Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
กิจการ 20:1-3

เปาโลเดินทางไปแคว้นมาซิโดเนียและกรีก

20 เมื่อความวุ่นวายสงบลง เปาโลเรียกพวกศิษย์ของพระเยซูมาพบกัน หลังจากพูดให้กำลังใจพวกเขาแล้ว เปาโลก็บอกลาและไปที่แคว้นมาซิโดเนีย เปาโลได้ให้กำลังใจกับพวกศิษย์ของพระเยซูตามที่ต่างๆที่เขาผ่านไปนั้น จนมาถึงแคว้นกรีก เขาพักอยู่ที่นั่นสามเดือน และเมื่อเขาเตรียมที่จะลงเรือไปซีเรีย เขารู้ว่ามีพวกยิววางแผนจะฆ่าเขา เปาโลจึงตัดสินใจวกกลับไปทางแคว้นมาซิโดเนียแทน

โรม 1-3

คำทักทายจากเปาโล

จากเปาโลทาสของพระเยซูคริสต์ พระเจ้าเรียกผมให้มาเป็นศิษย์เอก และแต่งตั้งผมให้มาประกาศข่าวดีที่มาจากพระเจ้า พวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้ประกาศข่าวดีนี้ไว้ก่อนหน้านี้แล้วในพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ ข่าวดีนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระบุตรของพระเจ้า ผู้ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผ่านทางเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิด เมื่อพระองค์ฟื้นขึ้นจากความตาย พระเจ้าได้แต่งตั้งพระองค์ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เป็นพระบุตรผู้เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ คือพระเยซูผู้เป็นพระคริสต์และองค์เจ้าชีวิตของพวกเรา พวกเราได้รับสิทธิพิเศษผ่านทางพระเยซูให้มาเป็นศิษย์เอก เราได้รับสิทธิพิเศษนี้เพื่อพวกเราจะได้นำคนที่ไม่ใช่ยิวให้มาไว้วางใจและเชื่อฟังพระเจ้า พวกเราทำงานนี้เพื่อให้เกียรติกับพระเยซู พวกคุณก็รวมอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ใช่ยิวนี้ด้วย และพระเจ้าก็เรียกคุณให้มาเป็นคนของพระเยซูคริสต์

ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงพวกคุณทุกคนที่อยู่ในเมืองโรม เป็นพวกที่พระเจ้ารักและเรียกให้มาเป็นคนของพระองค์

ขอให้พระเจ้าพระบิดาของเราและพระเยซูคริสต์เจ้าให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับคุณทุกคนด้วยเถิด

เปาโลอธิษฐานขอบคุณพระเจ้า

ก่อนอื่นผมขอบคุณพระเจ้าของผมผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้าสำหรับคุณทุกคน เพราะคนทั่วโลกต่างก็พากันพูดถึงความเชื่อของคุณ ผมรับใช้พระเจ้าสุดหัวใจในการประกาศข่าวดีเกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์ พระเจ้าผู้นี้เป็นพยานให้กับผมได้ว่า ผมอธิษฐานให้คุณตลอดเวลา 10 ผมอธิษฐานขอตลอดเวลาให้พระเจ้าจะเปิดโอกาสให้กับผมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วในที่สุดผมก็จะได้มาเยี่ยมคุณตามที่ตั้งใจเอาไว้ 11 เพราะผมอยากเจอพวกคุณมาก ผมจะได้มาแบ่งปันพระพรที่มาจากพระวิญญาณกับพวกคุณ เพื่อคุณจะได้มีกำลังใจมากขึ้น 12 อันที่จริงต้องพูดว่า เราจะได้ให้กำลังใจซึ่งกันและกันผ่านทางความเชื่อของเราทั้งสองฝ่าย 13 พี่น้องครับ ผมอยากให้รู้ว่า ผมตั้งใจจะมาเยี่ยมคุณหลายครั้งแล้ว เพื่อเวลาที่ผมอยู่กับคุณ ผมจะได้ช่วยคุณให้เจริญขึ้นฝ่ายจิตวิญญาณ เหมือนกับที่ผมได้ช่วยชนชาติอื่นๆมาแล้ว แต่ก็มีเรื่องขัดขวางมาตลอดจนถึงเดี๋ยวนี้

14 ผมมีภาระหน้าที่ที่ติดค้างอยู่กับทุกคน ทั้งคนกรีกและคนที่ไม่ใช่กรีก ทั้งคนฉลาดและคนโง่ 15 นั่นเป็นเหตุที่ผมพร้อมที่จะประกาศข่าวดีให้กับพวกคุณที่อยู่ในเมืองโรม

16 ผมไม่ละอายเกี่ยวกับข่าวดีนี้หรอก เพราะข่าวดีนี้เป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่จะช่วยชีวิตทุกคนที่ไว้วางใจให้รอด ช่วยพวกยิวก่อน แล้วต่อมาก็ช่วยคนที่ไม่ใช่ยิวด้วย 17 เพราะในข่าวดีนั้น พระเจ้ากำลังเปิดเผยให้เห็นว่า พระองค์ทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ เพราะพระเจ้าแสดงความซื่อสัตย์ของพระองค์ให้เห็นก่อน คนจึงไว้วางใจในพระองค์ เหมือนกับที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้ว่า “คนที่พระเจ้ายอมรับจะใช้ชีวิตด้วยความไว้วางใจ”[a]

มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป

18 เพราะพระเจ้ากำลังแสดงความโกรธของพระองค์ให้เห็นจากสวรรค์ ต่อความชั่วช้าทุกอย่างและความผิดที่คนทำขึ้น สิ่งเหล่านี้ไปปิดบังความจริงไม่ให้คนรู้ 19 ที่พระเจ้าโกรธก็เพราะ เรื่องที่คนจะรู้เกี่ยวกับพระเจ้าได้นั้น คนก็เห็นอย่างชัดเจนแล้ว เพราะพระเจ้าได้เปิดเผยให้มันเห็นชัดเจนอยู่แล้ว 20 นับตั้งแต่วันแรกที่สร้างโลกนี้มา คุณสมบัติต่างๆของพระเจ้าที่ไม่สามารถมองเห็น เช่นฤทธิ์อำนาจที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย หรือความเป็นพระเจ้าของพระองค์ มนุษย์เห็นได้ชัดเจนเพราะเขาสามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้จากสิ่งต่างๆที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา นี่เป็นเหตุผลที่มนุษย์จึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย 21 เพราะเขารู้เรื่องพระเจ้า แต่ไม่ได้ยกย่องพระองค์เป็นพระเจ้าของเขา และไม่ขอบคุณพระองค์ด้วย แต่พวกเขากลับสนใจสิ่งต่างๆที่ไร้ค่า และจิตใจของเขาที่ขาดความเข้าใจก็มืดมนไป 22 ถึงแม้พวกเขาอ้างว่าเป็นคนฉลาด แต่กลับกลายเป็นคนโง่ไป 23 เพราะเขาได้เอาความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ไม่มีวันตายนี้ ไปแลกกับรูปปั้นที่ทำขึ้นมาเป็นรูปของมนุษย์ที่ต้องตาย หรือรูปนกต่างๆ หรือสัตว์สี่เท้า หรือสัตว์เลื้อยคลาน

24 พระเจ้าจึงปล่อยให้มนุษย์ทำสิ่งชั่วช้าลามก ตามกิเลสตัณหาที่อยู่ในใจของพวกเขา เขาจึงทำผิดทางเพศ ใช้ร่างกายของกันและกันอย่างน่าละอาย 25 พวกเขาเอาความจริงของพระเจ้ามาแลกกับความเท็จ พวกเขาบูชาและรับใช้สิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา แทนที่จะบูชาและรับใช้พระเจ้าผู้สร้างสิ่งเหล่านั้น พระองค์สมควรได้รับการสรรเสริญตลอดไป อาเมน

26 ดังนั้นพระเจ้าจึงปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ภายใต้กิเลสตัณหาอันน่าละอาย พวกผู้หญิงแทนที่จะมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติแต่กลับทำให้มันผิดธรรมชาติไป 27 ส่วนพวกผู้ชายก็เหมือนกัน แทนที่จะมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงตามธรรมชาติ กลับไปเผาผลาญไฟราคะด้วยกันเอง ผู้ชายกับผู้ชายทำสิ่งที่น่ารังเกียจต่อกัน นี่แหละเป็นผลกรรมที่พวกเขาได้รับเพราะทิ้งความจริงไป

28 พวกเขาเห็นว่าการรู้จักพระเจ้านั้นไร้ค่า พระเจ้าก็เลยปล่อยให้เขามีความคิดที่ไร้ค่า และทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ 29 มนุษย์จึงเต็มไปด้วยความผิดทุกอย่าง ความชั่วร้าย ความโลภ การปองร้าย ความอิจฉาริษยา การฆ่าฟัน การทะเลาะวิวาท การหลอกลวง การเกลียดชัง การซุบซิบนินทา 30 การพูดส่อเสียด การเกลียดชังพระเจ้า ความหยาบคาย ความเย่อหยิ่งจองหอง การอวดตัว การคิดค้นวิธีทำชั่วแบบใหม่ๆ การไม่เชื่อฟังพ่อแม่ 31 การเป็นคนโง่ ไม่รักษาคำพูด ไม่มีความรัก และขาดความเมตตา 32 ทั้งๆที่รู้กฎเกณฑ์ของพระเจ้าว่าคนที่ทำสิ่งเหล่านี้สมควรตาย พวกเขาไม่ใช่แค่ทำเองเท่านั้น แต่ยังไปเห็นดีเห็นชอบกับคนอื่นที่ทำอย่างนั้นด้วย

พระเจ้าลงโทษอย่างยุติธรรม

คุณครับ คุณไม่มีข้อแก้ตัวหรอก เพราะเวลาที่คุณตัดสินคนอื่นนั้น ก็เท่ากับว่าคุณตัดสินตัวคุณเองด้วย เพราะคุณก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน ตอนนี้เรารู้แล้วว่าพระเจ้านั้นยุติธรรมที่ตัดสินโทษคนที่ทำอย่างนั้น คุณครับ คุณไปตัดสินโทษคนอื่นที่ทำอย่างนั้น แต่ตัวคุณกลับมาทำเสียเอง คุณคิดว่าจะหนีพ้นการลงโทษจากพระเจ้าหรือ คุณดูหมิ่นความกรุณาอันยิ่งใหญ่ และความอดทนอดกลั้นของพระองค์ และไม่สนใจว่าความกรุณาของพระองค์นั้น มีไว้สำหรับนำคุณให้กลับตัวกลับใจ[b] แต่เพราะคุณดื้อดึงไม่ยอมกลับตัวกลับใจ คุณจึงสะสมโทษไว้ให้กับตัวเอง เพื่อจะได้รับโทษนั้นในวันพิพากษา และในวันนั้นคุณก็จะได้เห็นว่าพระเจ้าตัดสินอย่างยุติธรรม พระเจ้าจะตอบแทนแต่ละคนตามสิ่งที่เขาได้ทำไป ส่วนคนที่ทำความดีอย่างไม่ย่อท้อเพื่อแสวงหาศักดิ์ศรี เกียรติยศ และชีวิตที่ไม่มีวันตาย พระเจ้าจะให้เขามีชีวิตกับพระองค์ตลอดไป ส่วนคนที่เห็นแก่ตัว และไม่ยอมทำตามความจริงแต่กลับทำชั่ว พระเจ้าก็จะตอบแทนด้วยความโกรธแค้น และจะลงโทษเขา มนุษย์ที่ทำชั่วจะได้รับความทุกข์ยากและความเจ็บปวดรวดร้าว โดยพวกชาวยิวจะได้รับก่อน จากนั้นก็เป็นพวกคนที่ไม่ใช่ยิว 10 แต่สำหรับทุกคนที่ทำความดีจะได้รับศักดิ์ศรี เกียรติยศ และสันติสุข โดยพวกชาวยิวจะได้รับก่อน ต่อไปก็พวกที่ไม่ใช่ยิว 11 เพราะพระเจ้าไม่ลำเอียง

12 สำหรับคนที่อยู่นอกกฎ เมื่อเขาทำบาปก็จะถูกทำลายโดยไม่ต้องอ้างกฎ ส่วนคนที่อยู่ใต้กฎ เมื่อทำบาปก็จะถูกลงโทษตามกฎนั้น 13 ไม่ใช่แค่ได้ยินกฎ พระเจ้าก็ยอมรับแล้ว แต่ต้องทำตามกฎด้วย พระเจ้าถึงจะยอมรับ 14 พวกคนที่ไม่มีกฎของโมเสสเพราะพวกเขาไม่ได้เกิดมาเป็นคนยิว แต่ได้ทำตามสิ่งที่กฎนั้นบอกเอาไว้ ก็แสดงว่าพวกเขามีกฎนั้นอยู่ในตัวเอง 15 คนพวกนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่กฎบอกให้ทำนั้น มีเขียนไว้ในใจของพวกเขา ดูได้จากใจที่ฟ้องถูกผิดของเขา และความคิดที่ต่อสู้กันอยู่ในใจระหว่างโทษตัวเองกับการแก้ตัว 16 ทั้งใจที่ฟ้องถูกผิด และความคิดที่ต่อสู้กันอยู่ในใจนี้ จะเป็นพยานถึงเรื่องนี้ ในวันที่พระเจ้าตัดสินความลับต่างๆของมนุษย์ ผ่านทางพระเยซูคริสต์ ข่าวดีที่ผมได้ประกาศนั้นบอกไว้อย่างนี้

พวกยิวและกฎ

17 ถ้าคุณเรียกตัวเองว่าเป็นยิว ตัวเองพึ่งในกฎของพระเจ้า โอ้อวดเรื่องพระเจ้า 18 รู้ว่าพระเจ้าต้องการให้คุณเป็นคนอย่างไร พระเจ้าต้องการอะไร สามารถแยกแยะออกว่าเรื่องไหนสำคัญที่สุด เพราะคุณได้เรียนรู้มาแล้วจากกฎนั้น 19 ถ้ามั่นใจว่าตัวเองเป็นคนนำทางให้คนตาบอด เป็นแสงสว่างให้คนที่อยู่ในความมืด 20 เป็นคนชี้แนะคนโง่ และเป็นครูสอนคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ที่คุณมั่นใจอย่างนี้เพราะในกฎนั้นมีความรู้และความจริงในรูปแบบที่เข้าใจง่าย 21 ถ้าอย่างนั้น ทำไมถึงไม่สอนตัวเองบ้าง ดีแต่สอนคนอื่น คุณสอนคนอื่นว่าอย่าขโมย แล้วทำไมคุณจึงขโมยเสียเอง 22 คุณสอนว่าอย่ามีชู้ แล้วทำไมคุณมีชู้เสียเอง คุณเกลียดชังรูปเคารพ แล้วทำไมคุณไปปล้นวัดเสียเอง 23 คุณอวดว่ากฎของพระเจ้าดี แต่คุณฉีกหน้าพระเจ้าเพราะไม่ทำตามกฎนั้น 24 เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “คนที่ไม่ใช่ยิวต่างก็พากันดูหมิ่นพระเจ้าก็เพราะพวกคุณ”[c]

25 ถ้าคุณทำตามกฎจริงๆ ที่คุณทำพิธีขลิบก็มีค่า แต่ถ้าคุณไม่ทำตามกฎ ถึงคุณจะขลิบไปแล้วก็เหมือนกับไม่ได้ขลิบนั่นแหละ 26 แต่ถ้าคนไหนที่ไม่ได้ขลิบ แต่ว่าทำตามกฎ พระเจ้าก็ถือว่าเขาได้ทำพิธีขลิบแล้ว 27 ดังนั้นคนเหล่านั้นที่ไม่ได้เกิดมาเป็นคนยิวและไม่ได้ทำพิธีขลิบ แต่ทำตามกฎจะทำให้เห็นว่าพวกคุณนั้นมีความผิด เพราะพวกคุณมีกฎที่เขียนไว้และทำพิธีขลิบ แต่กลับไม่ทำตามกฎเสียเอง

28 เพราะคนที่เป็นยิวแต่เปลือกนอกนั้น ไม่ถือว่าเป็นยิวแท้ๆ เหมือนกับคนที่ทำพิธีขลิบแต่เปลือกนอกก็ไม่ถือว่าเป็นพิธีขลิบที่แท้จริง 29 แต่คนยิวแท้ๆคือคนที่เป็นยิวจากภายใน มนุษย์ได้รับพิธีขลิบที่แท้จริงในจิตใจจากพระวิญญาณ มันไม่ใช่การผ่าตัดที่มนุษย์ทำกันเพื่อทำตามรายละเอียดที่เขียนไว้ในกฎ คนอย่างนี้ได้รับเกียรติจากพระเจ้า ไม่ใช่จากมนุษย์

ถ้าอย่างนั้น การเป็นยิวนั้นได้เปรียบตรงไหนหรือ ทำพิธีขลิบนั้นดีตรงไหนหรือ ดีแน่นอน มันมีประโยชน์มากในทุกเรื่อง เรื่องแรกคือ พระเจ้ามอบถ้อยคำของพระองค์ให้กับพวกยิว ถ้าคนยิวบางคนไม่ซื่อสัตย์กับพระองค์ พระเจ้าจะไม่ซื่อสัตย์ไปด้วยหรือ ไม่มีทาง ถึงแม้มนุษย์จะโกหกกันหมด พระองค์ก็ยังซื่อสัตย์ตลอดไป เหมือนกับที่พระคัมภีร์ ได้เขียนไว้ว่า

“เมื่อพระองค์พูด ปรากฏว่าพระองค์ถูก
    และเมื่อศาลตัดสินคดีของพระองค์ พระองค์ก็จะชนะ”[d]

เราจะพูดอย่างไรดี ถ้าการที่เราทำผิดทำให้เห็นความดีของพระเจ้าเด่นชัดขึ้น จะว่าพระเจ้าไม่ยุติธรรมที่ลงโทษพวกเราหรือ (ผมพูดแบบคนทั่วๆไปนะ) ไม่มีทาง เพราะถ้าพระเจ้าไม่ยุติธรรม แล้วพระองค์จะมาตัดสินคนทั้งโลกได้อย่างไร แต่คุณอาจจะเถียงว่า “ถ้าการที่ผมไม่ซื่อสัตย์นั้นทำให้เห็นความซื่อสัตย์ของพระองค์เด่นชัดขึ้น และทำให้พระองค์ได้รับเกียรติด้วย แล้วยังจะมาลงโทษผมอีกทำไม” ทำไมคุณไม่พูดอย่างนี้เสียเลยว่า “มาทำชั่วกันเถอะ ความดีจะได้เกิดขึ้น” (เหมือนกับที่มีบางคนใส่ร้ายเรา หาว่าเราพูดอย่างนั้น) สมควรแล้วที่คนพวกนั้นจะถูกลงโทษ

มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป

ถ้าอย่างนั้นจะว่าอย่างไร พวกเราคนยิวได้เปรียบกว่าคนที่ไม่ใช่ยิวอย่างนั้นหรือ ไม่เลย เพราะเราบอกไปแล้วว่า ทั้งคนยิวและคนที่ไม่ใช่ยิวก็อยู่ใต้อำนาจของบาปกันทั้งนั้น 10 เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า

“ไม่มีใครทำตามใจพระเจ้าเลย ไม่มีเลยสักคนเดียว
11 ไม่มีใครเลยที่เข้าใจ
    ไม่มีใครเลยที่แสวงหาพระเจ้า
12 ทุกคนหันหน้าหนีไปจากพระองค์
    ทุกคนกลายเป็นคนไร้ค่า
ไม่มีใครมีน้ำใจ ไม่มีเลยสักคนเดียว”[e]

13 “ลำคอของพวกเขาเหมือนหลุมศพที่เปิดอยู่
    ลิ้นของพวกเขาชอบหลอกลวง”[f]

“ริมฝีปากของพวกเขาอาบด้วยพิษงูร้าย”[g]

14 “ปากของพวกเขาเต็มไปด้วยคำแช่งด่าและคำพูดที่ขมขื่น”[h]

15 “เท้าของพวกเขารีบวิ่งไปฆ่าคน
16 เขาไปไหน ก็ทำลายทุกอย่างจนหมด และสร้างความทุกขเวทนาที่นั่น
17 พวกเขาไม่รู้จักทางแห่งสันติสุข”[i]

18 “เขาไม่เคยคิดที่จะเกรงกลัวพระเจ้าเลย”[j]

19 เรารู้แล้วว่า ทุกอย่างที่กฎบอก ก็เพื่อบอกกับคนที่อยู่ภายใต้กฎนั้น เพื่อปิดปากทุกคนไม่ให้มีข้อแก้ตัว และเพื่อทุกคนในโลกจะต้องอยู่ภายใต้การตัดสินของพระเจ้า 20 ไม่มีใครหรอกที่พระเจ้าจะยอมรับเนื่องจากทำสิ่งที่กฎบอกให้ทำ เพราะกฎนั้นมีไว้ชี้ให้เราเห็นถึงความบาปของตัวเอง

พระเจ้าซื่อสัตย์และทำในสิ่งที่ถูกต้อง

21 แต่ตอนนี้ พระเจ้าได้เปิดเผยให้เห็นว่าพระองค์นั้นซื่อสัตย์และทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ โดยไม่เกี่ยวข้องกับกฎเลย แต่ว่าทั้งกฎและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้เป็นพยานถึงความซื่อสัตย์ของพระองค์ 22 พระเจ้าทำให้เราเห็นว่าพระองค์นั้นซื่อสัตย์ และทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ พระองค์ทำอย่างนี้ผ่านทางความซื่อสัตย์ของพระเยซูคริสต์[k] เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆคนที่ไว้วางใจ ไม่มีใครแตกต่างกันเลย 23 เพราะทุกคนทำบาปเหมือนกันหมด และเสื่อมจากพระบารมีของพระเจ้า[l] 24 พระเจ้ามีความเมตตากรุณาและพระองค์ยอมรับทุกคนมาเป็นคนของพระองค์โดยไม่คิดมูลค่า และเพราะสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้ทำ พระเจ้าได้ปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระจากการเป็นทาสของบาป 25 พระเจ้าให้พระเยซูคริสต์เป็นเครื่องบูชาเพื่อจัดการกับบาป ที่พระเจ้าทำอย่างนี้ได้ก็เพราะพระเยซูนั้นซื่อสัตย์ และยอมที่จะหลั่งเลือดและตาย พระเจ้าให้พระเยซูเป็นเครื่องบูชา เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระองค์นั้นซื่อสัตย์และทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ เพราะพระองค์อดทน และไม่ได้ลงโทษคนที่ทำบาปในอดีต 26 นอกจากนี้พระเจ้ายังต้องการแสดงให้เห็นในปัจจุบันนี้ว่าพระองค์นั้นซื่อสัตย์และทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ และพระองค์ยอมรับคนที่มีส่วนรวมในความไว้วางใจของพระเยซู

27 ทีนี้จะเหลืออะไรให้อวดอีก ไม่เหลืออะไรแล้ว ทำไมล่ะ เป็นเพราะกฎข้อไหนหรือ เป็นเรื่องให้ทำตามกฎหรือเปล่า ไม่ใช่เลย แต่เป็นเรื่องของความไว้วางใจต่างหาก 28 เพราะเรารู้ว่าการที่พระเจ้าจะยอมรับใครนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาทำตามสิ่งต่างๆที่กฎบอกให้ทำหรือเปล่า แต่ขึ้นอยู่กับการไว้วางใจของเขา

29 พระเจ้าเป็นของคนยิวเท่านั้นหรือ พระองค์เป็นของคนที่ไม่ใช่ยิวด้วยไม่ใช่หรือ ใช่แล้ว พระองค์เป็นพระเจ้าของคนที่ไม่ใช่ยิวด้วย 30 เนื่องจากมีพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ถ้าพระเจ้ายอมรับคนที่ทำพิธีขลิบ เพราะเขาไว้วางใจพระองค์ พระเจ้าก็จะยอมรับคนที่ไม่ได้ทำพิธีขลิบเพราะเขาไว้วางใจพระองค์ด้วยเหมือนกัน 31 ถ้างั้นเรากำลังจะเอาเรื่องความไว้วางใจนี้มายกเลิกกฎอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง แต่เรากำลังสนับสนุนกฎต่างหาก

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International