุดท้ายนี้เพื่อท่านทั้งหลาย 21 โดยทางพระคริสต์ท่านจึงเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตายและประทานพระเกียรติสิริให้แก่พระองค์ ดังนั้นความเชื่อและความหวังของท่านจึงอยู่ในพระเจ้า
22 บัดนี้เมื่อท่านได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์ด้วยการเชื่อฟังความจริงเพื่อจะรักพี่น้องอย่างจริงใจแล้ว ก็จงรักกันอย่างลึกซึ้งด้วยใจจริง[b] 23 เพราะท่านได้บังเกิดใหม่แล้ว ไม่ใช่เกิดจากเมล็ดพันธุ์อันเสื่อมสลายได้ แต่จากเมล็ดพันธุ์อันไม่รู้เสื่อมสลายคือพระวจนะของพระเจ้าอันทรงชีวิตและยืนยงถาวร 24 เพราะ
“มวลมนุษยชาตินั้นเหมือนหญ้า
และเกียรติทั้งปวงของพวกเขาเหมือนดอกไม้ในท้องทุ่ง
ต้นหญ้าเหี่ยวเฉาและดอกไม้ร่วงโรยไป
25 แต่พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ายืนยงนิรันดร์”[c]
และพระวจนะนั้นคือข่าวประเสริฐซึ่งได้ประกาศแก่ท่านแล้ว
2 เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงขจัดสารพัดความมุ่งร้าย การฉ้อฉล ความหน้าซื่อใจคด ความอิจฉาริษยา และการว่าร้ายทุกอย่างไปจากตัวท่าน 2 จงกระหายหาน้ำนมฝ่ายวิญญาณอันบริสุทธิ์เหมือนทารกแรกเกิด เพื่อสิ่งนี้จะช่วยท่านให้เติบโตขึ้นในความรอดของท่าน 3 ในเมื่อบัดนี้ท่านได้ลิ้มรสแล้วว่าพระเจ้าประเสริฐ
ศิลาอันทรงชีวิตและประชากรที่ทรงเลือกสรร
4 เมื่อท่านทั้งหลายมาหาพระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระศิลาอันทรงชีวิต มนุษย์ไม่ยอมรับพระองค์แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกสรรและถือว่าพระองค์ล้ำค่า 5 ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน ท่านเป็นเหมือนศิลาอันมีชีวิตซึ่งกำลังได้รับการก่อขึ้นเป็นวิหารฝ่ายวิญญาณ เพื่อเป็นปุโรหิตบริสุทธิ์ผู้ทำหน้าที่ถวายเครื่องบูชาฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าทรงยอมรับผ่านทางพระเยซูคริสต์ 6 เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า
“ดูเถิด เราวางศิลาก้อนหนึ่งไว้ในศิโยน
เป็นศิลาหัวมุมล้ำค่าซึ่งได้รับการเลือกสรรแล้ว
และผู้ที่วางใจในพระองค์
จะไม่มีวันอับอายเลย”[d]
7 บัดนี้สำหรับพวกท่านที่เชื่อ พระศิลานี้ก็ล้ำค่า แต่สำหรับบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อ
8 และ
“เป็นก้อนหินซึ่งทำให้ผู้คนสะดุด
และเป็นศิลาที่ทำให้พวกเขาล้มลง”[g]
พวกเขาสะดุดก็เพราะไม่เชื่อฟังถ้อยคำนั้น ซึ่งก็เป็นไปตามที่พวกเขาได้ถูกกำหนดไว้
9 แต่พวกท่านเป็นประชากรที่พระเจ้าได้ทรงเลือกสรร เป็นปุโรหิตหลวง เป็นชนชาติบริสุทธิ์ เป็นพลเมืองของพระเจ้า เพื่อท่านจะได้ประกาศพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านออกจากความมืดเข้าสู่ความสว่างอันล้ำเลิศของพระองค์ 10 ครั้งหนึ่งพวกท่านไม่ได้เป็นประชากรของพระเจ้า แต่บัดนี้ท่านเป็นประชากรของพระองค์ ครั้งหนึ่งพวกท่านไม่ได้รับพระเมตตา แต่บัดนี้ท่านได้รับพระเมตตาแล้ว
11 เพื่อนที่รักผู้อยู่ในฐานะคนต่างด้าวและคนแปลกหน้าในโลกนี้ ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านให้ละทิ้งตัณหาชั่วซึ่งต่อสู้กับวิญญาณจิตของท่าน 12 จงดำเนินชีวิตให้ดีเมื่ออยู่ในหมู่ผู้ไม่นับถือพระเจ้า เพื่อแม้เขากล่าวหาว่าท่านทำผิด เขาก็จะเห็นการดีของท่านและถวายเกียรติแด่พระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมาหาเรา
ยอมเชื่อฟังผู้ปกครองและเจ้านาย
13 โดยเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกท่านจงยอมอยู่ใต้อำนาจการปกครองทั้งปวงที่ตั้งขึ้นในหมู่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุด 14 หรือบรรดาผู้ว่าการซึ่งกษัตริย์ส่งมาเพื่อลงโทษผู้กระทำผิดและยกย่องผู้กระทำดี 15 เพราะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้พวกท่านสงบปากคำของคนโง่ด้วยการกระทำดี 16 จงดำเนินชีวิตอย่างเสรีชน แต่อย่าใช้เสรีภาพของท่านเป็นข้ออ้างกลบเกลื่อนความชั่ว จงดำเนินชีวิตอย่างทาสของพระเจ้า 17 จงให้เกียรติทุกคนตามสมควรคือ จงรักพี่น้องในพระคริสต์ จงยำเกรงพระเจ้า จงถวายเกียรติแด่กษัตริย์
18 ทาสทั้งหลายจงยอมเชื่อฟังเจ้านายของตนด้วยความเคารพ ไม่เฉพาะต่อเจ้านายที่ดีและเห็นอกเห็นใจเท่านั้น แต่ต่อเจ้านายที่ร้ายกาจด้วย 19 เพราะผู้ที่ยอมทนทุกข์อย่างที่ไม่เป็นธรรมเพราะตระหนักถึงพระเจ้านั้นน่ายกย่อง 20 หากว่าท่านถูกโบยเนื่องจากทำผิด ถึงท่านยอมทนจะนับเป็นความดีความชอบได้อย่างไร? แต่ถ้าท่านต้องทุกข์ยากเพราะทำดีและท่านยอมทนเอา นี่เป็นสิ่งน่ายกย่องต่อหน้าพระเจ้า 21 พระองค์ทรงเรียกพวกท่านมาสู่สภาพการณ์เช่นนี้ เพราะพระคริสต์ได้ทรงทนทุกข์เพื่อท่าน ทรงวางแบบอย่างไว้ให้ท่านดำเนินตามรอยพระบาท
22 “พระองค์ไม่ได้ทรงทำบาป
และไม่เคยตรัสคำโกหกหลอกลวง”[h]
23 เมื่อพวกเขารุมสบประมาท พระองค์ก็ไม่ได้ทรงตอบโต้ ขณะทรงทนทุกข์พระองค์ก็ไม่ได้ทรงอาฆาต แต่ทรงมอบพระองค์เองไว้กับพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม 24 พระองค์เองทรงรับแบกบาปของเราทั้งหลายไว้ที่พระกายบนไม้กางเขน[i]นั้น เพื่อเราจะได้ตายต่อบาปและมีชีวิตอยู่เพื่อความชอบธรรม และด้วยบาดแผลของพระองค์พวกท่านได้รับการรักษาให้หาย 25 เพราะพวกท่านเป็นเหมือนแกะที่พลัดหลงไป แต่บัดนี้ได้กลับมาหาพระผู้เลี้ยงและพระผู้ทรงดูแลวิญญาณจิตของท่านแล้ว
สามีภรรยา
3 ในทำนองเดียวกันภรรยาทั้งหลายจงยอมเชื่อฟังสามีของตน เพื่อว่าแม้สามีบางคนไม่เชื่อพระวจนะของพระเจ้า แต่ความประพฤติของภรรยาก็อาจชนะใจเขา ทำให้เขาหันกลับมาเชื่อโดยไม่ต้องเอ่ยปาก 2 เมื่อเขาเห็นความบริสุทธิ์และความยำเกรงพระเจ้าในชีวิตของท่าน 3 ความงามของท่านไม่ควรมาจากการตกแต่งภายนอกเช่น ถักผม สวมเครื่องทองและเสื้อผ้าสวยงาม 4 แต่ให้ออกมาจากตัวตนภายใน คือความงามอันไม่รู้จางหายของจิตใจที่อ่อนโยนและสงบเยือกเย็น ซึ่งจิตใจเช่นนี้ทรงคุณค่ายิ่งนักในสายพระเนตรพระเจ้า 5 เพราะนี่เป็นแนวทางที่สตรีผู้บริสุทธิ์ในอดีตซึ่งหวังใจในพระเจ้าเคยทำให้ตนเองงดงาม พวกนางยอมเชื่อฟังสามีของตน 6 เหมือนนางซาราห์ผู้เชื่อฟังอับราฮัมและเรียกเขาว่านาย ถ้าท่านทำสิ่งที่ถูกต้องและไม่หวาดหวั่นสิ่งร้ายอันใด ท่านทั้งหลายก็เป็นลูกหลานของนางซาราห์
7 ในทำนองเดียวกันสามีทั้งหลายจงอยู่กับภรรยาด้วยความเห็นอกเห็นใจ จงให้เกียรติภรรยาในฐานะเป็นผู้ที่อ่อนแอกว่าและในฐานะทายาทผู้รับชีวิตซึ่งเป็นของประทานอันทรงพระคุณจากพระเจ้าร่วมกับท่าน เพื่อจะไม่มีสิ่งใดขัดขวางคำอธิษฐานของท่านทั้งสอง
ทนทุกข์เพราะการทำดี
8 สุดท้ายนี้ท่านทั้งปวงจงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จงเห็นอกเห็นใจกัน จงรักกันฉันพี่น้อง จงมีใจอ่อนโยนและถ่อมสุภาพ 9 อย่าทำชั่วตอบแทนการชั่ว อย่าด่าว่าผู้ที่ด่าว่าท่าน แต่จงให้พรเขาแทนเพราะพระเจ้าได้ทรงเรียกท่านให้ทำเช่นนี้ เพื่อท่านจะได้รับพระพรเป็นมรดก 10 เพราะ
“ผู้ใดรักชีวิต
และปรารถนาจะเห็นวันคืนอันผาสุก
ต้องรักษาลิ้นให้พ้นจากความชั่ว
รักษาริมฝีปากให้พ้นจากคำพูดหลอกลวง
11 เขาต้องหันจากความชั่วร้ายและทำความดี
เขาต้องใฝ่หาสันติภาพและมุ่งมั่นเพื่อให้ได้มา
12 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฝ้าดูคนชอบธรรม
และทรงเงี่ยพระกรรณฟังคำอธิษฐานของพวกเขา
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหันพระพักตร์เข้าต่อต้านคนที่กระทำชั่ว”[j]
13 ถ้าท่านมุ่งมั่นทำดี ใครจะมาทำร้ายท่าน? 14 แต่ถึงแม้ท่านต้องทนทุกข์ทั้งๆ ที่ทำสิ่งที่ถูกต้อง ท่านก็ได้รับพระพร “อย่ากลัวสิ่งที่พวกเขากลัว[k] อย่าตกใจกลัวเลย”[l] 15 แต่ในใจของท่านจงเทิดทูนพระคริสต์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า จงเตรียมพร้อมเสมอที่จะตอบทุกคนซึ่งถามถึงเหตุผลที่ท่านมีความหวังใจเช่นนี้ แต่จงตอบอย่างสุภาพอ่อนโยนและให้เกียรติ 16 จงรักษาจิตสำนึกให้บริสุทธิ์ เพื่อผู้ที่กล่าวร้ายความประพฤติดีของท่านในพระคริสต์จะได้ละอายใจที่มาใส่ร้ายท่าน 17 เพราะหากเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าให้ท่านทนทุกข์เนื่องจากการทำดีก็ดีกว่าทนทุกข์เนื่องจากทำชั่ว 18 เพราะพระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อลบล้างบาปเพียงครั้งเดียวเป็นพอ คือคนชอบธรรมตายเพื่อคนอธรรมเพื่อนำเราทั้งหลายไปถึงพระเจ้า พระองค์ทรงถูกประหารทางกาย แต่พระองค์ทรงเป็นขึ้นในพระวิญญาณ 19 ในสภาวะนั้น[m]พระองค์ยังได้เสด็จไปประกาศแก่วิญญาณทั้งหลายที่ถูกจองจำอยู่ด้วย 20 วิญญาณซึ่งในอดีตไม่เชื่อฟังเมื่อครั้งพระเจ้าทรงอดทนรอคอยในสมัยของโนอาห์ขณะที่เขาต่อเรือ ในเรือนี้มีคนเพียงไม่กี่คนคือแปดคนเท่านั้นที่พระเจ้าทรงใช้น้ำช่วยพวกเขาให้รอดชีวิต[n] 21 น้ำนี้เล็งถึงบัพติศมาซึ่งบัดนี้ช่วยท่านทั้งหลายให้รอดเช่นกัน บัพติศมาไม่ใช่เป็นการขจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย แต่เป็นการปฏิญาณต่อพระเจ้าว่าจะรักษาจิตสำนึกที่ดี บัพติศมาช่วยท่านให้รอดโดยการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์ 22 ผู้ได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์และบัดนี้ประทับที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าโดยมีเหล่าทูตสวรรค์ ผู้ทรงอำนาจ และผู้ทรงเดชานุภาพอยู่ใต้อำนาจของพระองค์
มีชีวิตเพื่อพระเจ้า
4 ฉะนั้นในเมื่อพระคริสต์ทรงทนทุกข์ทางพระกายแล้ว พวกท่านเองก็จงเตรียมตัวให้พร้อมด้วยท่าทีอย่างเดียวกัน เพราะผู้ที่ทนทุกข์ทางกายก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่ทำบาปอีกแล้ว 2 ผลก็คือเขาจะไม่ดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกนี้ตามตัณหาชั่วของมนุษย์ แต่ตามพระประสงค์ของพระเจ้า 3 เพราะในอดีตท่านได้ใช้เวลาไปมากพอแล้วในการทำสิ่งที่คนไม่รู้จักพระเจ้าเลือกที่จะทำกันคือ หมกมุ่นในการเสเพล ราคะตัณหา การเมามาย การมั่วสุมเสพสุรากามารมณ์และการกราบไหว้รูปเคารพอันน่าชิงชัง 4 พวกเขาแปลกใจที่บัดนี้ท่านไม่กระโจนเข้าร่วมสำมะเลเทเมากับพวกเขาจึงด่าว่าท่าน 5 แต่พวกเขาจะต้องให้การต่อพระองค์ผู้ทรงพร้อมแล้วที่จะพิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย 6 ด้วยเหตุนี้ข่าวประเสริฐจึงถูกประกาศออกไปแม้แก่คนที่ตายแล้ว เพื่อว่าในทางกายเขาจะถูกตัดสินตามความเห็นของมนุษย์ แต่ในทางจิตวิญญาณเขามีชีวิตอยู่ตามพระประสงค์ของพระเจ้า
7 อวสานของสิ่งทั้งปวงใกล้จะมาถึงแล้ว เพราะฉะนั้นจงมีสติสัมปชัญญะและรู้จักบังคับตนเพื่อท่านจะสามารถอธิษฐานได้ 8 เหนือสิ่งอื่นใดจงรักกันอย่างลึกซึ้ง เพราะความรักลบความผิดบาปมากมายได้โดยการให้อภัย 9 จงต้อนรับเลี้ยงดูกันโดยไม่บ่นว่า 10 แต่ละคนควรรับใช้ผู้อื่นตามของประทานที่ได้รับมา บริหารของประทานแห่งพระคุณของพระเจ้าในรูปแบบต่างๆ ที่ได้รับมาอย่างสัตย์ซื่อ 11 ถ้าผู้ใดจะพูดก็ควรพูดประหนึ่งเป็นผู้กล่าวพระดำรัสของพระเจ้า ถ้าผู้ใดจะรับใช้ก็ควรทำตามกำลังที่พระเจ้าประทาน เพื่อว่าในทุกสิ่งพระเจ้าจะได้รับการสรรเสริญโดยทางพระเยซูคริสต์ ขอพระเกียรติสิริและเดชานุภาพมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน
ทนทุกข์เพราะเป็นคริสเตียน
12 เพื่อนที่รัก อย่าแปลกใจกับการทดลองอันเจ็บปวดที่ท่านเผชิญอยู่ราวกับว่าสิ่งแปลกประหลาดได้เกิดขึ้นกับท่าน 13 แต่จงชื่นชมยินดีที่ได้ร่วมในความทุกข์ยากของพระคริสต์ เพื่อท่านจะได้ชื่นชมยินดีเป็นล้นพ้นเมื่อพระเกียรติสิริของพระองค์ปรากฏ 14 ถ้าท่านถูกดูหมิ่นเนื่องด้วยพระนามของพระคริสต์ท่านก็เป็นสุข เพราะพระวิญญาณอันทรงพระเกียรติสิริคือพระวิญญาณของพระเจ้าประทับอยู่กับท่าน 15 ถ้าท่านทนทุกข์ก็อย่าให้ทนทุกข์ในฐานะที่เป็นฆาตกร ขโมย หรืออาชญากรประเภทต่างๆ หรือแม้แต่เป็นคนชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น 16 แต่ถ้าท่านทนทุกข์ในฐานะที่เป็นคริสเตียนก็อย่าละอาย แต่จงสรรเสริญพระเจ้าที่ท่านได้รับการเรียกขานตามพระนามนั้น 17 เพราะถึงเวลาแล้วที่การพิพากษาจะเริ่มขึ้นที่ครอบครัวของพระเจ้า และถ้าการพิพากษาเริ่มต้นที่พวกเราแล้วผลลัพธ์ของบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อฟังข่าวประเสริฐของพระเจ้าจะเป็นอย่างไร? 18 และ
“ถ้าคนชอบธรรมยังยากที่จะได้รับความรอด
แล้วคนอธรรมกับคนบาปจะเป็นอย่างไรเล่า?”[o]
19 ฉะนั้นผู้ที่ทนทุกข์ตามพระประสงค์ของพระเจ้าควรมอบตนเองไว้กับพระผู้สร้างผู้สัตย์ซื่อของพวกเขา และทำความดีต่อไป
ผู้อาวุโสและผู้อ่อนอาวุโส
5 ถึงผู้อาวุโส[p]ทั้งหลายในหมู่พวกท่าน ข้าพเจ้าขอร้องท่านในฐานะที่เป็นเพื่อนผู้อาวุโส เป็นพยานคนหนึ่งในเรื่องการทนทุกข์ของพระคริสต์ และเป็นผู้หนึ่งที่จะร่วมในพระเกียรติสิริซึ่งจะทรงสำแดงนั้นว่า 2 จงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้าซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของท่าน พวกท่านรับใช้ในฐานะผู้ปกครองดูแล ไม่ใช่เพราะท่านต้องทำแต่เพราะท่านเต็มใจทำตามที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้ท่านเป็น ไม่ใช่โลภเงินทองแต่กระตือรือร้นที่จะรับใช้ 3 ไม่ใช่วางอำนาจเหนือบรรดาผู้ที่ทรงมอบหมายแก่ท่าน แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น 4 และเมื่อหัวหน้าของผู้เลี้ยงทั้งปวงทรงปรากฏท่านทั้งหลายจะได้รับมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีซึ่งไม่มีวันเสื่อมสลาย
5 ในทำนองเดียวกันท่านผู้อ่อนอาวุโส จงยอมเชื่อฟังบรรดาผู้ที่อาวุโสกว่า อันที่จริงให้ท่านทุกคนถ่อมใจต่อกันและกัน เพราะว่า
“พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง
แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ”[q]
6 เพราะฉะนั้นพวกท่านจงถ่อมใจลงภายใต้พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้าเพื่อพระองค์จะทรงยกท่านขึ้นเมื่อถึงเวลาอันควร 7 จงละความกังวลทั้งสิ้นของท่านไว้กับพระองค์เพราะพระองค์ทรงห่วงใยท่าน
8 จงรู้จักบังคับตนเองและตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะมารผู้เป็นศัตรูของท่านวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์คำราม เที่ยวหาเหยื่อเพื่อขย้ำกิน 9 จงต่อต้านมาร ยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อ ด้วยรู้ว่าพี่น้องทั่วโลกกำลังเผชิญความทุกข์ยากแบบเดียวกัน
10 และหลังจากพวกท่านทนทุกข์อยู่ชั่วขณะหนึ่ง พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งปวงผู้ทรงเรียกท่านมาสู่พระเกียรติสิรินิรันดร์ของพระองค์ในพระคริสต์ พระองค์เองจะทรงให้พวกท่านกลับคืนสู่สภาพดีและให้ท่านเข้มแข็ง มั่นคง และแน่วแน่ 11 ขอเดชานุภาพมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน
คำลงท้าย
12 ข้าพเจ้าเขียนมาถึงท่านสั้นๆ ด้วยความช่วยเหลือของสิลาส[r] ผู้ซึ่งข้าพเจ้าถือว่าเป็นพี่น้องที่สัตย์ซื่อ ข้าพเจ้าเขียนมาให้กำลังใจท่านและเป็นพยานว่าทั้งหมดนี้คือพระคุณที่แท้จริงของพระเจ้า จงยืนหยัดมั่นคงในพระคุณนี้
13 คริสตจักรที่เมืองบาบิโลนผู้ได้รับการเลือกสรรด้วยกันกับท่านฝากความคิดถึงมายังท่าน และมาระโกบุตรของข้าพเจ้าก็ฝากความคิดถึงมายังท่านด้วย 14 จงทักทายกันด้วยจุมพิตแห่งความรัก
ขอสันติสุขมีแด่พวกท่านทุกคนผู้อยู่ในพระคริสต์
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.