Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เอเฟซัส 1-6

จากเปาโล ศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์ ตามความต้องการของพระเจ้า

ถึง คนทั้งหลายที่เป็นของพระเจ้า ที่ซื่อสัตย์ในพระเยซูคริสต์ ในเมืองเอเฟซัส[a]

ขอให้พระเจ้าพระบิดาของเรา และพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับพวกคุณทุกคน

พระพรจากพระวิญญาณ

ขอสรรเสริญพระเจ้าพระบิดาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พระองค์เป็นผู้ที่ได้อวยพรเรามากมายในโลกฝ่ายวิญญาณ โดยผ่านทางพระวิญญาณ เพราะเรามีส่วนในพระคริสต์ พระเจ้ารักเรา พระองค์จึงเลือกเราผู้ที่มีส่วนในพระคริสต์ไว้ก่อนที่จะสร้างโลกนี้เสียอีก เพื่อเราจะได้เป็นคนของพระองค์และไม่มีที่ติต่อหน้าพระองค์ พระองค์กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะรับเรามาเป็นลูกๆของพระองค์โดยทางพระเยซูคริสต์ นี่แหละเป็นความต้องการและความพอใจของพระองค์ พระองค์ทำอย่างนี้เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระบารมีของพระองค์ สำหรับความเมตตากรุณาของพระองค์ที่ให้กับเราเปล่าๆผ่านมาทางพระบุตรที่พระองค์รักมาก พระเจ้าได้ปลดปล่อยพวกเราที่มีส่วนในพระคริสต์นั้นให้เป็นอิสระด้วยเลือดของพระองค์ และพระเจ้าได้อภัยโทษบาปของเรา เพราะความเมตตากรุณาอันมหาศาลของพระองค์ พระเจ้าได้เมตตาเราอย่างเหลือล้น พร้อมกับให้สติปัญญาทุกอย่างและความเข้าใจอย่างถ่องแท้กับเรา โดยที่พระองค์เต็มใจเปิดเผยแผนการลับที่อยู่ในใจของพระองค์ให้เรารู้ เป็นแผนการลับที่พระองค์ตั้งใจจะให้สำเร็จในพระคริสต์ 10 แผนการลับนั้นคือ เมื่อเวลาอันเหมาะสมมาถึงแล้ว พระเจ้าก็ได้รวบรวมทุกสิ่งทั้งในสวรรค์และบนโลกมาไว้ในพระคริสต์

11 พระเจ้าเลือกเราผู้ที่มีส่วนในพระคริสต์ไว้แล้ว ให้เป็นคนของพระองค์ สิ่งนี้ถูกกำหนดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามความตั้งใจของพระเจ้า พระองค์ตั้งใจทำอะไร พระองค์ก็จะทำให้สำเร็จตามนั้น 12 พระองค์ตั้งใจให้เราผู้ที่มีความหวังในพระคริสต์ มีชีวิตอยู่เพื่อสรรเสริญพระบารมีของพระองค์ 13 พวกคุณก็มีส่วนในพระคริสต์เหมือนกัน พระองค์ประทับตราเป็นเจ้าของคุณแล้ว ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์ได้สัญญาไว้ พระองค์ทำอย่างนี้ตอนที่คุณได้ยินและเชื่อในถ้อยคำแห่งความจริง คือข่าวดีที่ทำให้คุณรอดนั้น 14 พระวิญญาณนี้ เป็นเครื่องมัดจำงวดแรกสำหรับมรดกของเรา และเป็นผู้ที่รับรองว่า พระเจ้าจะปลดปล่อยพวกเราผู้ที่เป็นของพระองค์นั้นให้เป็นอิสระ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระบารมีของพระองค์

คำอธิษฐานของเปาโล

15 ตั้งแต่ผมได้ยินเรื่องความเชื่อที่พวกคุณมีต่อพระเยซูเจ้า และความรักที่คุณมีให้กับทุกคนที่เป็นของพระเจ้า 16 เมื่อผมอธิษฐานก็ไม่เคยหยุดขอบคุณพระเจ้าสำหรับพวกคุณเลย 17 ผมขอพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ของเรา คือพระบิดาผู้ยิ่งใหญ่ โปรดให้พระวิญญาณที่จะให้สติปัญญากับคุณ และเปิดเผยให้คุณรู้เรื่องของพระเจ้ามากขึ้น 18 ขอให้ตาใจของคุณสว่างไสวขึ้นมา เพื่อจะได้รู้ว่าพระเจ้าเรียกให้คุณมามีความหวังอะไร และรู้ด้วยว่ามรดกที่พระเจ้ามอบให้กับคนที่เป็นของพระองค์นั้น มันยิ่งใหญ่มหาศาลขนาดไหน 19 และให้คุณรู้อีกด้วยว่า ฤทธิ์อำนาจที่พระเจ้าให้กับเราผู้ที่เชื่อนั้น ยิ่งใหญ่ขนาดไหน อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ 20 เป็นฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ได้ใช้ตอนที่พระองค์ทำให้พระคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตายและให้นั่งอยู่ทางขวามือของพระองค์ในโลกฝ่ายวิญญาณนั้น 21 พระเจ้าได้ตั้งให้พระคริสต์อยู่เหนือผู้ครอบครอง ผู้มีสิทธิอำนาจ ผู้มีฤทธิ์ ผู้ครอบครองแผ่นดิน และเหนือตำแหน่งใดๆที่ตั้งขึ้นมาได้ ไม่ใช่แต่ในยุคนี้เท่านั้นแต่ในยุคที่กำลังจะมาถึงด้วย 22 พระเจ้าวางทุกสิ่งไว้ใต้เท้าของพระคริสต์ และพระองค์ตั้งพระคริสต์เป็นศีรษะเหนือทุกสิ่งเพื่อหมู่ประชุมของพระองค์ 23 หมู่ประชุมนี้คือร่างกายของพระคริสต์ และหมู่ประชุมนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพระคริสต์ และพระคริสต์ทำให้ทุกสิ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพระองค์

จากความตายไปสู่ชีวิต

เมื่อก่อนพวกคุณตายไปแล้วฝ่ายจิตวิญญาณ เพราะไม่เชื่อฟังพระเจ้าและทำบาป พวกคุณเคยใช้ชีวิตตามทางชั่วของโลกนี้ ตามผู้มีอำนาจในย่านฟ้าอากาศซึ่งเป็นวิญญาณที่กำลังทำงานอยู่ภายในตัวของคนที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ครั้งหนึ่งพวกเราทุกคนก็เคยใช้ชีวิตอย่างคนพวกนั้นเหมือนกัน คือชอบทำตามกิเลสตัณหาของตัวเอง ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกิเลสนั้น ซึ่งโดยสันดานของเราแล้ว เราก็สมควรที่จะถูกลงโทษเหมือนพวกเขานั่นแหละ

แต่พระเจ้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา เพราะความรักอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์มีต่อเรา พระองค์จึงให้เรามีชีวิตอยู่คู่กับพระคริสต์ ทั้งๆที่เราเคยตายไปแล้ว เพราะไม่เชื่อฟัง (ที่พวกคุณรอดนั้น ก็เพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า) พระเจ้าทำให้พวกเราฟื้นขึ้นจากความตายด้วยกันกับพระคริสต์ และให้เรานั่งกับพระคริสต์บนบัลลังก์ในโลกฝ่ายวิญญาณ ก็เพราะเรามีส่วนในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าทำอย่างนี้ เพื่อแสดงให้ยุคต่อๆไปได้เห็นความเมตตากรุณาที่พระองค์ให้กับเรา เป็นความเมตตากรุณาอันมหาศาลอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเรามีส่วนในพระเยซูคริสต์ ที่พวกคุณรอดนั้นเป็นเพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า ผ่านมาทางความเชื่อของคุณ ไม่ได้มาจากตัวของคุณเอง แต่เป็นของขวัญที่มาจากพระเจ้า มันไม่ได้เป็นผลมาจากการกระทำของใคร เพื่อจะได้ไม่มีใครโอ้อวดได้ 10 เพราะเราเป็นผลงานของพระเจ้าที่พระองค์สร้างผ่านมาทางพระเยซูคริสต์ เพื่อให้เราทำสิ่งดีๆที่พระเจ้าได้เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วให้เราทำ

ความเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์

11 คุณไม่ได้เกิดมาเป็นคนยิว พวกคนยิวที่เรียกตัวเองว่า “พวกเข้าพิธีขลิบ” ก็ได้เรียกพวกคุณว่า “พวกไม่ได้เข้าพิธีขลิบ” 12 จำไว้ว่า ในตอนนั้น พวกคุณยังไม่มีพระคริสต์ ไม่ได้รวมอยู่ในชุมชนชาวอิสราเอล และไม่มีส่วนร่วมในข้อตกลงต่างๆที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ คุณใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้แบบไม่มีความหวัง และไม่มีพระเจ้า 13 เมื่อก่อนพวกคุณอยู่ห่างไกลจากพระเจ้า แต่เดี๋ยวนี้พระเจ้าได้นำคุณเข้ามาใกล้พระองค์ โดยเลือดของพระเยซูคริสต์ 14 พระคริสต์ทำให้เกิดสันติภาพขึ้นระหว่างเรา พระองค์ทำให้คนยิวและคนที่ไม่ใช่ยิวกลายเป็นพวกเดียวกัน และโดยความตายของพระองค์ พระองค์ได้ทำลายกำแพงแห่งความเกลียดชังที่แบ่งแยกเราลง 15 พระองค์ได้ล้มเลิกกฎเกณฑ์และกฎข้อปฏิบัติต่างๆของโมเสส เพื่อจะสร้างสันติภาพขึ้นมา ด้วยการนำเอาคนสองฝ่ายมาสร้างเป็นคนใหม่ขึ้นในพระองค์ 16 พระองค์ได้ทำลายความเป็นศัตรูกันของคนสองฝ่าย และทำให้เขากลับมาคืนดีกันกับพระเจ้าในกายเดียวกัน ผ่านทางความตายของพระคริสต์บนไม้กางเขน 17 ดังนั้นพระองค์จึงมาประกาศข่าวดีเรื่องสันติภาพนี้กับพวกที่อยู่ห่างไกลพระเจ้า (คือพวกคุณที่ไม่ใช่ยิว) และกับคนยิวที่อยู่ใกล้พระเจ้าด้วย 18 เพราะโดยทางพระคริสต์พวกเราทั้งสองฝ่าย ก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าใกล้ชิดพระบิดาผ่านทางพระวิญญาณองค์เดียวกัน

19 ผลที่ตามมาก็คือ พวกคุณไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าและไม่ได้เป็นคนต่างด้าวอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นพลเมืองเดียวกันกับคนของพระเจ้า และเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้าด้วย 20 พวกคุณคืออาคารที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา รากฐานของอาคารนี้เป็นพวกศิษย์เอกของพระเยซู และพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และมีพระเยซูคริสต์เป็นหินก้อนที่สำคัญที่สุด 21 ในพระคริสต์นั้น ทุกส่วนของอาคารถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน และเจริญขึ้นเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ให้กับองค์เจ้าชีวิต 22 ในพระคริสต์นั้น พวกคุณกำลังถูกก่อขึ้นมาด้วยกันกับคนอื่นๆให้เป็นที่อยู่ของพระวิญญาณของพระเจ้า

หน้าที่การงานของเปาโลเพื่อคนที่ไม่ใช่ยิว

นี่เป็นเหตุที่ผมอธิษฐานเผื่อพวกคุณ ผมเองเปาโลเป็นนักโทษเพราะรับใช้พระเยซูคริสต์และพวกคุณที่ไม่ใช่คนยิว พวกคุณคงรู้แล้วว่าพระเจ้าได้มอบหมายงานนี้ให้กับผม เพื่อช่วยเหลือพวกคุณ พระเจ้าเปิดเผยแผนการลับของพระองค์ให้ผมรู้ ตามที่ผมเขียนมาแล้วอย่างย่อๆ ถ้าคุณอ่านแล้ว คุณก็จะรู้ว่าผมเข้าใจเรื่องแผนการลับของพระคริสต์ขนาดไหน ในสมัยก่อน พระเจ้าไม่ได้เปิดเผยแผนการลับนี้ให้ใครรู้ แต่ในสมัยนี้ พระองค์ได้เปิดเผยแผนการลับนี้ ผ่านทางพระวิญญาณให้กับคนเหล่านั้นที่ถูกอุทิศไว้ให้เป็นศิษย์เอกของพระคริสต์และให้กับพวกผู้พูดแทนพระเจ้า แผนการลับนี้คือ คนที่ไม่ใช่ยิวจะได้รับมรดกร่วมกันกับคนยิว เป็นอวัยวะในร่างกายเดียวกัน มีส่วนร่วมในคำสัญญาที่พระเจ้าทำไว้ในพระเยซูคริสต์ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะข่าวดีที่ประกาศอยู่นี้

ผมมาเป็นผู้รับใช้ในการประกาศข่าวดีนั้น งานนี้เป็นของขวัญที่พระเจ้ามอบให้กับผม ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนเล็กน้อยกว่าคนที่เล็กน้อยที่สุดในหมู่คนที่เป็นของพระเจ้า แต่พระเจ้าก็ยังมอบพระพรนี้ให้กับผมคือให้ผมประกาศกับคนที่ไม่ใช่ยิวเรื่องความมั่งคั่งของพระคริสต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เหนือความเข้าใจ ทำให้ทุกคนเห็นชัดเจนถึงแผนการลับนี้ ที่พระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างได้เก็บซ่อนไว้ตั้งแต่สร้างโลกมา 10 พระเจ้าเก็บซ่อนแผนการลับนี้ไว้เพื่อว่าตอนนี้พระองค์จะได้ใช้หมู่ประชุมของพระองค์เปิดเผยสติปัญญาอันหลากหลายของพระองค์ให้กับพวกผู้ครอบครอง และพวกผู้มีอำนาจในโลกฝ่ายวิญญาณ 11 พระองค์ทำอย่างนี้ตามจุดประสงค์ที่อยู่ในใจของพระองค์ตั้งแต่แรกมา และเรื่องนี้พระองค์ก็ได้ทำให้สำเร็จในพระเยซูคริสต์ องค์เจ้าชีวิตของเรา 12 พวกเราที่มีส่วนในพระเยซูคริสต์ กล้าและมีความมั่นใจที่จะเข้าไปอยู่ต่อหน้าพระเจ้า เพราะเราไว้วางใจในพระคริสต์ 13 ผมอธิษฐานขอให้พวกคุณไม่ท้อแท้เพราะเห็นผมต้องเดือดร้อน ที่ผมเดือดร้อนก็เพื่อประโยชน์ของพวกคุณ เพื่อที่พวกคุณจะได้รับศักดิ์ศรีด้วย

ความรักของพระคริสต์

14 นี่เป็นเหตุที่ผมได้คุกเข่าลงอธิษฐานต่อหน้าพระบิดา 15 คำว่า “ครอบครัว”[b] แม้จะในสวรรค์ หรือบนแผ่นดินโลก ก็มาจากคำว่า “พระบิดา” นี่แหละ 16 ขอให้พระเจ้าที่มั่งคั่งมหาศาล ช่วยให้พวกคุณมีพลังใจที่เข้มแข็งผ่านทางพระวิญญาณของพระองค์ 17 ขอให้พระคริสต์ตั้งมั่นคงอยู่ในใจของคุณเพราะคุณไว้วางใจในพระองค์ ขอให้ลงรากลึกมั่นคงในความรัก 18 ผมอธิษฐานให้พวกคุณและคนที่เป็นของพระเจ้าทุกคนสามารถเข้าใจว่า ความรักที่พระคริสต์มีต่อเรานั้นมันกว้าง ยาว สูง และลึกขนาดไหน 19 ขอให้เข้าใจถึงความรักของพระคริสต์ ที่เกินกว่าจะเข้าใจได้ เพื่อคุณจะได้เต็มไปด้วยความบริบูรณ์ของพระเจ้า

20 พระเจ้าสามารถทำได้ทุกสิ่งมากยิ่งกว่าที่เราจะขอหรือคิดได้ ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ที่กำลังทำงานอยู่ในตัวเรา 21 ขอให้พระเจ้าได้รับเกียรติทั้งจากหมู่ประชุมของพระองค์ และจากพระเยซูคริสต์ทุกยุคทุกสมัยตลอดไป อาเมน

ร่างเดียวกัน

ในฐานะที่ผมเป็นนักโทษเพราะเห็นแก่องค์เจ้าชีวิต ผมขออ้อนวอนให้พวกคุณใช้ชีวิตให้สมกับที่พระเจ้าได้เรียกคุณมา คือให้สุภาพอ่อนน้อมอยู่เสมอ รวมทั้งให้ใจเย็นๆและอดทนต่อกันและกันด้วยความรัก ให้พยายามสุดความสามารถที่จะรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่ได้รับจากพระวิญญาณ ด้วยการใช้สันติภาพเป็นเชือกผูกมัดพวกคุณไว้ด้วยกัน มีเพียงกายเดียวและพระวิญญาณเดียว เหมือนที่พระเจ้าเรียกพวกคุณมาให้มีความหวังเดียว มีองค์เจ้าชีวิตองค์เดียว ความเชื่อเดียว พิธีจุ่มน้ำเดียว และมีพระเจ้าองค์เดียว ผู้เป็นพระบิดาของทุกสิ่ง อยู่เหนือทุกสิ่ง อยู่ทั่วทุกสิ่ง และอยู่ในทุกสิ่ง

พวกเราแต่ละคนได้รับของขวัญต่างๆตามความเมตตาของพระคริสต์ นั่นเป็นเหตุที่พระคัมภีร์ถึงได้พูดว่า

“เมื่อพระองค์ขึ้นไปอยู่ที่สูง
    พระองค์ก็เอาเชลยสงครามไปด้วยและพระองค์ก็ได้แจกของขวัญให้กับมนุษย์”[c]

ที่พูดว่า “พระองค์ขึ้นไป” ก็แสดงว่าพระองค์เคยลงมาที่โลกเบื้องล่างนี้ 10 พระองค์ที่ลงมาก็เป็นองค์เดียวกับที่ขึ้นไปสูงกว่าสวรรค์ทั้งปวง เพื่อพระองค์จะได้เต็มไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง 11 พระเยซูได้แจกของขวัญคือ พวกศิษย์เอกของพระองค์ พวกผู้พูดแทนพระเจ้า พวกผู้ประกาศข่าวดีและพวกผู้เลี้ยงที่สอน 12 เพื่อคนพวกนี้ จะได้เตรียมคนของพระเจ้าให้สามารถทำงานรับใช้ ซึ่งจะเสริมสร้างกายของพระคริสต์ให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ 13 จนกว่าพวกเราทั้งหมดจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้เกี่ยวกับพระบุตรของพระเจ้า แล้วเราจะได้โตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเป็นเหมือนกับพระคริสต์ทุกประการ

14 ทั้งนี้ก็เพื่อเราจะได้ไม่เป็นเหมือนเด็กเล็กๆอีกต่อไป หรือเหมือนคลื่นที่ถูกซัดไปซัดมา หรือถูกพัดไปทางโน้นทีทางนี้ที ด้วยคำสอนใหม่ๆและด้วยเล่ห์เหลี่ยมและกลอุบายต่างๆของพวกผู้สอนเท็จ 15 แต่ให้พวกเราพูดความจริงด้วยความรัก และให้โตขึ้นเป็นเหมือนพระคริสต์ในทุกๆทาง พระคริสต์คือศีรษะ 16 ที่ร่างกายทุกส่วนต้องพึ่งพาและทั้งร่างก็ยึดติดสนิทกันด้วยเส้นเอ็นทุกๆเส้น เมื่ออวัยวะต่างๆทำหน้าที่ของมันเองแล้ว พระคริสต์ทำให้ร่างกายทั้งหมดเจริญเติบโตและแข็งแรงขึ้นด้วยความรัก

ชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ

17 ในฐานะตัวแทนขององค์เจ้าชีวิต ผมขอบอกคุณว่า ต่อจากนี้ไป อย่าใช้ชีวิตเหมือนกับคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า ที่คิดแต่เรื่องไร้สาระ 18 ความคิดของเขามืดมัวไปเพราะความโง่เขลาและจิตใจที่ดื้อรั้นทำให้เขาถูกแยกออกจากชีวิตที่มาจากพระเจ้า 19 พวกเขาไม่มีความละอายต่อบาปอีกแล้ว ปล่อยตัวมัวเมาในกาม ทำเรื่องไม่บริสุทธิ์ทุกอย่างโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ 20 แต่การใช้ชีวิตแบบนั้นไม่เหมือนกับการใช้ชีวิตกับพระคริสต์อย่างที่คุณเรียนรู้จากพวกเรา 21 จริงๆแล้ว คุณเคยได้ยินเรื่องของพระองค์และได้รับคำสอนเกี่ยวกับพระองค์ สิ่งที่คุณเรียนรู้มานั้นสอดคล้องกับความจริงที่พระเจ้าได้เปิดเผยในพระเยซู 22 คำสอนนั้นบอกให้พวกคุณกำจัดตัวตนเก่าๆที่ถูกตัณหาชักนำให้หลงและเสื่อมไป 23 คำสอนนั้นยังสอนให้คุณยอมให้พระเจ้าสร้างความคิดและจิตใจของคุณขึ้นมาใหม่ 24 คำสอนนี้ยังบอกอีกว่าให้สวมคนใหม่นั้นที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเป็นเหมือนพระองค์ เพื่อจะได้มีชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ เป็นชีวิตที่บริสุทธิ์ ตามความจริงที่เราสอนนั้น

25 ถ้าอย่างนั้น ให้เลิกพูดโกหกซะ “ให้ต่างคนต่างพูดความจริงต่อเพื่อนของตน”[d] เพราะพวกเราเป็นอวัยวะในร่างกายเดียวกัน 26 “ถ้าโกรธ ก็อย่าทำบาป”[e] ควรกำจัดความโกรธนั้นให้หมดไปก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน 27 อย่าเปิดโอกาสให้มารเอาชนะพวกคุณได้ 28 คนที่เคยขโมยมาก่อน ก็ให้เลิกขโมยซะ แล้วหันมาทำงาน ใช้มือทำสิ่งที่มีประโยชน์ เพื่อจะได้มีสิ่งของไว้แจกคนที่ขัดสน

29 อย่าพูดคำหยาบคายเลย แต่ให้พูดในสิ่งที่ดี เพื่อจะได้ให้กำลังใจกับคนที่ต้องการ เพื่อมันจะได้เป็นประโยชน์กับคนที่ได้ยิน 30 อย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียใจ พระเจ้าได้เอาพระวิญญาณนี้มาประทับตราพวกคุณไว้ เพื่อแสดงว่าคุณเป็นของพระเจ้า และเพื่อรับรองว่าพระเจ้าจะปลดปล่อยให้คุณเป็นอิสระในวันนั้น[f] 31 กำจัดสิ่งเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปจากหมู่พวกคุณ คือความขมขื่นทั้งหมด ความโกรธแค้น การทะเลาะวิวาท และการใส่ร้ายป้ายสี รวมถึงความชั่วทุกชนิด 32 ให้เมตตาต่อกัน เห็นอกเห็นใจกัน และอภัยให้กันและกันเหมือนกับที่พระเจ้าได้อภัยให้กับคุณผ่านทางพระคริสต์

ในฐานะที่เป็นลูกที่รักของพระเจ้า ก็ให้เลียนแบบพระองค์ ให้ใช้ชีวิตด้วยความรัก เหมือนกับที่พระคริสต์รักเราด้วย พระองค์ได้สละชีวิตเพื่อเรา เป็นเหมือนเครื่องถวาย และเครื่องบูชาที่หอมหวานให้กับพระเจ้า

เรื่องความผิดบาปทางเพศ เรื่องลามกทุกอย่าง หรือความมักมากในกาม แม้แต่จะพูดถึงก็อย่าเลย เพราะมันไม่เหมาะกับคนที่เป็นของพระเจ้า รวมทั้งการพูดจาหยาบคายไร้สาระไม่เป็นเรื่อง หรือพูดตลกลามก ก็ไม่เหมาะสมทั้งนั้น แต่ควรจะพูดขอบคุณพระเจ้าดีกว่า ให้พวกคุณรู้เอาไว้เลยว่าทุกคนที่ทำผิดบาปทางเพศ ไม่บริสุทธิ์ หรือมักมากในกาม[g] ซึ่งเป็นการบูชารูปเคารพ จะไม่มีส่วนในอาณาจักรของพระคริสต์และของพระเจ้า

อย่าให้ใครมาหลอกลวงพวกคุณด้วยคำพูดที่เหลวไหล เพราะเรื่องอย่างนี้แหละที่ทำให้พระเจ้าลงโทษคนพวกนั้นที่ไม่เชื่อฟัง เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าไปมีส่วนร่วมกับคนพวกนั้นเลย เมื่อก่อนนี้พวกคุณเคยเป็นความมืด แต่เดี๋ยวนี้เป็นความสว่างแล้ว เพราะมีส่วนในองค์เจ้าชีวิต อย่างนั้นก็ให้ใช้ชีวิตให้สมกับที่เป็นลูกของความสว่างนั้น (เพราะผลของความสว่างคือความดีทุกอย่าง ชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ และการพูดความจริง) 10 ให้พยายามค้นหาว่าองค์เจ้าชีวิตชอบใจอะไรบ้าง 11 อย่ามีส่วนกับการกระทำต่างๆของความมืดที่ไร้ประโยชน์นั้น แต่ให้ชีวิตบริสุทธิ์ของพวกคุณเปิดโปงเรื่องพวกนั้นออกมาดีกว่า 12 เพราะแม้แต่จะพูดถึงเรื่องลับๆที่พวกเขาทำกัน ก็ยังน่าละอายเลย 13 แต่ความสว่างนั้นทำให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน 14 เพราะความสว่างจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันส่องนั้นกลายเป็นความสว่างไปด้วย นั่นเป็นเหตุที่มีคำพูดว่า

“ตื่นได้แล้ว เจ้าที่หลับอยู่
    ลุกขึ้นมาจากความตายสิ
แล้วพระคริสต์จะส่องสว่างใส่เจ้า”

15 ถ้าอย่างนั้น ระวังให้ดีว่าพวกคุณใช้ชีวิตอย่างไร อย่าเป็นเหมือนคนโง่ แต่ให้เป็นเหมือนคนฉลาด 16 ให้ฉวยโอกาสที่จะทำดี เพราะทุกวันนี้มีแต่ความชั่วร้าย 17 ฉะนั้นอย่าเป็นคนโง่ แต่ให้เข้าใจว่าองค์เจ้าชีวิตต้องการให้คุณทำอะไร 18 อย่าเมาเหล้าองุ่น มันจะทำให้คุณเสียคนได้ แต่ให้เต็มไปด้วยพระวิญญาณดีกว่า 19 คือร้องเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และเพลงจากพระวิญญาณให้กันและกัน และให้ร้องเพลงสรรเสริญองค์เจ้าชีวิตจากใจ 20 และขอบคุณพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของเราเสมอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ในฐานะเป็นคนของพระเยซูคริสต์เจ้า[h]

สามีกับภรรยา

21 ให้ยินยอมซึ่งกันและกัน เพราะยำเกรงพระคริสต์

22 พวกคุณที่เป็นภรรยา ให้ยินยอมสามี เหมือนที่ยินยอมองค์เจ้าชีวิต 23 เพราะสามีคือศีรษะของภรรยา เหมือนกับที่พระคริสต์เป็นศีรษะของหมู่ประชุม คือพระองค์เองเป็นผู้ช่วยให้รอดของร่างกาย 24 แต่หมู่ประชุมยินยอมพระคริสต์อย่างไร ภรรยาก็ควรจะยินยอมสามีของตนในทุกเรื่องอย่างนั้นด้วย

25 พวกคุณที่เป็นสามี ให้รักภรรยาของตนเหมือนกับที่พระคริสต์รักหมู่ประชุมของพระองค์ และได้สละพระองค์เองเพื่อประโยชน์ของหมู่ประชุม 26 ที่พระคริสต์ทำอย่างนี้ก็เพื่อชำระล้างหมู่ประชุมของพระองค์ ให้บริสุทธิ์ด้วยน้ำและถ้อยคำของพระองค์ 27 เพื่อพระองค์จะได้มอบหมู่ประชุมที่สง่างามให้กับพระองค์เอง เป็นเจ้าสาวที่ไม่มีตำหนิ ริ้วรอย หรือความบกพร่องอะไรเลย แต่จะบริสุทธิ์หมดจดทุกอย่าง 28 สามีก็เหมือนกัน ควรจะรักภรรยาของตนเหมือนกับรักร่างกายของตนเอง คนที่รักภรรยาก็รักตัวเองนั่นแหละ 29 เพราะไม่มีใครหรอกที่เกลียดร่างกายของตนเอง มีแต่จะเลี้ยงดูและเอาใจใส่ เหมือนกับที่พระคริสต์เลี้ยงดูและเอาใจใส่หมู่ประชุมของพระองค์ 30 เพราะเราเป็นอวัยวะในร่างกายของพระองค์ 31 เหมือนกับที่พระคัมภีร์พูดเอาไว้ว่า “ดังนั้นผู้ชายจะจากพ่อและแม่ของเขา ไปเป็นหนึ่งเดียวกับภรรยาของตน และเขาทั้งสองจะเป็นร่างกายเดียวกัน”[i] 32 เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกลับมาก และผมเอาเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกับสายสัมพันธ์ระหว่างพระคริสต์กับหมู่ประชุมของพระองค์ 33 อย่างไรก็ตาม พวกคุณแต่ละคน ต้องรักภรรยาของตน เหมือนกับรักตนเอง ส่วนภรรยาจะต้องเคารพสามีของตน

ลูกกับพ่อแม่

พวกคุณที่เป็นลูกๆ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ของตน ในฐานะที่คุณมีส่วนในองค์เจ้าชีวิต เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง กฎที่ว่า “ให้เกียรติพ่อแม่ของตน”[j] นี่เป็นกฎข้อแรกที่มีคำสัญญาพ่วงมาด้วย “คือคุณจะเจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่ง และอายุยืนยาวในแผ่นดินนี้”[k]

พวกคุณที่เป็นพ่อ อย่ายั่วยุลูกของตนให้โกรธ แต่ให้เลี้ยงดูเขาด้วยการอบรมสั่งสอน และเตือนสติตามแนวทางขององค์เจ้าชีวิต

ทาสกับเจ้านาย

พวกคุณที่เป็นทาส ต้องเชื่อฟังเจ้านายฝ่ายโลกนี้ ควรเกรงกลัวจนตัวสั่นด้วยความจริงใจ เหมือนที่ทำกับพระคริสต์ อย่าทำเป็นขยันแค่ต่อหน้าเมื่อมีคนมองเพื่อประจบสอพลอ แต่ควรจะทำงานเหมือนกับเป็นทาสของพระคริสต์ ที่เต็มใจทำตามความต้องการของพระเจ้า ให้เต็มใจรับใช้เหมือนกับที่ทำต่อองค์เจ้าชีวิตไม่ใช่ต่อมนุษย์ จำไว้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นทาสหรือเป็นคนอิสระก็ตาม ถ้าทำความดีก็จะได้รับสิ่งตอบแทนจากองค์เจ้าชีวิต

ในทำนองเดียวกัน พวกคุณที่เป็นเจ้านายอย่าได้ข่มขู่ทาสของตน จำไว้ว่าเจ้านายของคุณและของเขาก็อยู่บนสวรรค์ และพระองค์ก็ไม่ลำเอียงเข้าข้างใคร

จงสวมชุดเกราะของพระเจ้า

10 สุดท้ายนี้ ขอให้เข้มแข็งในองค์เจ้าชีวิต และในฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 11 สวมชุดเกราะที่พระเจ้ามอบให้อย่างเต็มยศ แล้วพวกคุณจะสามารถยืนขึ้นต่อสู้แผนการของมารร้าย 12 เพราะพวกเราไม่ได้ต่อสู้กับมนุษย์ แต่ต่อสู้กับพวกผู้ครอบครอง พวกผู้มีอำนาจ ต่อสู้กับพวกเทพเจ้าที่ครองโลกมืดนี้ และต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วร้ายในโลกฝ่ายวิญญาณ 13 เพราะอย่างนี้ ให้สวมชุดเกราะที่พระเจ้ามอบให้อย่างเต็มยศ เพื่อคุณจะสามารถยืนหยัดได้เมื่อวันอันชั่วร้ายมาถึง และเมื่อทุกอย่างจบสิ้นแล้ว พวกคุณก็ยังคงยืนหยัดต่อไปได้ 14 ดังนั้นให้ยืนหยัดไว้ เอาความจริงรัดเอวไว้เหมือนเข็มขัด เอาชีวิตที่พระเจ้าชอบใจมาสวมเป็นเกราะป้องกันอก 15 เอาใจที่พร้อมจะประกาศข่าวดีเรื่องสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า 16 นอกจากนี้แล้ว ให้เอาความเชื่อเป็นโล่ ที่พวกคุณจะใช้กันลูกธนูไฟทั้งหมดที่มารร้ายยิงเข้าใส่ 17 ให้เอาความรอดเป็นหมวกเหล็ก และให้ถือดาบของพระวิญญาณ ซึ่งก็คือถ้อยคำของพระเจ้า 18 ในทุกโอกาสและทุกเรื่องที่คุณอธิษฐานหรือขอร้อง ก็ให้อธิษฐานด้วยความช่วยเหลือของพระวิญญาณ ด้วยเหตุนี้ ให้ตื่นตัวและอธิษฐานตลอดเวลาสำหรับทุกคนที่เป็นของพระเจ้า

19 ให้อธิษฐานเผื่อผมด้วย เพื่อเมื่อเวลาที่ผมเปิดปากพูด พระเจ้าจะให้คำพูดกับผม เพื่อผมจะได้เปิดเผยเรื่องลึกลับของข่าวดีนี้อย่างกล้าหาญ 20 ผมก็เป็นทูตของพระเจ้าที่กำลังประกาศข่าวดีนี้อยู่ในคุก ช่วยอธิษฐานให้ผมกล้าที่จะประกาศข่าวดีนี้ ตามที่ผมควรจะพูดด้วย

คำอวยพรสุดท้าย

21 ทีคิกัส ที่เป็นพี่น้องที่รัก และเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ขององค์เจ้าชีวิต จะเล่าเรื่องทั้งหมดของผมให้คุณฟังว่าเป็นอย่างไรบ้างและทำอะไรอยู่ 22 ผมส่งเขามาเพื่อคุณจะได้รู้ข่าวคราวของเราและเพื่อเขาจะได้ให้กำลังใจคุณด้วย

23 ขอให้พระเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์เจ้า ให้สันติสุข ความรักและความเชื่อกับพวกคุณ 24 ขอให้พระเจ้าให้ความเมตตากรุณากับพวกคุณทุกคนที่รักพระเยซูคริสต์เจ้าของเราอย่างไม่เสื่อมคลาย

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International